บทสัมภาษณ์ล่าสุดของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่กล่าวถึงผลงานของนักเตะ “ช้างศึก” กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเลยทีเดียวเพราะถึงขั้นใช้คำว่า “งอมือ งอตีน” !!!

“บิ๊กอ๊อด” โมโหไม่สบอารมณ์อย่างมาก ประกาศแบบเสียงดังฟังชัดว่า “อาย” ที่ทีมชาติไทยไปแพ้ในระดับเอเชียถึง 0-3 หรือ 0-4 และหากตัวเองงอมืองอตีนอยู่เฉยๆปล่อยให้เป็นอย่างนี้ในวาระทำงานที่เหลืออีก 3 ปีก็ขอลาออกดีกว่า

ระเบิดลูกนี้รุนแรงครับ บรรดา “กองเชียร์” และ “กองแช่ง” ของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จึงวิพากษ์วิพากษ์ไปต่างๆนาๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น 1 วันตอนเดินทางกลับถึงไทยกุนซือ “ช้างศึก” ยังบอกว่าคุยกับ “บิ๊กอ๊อด” แล้วแท้ๆ

น่าแปลกตรงนี้ละครับ “ซิโก้” กลับมาถึงก่อนแล้วบอกทำนองว่า “บิ๊กอ๊อด” สั่งให้ลุยต่อใน 3 นัดที่เหลือ แต่วันถัดมานายกสมาคมฟุตบอลฯกลับบอกยังไม่ได้คุย กลายเป็นว่าทั้ง 2 คนพูดไม่ตรงกันอีกแล้ว !!!

เรื่องนี้เท่าที่สืบมาสายข่าวระบุตรงกันว่า “บิ๊กอ๊อด” ไม่ปลื้มคำสัมภาษณ์ของ “ซิโก้” ที่ว่าคุยกันแล้วนั้นล่ะ เพราะจริงๆแล้วยังไม่ได้คุย นายกลูกหนังไทยเลยจัดหนักจัดเต็มออกสื่ออย่างที่เห็น

ส่วนบทสรุปสุดท้ายจะจบอย่างไรยังไม่มีข่าวหลุดรอดออกมา แต่จากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องบอกว่าเข้าคำพังเพย “ขิงก็ร่า ข่าก็แรง” คือแรงทั้งคู่ “บิ๊กอ๊อด” นี่สไตล์อดีตนายตำรวจใหญ่ไม่กลัวใครหน้าไหน ส่วน “ซิโก้” ออกแนว “อีโก้” สูงปรี๊ดมีความมั่นใจตัวเองไม่ยอมใครง่ายๆ

คำถามคือ…..แล้วจะทำงานด้วยกันรอดมั้ย ?

สถานการณ์ถึงตรงนี้ไม่มีใครตอบได้ทั้งนั้นละครับ ฟุตบอลไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าดูจากองค์ประกอบหลายๆอย่างเชื่อว่าน่าจะไปไม่รอด อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็ว ว่ากันว่าตอนนี้อยู่ที่ใครจะเดินหมากเพลี่ยงพล้ำก่อนเท่านั้น !!!

แม้ “ซิโก้” จะอยู่ในช่วง “ขาลง” กลายเป็น “เทวดาตกสวรรค์” ที่ถูกวิพากษ์ยับ แต่คนที่รักและสนับสนุนอดีตศูนย์หน้าจอมตีลังกายังมีอยู่เยอะแยะมากมาย ดังนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่น่าที่จะกล้า “ปลด” ในห้วงเวลานี้

สำคัญที่สุดคือ “สัญญา” ของทั้ง 2 ฝ่ายยังมีไปจนจบฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ที่นักเตะ “ช้างศึก” ยังมีคิวเตะอีก 3 นัด ดังนั้นการจะบอกเลิกกันก่อนต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ

ตัวของ “ซิโก้” เองก็คงไม่ลาออกเองแบบง่ายๆ ไม่งั้นคงบ๊ายบายไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้มีหลายจังหวะที่น่าจะแยกทางกันหรือไม่ต่อสัญญากันแบบหลายๆคนลุ้น แต่สุดท้ายจรดปากกาต่อสัญญาทำงานร่วมกันอีก

แต่ก็นั้นละครับฟุตบอลไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นอะไรๆจึงไม่แน่ไม่นอน ทว่าท้ายที่สุดแล้วยังเชื่ออยู่ดีว่าเวลาของ “ซิโก้” กับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทยน่าจะเหลือไม่มาก มากที่สุดคือ 3 นัดที่เหลือจบแล้วก็จบกัน

โอกาสเดียวที่จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ “ซิโก้” ต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่พิสูจน์ตัวเองให้ดีกว่านี้ เพราะ 7 นัดที่ผ่านมา “ช้างศึก” เก็บได้แค่ 1 แต้มและเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ชนะใครในรอบนี้มันแสดงให้เห็นชัดว่า “มือไม่ถึง”

ผลงานอย่างนี้จึงไม่แปลกที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกถามว่า “ไหวมั้ย ?”

การวิพากษ์ผลงานของ “ซิโก้” และทีมชาติไทยไม่ได้หมายความว่าไม่รักชาติ แล้วอย่าหลงประเด็นว่าเป็นเพราะความพ่ายแพ้นัดล่าสุดต่อ ญี่ปุ่น 0-4 ที่ไซตามะ เพราะใครๆก็เข้าใจว่ามาตรฐานต่างกัน แต่เหตุมันเกิดจากภาพรวมทุกๆนัด

แฟนบอลหรือใครต่อใครไม่ได้วิพากษ์หรือต่อว่าที่ตัวนักฟุตบอลและทีมชาติไทย แต่จากการสัมภาษณ์ของ “ซิโก้” หลายๆครั้งที่มักเอ่ยถึงเรื่องนี้น่าจะเข้าใจผิดมากกว่า เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่หลายๆคนสวดและต่อว่าคือตัวโค้ช

ไม่ต้องลงรายละเอียดถึงสไตล์การทำทีมของ “ซิโก้” มากมายแล้วครับ เขียนกี่ทีก็ย้ำทุกทีว่าถูกวิพากษ์มากในเรื่องความใส่ใจที่จะไปดูฟอร์มนักเตะในลีก ทำให้การเลือกตัวผู้เล่นออกมาค้านสายตาไม่ได้เลือกคนจากฟอร์มปัจจุบัน

ส่วนเรื่องแทกติกการเล่นคงไม่ขอก้าวก่ายมาก ไม่ใช่ “โปรไลเซนส์” มาจากไหน แต่ตามประสาคนดูบอลพอดูออกเหมือนกันว่าไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ จับทางได้ไม่ยากตั้งแต่การจัดตัวหรือเปลี่ยนตัวและวางระบบการเล่น

ทั้งหมดทั้งมวลมันเกิดจากการ “ทำการบ้าน” ที่ต้องใส่รายละเอียดไปเยอะๆ ตั้งแต่เลือกตัวผู้เล่น เจาะข้อมูลคู่แข่ง เตรียมวางกลยุทธ์แบบแผน รวมถึง “กึ๋น” ที่จะต้องไปต่อกรกับคู่แข่งระดับเอเชีย

หาก “ซิโก้” และทีมงานได้พยายามทำสิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างเต็มที่แล้ว เชื่อว่าผลแพ้หรือชนะเป็นเรื่องของเกมกีฬาที่ผู้คนยอมรับได้ ใครๆก็รู้ว่านี่คือเกมระดับเอเชียไม่ใช่เอาเซียน แต่จากที่เห็นและเป็นอยู่มันยังไม่น่าจะใช่

ไหนเลย “ซิโก้” จะมีปัญหาเรื่องนอกสนามหรือคนรอบข้างมากวนใจอีก แว่วว่าที่ญี่ปุ่นนัดล่าสุดมีเหตุที่ทำให้ไม่เป็นที่ปลื้มของ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อีกแล้ว รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปกลายเป็น “ขาเหวี่ยง” เลยทำให้กระแสตกฮวบ

สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ “ซิโก้” ตกอยู่ในสภาวะอย่างที่เป็นอยู่ ตอนนี้จึงเป็นคำถามว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไปดี จะหา “ทางลง” อย่างไรให้สวย หรือจะลุยต่อในช่วงเวลาที่เหลือเพื่อสยบคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ

ไม่มีใครเถียงครับและต้องยกย่องด้วยว่า “ซิโก้” คือโค้ชคนไทยที่พาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลไทย แต่กับเป้าหมายที่ก้าวไปให้ไกลกว่าที่เป็นอยู่น่าจะเป็นคนละประเด็นและคนละเรื่องเดียวกัน

อย่าหลงประเด็นว่าต่อให้เอาโค้ชระดับโลกมาคุมทีมชาติไทยตอนนี้ก็ไม่ชนะญี่ปุ่น หรือไปฟุตบอลโลกไม่ได้ ทุกๆอย่างต้องใช้เวลาอยู่แล้ว สำคัญที่ว่าจะให้ใครนำพา ถ้าพาไปผิดทางมันก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที ต้องถามว่าตอนนี้เราไปถูกทางหรือไม่

ส่วนประเด็นที่ว่าถ้าไม่ใช่ “ซิโก้” เป็นโค้ชแล้วฟุตบอลไทยจะกลับสู่ยุคเดิมที่ไม่มีคนดู ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อเด็ดขาด และเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ไม่ได้ยึดติดที่ตัวบุคคล

ไม่ว่าใครจะอยู่ใครจะไปแต่ฟุตบอลไทยต้องก้าวเดินต่อไปและต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนคนก็ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงาน ผลของการทำงานถ้าดีต้องชม ห่วยต้องด่า ไม่ใช่เอาแต่ “อวย” ไม่งั้นคงไม่มีอะไรดีขึ้นมา

ข้อคิดจาก อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ บอกไว้ชัดเจนครับว่า “มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง”

“บับเบิ้ล”

เหมือนจะเคยเม้นไปแล้ว ว่า.. พวก...เล่นอะไรกัน

ต้องบอกว่าตายเพราะปากแท้ๆ

ลำพังแค่ผลงานการเรียกตัวผมก็แค่อารมณ์ฮึ่มๆนะ ก็ไม่ถึงกับขัดใจขนาดขับไล่ แต่ดูคำให้สัมภาษณ์แล้ว พี่จะไปไหนก็ไปเหอะ เพราะดูแล้วอีโก้สูงปรี๊ดดดดดดด ทะลุบรรยากาศโลก ยังไงก็ไม่เปลี่ยนแน่

สิ่งที่ทำให้ซิโก้พังมากๆในเวลานี้เหตุมาจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงเวลาที่ผ่านมาจริงๆ
ตอบคำถามสื่อได้ไม่ดีเอาซะเลย รวมถึงอีโก้ของตัวเองที่จะแสดงให้ผู้คนเห็นว่า จะเรียกตัวแบบนี้แหล่ะใครจะทำไม ถึงแม้ฟอร์มมันจะห่วยแค่ไหน แฟนบอลจะเรียกร้องแค่ไหนก็ตาม

ทำตัวเองทั้งนั้น

อย่าโทษใครเลย

น่าจะลงได้สวยๆ แบบไม่มีคนด่าแล้ว

กลายเป็นกระแสตีกลับ

จะโทษใครได้

ถ้าเป็นผมทำทีมแพ้จะนั่งนิ่งๆไม่ออกสื่อมากแล้วอีกสัก 1 อาทิตย์ค่อยประกาศลาออก ....

ตอนนี้เหมือนจะหาทางลงดีๆ สวยๆ คงลำบากแล้วละ เหมือนโยนระเบิดมาให้แฟนบอลกันกัด
แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี

แอบหวังลึกๆว่าให้เปลี่ยนไวๆเลย คนใหม่จะได้ลองงานสัก 3 เกมส์ใหญ่ ดีกวาเอาพี่เขาไปแบบมุขเดิมๆ

ข้อมูลจากประธานเทคนิค ได้เอาไปใช้ประโยชน์บ้างหรือเปล่าโค้ชชช
คือสงสัยมานานล่ะ

“มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง” ง่าย ๆ แต่ตรงใจฉิบ...(หาไม่เจอ)

1 ในเรื่องที่สมาคมฟุตบอลไม่ปลื้มคงเป็นเรื่องนั่งแท๊กซี่ เห็นแล้วรู้เลยว่าพยายามงัดข้อกับสมาคม เขามีรถไปรับแต่ทะลึ่งขึ้นแท๊กซี่แล้วเอามาโพสเฟสให้เป็นดราม่าจนสมาคมฟุตบอลไทยโดนด่าในช่วงแรกก่อนความจริงถูกเปิดเผยกลายเป็นนั่งคนละม้วน

จริงๆไม่ใช่พวกแอนตี้ซิโก้นะ แต่ถ้ามันทำกันแบบนี้ก็อยู่ลำบาก กัปตันเรือสั่งไปซ้ายคนคัดท้ายจะไปทางขวา สุดท้ายเดี๋ยวก็โดนสั่งเปลี่ยนตัวคนคัดท้ายเรือเอง

ประเทศไทยมันไม่เจริญ เพราะมัวแต่กัดกันเองเนี่ยแหละ
แทนที่จะมองออกไปข้างนอก ดันมามองแต่ข้างใน เอ็งอย่างโน้น เอ็งอย่างนี้
ใจไม่ใหญ่ ทำตัวอย่างกับผู้หญิง

ไม่ได้จะอวยนะแต่พี่บับเบิ้ลเขียนตรงใจทุกที

ถึงเวลาฟัง 99 บางทีจะรู้สึกขัดแต่งานเขียนออกมาเนี่ยถูกใจ

ผมว่าต้องลดทั้งคู่

เขียนดีมากครับ ตรงประเด็น

ตรงใจทุกอย่าง

เนื้อบทความบอกถึงว่า เกมกับญี่ปุ่น ไปทำเรื่องไม่ปลื้มกับสมาคมนี่เรื่องอะไรครับ เรื่องแท็กซี่หรือว่าเรื่องอื่นครับ อันนี้ไม่ได้ตามข่าวจริงๆ

สิ่งเดียวที่ซิโก้พลาดจริงๆคือ พาทีมชาติไทยมาถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายได้ ทั้งๆที่ศักยภาพ ยังไม่ถึง

งานนี้ โค้ชง้วง เชเฟอร์ โค้ชโช็ค มีสะใจ