หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2562 จะกระทบกับที่ดินในกรุงเทพที่ใช้ไม่สมประโยชน์กับราคา เช่นปั๊มน้ำมัน หอพัก คาร์แคร์ อพาร์ทเม้นต์

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจยกตัวอย่าง สถานีบริการนํ้ามัน เชลล์ บริเวณปากซอยสวนพลู ย่านสาทร เนื้อที่ กว่า 1 ไร่ ราคาตารางวาละ 2 ล้านบาท มูลค่าซื้อขาย 800 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา หรือครึ่งหนึ่งของราคาซื้อขาย คิดเป็นมูลค่ารวม 400 ล้านบาท เมื่อกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ ที่ดินตรงนี้ต้องเสียภาษีในอัตรา 2% ต่อปี หรือ ปีละ 8 ล้านบาท เชื่อว่าปั๊มนํ้ามันจะต้องย้ายออกนอกเมือง

เช่นเดียวกับที่ดินประเภทพาณิชย์กรรม อื่นๆ เช่น ห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร คาร์แคร์ บ้าน-คอนโดเช่า หอพัก อพาร์ทเม้นต์ โรงงาน โกดัง โรงแรม อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร อาจจะต้องขยับขึ้นราคาและผลักภาระให้ผู้บริโภค

ขณะที่บรรดานักธุรกิจรายใหญ่ที่ถือครองที่ดินไว้จำนวนมาก หรือแลนด์ลอร์ด ได้ปรับกลยุทธในการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยการนำไปทำการเกษตรที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า

นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี และราชธานีกรุ๊ป ยอมรับกับ ”ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ครอบครองที่ดิน 13,000 ไร่ ใช้วิธีนำที่ดินซึ่งซื้อสะสมไปทำเกษตร เช่นที่จังหวัดราชบุรี 2,000 ไร่ปลูกกล้วย และมะพร้าว ที่เกาะสมุย 600 ไร่ ปลูกมะพร้าว และพัฒนาวิลล่าซึ่งทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ดินที่พระนครศรีอยุธยา 3,000 ไร่ขณะนี้ให้เช่าทำนาไร่ละ 1 บาท ระยะยาว


http://www.springnews.co.th/th/2017/03/33693/


โครงสร้างภาษีที่ดินใหม่เริ่มใช้ ปี 2560 คาดรายได้ท้องถิ่นปีแรก 6.4 หมื่นล้าน – ที่ดินรกร้างถ้าไม่ทำประโยชน์ปรับใหม่ทุก 3 ปี

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. …. ซึ่งจะนำมาบังคับใช้แทน พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 และ พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามร่างกฎหมายที่เสนอนั้นไม่ใช่การเก็บภาษีใหม่ แต่เป็นการปรับปรุงการเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากขึ้น รวมทั้งมีรายได้เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการบริหารจัดการในเขตพื้นที่ของตน ก่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษี ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการถือครองทรัพย์สินได้อีกทางหนึ่ง

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ขั้นตอนต่อไปจะต้องส่งร่างกฎมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจทานถ้อยคำก่อนส่งร่างกฎหมายให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2560 และหลังจาก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีในปีแรกเพิ่มขึ้น 38,318 ล้านบาท ซึ่งรวมภาษีในปีแรกประมาณ 64,290 ล้านบาท (จากเดิมเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน-ภาษีบำรุงท้องที่ได้ 26,000 ล้านบาท)

อนึ่งการจัดเก็บภาษีที่เพิ่มสูงนั้น เนื่องจากเดิมที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้เก็บภาษี และต่อไปภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะปรับขึ้นทุก 3 ปี หากยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดิน



โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. ยกเลิกพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 และพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508

2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษี ได้แก่ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือเป็นผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของรัฐ

3. หน่วยงานจัดเก็บภาษี ได้แก่ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา โดยรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้จะเป็นของ อปท. ที่ทำหน้าที่จัดเก็บ

4. ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ได้แก่ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด

5. ฐานภาษี ได้แก่ มูลค่าทั้งหมดของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคิดคำนวณจากราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด ตามราคาประเมินทุนทรัพย์แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน




6. อัตราภาษีที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติจะเป็นอัตราสูงสุดที่จะจัดเก็บภาษีจากผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะจัดแบ่งอัตราภาษีดังกล่าวออกเป็น 3 กลุ่ม จำแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดิน คือ

1) กรณีใช้เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม ให้จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 0.2%

2) กรณีใช้เพื่อเป็นที่พักอาศัย ให้จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 0.5%

3) กรณีใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ (เช่น พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม เป็นต้น) ให้จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 2%

4) ในส่วนของที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน กำหนดอัตราภาษีสูงสุดในกฎหมายให้ อปท. เรียกเก็บภาษีสำหรับที่ดินดังกล่าวในอัตราไม่เกิน 5% ของฐานภาษี

7. อัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจริงจะกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา โดยกำหนดเป็นอัตราก้าวหน้าเพิ่มขึ้นตามมูลค่าของฐานภาษี ดังนี้

1) เกษตรกรรม ตั้งแต่ 0-0.1% ของฐานภาษี

2) ที่พักอาศัยหลัก ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่ 0.05-0.1% และที่พักอาศัยหลังอื่น ตั้งแต่ 0.03-0.3% ของฐานภาษี

3) ประเภทอื่น ๆ ตั้งแต่ 0.3-1.5% ของฐานภาษี

4) ที่ดินว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน จะจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี โดยในปีที่ 1-3 เก็บในอัตรา 1% ของฐานภาษี ปีที่ 4-6 เก็บในอัตรา 2% ของฐานภาษี ปีที่ 7 เป็นต้นไป เก็บในอัตรา 3%

8. ยกเว้นภาษีให้แก่ทรัพย์สินบางประเภท เช่น สาธารณสมบัติ ทรัพย์สินของรัฐที่ไม่ได้ใช้หาผลประโยชน์ ทรัพย์สินของสถานทูต ทรัพย์สินของสภากาชาดไทย ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุดและที่ดินสาธารณูปโภคของโครงการจัดสรรที่มิได้ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทรัพย์สินของเอกชนที่ได้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ และบ้านพักอาศัยหลักในส่วนที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท เป็นต้น



9. การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีการบรรเทาภาระให้กับเจ้าของบ้านพักอาศัยหลักที่ได้มาจากการรับมรดก ผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงินที่มีอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้ และกิจการสาธารณะ ดังนี้

1) ในกรณีที่เจ้าของบ้านพักอาศัยหลักได้รับกรรมสิทธิ์บ้านหลังดังกล่าวมาจากการรับมรดกก่อนที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะมีการบรรเทาภาษีให้ โดยการลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย

2) ให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีเป็นเวลา 1 ปี ให้กับที่ดินที่อยู่ระหว่างการปลูกสร้างบ้านที่เจ้าของใช้เป็นบ้านของตนเอง

3) ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 0.05% ของฐานภาษี สำหรับที่ดินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อจัดทำเป็นโครงการที่พักอาศัยเพื่อขาย ที่นิติบุคคลที่ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์เป็นเจ้าของเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่เจ้าของที่ดินได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน

4) ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 0.05% ของฐานภาษี สำหรับอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้ของสถาบันการเงิน เป็นระยะเวลา 5 ปี

5) ให้ลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 75% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสียสำหรับกิจการสาธารณะ เช่น โรงพยาบาลและโรงเรียน เป็นต้น

10. นอกจากนี้ กฎหมายยังให้อำนาจผู้บริหารท้องถิ่นสามารถขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อลดหรือยกเว้นภาษีให้กับเจ้าของอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนได้ เช่น เกิดภัยพิบัติ หรืออาคารบ้านเรือนเกิดเสียหายหรือถูกทำลาย

ทั้งนี้ ได้กำหนดบทเฉพาะกาลให้กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ และกฎหมายว่าด้วยการกำหนดราคาปานกลางของที่ดินสำหรับการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งถูกยกเลิกโดยร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป สำหรับการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่ต้องเสียหรือพึงชำระหรือที่ค้างอยู่หรือที่ต้องคืนก่อนที่จะเริ่มมีการบังคับใช้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามร่างพระบัญญัติดังกล่าว



สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการปรับปรุงโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีดังนี้

1. ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ กล่าวคือ ผู้มีทรัพย์สินมูลค่าสูงมีภาระภาษีมากกว่าผู้ที่มีทรัพย์สินมูลค่าต่ำ

2. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ลดการใช้ดุลยพินิจ กระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ลดปัญหาการกักตุนที่ดินเพื่อเก็งกำไรและกระจายการถือครองที่ดิน

3. ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลังจากที่ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ในปีแรก กระทรวงการคลัง คาดว่าจะทำให้ท้องถิ่นมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 64,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 38,318 ล้านบาท (ภาษีโรงเรือนและที่ดิน-ภาษีบำรุงท้องที่)

4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการบริหารงานของ อปท. มากขึ้น


http://thaipublica.org/2016/06/property-tax-2/

ถังแตก

ที่ออกมานี่ นโยบายรีดภาษีล้วนๆ รักลุงตู่จังเลย ปี๊ดๆ

แค่จ่ายภาษีเพิ่มอีกคนละนิดหน่อย รัฐก็จะมีรายได้เพิ่มเป็นแสนล้าน
เสียสละกันเพิ่มนิดหน่อย แค่นี้ช่วยกันไม่ได้เลยรึไง ปัดโธ่วววว

มันก็คือ ภาษีที่ปรับจากภาษีโรงเรือนไม่ใช่เหรอ กว่าจะเก็บก็ปี 62 นู่น

ผมว่าโอเคนะ ไอ้คนที่ต้องบ่นคือพวกนักการเมือง นักธุรกิจที่มีเป็น หมื่นไร่ แสนไร่ มากกว่ามะ

ปล "ภาษีไม่อยากจ่าย แต่อยากได้คุณภาพชีวิตระดับยุโรป"

555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

อ่านแล้วงง

ตกลงมีผลบังคับปีไหน

springnews บอกปี 62 อันนี้น่าจะเป็นข่าวล่าสุด
thaipublica บอกปี 60 ซึ่งน่าจะเป็นอันตอนเสนอยังไม่ได้กำหนดเวลาชัดเจน


แต่หัวข่าวก็ชี้นำ ถ้าเป็นไปตาม thaipublica ก็มีบางภาคส่วนเพิ่ม บางภาคส่วนลด ทดแทนกัน

ถ้าเก็บปี 62 ส่งรัฐบาลกลาง ปี 63 ตอนนี้ใครจะมาเป็นรัฐบาล

ใครมีบ้านธุรกิจอยู่กลางเมืองร้องจ๊ากเลย

แค่ตัวอย่างปั้มน้ำมันนั่นก็โหดสุด ๆ

เฉพาะในกรุงเทพใช่มั้ย ?

แล้วคำว่าใช้ที่ดินไม่สมประโยชน์พิจารณาจากอะไร
อย่างผมมีที่ดิน 15 ไร่ ราคา 8 ล้าน
เอาไปทำนาขาดทุนบ้าง กำไรไม่กี่หมื่นบ้าง
แบบนี้เรียกไม่สมประโยชน์เท่าราคาที่ดิน ยังต้องเสียภาษีเพิ่ม ?

อ่านแล้วงง ภาษีโรงเรือนของเก่ายกเลิกใหม
หรือต้องจ่าย2เด้งอีกเหมือนเดิม

ปกติโรงเรือนนี่ก็เท่ากับค่าเช่า1.5เดือน จาก12เดือนที่เก็บใด้ละนะไม่รวม ภงด
เซ็งโครต ปีนึงผมโดนภาษีเป็นแสน

อยู่ยากจริงๆทุกวันนี้ ดีนะเงินเดือนไม่ถึง 15000

ก็สมควรแล้วนิ คนจนๆบ้านๆไม่เสียหลอก

พวกดองที่ดินไม่ยอมทำกินก็รีดๆมันซะ

อ่านดูดีๆเหมือนการรีดคนรวยมากกว่า

ที่ดินทำกินเก็บน้อยมากๆเหมือนไม่ได้เก็บ

ยินดีด้วยครับ

ตัวหารเยอะ แบ่งกันเยอะพอเงินหมดเลยต้องรีดประชาชน

แค่นี้ปั้มน้ำมันก็หายากจะตายแล้วในเมือง

ยกเลิกภาษีโรงเรือนครับ เป็นตัวใหม่นี้แทน ส่วนหน่วยงานที่เก็บก็คือท้องถิ่น

ส่วน นักการเมืองท้องถิ่น จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรก็อยู่ที่พวกเราเลือกมา และช่วยกันตรวจสอบเอง

จ่ายภาษีระดับ ญี่ปุ่น คุณภาพชีวิตระดับ...

บ้านอยู่อาศัยมันโดนด้วยนี่สิ ผมมีคอนโดสมัยเริ่มทำงาน ถ้าโดนคิดเป็นบ้านหลังแรก แล้วไปเก็บภาษีบ้านที่อยู่ปัจจุบัน ก็เหมือนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากที่ไม่เคยต้องจ่าย แถมคอนโดมันก็โทรมแล้ว ขายก็ไม่ได้ ปล่อยเช่าก็ยาก

เคสแบบนี้มีหลายคนมากด้วย เพราะตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ก็อยากซื้อคอนโดไว้อยู่ตัวคนเดียว พอครอบครัวเริ่มขยายก็ซื้อบ้านอยู่เพื่อความกว้างขวางที่เพิ่มขึ้น

ในเขต ใจกลางนี่ยอมรับได้นะ เพราะ ต้องการให้เป็น CBD แต่ด้ยังมีที่อยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยวเยอะ ทั้งที่ลงทุน infrastucture เยอัมาก แต่ตรงส่วนอื่นนี่น่าสนใจนะครับ

ราคาน้ำมันในเมือง น่าจะแพงขึ้น และหาปั้มกันยากขึ้น นะนี่

อ่านกันหน่อยไม่ใช่สักแต่ด่า คนธรรมดาเค้าไม่เสียหรอกเพราะไม่ถึงเกณท์

..เค้ายังไม่เริ่มเลยพี่ ให้เค้าเริ่มก่อนมั้ย ถ้าคุณภาพชีวิตมันยังบัดซบเหมือนเดิมค่อยด่าก็ได้พี่ นี่ยังไม่ทันเก็บพี่ใส่ก่อนแล้ว

ก็คือยังคงเสีย2เด้ง ภงด กับภาษีใหม่(ภาษีโรงเรือนเดิม) อยู่ดีใช่ใหมผม

ทำไมดันคิดแยกทั้งๆที่เงินใด้มาจากกองเดียวกัน โครตเซ็ง

ถ้าจ่ายแล้วมันพัฒนาเป็นรูปธรรม คงมีแต่คนอยากจ่ายหละ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีไรเปลี่ยนแปลงชัดเจน เงินหายไปซะมากกว่า

แต่ดีแล้วสำหรับพวกคนรวย ให้จ่ายเยอะๆ

จะขึ้นทุกอย่างเลยรึไง

เหล้า เบีย ที่ดิน VAT เจริญชิพหายครับพี่น้องครับ

ขึ้นแล้วพัฒนาโน่นนี่นั่นไม่ว่า นี่ไม่เห็นจะทำไรเลย

หาแดก ป่ะ

2562 กว่าจะบังคับใช้ ตอนนั้นน่าจะมี รบ.เลือกตั้งไปแล้ว
ไม่น่าจะมีผลประโยชอะไรกับ รบ.ชุดนี้ละ

เอิ่ม เอาเข้าไป

ตอนนี้อาคารพาณิชย์ ที่อยู่ในอำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด ทำเลที่ดีๆหน่อยก็ราคา 5 ล้านอัพทั้งนั้น

ถ้าราคา 5 ล้าน นี่จ่ายในเรท 0.3% ต่อปี ก็เป็นจ่ายปีละ 15,000 บาทใช่ป่ะ

ถ้าเป็นสองคูหาติดกันก็ 10 ล้าน จ่ายปีละ 30,000 บาท

ยิ่งถ้าเป็นจังหวัดที่เจริญๆ อาคารพาณิชย์ 3-4 คูหาติดกัน ราคาประเมิณ 40 ล้านแบบนี้

ต้องจ่ายเรท 0.5% เป็นปีละ 200,000 บาท

เยอะเหมือนกันนะเนี่ยสำหรับภาษีโรงเรือน จ่ายๆกันทั้งประเทศเงินโคตรจะมหาศาลเลยนะนั่น

ตอบครับ
1. คนเก็บคนละคนกับแม้ว่าสุดท้ายจะเอาไปรวมกองกลาง คือสรรพกร และสำนักงานเขต(ท้องถิ่น)

2. ภาษีเงินได้คือรายได้ที่เข้ามาในปีนั้น ภาษีโรงเรือนคือทรัพย์สินที่มีอยู่แล้ว

จาก ข้อ 2 จะเห็นได้ว่าเป็นประเภทของทรัพย์สินที่ต่างกันในการพิจาราณา เพราะมูลค่าของโรงเรือนหรือที่ดินมันขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้มีการได้มาเพิ่ม หรือลดลงของปริมาณ จึงแยกหน่วยงานที่เข้ามาดูแล


แต่ภาษีตัวนี้คือการส่งเสริมให้นำที่ดินมาใช้ประโยชน์ ล้อเลียนมาจากต่างประเทศ
1. มีที่อยู่ที่ดิน เกินความต้องการอยู่อาศัยจึงมีภาษีเพื่อให้ที่ดินเป็นภาระแบ่งไปยังผู้อื่นที่ยังขาดเหลือ
2. มีที่อยู่ที่ดิน ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วเป็นภาระบีบให้แบ่งเพื่อให้คนอื่นเอาไปทำประโยชน์
3. ยิ่งมีเยอะ แล้วปล่อยล้างไว้นาน ยิ่งไม่ได้ทำประโยชน์ยิ่งเก็บแพง เพราะไม่ยอมแบ่งผู้อื่น

เป็นการบีบผู้ครอบครองให้กระจายผู้ถือให้มาก ไม่ให้ตกเป็นของคนรวยอย่างเดียว

ข้อดีของคนจนอย่างเรา แต่ถึงยังงัยมันก็มีผลกระทบกับเราอยู่ดีไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม

เรื่องเก็บภาษีไว้ใจผม

เรื่องภาษีที่ดินนี่ถ้าเป็นคนที่สนใจเศรษฐกิจการเมืองและสังคมจริงๆจะรู้ว่ามันมีการเรียกร้องให้ออกกฏหมายแบบนี้กันมานานแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นพวกนักสังคมและนักวิชาการ เพราะมันจะบีบให้คนรวยที่ถือครองที่ดินเยอะๆจำเป็นต้องเสียภาษีไม่ใช่กักตุนไว้เกร็งราคากันไว้ชิลๆอย่างที่เป็นอยู่ ที่กลางเมืองกว้างขวางแต่กลายเป็นป่ารกแหล่งมั่วสุม แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าทำเพราะกลัวจะเสียคะแนนนิยม กลัวพวกคนรวยกลุ่มทุนแอนตี้ พอรัฐบาลนี้จะทำ กลายเป็นไอ้พวกที่ไม่มีที่ดินหรือมีน้อยนิดแต่ไม่ชอบรัฐบาลมาเดือดร้อนแทน 555

ประเด็นหลักๆคือเค้าแค่ต้องการแขวะรัฐเท่านั้นหละครับ ถ้าไม่งั้่นจะนอนไม่หลับ 555

เสียสิครับ บ้านหลังที่สอง ไม่ต้องคนรวยอะไรมากหรอก มีคอนโดอยู่ห้องหนึ่งตอนสมัยเริ่มทำงานราคาไม่ถึงล้าน กับบ้านเดี่ยวที่เพิ่งซื้อตอนครอบครัวขยาย ยังไงก็ต้องเสียจากราคาประเมินบ้านเดี่ยว

เหมือนบีบให้ขายทำเลทองที่ดองไว้

เอามาพัฒนาประเทศ อย่างถูกต้อง และมีวิสัยทัศน์ ก็โอเค สนับสนุนเต็มที่

แต่ถ้าเข้ากระเป๋าเหี้ย กรุรับไม่ได้

ย้ายชื่อไปเป็นเจ้าบ้านที่แพงที่สุดครับ หลังนั้นจะไม่เสียภาษี

คอนโดราคาต่ำเก็บน้อยมากๆครับ ถ้าคอนโด 5 แสนท่านก็เสีย 150 บาทเอง ถ้าล้านนึงก็ถือว่าเป็นคอนโดไม่ถูกแล้วนะครับ แต่ก็แค่ 300 ต่อปี เอง

นี่ต้องเดือดร้อนกันด้วยหรอ

รอผมรวย ผมคงมีเงินจ่าย แต่ไม่รวยก็ไม่ต้องจ่ายนิ

แหม่ทำอย่างกะไม่เคยถูกโกงภาษีไปได้

ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ครับ ผมหมายถึงรวมๆทุกเรื่องแหละ

ว่าแต่ตอนนี้คุณภาพชีวิตยังไม่บัดซบอีกหรอครับ

..ของคุณบัดซบเหรอครับ ของผมไม่นะ ยังใช้ชีวิตปกติ มีแต่ถนนแถวบ้านมันรื้อทำใหม่ฝุ่นเยอะไปหน่อย แต่อีกเดี๋ยวก็คงเสร็จ อย่างอื่นก็ไม่ได้บัดซบอะไร เอาใจช่วยคุณนะครับ ขอให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นครับ

มองมุมอื่นบ้างก็ได้

คนรวยซื้อที่เก็บ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ต้องเสียภาษี

คนจนก็ทำงานเข้าไปสิ จนต่อไป ค่าที่ก็แพงขึ้นเรื่อยๆ คนรวยกินรวบหมดทั่วประเทศละ

เค้าช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ก็ตินู่นตินี่

ค่าภาษีมันก็ไม่ได้เยอะอะไร มันจะกระทบกับคนที่มีที่เยอะ อสังหาเยอะแค่นั้นเอง

คุณภาพชีวิตของคนในหลายๆ ประเทศที่ดูว่าเจริญแล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่นักหรอกครับ

คนอังกฤษก็ใช่ว่าจะสบาย ผมเห็นคนจรจัดเยอะแยะ เด็กแว๊นที่โน่นเอามีดแทงกันกลางสถานีรถไฟใต้ดิน Victoria staion (เด็กแว๊นที่โน่นคือพวกใส่กางเกงวอร์ม อายุประมาณ 15-17 ปี)

อิตาลี ฝรั่งเศส คนไม่เคยไปก็นึกว่าน่าเที่ยว น่าไปใช้ชีวิตอยู่ ไปเจอจริงๆ ก็ขโมยเยอะแยะ

อเมริกา คนตกงานเท่าไหร่ Homeless เท่าไหร่ โจรชุม

อยากคุณภาพชีวิตดี อย่ามัวแต่ร้องขอ ให้ทำมันด้วยตัวเองครับ

..ตอบได้ดีมาก มองอีกมุมตอนนี้พวกเศรษฐีที่ดินเริ่มเอามาทำเกษตร อาศัยช่องโหว่ว่าทำเกษตรภาษีน้อย แต่มันก็เกิดการจ้างงานในพื้นที่ พวกนี้ที่เป็นร้อยเป็นพันไร่ การจะทำเกษตรไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คือมองมุมใหนมันก็มีประโยชน์ ยกเว้นมุมที่จะจับผิดอย่างเดียว

เอาจริงๆจากใจจริงนะ นโยบายนี้ผมเห็นด้วย

อ่านดีๆศึกษาดีๆ ภาษีแบบนี้ควรทำตั้งนานแล้ว

สมัยมีนักการเมืองมันไม่ทำกัน เพราะพวกนักการเมืองโกงกินมันมีทรัพย์สินเยอะ จะผ่านกฏหมายให้มาเก็บเงินกับตัวเองทำไม

แต่นโนบายนี้คนจนหรือคนไม่รวย(มาก) ไม่เดือดร้อนเลย เป็นการจัดเก็บกับคนที่มีจริงๆ

1) ที่ดินการเกษตรก็เริ่มเก็บกันกับที่ดินที่มีมูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป

2) ส่วนที่อยู่อาศัยก็เริ่มเก็บกับบ้านที่มีมูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไปเช่นกัน

3) อาคารหรือสถานประกอบการก็เก็บเริ่มจาก 0.3%

4) ส่วนที่รกร้างนี่เก็บเพราะไม่อยากให้มีที่รกร้าง อยากให้เจ้าของที่เอามาทำประโยชน์ คงทำเป็นที่เกษตรแบบข้อ 1. ก็เสียภาษีตามข้อ 1.ไป


ยกตัวอย่างคนรู้จัก เป็นเสี่ยมีที่ดินเยอะ เอามาแค่แปลงนึงของแก ประมาณ 50 ไร่ ราคาประเมินไร่ละ 2.5 ล้าน มูลค่าก็ 125 ล้านบาท

ไร่ละ2.5 ล้านแกไม่ขาย ไม่ทำประโยชน์อะไรเลย ไม่เดือดร้อนเก็บไว้รอราคาดีๆค่อยปล่อย

คราวนี้ล่ะ ถ้ากฏหมายนี้ออก ที่ของแกจะต้องจ่ายภาษี 1-3 ปีแรก ปีละ 1.25 ล้านบาท

ถ้าแกหัวหมอ(ซึ่งเป็นสิทธิทางกฏหมาย) เอาที่มาปลูกอะไรนิดหน่อยทางการเกษตร

ก็เข้าไปข้อ 1 ที่ดินการเกษตรมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จ่ายภาษี 0.1% ก็เป็นเงิน 125,000 บาท

ยังไงก็ต้องจ่ายอยู่ดี เป็นผลดีต่อผู้จัดเก็บ(อบต เทศบาล ท้องที่)


คนทำนาจริงๆมีที่ดิน 10-30 ไร่ ไร่นึงตกไม่เท่าไร รวมๆแล้วก็ไม่ถึงเรทที่ต้องจ่าย (เรทไม่เกิน 50 ล้านบาท)


ดีครับ เก็บเลย ไล่เบี้ยเอากับพวกคนรวยๆดีกว่ามีารีดเอากับคนจนๆ




edit แก้คำสะกดผิด

บอกว่าไม่กระทบคนจน แต่ถ้าวันหนึ่งคนจนแล้วรวยขึ้นมาล่ะ แล้วทำไงอ่ะ

มันก็กระทบหมดแหละ อยู่ที่ว่าใครกระทบน้อยกว่า

แต่ก็ตามนั้นแหละ เพราะคงคิดได้แค่นี้

5555+ มันย้อนแย้งกันนะครับ

คนจน เมื่อรวยขึ้นมา ก็ไม่ได้เป็นคนจนไงครับ เป็นคนรวยไปแล้ว

แล้วเป็นคนรวยก็ต้องกระทบแน่นอน

ผมก็อยากจ่ายนะภาษีแบบนี้

อยากจ่ายแบบข้อ 1 จ่ายซักปีละ 10 ล้าน

เพราะถ้าผมได้จ่ายขนาดนั้น แสดงกว่าผมมีที่ดินมูลค่าพันล้านเลยล่ะ



แต่ตอนนี้ ดูแล้ว ไม่ต้องจ่ายตรงส่วนไหนเล๊ย ทรัพย์สินมีมูลค่าไม่ถึง

เค้าไม่ดูจากลำดับเหรอครับ

เดี๋ยวๆๆๆ นี่มันตรรกอะไรเนี่ยย ถ้าคิดได้แบบนี้อย่ารวยให้เดือดร้อนเลยครับ

จะรอดูว่าปี 62 จะได้รัฐบาลใหม่หรือเปล่า ภาษีที่เก็บบ่นไปก็เท่านั้น ประเทศท่านเอาที่ท่านสบายใจเลย

ผมนี่ลั่นเลย 55555 หายสงสัยและว่าทำไมคนไทยถึงไม่ค่อยรวย คงเพราะแบบนี้เอง กลัวว่ารวยแล้วจะเสียภาษีเยอะ สู้เป็นคนจนดีกว่ารอให้รัฐมาจ่ายเงินช่วยเหลือ 555555

โคตรฮา ฮาที่สุดของวัน


คือแม้งไม่ได้เกี่ยวกับรวยกับจนแล้ว อยู่ที่นิสัยคนเลย

ถ้าผมเป็นคนรวย ผมก็ยอมจ่ายภาษีนะ

รายได้ปีละ 100 ล้าน จ่ายไปเลย 20 ล้าน


ผมคงไม่อดตายเพราะ 80 ล้านหรอก

ก็ไม่ได้อยากได้ระดับยุโรปหรอก

ขอระดับปกติเนี่ยแหละ

ทุกวันนี้เดินๆเหยียบอิฐน้ำยังทะลุขึ้นตีน

จะเอากำไรที่ไหนมาจ่ายมันละ นี่มันเงินกินเปล่าชัดๆ ที่ดินเวลาเค้าซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
ทำแบบนี้เศรษฐกิจน่าจะหดตัวลงไปอีก คนไทยมันเสียภาษีเยอะแยะจะตายไป แค่ภาษีvat 7% นี่ก็ปีละเป็นหมื่น-แสน ต่อหัวต่อคนอะนะ ไหนจะภาษีธุรกิจอีก แต่ก็อย่างว่า อยากจะได้รัฐบาลทหารกันดีนัก ทำโพลก็มีแต่คนนิยมสูงมาก เมื่อไม่สะท้อนความต้องการประชาชน
รัฐบาลเค้าก็จัดหนักให้แบบนี้แหละ อยากจะอวยกันดีนัก

ดูจากบ้านที่อาศัยครับ

คือ ภาษี Vat มันก็เสียกันทุกประเทศนะครับ มีไม่กี่ประเทศในโลกหรอกที่ไม่เก็บ Vat

ถ้าไม่จ่ายภาษี แล้วจะเอาตรงไหนมาจ่ายค่าไฟ เงินเดือนข้าราชการ

ค่าทำถนน ค่าซ่อมนู่นนี่ ค่าสร้างสาธารณูปโภค ฯลฯ

นี่ยังไม่รวมค่าโกงกินของนักการเมือง และข้าราชการทั้งหลายอีกนะ

คุณลองไปเช็ค Google ดู ว่าประเทศเจริญๆ เค้าเก็บ Vat กันกี่ %

คือมันไม่เกี่ยวว่าจะซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงอะไรเลยนะ ทำงานได้เงิน หรือมีทรัพย์สินอะไร
ที่ต้องเสียภาษีมันก็ต้องจ่าย ไม่งั้นภาระมันก็มาตกกับคนจนหมดสิครับ คือท่านคิดว่า
ถ้าเขาขึ้นภาษีแบบนี้คนรวยจะไม่ซื้อที่เหรอครับ ป่าวเลยมันตรงกันข้ามต่างห่าง เพราะ
ถ้าคนรวยไม่ซื้อที่มันก็จะถูกคนรายได้ต่ำลงมาก็มีสิทธิ์เข้าถึง แต่ถ้าคนรวยเขาซื้อเยอะ
เขาก็ต้องเอามาทำใก้เกิดการจ้างงานต่อไม่งั้นก็โดนภาษีอาน มันดีกว่าแบบตอนนี้ที่
ซื้อเก็บไว้เล่นๆ รอขายตั้งเยอะ

ผมว่าบ้านเราออกจะเก็บน้อยไปด้วยซ้ำครับถ้าเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่เก็บ vat มากกว่าเราทั้งนั้น ส่วน ภงด ไม่ต้องพูดถึงเรทโหดกว่าเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะเค้าต้องนำเงินมาพัฒนาประเทศและสาธารณูปโภค และสวัสดิการให้คนประเทศเค้าครับ โดยเฉพาะประเทศที่ขึ้นชื่อว่าสวัสดิการดีที่สุดอย่างแถบ scandinavia VAT 20-25% กับ income tax 50-60% max เลยนะครับ

นโยบายนี้จะเป็นอีกเครื่องมือนึงที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกะจนนะ เพราะบีบผู้มีที่ดินเยอะโดยเฉพาะในโซนกทม หรือที่มีราคาประเมิณแพงเช่นในเมืองหลักๆ ให้นำมาพัฒนาหรือถ้าไม่ก็โดนภาษีเรทสูงเพื่อบีบให้นำมาทำประโยชน์ คนรวยที่ดินเยอะก็โดนเยอะ คนจนไม่มีที่ดินเกินมูลค่าที่กำหนดก็โดนน้อยหรือไม่โดน ผมว่าก็ fair fair ดีนะ เหลือแค่ตรงราคาประเมิณตอนโดนภาษีนี่แแหละที่อาจจะมีช่องโหว่

ก้ยังไม่เหนนโยบายไหนที่ทำออกมาแล้วประชาชนเห็นดีเห็นงามด้วยเลย เห็นมีแต่ออกนโยบายเพื่อประชาชน แต่ทำไมประชาชนถึงพากันถกเถียงไม่เห็นด้วยกันขนาดนี้ สุดท้ายก้ไม่ฟังเสียงของประชาชน รวบรับตัดตอนอีกอยู่ดี