ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 09 Aug 2009
ตอบ: 23199
ที่อยู่: Anfield,Liverpool
โพสเมื่อ: Mon Apr 17, 2017 4:55 pm
[สาระ] [ฉ20+]15 วิธีคุมกำเนิดที่คุณเลือกได้
15 วิธีคุมกำเนิด... ที่คุณเลือกได้

การคุมกำเนิดไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงฝ่ายเดียว ผู้ชายก็ช่วยคุมกำเนิดได้ ซึ่งมีทั้งวิธีธรรมชาติและอาศัยเทคโนโลยี แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดด้วย

ทั้งนี้ การคุมกำเนิดมีหลายวิธี ซึ่งบางคนอาจรู้จักแค่ยาคุมกำเนิดกับถุงยางอนามัย แต่ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีคุมกำเนิดหลากหลายวิธีให้เลือกทั้ง โดยวิธีธรรมชาติและอาศัยเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยแต่ละวิธีก็มีความปลอดภัยมากน้อยต่างกัน และมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ดังนั้น นพ.วิสิทธิ์ สภัครพงษ์กุล กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลราชวิถี จึงให้ความกระจ่างดังนี้




1. ถุงยางอนามัย เป็นวิธีคุมกำเนิดที่เก่าแก่ที่สุด และยังเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ความปลอดภัยในการคุมกำเนิดก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้กระนั้นก็ตามก็ยังมีคนใช้ผิดวิธีหรือใช้ถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพต่ำหรือหมดอายุที่พบบ่อยคือการสวมถุงยางอนามัยตอนใกล้จะหลั่งคือไม่ใช้ตั้งแต่ต้นก็จะเกิดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้เนื่องจากน้ำหล่อลื่นในช่วงแรกก็อาจมีเชื้ออสุจิออกมาแล้ว

2. ยาคุมกำเนิด มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและเจสตาเจน (Gestagen) ฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้จะป้องกันไม่ให้ไข่ตก และเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกให้ไม่เหมาะแก่การฝังตัว ทั้งนี้ต้องกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์และหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ที่จะมีประจำเดือนในช่วงนั้นวิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก และยังช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ด้วยแต่อาจทำให้ผู้หญิงที่สูบบุหรี่เกิดโรคโลหิตหรือน้ำเหลืองคั่งได้ทำให้อารมณ์เพศลดลง และอาจทำให้ผู้หญิงเกิดโรคลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด(Deep Vein Thrombosis DVT) ซึ่งพบบ่อยในชาวตะวันตกปัจจุบันเริ่มพบมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงเริ่มเปลี่ยนไปแบบตะวันตก เช่น กินอาหารแบบตะวันตก และออกกำลังกายน้อยลง


3. ยาคุมกำเนิด Desogestrel และ Levonorgestrel มีเพียงฮอร์โมนเจสตาเจนเท่านั้น ที่จะป้องกันไม่ให้ไข่ตกและป้องกันไม่ให้สเปิร์มผ่านเข้าไปในมดลูกซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากและยังช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนด้วยแต่ต้องกินยานี้ทุกวัน ข้อเสียคือ ทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยในระยะแรกของการใช้ ส่วนมากจะใช้ในกรณีตลอดบุตรใหม่ ๆและต้องการให้นมบุตรแต่ถ้าเราใช้ยาคุมกำเนิดทั่ว ๆไปที่รวมเจสตาเจนและโปรเจสเตอโรน (ดีในแง่ของการยับยั้งการตกไข่)ก็มีข้อเสียคือทำให้น้ำนมน้อยลง จึงควรใช้ยาคุมกำเนิด Desogestrelซึ่งมีเจสตาเจนอย่างเดียว คือทั้ง Desogestrel และ Levonorgestrelเป็นกลุ่มเจสตาเจนในระยะแรก จะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยสักระยะหนึ่งแล้วก็หายอาจใช้ในกรณีหลังคลอดบุตรใหม่ ๆ และต้องการให้นมบุตร

4. ยาคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ เป็นยาที่มีความแรงของตัวยาและต้องให้แพทย์สั่งในกรณีฉุกเฉิน เช่นมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจไม่ได้ป้องกันหรือมีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ที่มีไม่พึงปรารถนา ยานี้ต้องกินภายใน 72ชม. หลังการมีเพศสัมพันธ์ยิ่งกินยาได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะปลอดภัยมากเท่านั้นวิธีคุมกำเนิดวิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้เพราะเนื่องจากจะมีอากรข้างเคียงมาก อีกทั้งประสิทธิภาพไม่ดีพออาการข้างเคียงก็อย่างเช่น ทำให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้


5. คุมกำเนิดแบบฉีด 3 เดือน เป็นยาฉีดที่มีฮอร์โมนเจสตาเจนโดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่สะโพก หรือต้นแขนมีผลควบคุมไม่ให้ตั้งครรภ์ได้ 3เดือน มีความปลอดภัยในการคุมกำเนิดสูง และช่วยลดอาการปวดท้องระหว่างมีรอบเดือน แต่เป็นยาที่มีฮอร์โมนสูง จึงต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ยานี้เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ระยะแรกของการฉีดอาจมีประจำเดือนกะปริดกะปรอยแต่ไม่เป็นอันตราย เมื่อฉีดไปสักระยะ อาจไม่มีประจำเดือนเลยซึ่งทั้งสองอาการนี้ไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆเป็นอาการที่พบได้จากการใช้วิธีนี้


6. ฝังไว้ที่ผิวหนัง มีลักษณะเป็นแท่งพลาสติก มีขนาดเท่าไม้ขีด มีฮอร์โมนเจสตาเจนโดยใช้การใส่เข้าไปที่ต้นแขนใต้ผิวหนังของผู้หญิงป้องกันไข่ตกและป้องกันไม่ให้สเปิร์มเข้าไปในรังไข่ หลังจาก 3 ปีก็ให้แพทย์เอาออก เป็นวิธีที่ปลอดภัยแต่วิธีนี้อาจทำให้มีแผลเป็นเล็ก ๆและมีเลือดออกกะปริดกะปรอยในระยะแรกเมื่อใช้ไประยะหนึ่งก็จะหาย

7. การใส่ห่วง เป็นห่วงที่ทำจากพลาสติกขนาดเล็กและมีขดลวดทองแดงเล็กๆ (Copper-T)พันรอบห่วง ใช้สำหรับคุมกำเนิดอย่างเดียวโดยผู้หญิงจะใส่ห่วงในช่วงมีรอบเดือน เพราะใส่ง่าย มีอายุคุมกำเนิดได้ถึง 5ปี เป็นห่วงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและเจสตาเจนน้อย สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปีและอาจพบแพทย์ระยะแรกเพื่อตรวจห่วงมีจำหน่ายในประเทศเยอรมนีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2003ส่วนห่วงอีกชนิดหนึ่งเป็นห่วงที่มีฮอร์โมนเจสตาเจนใช้ได้ทั้งคุมกำเนิดลดอาการปวดประจำเดือนและอาการประจำเดือนมามากที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของมดลูกบางชนิด

8. การวัดฮอร์โมนตกไข่ เป็นวิธีทดสอบปัสสาวะของผู้หญิง โดยการใช้แท่งตรวจจุ่มลงไปในปัสสาวะเพื่อตรวจสอบฮอร์โมนในปัสสาวะและคำนวณวันที่ไข่จะตกแต่เป็นวิธีที่ไม่ค่อยปลอดภัย เพราะวัดเพียงไม่กี่วันของแต่ละเดือนส่วนใหญ่ใช้ในกรณีต้องการมีบุตรมากกว่าคือรู้วันตกไข่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ให้ตรงวัน

9. การวัดอุณหภูมิ เพื่อความมั่นใจในการคุมกำเนิด จำเป็นต้องหมั่นวัดอุณหภูมิร่างกายทุกวันในช่วงเวลาเดียวกันและในตำแหน่งเดิม เพื่อจะได้รู้วันไข่ตกที่แน่นอนเพราะในระยะหนึ่งถึงสองวันหลังไข่ตก อุณหภูมิของร่างกายจะขึ้นสูงมากกว่า0.2 องศา ซึ่งนั่นก็คือเป็นที่ปลอดภัย ข้อดีก็คือไม่เจ็บปวดและประหยัด ข้อเสียคือ เหมาะสำหรับผู้หญิงมีรอบเดือนสม่ำเสมอและไม่มีไข้เท่านั้น

10. นับวันจากปฏิทิน เป็นวิธีที่ผู้หญิงต้องมีปฏิทินประจำตัว เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกเหมาะกับผู้หญิงที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอ (28 วัน)แต่ช่วงไข่ตกก็ต้องใช้วิธีอื่นคุมกำเนิด โดยเฉลี่ยของการผิดพลาดคือ 9คนจาก 100 คนที่พลาดจนเกิดการตั้งครรภ์

11. สังเกตมูกจากปากมดลูก เป็นวิธีคุมกำเนิดอย่างธรรมชาติและเป็นวิธีที่ประหยัดโดยผู้หญิงต้องสังเกตมูกตกขาวจากปากมดลูก (Cervical Mucus)ทุกวันและจดโน้ตไว้เพื่อดูวันที่ไข่ตก และในระหว่างที่มีการตกไข่ก็ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น แต่อาจคลาดเคลื่อนได้หรือแปลผลผิด เช่นในกรณีที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบของช่องคลอด

12. วิธีคุมกำเนิดแบบ Sympto Thermal เป็นวิธีคุมกำเนิดอย่างธรรมชาติ โดยการผสมผสานระหว่างอุณหภูมิและการสังเกตมูกตกขาววิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยถ้าผู้หญิงหมั่นสังเกตตัวเองแต่ถ้ามีไข้หรือมีการอักเสบของช่องคลอด ก็จะทำให้แปลผลผิดได้และระหว่างวันที่ไข่ตกก็จะต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย

13. Coitus lnterruptus เป็นวิธีที่ฝ่ายชายหลั่งอสุจิข้างนอกหลังการมีเพศสัมพันธ์ แต่สเปิร์มอาจเล็ดลอดออกไปได้ก่อนหน้านั้น จึงไม่แนะนำเพราะไม่ปลอดภัยจากสถิติผู้หญิง 100 คน มีจำนวน 4-18 คนที่ผิดพลาดจนตั้งครรภ์ด้วยวิธีนี้

14. การทำหมันชาย วิธีนี้ใช้การผ่าตัดเพียงนิดเดียวในผู้ชายเพื่อตัดท่ออสุจิ เหมาะกับผู้ชายที่ไม่ต้องการมีลูกอีก ป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูง

15. การทำหมันหญิง คือกรรมวิธีการตัดบางส่วนหรือแยกท่อนำไข่ออกจากกันทั้ง 2 ข้างทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ การแก้ไขเพื่อให้ท่อนำไข่สู่ภาวะปกติก็ทำได้แต่ค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้องอาศัยการผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์

ข้อแนะนำจาก นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล

อย่างไรก็ตามมันก็เป็นข้อมูลเบื้องต้น เพื่อสื่อสารถึงผู้หญิงไทยในการคุมกำเนิดด้วยวิธีใดที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ร่วมด้วยมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ตัวเองเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหนวิธีคุมกำเนิดต่าง ๆ มีหลายวิธีหลังจากเราได้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว จะได้เลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เศรษฐกิจสังคมของตัวเอง

อย่างไรก็ตามก็ควรปรึกษาแพทย์ว่าวิธีคุมกำเนิดนั้นๆเหมาะสมกับสภาพร่างกายหรือไม่ รวมทั้งระบบรอบเดือนด้วยที่สำคัญคือการคุมกำเนิด ต้องเป็นการ่วมมือระหว่างสามีภรรยามากกว่าการทำเพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะถ้ายังอยู่ในช่วงวัยที่ไม่พร้อม ดังนั้นความเข้าใจเรื่องการคุมกำเนิดหรือป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เป็นความรู้ที่ควรมีและต้องนำไปปฏิบัติให้ได้ผล

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Kapook.com
เข้าร่วม: 07 Nov 2009
ตอบ: 6898
ที่อยู่: San Siro, Milan
โพสเมื่อ: Mon Apr 17, 2017 5:09 pm
[RE: [สาระ] [ฉ20+]15 วิธีคุมกำเนิดที่คุณเลือกได้]
16. ตัดหรรมฝ่ายชาย

0
0
Sasssssssshiiiiiiii

via GIPHY

เข้าร่วม: 15 Sep 2010
ตอบ: 6781
ที่อยู่: อยู่ในปาร์ตี้ร้อนดั่งกับไฟเยอร์
โพสเมื่อ: Mon Apr 17, 2017 5:16 pm
[RE: [สาระ] [ฉ20+]15 วิธีคุมกำเนิดที่คุณเลือกได้]
17.ว่าว
0
0
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 7903
ที่อยู่: ดาวพลูโต
โพสเมื่อ: Mon Apr 17, 2017 5:20 pm
[RE: [สาระ] [ฉ20+]15 วิธีคุมกำเนิดที่คุณเลือกได้]
ไม่ซั่มครับ กิน เที่ยว กันอย่างเดียว ผมสายสว่าง

จริงๆกลับเค้าเอาจริง จับแต่งมางานหยาบเลย
0
0
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป๙