ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:17 pm
พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม
ผมเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผมก็ไม่เห็นว่าคนทำงานสายนี้คนไหน จะขัดขวางไม่ให้คนเรียนสายอื่นมาเป็นนักพัฒนาโปรแกรม ทั้งที่มันง่ายมากเพราะแค่ใครมีความตั้งใจที่จะหาความรู้ คุณก็สามารถเข้ามาพัฒนาสิ่งที่มันมีอยู่ให้ดีขึ้นไปได้

ผมกลับมองว่ายิ่งมีคนที่คิดต่าง ได้เจอคนที่มีความรู้ และเขามีความตั้งใจที่จะนำความรู้นั้น มายกระดับพัฒนาสิ่งที่มันเคยมีอยู่ ผมว่ามันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือ ?

หรือแท้จริงแล้วเราไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของนักเรียน แล้วกำลังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

แล้วเพื่อนเพื่อนล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้กันบ้าง ?


0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:21 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 05 Nov 2008
ตอบ: 2488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:23 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ตอนนี้ประเด็นไม่ใช่ว่ากีดกันคนเก่งสายอื่นที่ไม่จบครู แล้วเข้ามาเป็นครูนะ

ประเด็นคือให้คนที่ไม่จบครู มาสอบโดยที่ไม่มีตั๋วครูนี่แหละ



เพราะปกติคนจะสอบครู อย่างน้อยต้องเรียน ป.บัณฑิต ปีนึง เพื่อเอาวุฒิครูมาไง

แต่ทีนี้เจอนโยบายจรวดนี่เข้าไป กลายเป็นว่าวุฒิที่รองรับการสมัครสอบ สามารถเข้ามาสอบได้เลย แถมถ้าสอบติดขึ้นบัญชี เรียกบรรจุทันทีเลยด้วย

มันเลยเป็นการเอาเปรียบครับ เอาเปรียบมากๆด้วย


ถ้ามีตั๋วครูมาสอบ จะเป็นเพียวแมท มะนุดอิ้ง มะนุดไทย ผมว่าใครก็ไม่กีดกันหรอก อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นละว่าอยากเป็นครูจริงๆ โดยสละเวลาไปเรียน ป.บัณฑิตมาแล้วปีนึง

แต่นี่จู่ๆจบมา 4ปี วิดวะคอม รัฐศาสตร์ มะนุดอิ้ง มะนุดไทย มาสอบตัดหน้าพวก ค.บ.ได้เลย แถมเรียกบรรจุอีกต่างหากถ้าสอบติด ตรงนี้ครับทีไม่แฟร์




-A.D.Loki-
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:25 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน
0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:26 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:27 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ
1
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 18386
ที่อยู่: อยู่เป็นข้ารองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในหลวงภูมิพลทุกชาติไป
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:29 pm
[RE]พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม
มองแบบกลางๆ คือคุณภาพครูแย่ครับ
สายอื่น เขาไม่ว่าจะเรียนอะไรมา สุดท้ายก็สอบไลเซ่น, ใบประกอบโรคศิลป์,ใบเซอร์ แต่ครูกลับอ้างว่า เรียนมา 5 ปี แล้วได้ใบเลย อันนี้มันเป็นช่องที่ทำให้วิชาชีพอื่นเขาดูถูก (และมันก็แย่แบบนั้นจริงๆ)
ทางออกคือ เปิดให้สายครงเข้ามาแบบนี้แต่มันมาเยอะเกินไป ตรงที่ปลดลํอคหมดเลย จริงๆ ให้ไปควบคุมมารตฐาน การเรียน ป บัณฑิต กันดีกว่า ที่ไม่ให้มีการซื้อขาย

----------
ความคิดผม ปิดสาขาครุศาสตร์ ที่เป็นปัญหาไปเลย แล้วไปรับสายตรงที่ไปเรียนครูเพิ่ม 1 ปี การันตีคุณภาพกว่า
0
0






เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:29 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 05 Nov 2008
ตอบ: 2488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:32 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
เพิ่มเติมครับ

แต่มันมีข้อได้เปรียบสำหรับพวก ค.บ. อยู่นิดนึง นิดเดียวจริงๆ คือเรื่องการเตรียมตัว

วุฒิอื่นที่จะเข้ามาสอบ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าสามารถสมัครสอบได้เมื่อวันที่21ที่ผ่านมานี่เอง แต่ ค.บ. เขาเตรียมตัว เขาอ่านหนังสือกันมานานแล้ว รวมทั้งเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับครู วิชาชีพครู อะไรพวกนี้ มันคงพอมีความรู้ตกค้างจากที่เรียนมากันบ้างละ (แต่หลายๆคนก็เพิ่งมาอ่านตอนประกาศวันสอบ)


แต่ผมก็มองว่าเรื่องอ่านหนังสือถ้าเอาจริงเอาจัง 1เดือนที่เหลือ ก็สามารถอ่านเก็บได้หมดอยู่ดีครับ

ส่วนข้อได้เปรียบของพวกเพียว มะนุด และอื่นๆที่เข้ามาสอบ คือวิชาเอกนี่แหละ อร่อยเขาล่ะ!
0
0


-A.D.Loki-
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:37 pm
พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง
0
0
เข้าร่วม: 05 Nov 2008
ตอบ: 2488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:38 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Sigmund•VI พิมพ์ว่า:
มองแบบกลางๆ คือคุณภาพครูแย่ครับ
สายอื่น เขาไม่ว่าจะเรียนอะไรมา สุดท้ายก็สอบไลเซ่น, ใบประกอบโรคศิลป์,ใบเซอร์ แต่ครูกลับอ้างว่า เรียนมา 5 ปี แล้วได้ใบเลย อันนี้มันเป็นช่องที่ทำให้วิชาชีพอื่นเขาดูถูก (และมันก็แย่แบบนั้นจริงๆ)
ทางออกคือ เปิดให้สายครงเข้ามาแบบนี้แต่มันมาเยอะเกินไป ตรงที่ปลดลํอคหมดเลย จริงๆ ให้ไปควบคุมมารตฐาน การเรียน ป บัณฑิต กันดีกว่า ที่ไม่ให้มีการซื้อขาย

----------
ความคิดผม ปิดสาขาครุศาสตร์ ที่เป็นปัญหาไปเลย แล้วไปรับสายตรงที่ไปเรียนครูเพิ่ม 1 ปี การันตีคุณภาพกว่า  


ถ้าผมบอกว่าคนส่วนมากที่เลือกเรียนครู คือคนที่สอบตามความฝันไม่ติด มันจะดูถูกคนเรียนครูไปมั้ยครับ ย้ำว่าส่วนมากนะ

ส่วนเรื่องรับสายตรงที่ไปเรียนครูเพิ่ม1ปี อันนั้นแหละครับ ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้

เพราะพวกสายตรงมันไม่ต้องไปเรียนครูเพิ่ม แต่จู่ๆก็แห่กันมาสอบได้ แถมจะบรรจุให้ด้วยถ้าสอบติด

พวก ค.บ. เลยไม่พอใจจุดนี้แหละครับ


0
0


-A.D.Loki-
เข้าร่วม: 28 Oct 2008
ตอบ: 9571
ที่อยู่: anfield road
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:42 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ผมว่าเป็นครู ต้องใจรักจริงๆนะ

เด็กเด๋วนี้ อย่างกวนส้มจีน


0
0
การไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาในบางคราว ก็เป็นพรอันประเสริฐ - องค์ทะไลลามะ
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:45 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 23 Nov 2010
ตอบ: 2783
ที่อยู่: Elland Road
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:45 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ผมว่าน่าจะมีสอบวัดความรู้ หรือสอบประเมิณมาตรฐานกลางของครูไปเลย

และให้ทั้งคนที่เรียนครู และคนที่ไม่ได้เรียน สอบแข่งกันไปเลย

ซึ่งคนที่เรียนครูเรียนมากกว่า 1 ปี มีองค์ความรู้ด้านการสอนโดยตรงจริงๆ

ก็ไม่น่าจะแพ้ คนที่ไม่ได้เรียนครูนะ

ผมว่าแบบนี้ดีกว่ามาเถียงเรื่องเรียนมาก เรียนน้อย
Marching on together
Tero
Bangkok F.C.


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4476
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:49 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
งั้นก็ลดหลักสูตรครูให้เหลือ4ปี หลังจากนั้นก็ให้ไปสอบกันอีกทีจะได้แฟร์ๆ
เข้าร่วม: 04 May 2009
ตอบ: 14081
ที่อยู่: s o m e w h e r e
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:50 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
MultiboyZ พิมพ์ว่า:
ผมว่าน่าจะมีสอบวัดความรู้ หรือสอบประเมิณมาตรฐานกลางของครูไปเลย

และให้ทั้งคนที่เรียนครู และคนที่ไม่ได้เรียน สอบแข่งกันไปเลย

ซึ่งคนที่เรียนครูเรียนมากกว่า 1 ปี มีองค์ความรู้ด้านการสอนโดยตรงจริงๆ

ก็ไม่น่าจะแพ้ คนที่ไม่ได้เรียนครูนะ

ผมว่าแบบนี้ดีกว่ามาเถียงเรื่องเรียนมาก เรียนน้อย  


ผมก็คิดแบบนี้นะ ตัดเรื่องประเด็น 4 ปี 5 ปีออกไป ทำให้ทุกอย่างมันเท่าเทียมกัน
จัดสอบไปเลยจะเป็นครูก็มาสอบอันนี้ไป ใครก็ได้ มาเริ่ม 0 กันหมดทั้งคนจบ 4 ปี 5 ปี

ข้อสอบก็เอาแบบแน่นๆ วัดทั้งความรู้ในด้านวิชา วัดด้านความเป็นครู จิตวิทยาบลาๆ
คนเรียนครูมาก็ได้เปรียบเรื่องจิตวิทยา คนจบสาขาอื่นก็ได้เปรียบเรื่องวิชาการ

พอผ่านก็ไปสอบสัมภาษณ์ดูทัศนคติมาผ่านมั้ย จะสอนไหวเปล่า
ผมว่าแบบนี้น่าจะโอเคสุดได้ทั้งคนมีความรู้ ได้ทั้งคนที่พอจะมีความเป็นครู
1
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:51 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
TrafalGar พิมพ์ว่า:
งั้นก็ลดหลักสูตรครูให้เหลือ4ปี หลังจากนั้นก็ให้ไปสอบกันอีกทีจะได้แฟร์ๆ  


ตามนี้ ไม่ต้องมีเรียนครูอีกต่อไปแล้ว ขอแค่จบป ตรีมา มาสอบได้หมดทุกคนเลย แฟร์ๆ
1
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:55 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
TrafalGar พิมพ์ว่า:
งั้นก็ลดหลักสูตรครูให้เหลือ4ปี หลังจากนั้นก็ให้ไปสอบกันอีกทีจะได้แฟร์ๆ  


ตามนี้ ไม่ต้องมีเรียนครูอีกต่อไปแล้ว ขอแค่จบป ตรีมา มาสอบได้หมดทุกคนเลย แฟร์ๆ
 


ผมว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศไทยเลย
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 17343
ที่อยู่: Mothership CAMP NOU
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:58 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ประเด็นคือถ้าให้เค้าเรียนหลักสูตร 5 ปีมันก็ต้องมีอะไรมารองรับบ้าง อย่างหมอเรียน 6 ปีก็จริงแต่จบมามีงานทำเลย อันนี้เรียน 5 ปีจบมาลอยคอเค้าเฉย

ผมว่าถ้าจะเอาอย่างนั้น ยุบคณะครุไปเลย แล้วใครอยากเป็นครูไปเรียนฝึกสอนแบบที่นิติอยากเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาต้องไปต่อเน มันจะดีกว่ามั้ย

เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:00 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
TrafalGar พิมพ์ว่า:
งั้นก็ลดหลักสูตรครูให้เหลือ4ปี หลังจากนั้นก็ให้ไปสอบกันอีกทีจะได้แฟร์ๆ  


ตามนี้ ไม่ต้องมีเรียนครูอีกต่อไปแล้ว ขอแค่จบป ตรีมา มาสอบได้หมดทุกคนเลย แฟร์ๆ
 


ผมว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศไทยเลย  


จ๊ะ กลับประเทศที่ คนเก่งๆโดยส่วนมากเลือกเรียนหมอ วิศวะ
จะเจอพวกไหนมาสอบบ้าง แต่ประเด็นนั้นไม่สำคัญเท่า คนที่มาสอบ ไม่มีพื้นฐานของการเป้นครูอยุ่เลย ผมเรียนจบบัญชีมา ตกงาน ไปสอบครู ละกันง่ายดี โดยที่ตัวเองไม่มีพื้นฐานอะไรของการเป็นครูเลย ไปเก็งข้อสอบมา ชิวๆ


อยากให้เปลี่ยนแปลง ระบบการศึกษาให้ดีมากกว่า นี้ ใครก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ถึงกับ
เปลี่ยนจุดที่มัน ดีอยุ่แล้ว ออก แล้ว ใส่สิ่งที่เราไม่รุ้ว่าจะดี หรือเปล่า มาเสี่ยงเอาดาบหน้า ก้ โอเค สงสารหนูทดลองนักเรียนรุ่นหลังๆ
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:02 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
papangkron พิมพ์ว่า:
ประเด็นคือถ้าให้เค้าเรียนหลักสูตร 5 ปีมันก็ต้องมีอะไรมารองรับบ้าง อย่างหมอเรียน 6 ปีก็จริงแต่จบมามีงานทำเลย อันนี้เรียน 5 ปีจบมาลอยคอเค้าเฉย

ผมว่าถ้าจะเอาอย่างนั้น ยุบคณะครุไปเลย แล้วใครอยากเป็นครูไปเรียนฝึกสอนแบบที่นิติอยากเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาต้องไปต่อเน มันจะดีกว่ามั้ย  


ผมว่าประเด็นนี้ก็น่าสนใจนะครับ แต่ต้องเตรียมข้อมูลส่วนต่อไปมาสนับสนุนให้พร้อม ทีนี้ผมมองว่า หลักสูตรนี้ เรียนจบไปก็มีงานรองรับอยู่แล้วนะครับ แต่แค่ว่าคนที่จบมา กับจำนวนที่รับมันไม่สัมพันธ์กัน ไม่เหมือนกับหมอ หรือสายงานอื่นที่ขาดตลาด คุณเรียนจบมาก็มีงานทำเลย

ไม่งั้นต้องลองยกระดับอาชีพครูเองเช่นปีนึงกำหนดเลยว่า มีโควต้าเท่าไร รับนักเรียนได้เท่าไร ไม่ใช่ว่าผลิตจาก มหาลัยรัฐท้องถิ่น รุ่นนึงเป็นร้อย ทั้งประเทศเป็นหมื่น แน่นอนว่าตำแหน่งมันไม่พออยู่แล้ว
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 4500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:03 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



 

ไม่รู้ว่าท่านได้อ่านรายละเอียดที่สมัครสอบครบแล้วยังนะ แต่คนที่จบป.ตรีทั่วไปที่ไม่มีวุฒิครูนั้น

ถ้าสอบได้รอบนี้ ผ่านทุกอย่างแล้ว จะยังไม่บรรจุทันที ต้องไปอบรมหลักสูตรขอใบประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ปี ถึงจะออกมาบรรจุรับราชการครู

แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรียนไป 5 ปี เท่ากับพวกจบครูแล้วรึเปล่าครับ
0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:05 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Lex Luthor พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



 

ไม่รู้ว่าท่านได้อ่านรายละเอียดที่สมัครสอบครบแล้วยังนะ แต่คนที่จบป.ตรีทั่วไปที่ไม่มีวุฒิครูนั้น

ถ้าสอบได้รอบนี้ ผ่านทุกอย่างแล้ว จะยังไม่บรรจุทันที ต้องไปอบรมหลักสูตรขอใบประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ปี ถึงจะออกมาบรรจุรับราชการครู

แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรียนไป 5 ปี เท่ากับพวกจบครูแล้วรึเปล่าครับ  


ข้อนั้นผมรู้ครับ ผมถึงใช้คำว่าครุอัตรราจ้างไงครับ คือเค้าไม่ได้บรรจุครู แต่เค้าได้ว่าจ้างการเป็นครู ครับ และได้รับเงินเดือนครับ ถ้าอยาก ได้บรรจุ ต้องไปเรียน ป บัณทิต มาเพิ่ม
สรุปคือ ถ้าเค้าสอบติด อย่างน้อย เค้าได้สอนเด็กแน่ๆ แต่จะได้บรรจุ ครุ ตอนหลังรึเปล่า นั้นอีกเรื่องครับ
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 04 May 2009
ตอบ: 14081
ที่อยู่: s o m e w h e r e
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:09 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Lex Luthor พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



 

ไม่รู้ว่าท่านได้อ่านรายละเอียดที่สมัครสอบครบแล้วยังนะ แต่คนที่จบป.ตรีทั่วไปที่ไม่มีวุฒิครูนั้น

ถ้าสอบได้รอบนี้ ผ่านทุกอย่างแล้ว จะยังไม่บรรจุทันที ต้องไปอบรมหลักสูตรขอใบประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ปี ถึงจะออกมาบรรจุรับราชการครู

แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรียนไป 5 ปี เท่ากับพวกจบครูแล้วรึเปล่าครับ  


ข้อนั้นผมรู้ครับ ผมถึงใช้คำว่าครุอัตรราจ้างไงครับ คือเค้าไม่ได้บรรจุครู แต่เค้าได้ว่าจ้างการเป็นครู ครับ และได้รับเงินเดือนครับ ถ้าอยาก ได้บรรจุ ต้องไปเรียน ป บัณทิต มาเพิ่ม
สรุปคือ ถ้าเค้าสอบติด อย่างน้อย เค้าได้สอนเด็กแน่ๆ แต่จะได้บรรจุ ครุ ตอนหลังรึเปล่า นั้นอีกเรื่องครับ  


แล้วคนที่จบครูก็เป็นแบบนี้ใช่มั้ยครับ หรือว่าบรรจุได้เลย กรณีสอบผ่าน
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 4500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:09 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Lex Luthor พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



 

ไม่รู้ว่าท่านได้อ่านรายละเอียดที่สมัครสอบครบแล้วยังนะ แต่คนที่จบป.ตรีทั่วไปที่ไม่มีวุฒิครูนั้น

ถ้าสอบได้รอบนี้ ผ่านทุกอย่างแล้ว จะยังไม่บรรจุทันที ต้องไปอบรมหลักสูตรขอใบประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ปี ถึงจะออกมาบรรจุรับราชการครู

แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรียนไป 5 ปี เท่ากับพวกจบครูแล้วรึเปล่าครับ  


ข้อนั้นผมรู้ครับ ผมถึงใช้คำว่าครุอัตรราจ้างไงครับ คือเค้าไม่ได้บรรจุครู แต่เค้าได้ว่าจ้างการเป็นครู ครับ และได้รับเงินเดือนครับ ถ้าอยาก ได้บรรจุ ต้องไปเรียน ป บัณทิต มาเพิ่ม
สรุปคือ ถ้าเค้าสอบติด อย่างน้อย เค้าได้สอนเด็กแน่ๆ แต่จะได้บรรจุ ครุ ตอนหลังรึเปล่า นั้นอีกเรื่องครับ  

อย่ารึเปล่าเลย เรียกว่าบรรจุ100%เลยดีกว่าถ้าสอบได้นะ เพราะครูคืนถิ่นรอบก่อนเพื่อนผมไม่ได้จบครูแต่สอบได้

เค้าก็ส่งไปอบรมขอใบวุฒิทุกคน แค่รอเวลาเอง
เข้าร่วม: 05 Jul 2010
ตอบ: 1268
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:09 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ขอตอบแบบเกือบๆ นอกเรื่องนะ

ส่วนตัวมองว่าความรู้ครูอาจารย์ทั้งหลายมีมาก แต่ไม่มีใจรักในการเป็นครูซะมากกว่า

ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยแก้ปัญหาคุณภาพครูได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ เพราะผมคิดว่ายังเกาไม่ค่อยถูกที่คันเท่าไหร่
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:11 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
niiiwz พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Lex Luthor พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



 

ไม่รู้ว่าท่านได้อ่านรายละเอียดที่สมัครสอบครบแล้วยังนะ แต่คนที่จบป.ตรีทั่วไปที่ไม่มีวุฒิครูนั้น

ถ้าสอบได้รอบนี้ ผ่านทุกอย่างแล้ว จะยังไม่บรรจุทันที ต้องไปอบรมหลักสูตรขอใบประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ปี ถึงจะออกมาบรรจุรับราชการครู

แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรียนไป 5 ปี เท่ากับพวกจบครูแล้วรึเปล่าครับ  


ข้อนั้นผมรู้ครับ ผมถึงใช้คำว่าครุอัตรราจ้างไงครับ คือเค้าไม่ได้บรรจุครู แต่เค้าได้ว่าจ้างการเป็นครู ครับ และได้รับเงินเดือนครับ ถ้าอยาก ได้บรรจุ ต้องไปเรียน ป บัณทิต มาเพิ่ม
สรุปคือ ถ้าเค้าสอบติด อย่างน้อย เค้าได้สอนเด็กแน่ๆ แต่จะได้บรรจุ ครุ ตอนหลังรึเปล่า นั้นอีกเรื่องครับ  


แล้วคนที่จบครูก็เป็นแบบนี้ใช่มั้ยครับ หรือว่าบรรจุได้เลย กรณีสอบผ่าน  

สอบติดก้เป็นครูอัตตราจ้างเหมือกันครับ แล้วไปรอต่อคิว เพื่อขอบรรจุ
1
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:14 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
แล้วมันมีข้อดีข้อเสียแบบแยกเป็นประเด็นสำหรับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ ?
0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:14 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Lex Luthor พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Lex Luthor พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป


Spoil

 

ไม่รู้ว่าท่านได้อ่านรายละเอียดที่สมัครสอบครบแล้วยังนะ แต่คนที่จบป.ตรีทั่วไปที่ไม่มีวุฒิครูนั้น

ถ้าสอบได้รอบนี้ ผ่านทุกอย่างแล้ว จะยังไม่บรรจุทันที ต้องไปอบรมหลักสูตรขอใบประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ปี ถึงจะออกมาบรรจุรับราชการครู

แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรียนไป 5 ปี เท่ากับพวกจบครูแล้วรึเปล่าครับ  


ข้อนั้นผมรู้ครับ ผมถึงใช้คำว่าครุอัตรราจ้างไงครับ คือเค้าไม่ได้บรรจุครู แต่เค้าได้ว่าจ้างการเป็นครู ครับ และได้รับเงินเดือนครับ ถ้าอยาก ได้บรรจุ ต้องไปเรียน ป บัณทิต มาเพิ่ม
สรุปคือ ถ้าเค้าสอบติด อย่างน้อย เค้าได้สอนเด็กแน่ๆ แต่จะได้บรรจุ ครุ ตอนหลังรึเปล่า นั้นอีกเรื่องครับ  

อย่ารึเปล่าเลย เรียกว่าบรรจุ100%เลยดีกว่าถ้าสอบได้นะ เพราะครูคืนถิ่นรอบก่อนเพื่อนผมไม่ได้จบครูแต่สอบได้

เค้าก็ส่งไปอบรมขอใบวุฒิทุกคน แค่รอเวลาเอง  
 


สบายเลย นั้นแหละที่ผมค่อนข้างกลัวนะ ผมหากได้เข้าไปแล้ว ระบบคัดกรองออกมันน้อย ได้ก็เหมือนได้แล้วไปแล้วครึ่งตัว

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 2470
ที่อยู่: Owari
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:16 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ผมขอมองที่ผลลัพธ์ก่อนนะ จริงๆ ต่อให้เอาวิชาชีพอื่นมาเป็นครูได้เลย จริงๆ ผลลัพธ์ก็ไม่น่าต่างจากเดิมมาก อาจดีขึ้นแค่เล็กน้อย เพราะในเมื่อแรงจูงใจสำคัญในการทำอาชีพ ซึ่งก็คือ รายได้ มันไม่ได้เพิ่มขึ้น สุดท้ายคนที่จะเข้าไปแย่งๆอาชีพครู ก็คือคนตกงานจากสายอาชีพตัวเองอยู่ดีเพื่อหาความมั่นคง (ผมไม่รวมถึงคนที่อยากเป็นด้วยใจรัก จิตวิญญาณนะครับ มีแหละ แต่คงน้อยถึงน้อยมาก) ดังนั้นนโยบายนี้ จะว่าความซวยมาตกที่คนเรียนครุฯ ก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอกครับ เพราะถ้าคนสายอื่นที่ตกงานเค้ายังมีความสามารถมากกว่าคุณที่เรียนครุมา 5 ปี คุณก็นับว่าเฟลในการศึกษาของตัวเองแล้ว และก็กลายเป็นว่าจะมาทำให้คุณภาพการสอนน้อยลองไปอีก คนรับกรรมก็คือเด็กนักเรียน เอาจริงๆเคสแบบนี้ในสายอื่นก็มีนะครับ เช่นเด็กสายวิทย์สอบเข้าอักษรได้เพราะเก่งภาษากว่าเด็กศิลป์เป็นต้น สรุป ผมว่านี้มันก็แฟร์อยู่นะ คนเรียนครุ จะได้มีความกดดัน พัฒนาตัวเอง ดีเฟนด์สายงานตัวเองให้ได้ ผลรวมก็น่าจะดีขึ้น ทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นที่ดีกว่าทำแทนไป ก็เท่านั้น สุดท้ายผลดีก็มาตกที่นักเรียน
Toshi
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 12848
ที่อยู่: Stamford bridge
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:17 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
เหมือนทางรัฐบาลจะกำลังแก้ปัญหาไปนะ แต่ผมมองว่ามันไม่ถูกจุดเท่าไหร่

แต่ก็อย่างว่าล่ะ ต้องค่อยเป็นค่อยไป รอดูผลปีนี้จะเป็นไงมั่ง ผมเสีย หรือ ดี

ผมมองว่ายังไงคนที่จบครูจริงๆก็น่าจะใจรักกว่าคนที่มาลองสอบ
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:18 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
hugball พิมพ์ว่า:
แล้วมันมีข้อดีข้อเสียแบบแยกเป็นประเด็นสำหรับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ ?  


ข้อนี้ผมตอบจากใจเลยครับ ว่าผมมองไม่เห้นข้อดี บางคนบอกว่า เราจะได้คนเก่งๆ มาสอบ
ประเด็นคือ คนเก่งส่วนใหญ่ เค้าจะมาเอาครุทำไม ในเมื่อ เงินเดือนไม่ได้สุงขนาดนั้น
เอาความสามารถ ไป สอบ อาชิพที่เงินเดือนกว่านี้ดีกว่า

สรุป คนเก่งจะมาสอบก็คงพอมีอะแหละ แต่ผมมองว่าคนที่จะมาสอบจะเป็นคนระดับกลางๆมากกว่า



ข้อดีเดียวที่นึกออก จากเรื่องนี้คือ หากมี พื้นที่ไหน ขาดแคลนครุ ที่ต้องการความรุ้เฉพาะสายหรือวิชา อันนี้จะช่วยได้ แต่ผมมองว่าได้ไม่คุ้มเสีย
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 470
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:20 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
แล้วมันมีข้อดีข้อเสียแบบแยกเป็นประเด็นสำหรับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ ?  


ข้อนี้ผมตอบจากใจเลยครับ ว่าผมมองไม่เห้นข้อดี บางคนบอกว่า เราจะได้คนเก่งๆ มาสอบ
ประเด็นคือ คนเก่งส่วนใหญ่ เค้าจะมาเอาครุทำไม ในเมื่อ เงินเดือนไม่ได้สุงขนาดนั้น
เอาความสามารถ ไป สอบ อาชิพที่เงินเดือนกว่านี้ดีกว่า

สรุป คนเก่งจะมาสอบก็คงพอมีอะแหละ แต่ผมมองว่าคนที่จะมาสอบจะเป็นคนระดับกลางๆมากกว่า



ข้อดีเดียวที่นึกออก จากเรื่องนี้คือ หากมี พื้นที่ไหน ขาดแคลนครุ ที่ต้องการความรุ้เฉพาะสายหรือวิชา อันนี้จะช่วยได้ แต่ผมมองว่าได้ไม่คุ้มเสีย  


ส่วนตัวผมมองว่า มันจะไม่ได้คนที่เก่งที่สุดมา แต่จะได้พวกที่เรียนคณะระดับกลาง ที่ยังไม่มีงานทำมาแทน อย่างเช่นปัจจุบันนี้ วิศวะบางสาขา ก็ตกงานกันเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับมาเรียนต่อเปลี่ยนสาย เพื่อที่จะได้มีงานทำ

หรืออีกอย่างก็คือ พวกที่ไปทำงานไกลบ้าน แล้วอยากทำงานที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้บ้านมากขึ้น ก็อาจจะมาลองสอบกัน
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:20 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
แล้วมันมีข้อดีข้อเสียแบบแยกเป็นประเด็นสำหรับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ ?  


ข้อนี้ผมตอบจากใจเลยครับ ว่าผมมองไม่เห้นข้อดี บางคนบอกว่า เราจะได้คนเก่งๆ มาสอบ
ประเด็นคือ คนเก่งส่วนใหญ่ เค้าจะมาเอาครุทำไม ในเมื่อ เงินเดือนไม่ได้สุงขนาดนั้น
เอาความสามารถ ไป สอบ อาชิพที่เงินเดือนกว่านี้ดีกว่า

สรุป คนเก่งจะมาสอบก็คงพอมีอะแหละ แต่ผมมองว่าคนที่จะมาสอบจะเป็นคนระดับกลางๆมากกว่า



ข้อดีเดียวที่นึกออก จากเรื่องนี้คือ หากมี พื้นที่ไหน ขาดแคลนครุ ที่ต้องการความรุ้เฉพาะสายหรือวิชา อันนี้จะช่วยได้ แต่ผมมองว่าได้ไม่คุ้มเสีย  


ส่วนตัวผมมองว่า มันจะไม่ได้คนที่เก่งที่สุดมา แต่จะได้พวกที่เรียนคณะระดับกลาง ที่ยังไม่มีงานทำมาแทน อย่างเช่นปัจจุบันนี้ วิศวะบางสาขา ก็ตกงานกันเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับมาเรียนต่อเปลี่ยนสาย เพื่อที่จะได้มีงานทำ

หรืออีกอย่างก็คือ พวกที่ไปทำงานไกลบ้าน แล้วอยากทำงานที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้บ้านมากขึ้น ก็อาจจะมาลองสอบกัน
 

ผมมองตามนี้เลยครับ
1
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 05 Nov 2014
ตอบ: 1160
ที่อยู่: kncomshop
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:35 am
[RE]พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม
ตกลงประเด็นมันอยู่ที่ใบประกอบวิชาชีพ หรือ ระยะเวลา ผมคนนึงที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็ได้ประโยชน์กับคราวนี้

ที่ไม่เห็นด้วยก็ประเด็นเวลานั้นเหละ เดิมๆเนี่ย เรียน 4 ปี แล้วอยากเป็นครู ต้องเรียน ป.บัณฑิต ป.โท สอบเทียบอะไรก็ว่ากันไป ผมเห็นด้วยกับวิธีเดิม

ซึ่งหลักเกณฑ์ค่อนข้างหลายขั้นตอน เพราะผมก็ทำอยู่ จริงๆตั้งใจจะสอบปี 63 เพราะต้องมีประสบการณ์สอน 1 ปี ถึงจะเรียนได้ เรียนอีก 1 ปี

แต่เมื่อโอกาสมันมาตรงหน้า แน่นอนยังไงก็ต้องคว้าไว้ก่อน

ผมอายุ 30 อยากเป็นช่างซ่อมคอมตั้งแต่เด็ก อายุ 22 ออกจากมหาลัย ออกเดินทางหาประสบการณ์ด้านช่าง เป็นช่างเทคนิค

มีบริษัทนึง ให้ผมไปเป็น จนท.ฝึกอบรมพนักงานใหม่ เลยรู้สึกว่าใช่เลย ถ่ายทอดสิ่งที่เรามีให้คนอื่นนี่เหละที่อยากเป็น

เลยกลับมาเป็น จนท.คอมโรงเรียนแถวบ้าน ด้วยความที่ยังไม่แก่มาก นักเรียนก็จะเข้าหา ถามการบ้านบ้าง ให้สอนให้บ้าง

เทอมสองฝ่ายวิชาการเลยลองจัดคาบติวมาให้ลอง ก็ลองทำดู สรุปว่า เด็กโอเค ครูก็เห็นว่าเราสอนได้ ผู้บริหารเลยให้สอนเต็มตัว

พอได้คาบสอนก็ไปทำเรื่องขออนุญาตสอน แล้วกำลังรอเรียน ป.บัณฑิต เพื่อขอใบประกอบวิชาชีพ และสอบบรรจุต่อไป

ที่จะบอกก็คือ แบบเดิมเหละดีแล้วสำหรับสาย 4 ปี พัฒนาตัวเองให้มีใบประกอบก่อน ค่อยมีสิทธิ์สอบ

แต่ก็ขอให้สอบติดทุกคนนะครับ สนามสอบระยองเจอกัน

ผมแค่หวังเล็กๆว่าจะติด เพราะเตรียมตัวจริงๆจังๆ ก็เพิ่งจะเริ่มได้สองวัน คิดว่าคงไม่รอด แค่ได้ขึ้นบัญชีก็เป็นกำไรแล้ว อยากลองข้อสอบ แต่ปี 63 ผมเอาจริง
https://www.facebook.com/kncomshop

.............,เชื่อกูเหอะกูเรียนมา,................
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6422
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:48 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
เอ้อ ผมสงสัยอย่างนึงครับ สำหรับข่าวประกาศรับสมัครที่ว่านี่ คนนอกต้องสอบแข่งกับครูมั้ยครับ หรือว่าแข่งกับคนนอกด้วยกันเอง ส่วนครูก็สอบของครูไป
0
0
เข้าร่วม: 15 Feb 2011
ตอบ: 9963
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:52 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
มันไม่ต่างกันหรอกหลักสูตรแกนกลางมันกำหนดไว้อยู่แล้วว่าต้องสอนอะไร
เนื้อหามันไม่ยากครับ ที่จริงเอาเด็กมหาลัยไปสอนก็ได้ แต่ที่มันต่างคือพวกที่เรียนครูเนี้ย ใน4ปีแรกเขาอาจจะเก็บตัวเป็นวิชาเนื้อหาเฉพาะด้าน 60% แต่เขาได้เรียนเรื่องพวก การทำแผนการสอน จิตวิทยาและหลักการสอน ความคิดรวบยอดและการสรุปหลักการอีก 40% ส่วนปี5ก็ออกไปฝึกสอนตามโรงเรียนต่างๆ พวกเรียนเพียวไม่ได้เรียนเรื่องพวกนี้หรอก
ที่ผมกล้าพูด เพราะผมเคยเรียน ป.โทของคณะศึกษาแต่ไม่จบ (ป.ตรีผมจบบริหาร)เพราะไม่อยากกลับไปทำงานที่บ้านในตอนนั้นก็เลยหาเรื่องเรียน เรียนไปแล้วมันไม่ใช่แฮะ (ผมเรียนไป1ปี)

แล้วถามหน่อยครับว่าพวกที่จบเพียวมาจริงๆเขาอยากเป็นครูกันหรอครับ? ถ้าอยากเป็นทำไมไม่เรียนครูแต่แรก? พวกนี้ก็แค่เฟลในสายอาชีพตัวเองแล้วหันมาหาสิ่งอื่นที่ให้ความมั่นคงแล้วก็อ้างว่าตัวเองรู้เยอะรู้ดีกว่าพวกครูแค่นั้นแหละ
0
0




เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 12848
ที่อยู่: Stamford bridge
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 1:04 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
เอ้อ ผมสงสัยอย่างนึงครับ สำหรับข่าวประกาศรับสมัครที่ว่านี่ คนนอกต้องสอบแข่งกับครูมั้ยครับ หรือว่าแข่งกับคนนอกด้วยกันเอง ส่วนครูก็สอบของครูไป  


ข้อสอบเดียวกันครับ
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6422
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 1:06 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
G_V3 พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
เอ้อ ผมสงสัยอย่างนึงครับ สำหรับข่าวประกาศรับสมัครที่ว่านี่ คนนอกต้องสอบแข่งกับครูมั้ยครับ หรือว่าแข่งกับคนนอกด้วยกันเอง ส่วนครูก็สอบของครูไป  


ข้อสอบเดียวกันครับ  


ถึงว่าครูเขาเดือดร้อน
1
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2010
ตอบ: 946
ที่อยู่: พื้นที่เล็กๆ
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 1:09 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6422
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 1:23 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ
เข้าร่วม: 05 Feb 2009
ตอบ: 328
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 1:45 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย


มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ด้วยความเคารพ
ตัวหนังสือสีแดงหมายถึงท่านผิดจรรยาบรรณของความเป็นครูแล้วครับ

0
0
เข้าร่วม: 20 Apr 2009
ตอบ: 1737
ที่อยู่: โนนสะอาด
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 2:18 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ส่วนตัวผมมองมันขัดๆกะนอยู่
ส่วนที่เห็นด้วยคือ4ปีสอบได้เลยแล้วต้องหปเรียนใบประกอบต่อ
ส่วนครุถ้าจบปี4ผมอยากให้มีสิทธิสอบได้ด้วยถ้าติดก็เข้าไปเป็นครูอัตราจ้างแบบรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เรียนครุ
ไปฝึกสอนมันก็เหมือนกับปี5อยู่แล้ว
ส่วนคนไม่ติดก็เรียนปี5กันต่อไปจบมามีใบประกอบเรียบร้อยไปสอบถ้าติดก็บรรยุเลย

แต่ปัญหาจริงๆผมว่าหลังจากนี้ต่างหาก

หลังบรรจุแล้วจะเป็นครูผู้ช่วยสองปี ผอ.ถึงประเมินให้ผ่านเป็นครู คศ.1
หลังจากนั้นก็ทำผลงานนู้นนี้ปรับไปเรื่อย คศ.2 คศ.3
แต่ไม่มีการประเมินความรู้เลย ประเมินผลวัดผลมี แต่วัดจริงไม่ได้
เพราะอะไร? เพราะคนประเมินคือผอ. ผอ.กู้เงินใครค้ำให้ ก็ครูอีกไง จบปิ้งผ่านทั้งชาติ

ถ้าอยากให้ครูมีคุณภาพผมว่าสอบได้แล้วอย่าจบ
ครูที่เค้าเก่งจริงเค้าไม่กลัวที่จะสอบวัดความรู้ตัวเองครับ
ที่ผมกล้าพูดแบบนี้เพราะ พ่อ แม่ พี่สาว2คนผมเป็นครูครับ
และ4คนที่ผมกล่าวมาไม่กลัวที่จะสอบวัดความรู้และความคิดทั้ง4คนก็อยากให้มีสอบอย่างน้อยก็2-3ปีครั้ง
แต่ที่ไม่ทำก็เพราะกำลังภายในเค้าเยอะ
เข้ามาเป็นได้แล้วตูจะทำไรกะเด็กก็ได้
ไม่สอนก็เรื่องของตู เลียผอ.วนไป
0
0

อุ๋งอุ๋ง
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8750
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 2:27 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
optino พิมพ์ว่า:

แล้วถามหน่อยครับว่าพวกที่จบเพียวมาจริงๆเขาอยากเป็นครูกันหรอครับ? ถ้าอยากเป็นทำไมไม่เรียนครูแต่แรก? พวกนี้ก็แค่เฟลในสายอาชีพตัวเองแล้วหันมาหาสิ่งอื่นที่ให้ความมั่นคงแล้วก็อ้างว่าตัวเองรู้เยอะรู้ดีกว่าพวกครูแค่นั้นแหละ  


ประเด็นนี้ ผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ 55555

- พวก Pure ไม่ว่าจะ Pure science หรือ Pure ทางศิลป์ (เช่น อักษรศาสตร์)
ถ้าอยากเรียนครู ทำไมไม่เรียนครูตั้งแต่แรก


ผมมองว่า : มันเป็นไปได้แบบที่ท่านคิดจริงๆครับ ผมเห็นด้วย
คือเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจเป็นครูแต่แรก (บางคน)

แต่เรื่อง "คุณภาพการเป็นครู" / "สิทธิในการสอบครู" / และสิทธิในการประกอบอาชีพอื่นๆ
มันก็ไม่ควรถูกประเมินด้วยมุมมองเพียงเท่านี้

เพราะอะไร ? เพราะถ้าประเมินด้วยมุมมองแบบนี้
ผมจะถามกลับบ้างว่า แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู ?

หรือผมอาจจะถามวิศวกรที่ทำงานอยู่บ้างว่า
" คุณอยากเป็นวิศวกรจริงหรอ หรือคุณอยากเป็นแพทย์ แต่พลาดสอบแพทย์ไม่ได้
ดังนั้น คุณไม่ควรวิศวกรที่ดีได้ ไม่งั้นทำไมคุณไม่ไปเรียนแพทย์แต่แรก
...คุณมาเรียนวิศวกร เพราะคุณเฟลกับสายอาชีพแพทย์เท่านั้น"

ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่นะผมว่า
ทำนองเดียวกัน จะบอกว่า พวก Pure Sci ตกงาน / เฟลกับสายอาชีพ
แต่เขาก็ควรมีสิทธิที่จะสอบแข่งอยู่นะ และไม่สามารถด่วนสรุปว่า
ถึงแม้เขาจะเฟลกับสายอาชีพเขาจริงๆแล้วเขาจะไม่สามารถเป็นครูที่ดีได้

ผมถึงคิดว่า ควรให้ลองไปสอบแข่ง(วิธีไหนอีกเรื่องนึงนะ) วัดกันไปเลยครับ

ผมเชื่อว่า คนเรียนครูเก่งๆเยอะแยะ ไม่ใช่จะแพ้เด็กเพียวเสมอไป
ซึ่งสุดท้าย ผลประโยชน์ตกอยู่ที่เด็กแน่นอน

-----------------------------------------------------------------

อันล่างนี่ ไม่เกี่ยวกับที่ผม Quote ของท่าน Optino มานะครับ

แต่ผมขอตอบมัดรวมในนี้เลย

- ส่วนประเด็นที่มองว่า พวกที่จะมาสอบได้ คงไม่เชิงเป็นพวก Top หรอก
เพราะผลตอบแทนอาชีพครู ไม่ถึงกับมาก

ผมขอตอบว่า

ยิ่งคนมาสอบเยอะ แนวโน้มของผลลัพธ์
มันควรจะได้ "คนที่เก่งมากกว่าเดิมหรือเก่งเท่ากับ"
การให้คนกลุ่มเดิม(กลุ่มที่เล็กกว่า) สอบ ไม่ใช่หรอครับ ?

โอเคว่าอาจจะไม่ได้ครูเป็นคนเก่งระดับสุดยอดก็จริง
เพราะคนเก่งก็คงกองกันที่คณะอื่น ไปทำอาชีพอื่น

... แต่ก็คงได้คนที่เก่งขึ้นแน่นอน หรือไม่ก็เก่งเท่าเดิม กับกฎเก่า
(คือยังไงมันก็ต้องดีขึ้นอ่ะ)

ผมคิดไม่ออกว่า มันจะได้ครูที่อ่อนๆมากกว่าเดิมได้ยังไง
ก็ในเมื่อถ้าสอบแข่งกันแล้ว ถ้าเขาทำได้คะแนนดีในระดับที่ได้รับคัดเลือก
ก็แปลว่า เขาเป็นเลิศเหนือคู่แข่ง ณ สนามสอบนั้น ถูกมั้ยครับ
(ก็เวลามันเลือกคนสอบติด มันวัดไล่จากบนลงล่างหนิ)

ซึ่ง "การแข่งขัน" มันจะกรองครูเก่งๆออกมาเอง จะเก่งกว่าเดิมมากแค่ไหน ก็อีกเรื่อง
(ไม่มีหรอกที่ให้คนสอบเยอะกว่าเดิม แล้วห่วยลง - พูดถึงแค่แง่เชิงวิชาการนะ)

เพราะงั้น ไม่ต้องกังวลหรอกประเด็นนี้หรอก ว่าเปิดให้คนสอบเยอะมากขึ้น
แล้วคุณภาพทางวิชาการของครูจะด้อยลง มันมีแต่จะเท่าเดิมกับเพิ่ม

ส่วนเรื่อง "จริยธรรม" อันนี้ผมไม่กล้าพูดไรมาก
เพราะเอาจริงๆมันวัดลำบาก คนเรียนวิชาจริยธรรมมา 2 ปีเต็ม 100 หน่วยกิต
จะบอกว่า สอนเด็กได้ดีกว่า ฟังแล้วผมทะแม่งๆ
คือมันก็ไม่แน่เสมอไป *ยังมีอีกหลายอย่างให้คำนึงถึง ขอเลี่ยงตัวนี้ไปครับ ไม่งั้นยาว*

ดังนั้นตัวชี้วัด ที่ผมว่าสำคัญจริงๆแล้วมันพอจับต้องได้เบื้องต้น
ก็เป็นเรื่อง "ความสามารถทางวิชาการ" เนี่ยแหละ

แล้วถ้าหากจะคิดว่า "ครูขอดีไว้ก่อนนะ เรื่องวิชาการเรื่องรอง"
ผมว่าน่ากังวลกับความคิดนี้นะ
เพราะฟังก์ชั่นหลักของการเป็นครู ก็ต้องวิชาการแตกฉานด้วย ดีด้วย
จะบอกอันไหนรอง หลัก มันก็ไม่ใช่มั้งครับ

ไม่งั้น จะยิ่งเห็นความเหลื่อมล้ำรุนแรง (ซึ่งได้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศนี้)
คือสมมติไม่มีเงินเรียนพิเศษกับเหล่าครูติวเตอร์เก่งๆ
โอกาสก้าวเข้าไปในคณะท้อปๆก็เสียเปรียบลูกคนมีเงินไปหลายช่วงตัวแล้ว

เพราะงั้น ถ้าได้ครูที่แตกฉานวิชาการ ผมว่าอย่างน้อยๆเลยนะ
เด็กที่ไม่ค่อยมีเงิน เขาจะได้ลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ไปได้บ้าง
เพราะเขายังสามารถตักตวงเนื้อหาวิชาการจากครูเก่งๆที่โรงเรียนตัวเองได้

-----------------------------------------------------------------------------

- แล้วอย่างวันก่อน ที่ถกเรื่องความแฟร์ ว่าทำไมวิชาชีพอื่นไม่เปิดสอบบ้างหล่ะ
ผมก็บอกแล้วว่า วิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ วิศวะ เขาจะกลัวหรอครับ

เปิดให้สอบมันทั้งประเทศเขายังไม่กลัวเลย ว่าใครจะมาแย่งงานเขาได้
เพราะโดย "ธรรมชาติ" ของวิชาชีพพวกนี้ มันเฉพาะทางมากๆ
ซึ่งต่างจากสายครูที่มันมีส่วนคาบเกี่ยวอยู่

แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงด้วยนะว่า
เหล่าคณะ พวกตระกูลแพทย์ + วิศวะ + คณะวิชาชีพที่เป็นเฉพาะทางมากๆ

คณะพวกนี้ แทบจะทั้งหมด ตอน Entrance เข้าไป
เขาก็แข่งขันกับคู่แข่งทั่วประเทศมาแล้วเช่นกัน
แล้วแข่งกันดุเดือดมากๆด้วยซ้ำ

ซึ่ง ณ จุดการ Entrance นี้ คณะสายครู แข่งขันกันเท่านี้หรือไม่ ?
ดังนั้นผลที่ออกมา เราจึงมักเห็นว่า ความเข้มแข็งของวิชาชีพ มันก็ต่างกัน

ยกตัวอย่างคณะแพทย์ ปีหนึ่งรับนักศึกษาได้เท่าไหร่เองครับ ไม่น่าถึง 2000 (ผิดขออภัย)
แล้วครุศาสตร์ รับได้เท่าไหร่ ?

ผมสมมตินะ : คนที่ตั้งใจสอบคณะ Pure วิทย์ แล้วสอบไม่ติด เขามีสิทธิโวยไหมครับ
ทำไมให้เด็กโรงเรียนเก่งๆมาสอบแข่งกับเขา
ทำไมไอพวกเก่งๆไม่ไปเรียนแค่ที่แพทย์ วิศวะ ... มาเรียนวิทย์ทำไม
นายแค่เฟลกับการเข้าคณะแพทย์ เลยมาเรียนคณะ Pure วิทย์ใช่มั้ย ?
---> ซึ่งมันก็ไม่เคยมีประเด็นแบบนี้ขึ้นมา ใครมีคุณสมบัตืมาสอบได้
แล้วแข็งกว่าก็สมหวังไป ก็เท่านั้น นี่แหละคือแฟร์

สุดท้าย หลักๆมันก็เรื่องของการแข่งขันอ่ะครับ
ถ้าการแข่งขันรุนแรงมาก เด็กก็น่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น

คนเสียประโยชน์ก็ต้องมีแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าแข่งขัน ต้องมีคนแพ้



- ทิ้งท้ายนะ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องการกังวลเรื่องการแย่งอาชีพซะมากกว่าหรือเปล่าเนี่ย
เพราะผมก็มองไม่ออกว่ามันถ่วงวงการการศึกษาอย่างไร

ผมอาจจะมองไม่เห็นในประเด็นอื่นๆนนะ ถ้าคิดไม่เหมือนผมไม่เป็นไรครับ

- เออ ผมงงนะ
ทำไมครูถึงกลัวการแย่งงาน (ถ้าจริงนะ)

เพราะผมเห็นอาชีพอื่นๆในตลาดบ้านเรา แทบทุกอาชีพ เขาก็อยู่ท่ามกลางการแข่งขันอยู่แล้วทั้งนั้น

เช่น ผมจบ Marketing ผมอาจโดนเด็ก Econ แย่งงานด้านการตลาดไปก็ได้
หรือผมจบรัฐศาสตร์ ไม่ได้แปลว่าผมจะได้เป็นนายอำเภอ
และมีอาชีพอีกมากมายเหลือเกิน ที่ผมเห็นว่าเขาก็โยกไปทำ แย่งกัน แข่งกัน ตลอดเวลา

คณะที่ถูกมองว่า ไม่ได้ถูกแย่งอาชีพ ตอน ป.ตรี
.... ก็อย่างที่ผมบอกไป
ว่าคณะพวกนี้ ตอน Entrance เขาก็แข่งกันเลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน
เขาเป็นผู้รอดชีวิตในสมรภูมิ ตั้งแต่วัยเด็กด้วยซ้ำไป











The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 2:51 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 15 Feb 2011
ตอบ: 9963
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:11 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
optino พิมพ์ว่า:

แล้วถามหน่อยครับว่าพวกที่จบเพียวมาจริงๆเขาอยากเป็นครูกันหรอครับ? ถ้าอยากเป็นทำไมไม่เรียนครูแต่แรก? พวกนี้ก็แค่เฟลในสายอาชีพตัวเองแล้วหันมาหาสิ่งอื่นที่ให้ความมั่นคงแล้วก็อ้างว่าตัวเองรู้เยอะรู้ดีกว่าพวกครูแค่นั้นแหละ  


ประเด็นนี้ ผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ 55555

- พวก Pure ไม่ว่าจะ Pure science หรือ Pure ทางศิลป์ (เช่น อักษรศาสตร์)
ถ้าอยากเรียนครู ทำไมไม่เรียนครูตั้งแต่แรก


ผมมองว่า : มันเป็นไปได้แบบที่ท่านคิดจริงๆครับ ผมเห็นด้วย
คือเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจเป็นครูแต่แรก (บางคน)

แต่เรื่อง "คุณภาพการเป็นครู" / "สิทธิในการสอบครู" / และสิทธิในการประกอบอาชีพอื่นๆ
มันก็ไม่ควรถูกประเมินด้วยมุมมองเพียงเท่านี้

เพราะอะไร ? เพราะถ้าประเมินด้วยมุมมองแบบนี้
ผมจะถามกลับบ้างว่า แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู ?

หรือผมอาจจะถามวิศวกรที่ทำงานอยู่บ้างว่า
" คุณอยากเป็นวิศวกรจริงหรอ หรือคุณอยากเป็นแพทย์ แต่พลาดสอบแพทย์ไม่ได้
ดังนั้น คุณไม่ควรวิศวกรที่ดีได้ ไม่งั้นทำไมคุณไม่ไปเรียนแพทย์แต่แรก
...คุณมาเรียนวิศวกร เพราะคุณเฟลกับสายอาชีพแพทย์เท่านั้น"

ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่นะผมว่า
ทำนองเดียวกัน จะบอกว่า พวก Pure Sci ตกงาน / เฟลกับสายอาชีพ
แต่เขาก็ควรมีสิทธิที่จะสอบแข่งอยู่นะ และไม่สามารถด่วนสรุปว่า
ถึงแม้เขาจะเฟลกับสายอาชีพเขาจริงๆแล้วเขาจะไม่สามารถเป็นครูที่ดีได้

ผมถึงคิดว่า ควรให้ลองไปสอบแข่ง(วิธีไหนอีกเรื่องนึงนะ) วัดกันไปเลยครับ

ผมเชื่อว่า คนเรียนครูเก่งๆเยอะแยะ ไม่ใช่จะแพ้เด็กเพียวเสมอไป
ซึ่งสุดท้าย ผลประโยชน์ตกอยู่ที่เด็กแน่นอน

-----------------------------------------------------------------

อันล่างนี่ ไม่เกี่ยวกับที่ผม Quote ของท่าน Optino มานะครับ

แต่ผมขอตอบมัดรวมในนี้เลย

- ส่วนประเด็นที่มองว่า พวกที่จะมาสอบได้ คงไม่เชิงเป็นพวก Top หรอก
เพราะผลตอบแทนอาชีพครู ไม่ถึงกับมาก

ผมขอตอบว่า

ยิ่งคนมาสอบเยอะ แนวโน้มของผลลัพธ์
มันควรจะได้ "คนที่เก่งมากกว่าเดิมหรือเก่งเท่ากับ"
การให้คนกลุ่มเดิม(กลุ่มที่เล็กกว่า) สอบ ไม่ใช่หรอครับ ?

โอเคว่าอาจจะไม่ได้ครูเป็นคนเก่งระดับสุดยอดก็จริง
เพราะคนเก่งก็คงกองกันที่คณะอื่น ไปทำอาชีพอื่น

... แต่ก็คงได้คนที่เก่งขึ้นแน่นอน หรือไม่ก็เก่งเท่าเดิม กับกฎเก่า
(คือยังไงมันก็ต้องดีขึ้นอ่ะ)

ผมคิดไม่ออกว่า มันจะได้ครูที่อ่อนๆมากกว่าเดิมได้ยังไง
ก็ในเมื่อถ้าสอบแข่งกันแล้ว ถ้าเขาทำได้คะแนนดีในระดับที่ได้รับคัดเลือก
ก็แปลว่า เขาเป็นเลิศเหนือคู่แข่ง ณ สนามสอบนั้น ถูกมั้ยครับ
(ก็เวลามันเลือกคนสอบติด มันวัดไล่จากบนลงล่างหนิ)

ซึ่ง "การแข่งขัน" มันจะกรองครูเก่งๆออกมาเอง จะเก่งกว่าเดิมมากแค่ไหน ก็อีกเรื่อง
(ไม่มีหรอกที่ให้คนสอบเยอะกว่าเดิม แล้วห่วยลง - พูดถึงแค่แง่เชิงวิชาการนะ)

เพราะงั้น ไม่ต้องกังวลหรอกประเด็นนี้หรอก ว่าเปิดให้คนสอบเยอะมากขึ้น
แล้วคุณภาพทางวิชาการของครูจะด้อยลง มันมีแต่จะเท่าเดิมกับเพิ่ม

ส่วนเรื่อง "จริยธรรม" อันนี้ผมไม่กล้าพูดไรมาก
เพราะเอาจริงๆมันวัดลำบาก คนเรียนวิชาจริยธรรมมา 2 ปีเต็ม 100 หน่วยกิต
จะบอกว่า สอนเด็กได้ดีกว่า ฟังแล้วผมทะแม่งๆ
คือมันก็ไม่แน่เสมอไป *ยังมีอีกหลายอย่างให้คำนึงถึง ขอเลี่ยงตัวนี้ไปครับ ไม่งั้นยาว*

ดังนั้นตัวชี้วัด ที่ผมว่าสำคัญจริงๆแล้วมันพอจับต้องได้เบื้องต้น
ก็เป็นเรื่อง "ความสามารถทางวิชาการ" เนี่ยแหละ

แล้วถ้าหากจะคิดว่า "ครูขอดีไว้ก่อนนะ เรื่องวิชาการเรื่องรอง"
ผมว่าน่ากังวลกับความคิดนี้นะ
เพราะฟังก์ชั่นหลักของการเป็นครู ก็ต้องวิชาการแตกฉานด้วย ดีด้วย
จะบอกอันไหนรอง หลัก มันก็ไม่ใช่มั้งครับ

ไม่งั้น จะยิ่งเห็นความเหลื่อมล้ำรุนแรง (ซึ่งได้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศนี้)
คือสมมติไม่มีเงินเรียนพิเศษกับเหล่าครูติวเตอร์เก่งๆ
โอกาสก้าวเข้าไปในคณะท้อปๆก็เสียเปรียบลูกคนมีเงินไปหลายช่วงตัวแล้ว

เพราะงั้น ถ้าได้ครูที่แตกฉานวิชาการ ผมว่าอย่างน้อยๆเลยนะ
เด็กที่ไม่ค่อยมีเงิน เขาจะได้ลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ไปได้บ้าง
เพราะเขายังสามารถตักตวงเนื้อหาวิชาการจากครูเก่งๆที่โรงเรียนตัวเองได้

-----------------------------------------------------------------------------

- แล้วอย่างวันก่อน ที่ถกเรื่องความแฟร์ ว่าทำไมวิชาชีพอื่นไม่เปิดสอบบ้างหล่ะ
ผมก็บอกแล้วว่า วิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ วิศวะ เขาจะกลัวหรอครับ

เปิดให้สอบมันทั้งประเทศเขายังไม่กลัวเลย ว่าใครจะมาแย่งงานเขาได้
เพราะโดย "ธรรมชาติ" ของวิชาชีพพวกนี้ มันเฉพาะทางมากๆ
ซึ่งต่างจากสายครูที่มันมีส่วนคาบเกี่ยวอยู่

แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงด้วยนะว่า
เหล่าคณะ พวกตระกูลแพทย์ + วิศวะ + คณะวิชาชีพที่เป็นเฉพาะทางมากๆ

คณะพวกนี้ แทบจะทั้งหมด ตอน Entrance เข้าไป
เขาก็แข่งขันกับคู่แข่งทั่วประเทศมาแล้วเช่นกัน
แล้วแข่งกันดุเดือดมากๆด้วยซ้ำ

ซึ่ง ณ จุดการ Entrance นี้ คณะสายครู แข่งขันกันเท่านี้หรือไม่ ?
ดังนั้นผลที่ออกมา เราจึงมักเห็นว่า ความเข้มแข็งของวิชาชีพ มันก็ต่างกัน

ยกตัวอย่างคณะแพทย์ ปีหนึ่งรับนักศึกษาได้เท่าไหร่เองครับ ไม่น่าถึง 2000 (ผิดขออภัย)
แล้วครุศาสตร์ รับได้เท่าไหร่ ?

ผมสมมตินะ : คนที่ตั้งใจสอบคณะ Pure วิทย์ แล้วสอบไม่ติด เขามีสิทธิโวยไหมครับ
ทำไมให้เด็กโรงเรียนเก่งๆมาสอบแข่งกับเขา
ทำไมไอพวกเก่งๆไม่ไปเรียนแค่ที่แพทย์ วิศวะ ... มาเรียนวิทย์ทำไม
นายแค่เฟลกับการเข้าคณะแพทย์ เลยมาเรียนคณะ Pure วิทย์ใช่มั้ย ?
---> ซึ่งมันก็ไม่เคยมีประเด็นแบบนี้ขึ้นมา ใครมีคุณสมบัตืมาสอบได้
แล้วแข็งกว่าก็สมหวังไป ก็เท่านั้น นี่แหละคือแฟร์

สุดท้าย หลักๆมันก็เรื่องของการแข่งขันอ่ะครับ
ถ้าการแข่งขันรุนแรงมาก เด็กก็น่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น

คนเสียประโยชน์ก็ต้องมีแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าแข่งขัน ต้องมีคนแพ้



- ทิ้งท้ายนะ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องการกังวลเรื่องการแย่งอาชีพซะมากกว่าหรือเปล่าเนี่ย
เพราะผมก็มองไม่ออกว่ามันถ่วงวงการการศึกษาอย่างไร

ผมอาจจะมองไม่เห็นในประเด็นอื่นๆนนะ ถ้าคิดไม่เหมือนผมไม่เป็นไรครับ

- เออ ผมงงนะ
ทำไมครูถึงกลัวการแย่งงาน (ถ้าจริงนะ)

เพราะผมเห็นอาชีพอื่นๆในตลาดบ้านเรา แทบทุกอาชีพ เขาก็อยู่ท่ามกลางการแข่งขันอยู่แล้วทั้งนั้น

เช่น ผมจบ Marketing ผมอาจโดนเด็ก Econ แย่งงานด้านการตลาดไปก็ได้
หรือผมจบรัฐศาสตร์ ไม่ได้แปลว่าผมจะได้เป็นนายอำเภอ
และมีอาชีพอีกมากมายเหลือเกิน ที่ผมเห็นว่าเขาก็โยกไปทำ แย่งกัน แข่งกัน ตลอดเวลา

คณะที่ถูกมองว่า ไม่ได้ถูกแย่งอาชีพ ตอน ป.ตรี
.... ก็อย่างที่ผมบอกไป
ว่าคณะพวกนี้ ตอน Entrance เขาก็แข่งกันเลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน
เขาเป็นผู้รอดชีวิตในสมรภูมิ ตั้งแต่วัยเด็กด้วยซ้ำไป











 
Spoil
 

แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู

มันคัดมาแล้วหน่อยนะครับ คนที่ไม่อยากเป็นครูมันจะไปแอดมิชชั่นเลือกครูทำไมละครับ

คิดถึงสมัยผมหรือคุณเลือกคณะเรียนสิครับ มีให้เลือก4อันดับเราใส่เอง พวกที่ตั้งใจจะเรียนอะไรก็จะเลือกคณะที่อยากเรียนเหมือนกันหมดทั้งอันดับ 1-4 แต่คนละมหาลัย

ไม่มีใครมันจะเลือกแบบ อันดับ 1วิทยาศาสตร์-เอกคณิต อันดับ2 มนุษย์ศาสตร์ญี่ปุ่น อันดับ3บริหารธุรกิจ แบบนี้คงไม่มีใครทำกัน แล้วยิ่งเป็นคณะศึกษาพวกที่เรียนสายวิทย์
แทบจะไม่เลือกครับเพราะบ้านเรามันถูกปลูกฝังเรื่องมาตลอดครับว่าให้มองว่า พวกสาย-ศิลป์คือพวกหัวไม่ดีเรียนไม่เก่ง

ส่วนเรื่องครูเก่งไม่เก่งนี่ผมพูดไปละนะว่าเนื้อหาการสอนมันไม่ยากครับ เพราะมันก็อิงกับหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษานั้นแหละ ให้เด็กมหาลัยที่มีความรู้ไปสอนก็ได้ สุดท้ายก็วัดกันที่ใครสอนแล้วเด็กสามารถเข้าใจ นำไปใช้ได้มากที่สุดนั้นแหละ
0
0




เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 1036
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:11 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  
คือสำหรับผมนะ คนจบครุไม่จำเป็นที่รักการสอน ความเป็นครูก็ใช่จะมีไม่งั้นไม่มีข่าวออกมาหรอก หลอกเด็ก แลกเกรดบลาๆๆๆ สำหรับผมมองว่าครุควรจะเรียนแค่4ปีเพื่อความเท่าเทียม แบ้วมารอบรอยแรกวัดความรู้ รอบสองวัดความเป็นครู หลักจิตวิทยาในการสอนหรืออะไรก็ว่าไป พอได้บรรจุก็ต้องมีประเมินการสอนจากเด็ก ผมว่าอย่างงี้น่าจะแฟร์ขึ้นนะ ก็เหมือนอ.ตามมหาลัยผมว่าก็ไม่ได้จบครุกันนะก็สอนได้ แล้วการศึกษาเราก็ต้องเลือกเรียนไปก่อน เรียนไปแล้วไม่ใช่ทาง แต่มารับจ้างสอนพิเศษเด็ก เออมันกับใช่สอนเด็กให้เจ้าใจได้ อาจจะเริ่มรักการสอนขึ้นมาก็ได้อย่างเช่น ก็ติวให้เพื่อน ละก็เคยสอนเด็กบ้างนิดหน่อย ก็เป็นความรู้สึกที่ดีนะที่ทำให้คนๆนึงเข้าใจในเนื้อหาการเรียนมากขึ้น สอบได้คะแนนมากขึ้น
ปล.ไม่จำเป็นที่คนเรียนครุเหมาะที่จะเป็นครูเสมอไปครับ
เข้าร่วม: 05 Dec 2010
ตอบ: 946
ที่อยู่: พื้นที่เล็กๆ
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:14 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Gunerklenium พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย


มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ด้วยความเคารพ
ตัวหนังสือสีแดงหมายถึงท่านผิดจรรยาบรรณของความเป็นครูแล้วครับ

 


ต้องการสื่อความหมายคำพูดของผมกับคลิปนี้ใช่ไหมครับ
1.สอนพิเศษนอกเวลา ผิดจรรยาบรรณ ไม่น่าจะใช่นะครับ เวลางานก็คือเวลางาน นอกเวลางานเราก็มีสิทธิของตัวเราเองนะครับ
2.ในคลิปหากอาจารย์ไปรับงานที่ได้เงิน นี่น่าจะเป็นการผิดคำพูดมากกว่านะ เพราะนัดเด็กไว้ก่อน แล้วไปรับงานอื่นทีหลัง จนทำให้ไม่สามารถไปสอนเด็กได้
3.ผมขอพูดตามสิ่งที่ได้เห็นจากในคลิปนี้นะครับ ในคลิปนี้เป็นวิชาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย ง่ายๆเองนะครับ ดริฟ กับ อินทิเกรต แล้วสมการไม่ยากเลย เบสิคมาก เหมือน 2*2 ถ้าตั้งใจเรียนในห้องยังไงก็ตอบได้ ไม่ก็ถามเพื่อนคนอื่นในห้องยังไงก็มีคนตอบได้ คลิปนี้ผมมองตามความจริงเลย จัดทำออกมาเพื่อ...อาจารย์
4.หากเด็กอยากปรึกษา ถ้าตอนเย็นไม่ว่าง เวลาอื่นมีเยอะแยะนะครับ ช่วงพักเที่ยง ช่วงคาบว่าง ช่วงคาบกิจกรรม ช่วงในคาบของอาจารย์ นัดมาเลย
5.บางทีการป้อนให้เด็กมากเกินไปจนคิดอะไรเองไม่เป็น ก็จะส่งผลเสียนะครับ เราควรลองให้เด็กคิดเองมาก่อน ถ้าคิดไม่ออกจิงๆให้มาถาม ไม่ใช่ติดนิดๆหน่อยๆก็มาถามแล้ว อย่างนี้ก็ไม่ไหว

สุดท้าย
- การพิมพ์ของผมอาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ผมก็พิมพ์ตามความจริงของโลกปัจจุบันที่ได้เห็นและได้รับรู้มา
- ลองถามเด็กดูหรือยังล่ะครับ ว่าทำไมต้องไปเรียนพิเศษ ความรู้ในห้องไม่พอหรอ เสียเงินและเสียเวลาที่จะได้พักผ่อน
เข้าร่วม: 05 Dec 2010
ตอบ: 946
ที่อยู่: พื้นที่เล็กๆ
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:28 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  


- อาจารย์สมัยเมื่อก่อนที่มีแค่ ป.4 ป.6 ไม่มีใครจบคณะครุศาสตร์ซักคน ยังเป็นอาจารย์ได้ สอนกันมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่า อาจารย์ไม่มีความเป็นครุ

- ผมว่าอย่าอ้างมาลอยๆเลยครับ ความเป็นครุ ถ้ามีให้ทดสอบความเป็นครุ แล้วผมได้คะแนนเต็ม แสดงว่าผมเป็นครูที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ

- ลองถามเด็กไหมครับ อยากได้ครูที่มีความเป็นครุ หรือครูที่มีความรู้

คุยกันด้วย สิ่งที่จับต้องได้ดีกว่าครับ มัวแต่คุยถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เหมือนเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6422
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:39 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Spoil
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  
 


ทำไมถึงคิดว่าเด็กจะเป็นหนูทดลองครับ ทำไมท่านถึงยืนยันว่าคนที่ไม่ได้เรียนครูจะสอนไม่ได้ครับ
0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:46 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
PorchBlue พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  


- อาจารย์สมัยเมื่อก่อนที่มีแค่ ป.4 ป.6 ไม่มีใครจบคณะครุศาสตร์ซักคน ยังเป็นอาจารย์ได้ สอนกันมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่า อาจารย์ไม่มีความเป็นครุ

- ผมว่าอย่าอ้างมาลอยๆเลยครับ ความเป็นครุ ถ้ามีให้ทดสอบความเป็นครุ แล้วผมได้คะแนนเต็ม แสดงว่าผมเป็นครูที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ

- ลองถามเด็กไหมครับ อยากได้ครูที่มีความเป็นครุ หรือครูที่มีความรู้

คุยกันด้วย สิ่งที่จับต้องได้ดีกว่าครับ มัวแต่คุยถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เหมือนเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก  


เจอข้อนี้ผมลั่นอะ เราต้องยกระดับความ เป็นครูให้มากขึ้น คณะคุรุศาสตรืเกิดจากการ ความต้องการยกระดับ ครุ ให้ ดียิ่งกว่าเมื่อก่อน เหมือนสิงคโปร ที่ยกระดับ อาชิพครุด้วยการ สร้างสถาบันสำหรับครุโดยเฉพาะ แทนที่เราจะพัฒนนาจุดนี้่ไปเรื่อย ดันอยากหยุดซะงั้น

ถามผม ผมอยากได้ คนที่สอนดี มาก กว่า คนเก่ง แต่สอนไม่เอาไหน
ผมเจอมาแล้ว พวกอีโก้สูง เรียนมาสูง แต่สอนโครตห่วย ในระดับมหาลัย ผม ไม่ทำข้อสอบที่แกออกจำนวน สี่สิบข้อ แล้วเขียนไปในหลังกระดาษ ข้อสอบ ว่า สอนได้แย่
ผมก็ทำมาแล้ว ทั้งที่เป้นเรื่องที่ผมถนัดที่สุด

แล้ว ครุเดี่ยวนี้ผมว่าครูเก่งครับ เพราะ แยก เป็น เอก สาขาชัดแจน หลายทีหลายมหาลัย ฯอกจงเรียนรุ้การเป้นครูด้วย

แล้วถามหน่อยเหอะ มัน่ใจแค่ไหนว่าพวกที่มาสอบใคร จะไม่มีพวก ว่างงานเตะฝุ่น มาสอบเพื่อ อยากมีงานทำ
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:52 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Satchelsea พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  
คือสำหรับผมนะ คนจบครุไม่จำเป็นที่รักการสอน ความเป็นครูก็ใช่จะมีไม่งั้นไม่มีข่าวออกมาหรอก หลอกเด็ก แลกเกรดบลาๆๆๆ สำหรับผมมองว่าครุควรจะเรียนแค่4ปีเพื่อความเท่าเทียม แบ้วมารอบรอยแรกวัดความรู้ รอบสองวัดความเป็นครู หลักจิตวิทยาในการสอนหรืออะไรก็ว่าไป พอได้บรรจุก็ต้องมีประเมินการสอนจากเด็ก ผมว่าอย่างงี้น่าจะแฟร์ขึ้นนะ ก็เหมือนอ.ตามมหาลัยผมว่าก็ไม่ได้จบครุกันนะก็สอนได้ แล้วการศึกษาเราก็ต้องเลือกเรียนไปก่อน เรียนไปแล้วไม่ใช่ทาง แต่มารับจ้างสอนพิเศษเด็ก เออมันกับใช่สอนเด็กให้เจ้าใจได้ อาจจะเริ่มรักการสอนขึ้นมาก็ได้อย่างเช่น ก็ติวให้เพื่อน ละก็เคยสอนเด็กบ้างนิดหน่อย ก็เป็นความรู้สึกที่ดีนะที่ทำให้คนๆนึงเข้าใจในเนื้อหาการเรียนมากขึ้น สอบได้คะแนนมากขึ้น
ปล.ไม่จำเป็นที่คนเรียนครุเหมาะที่จะเป็นครูเสมอไปครับ  


ถึงยิ่งต้องมีการคัดกรองให้มากขึ้น เท่าที่มากที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่า จะได้คนที่ต้องการ อยากมาเป้นครูจริงๆ มาเป้นคร ไม่ใช่ พวกว่างงานเตะฝุ่น มาลองสอบ
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 25 Apr 2015
ตอบ: 7336
ที่อยู่: https://wd.thaibuffer.com/o/photo/773/kapook_world-769765.gif
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:52 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
Spoil
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  
 


ทำไมถึงคิดว่าเด็กจะเป็นหนูทดลองครับ ทำไมท่านถึงยืนยันว่าคนที่ไม่ได้เรียนครูจะสอนไม่ได้ครับ  

แค่นี้ยังไม่ชัดอีกหรอครับ
ดูคุณมั่นใจเหลือเกินนะว่า ต้องได้คนที่เก่งโครตๆ มาสอน เด็กแน่ๆ

ถามจริง ถ้าเก่งโครตๆขนาดนั้นไม่ไปสอบตำรวจ สอบ อัยการ สอบหมอ อะไรที่เงินเดือนมากกว่าครูหละ
0
0

ปิดลายเซ็นชั่วคราว
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8750
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 3:55 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
optino พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
optino พิมพ์ว่า:

แล้วถามหน่อยครับว่าพวกที่จบเพียวมาจริงๆเขาอยากเป็นครูกันหรอครับ? ถ้าอยากเป็นทำไมไม่เรียนครูแต่แรก? พวกนี้ก็แค่เฟลในสายอาชีพตัวเองแล้วหันมาหาสิ่งอื่นที่ให้ความมั่นคงแล้วก็อ้างว่าตัวเองรู้เยอะรู้ดีกว่าพวกครูแค่นั้นแหละ  


ประเด็นนี้ ผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ 55555

- พวก Pure ไม่ว่าจะ Pure science หรือ Pure ทางศิลป์ (เช่น อักษรศาสตร์)
ถ้าอยากเรียนครู ทำไมไม่เรียนครูตั้งแต่แรก


ผมมองว่า : มันเป็นไปได้แบบที่ท่านคิดจริงๆครับ ผมเห็นด้วย
คือเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจเป็นครูแต่แรก (บางคน)

แต่เรื่อง "คุณภาพการเป็นครู" / "สิทธิในการสอบครู" / และสิทธิในการประกอบอาชีพอื่นๆ
มันก็ไม่ควรถูกประเมินด้วยมุมมองเพียงเท่านี้

เพราะอะไร ? เพราะถ้าประเมินด้วยมุมมองแบบนี้
ผมจะถามกลับบ้างว่า แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู ?

หรือผมอาจจะถามวิศวกรที่ทำงานอยู่บ้างว่า
" คุณอยากเป็นวิศวกรจริงหรอ หรือคุณอยากเป็นแพทย์ แต่พลาดสอบแพทย์ไม่ได้
ดังนั้น คุณไม่ควรวิศวกรที่ดีได้ ไม่งั้นทำไมคุณไม่ไปเรียนแพทย์แต่แรก
...คุณมาเรียนวิศวกร เพราะคุณเฟลกับสายอาชีพแพทย์เท่านั้น"

ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่นะผมว่า
ทำนองเดียวกัน จะบอกว่า พวก Pure Sci ตกงาน / เฟลกับสายอาชีพ
แต่เขาก็ควรมีสิทธิที่จะสอบแข่งอยู่นะ และไม่สามารถด่วนสรุปว่า
ถึงแม้เขาจะเฟลกับสายอาชีพเขาจริงๆแล้วเขาจะไม่สามารถเป็นครูที่ดีได้

ผมถึงคิดว่า ควรให้ลองไปสอบแข่ง(วิธีไหนอีกเรื่องนึงนะ) วัดกันไปเลยครับ

ผมเชื่อว่า คนเรียนครูเก่งๆเยอะแยะ ไม่ใช่จะแพ้เด็กเพียวเสมอไป
ซึ่งสุดท้าย ผลประโยชน์ตกอยู่ที่เด็กแน่นอน

-----------------------------------------------------------------

อันล่างนี่ ไม่เกี่ยวกับที่ผม Quote ของท่าน Optino มานะครับ

แต่ผมขอตอบมัดรวมในนี้เลย

- ส่วนประเด็นที่มองว่า พวกที่จะมาสอบได้ คงไม่เชิงเป็นพวก Top หรอก
เพราะผลตอบแทนอาชีพครู ไม่ถึงกับมาก

ผมขอตอบว่า

ยิ่งคนมาสอบเยอะ แนวโน้มของผลลัพธ์
มันควรจะได้ "คนที่เก่งมากกว่าเดิมหรือเก่งเท่ากับ"
การให้คนกลุ่มเดิม(กลุ่มที่เล็กกว่า) สอบ ไม่ใช่หรอครับ ?

โอเคว่าอาจจะไม่ได้ครูเป็นคนเก่งระดับสุดยอดก็จริง
เพราะคนเก่งก็คงกองกันที่คณะอื่น ไปทำอาชีพอื่น

... แต่ก็คงได้คนที่เก่งขึ้นแน่นอน หรือไม่ก็เก่งเท่าเดิม กับกฎเก่า
(คือยังไงมันก็ต้องดีขึ้นอ่ะ)

ผมคิดไม่ออกว่า มันจะได้ครูที่อ่อนๆมากกว่าเดิมได้ยังไง
ก็ในเมื่อถ้าสอบแข่งกันแล้ว ถ้าเขาทำได้คะแนนดีในระดับที่ได้รับคัดเลือก
ก็แปลว่า เขาเป็นเลิศเหนือคู่แข่ง ณ สนามสอบนั้น ถูกมั้ยครับ
(ก็เวลามันเลือกคนสอบติด มันวัดไล่จากบนลงล่างหนิ)

ซึ่ง "การแข่งขัน" มันจะกรองครูเก่งๆออกมาเอง จะเก่งกว่าเดิมมากแค่ไหน ก็อีกเรื่อง
(ไม่มีหรอกที่ให้คนสอบเยอะกว่าเดิม แล้วห่วยลง - พูดถึงแค่แง่เชิงวิชาการนะ)

เพราะงั้น ไม่ต้องกังวลหรอกประเด็นนี้หรอก ว่าเปิดให้คนสอบเยอะมากขึ้น
แล้วคุณภาพทางวิชาการของครูจะด้อยลง มันมีแต่จะเท่าเดิมกับเพิ่ม

ส่วนเรื่อง "จริยธรรม" อันนี้ผมไม่กล้าพูดไรมาก
เพราะเอาจริงๆมันวัดลำบาก คนเรียนวิชาจริยธรรมมา 2 ปีเต็ม 100 หน่วยกิต
จะบอกว่า สอนเด็กได้ดีกว่า ฟังแล้วผมทะแม่งๆ
คือมันก็ไม่แน่เสมอไป *ยังมีอีกหลายอย่างให้คำนึงถึง ขอเลี่ยงตัวนี้ไปครับ ไม่งั้นยาว*

ดังนั้นตัวชี้วัด ที่ผมว่าสำคัญจริงๆแล้วมันพอจับต้องได้เบื้องต้น
ก็เป็นเรื่อง "ความสามารถทางวิชาการ" เนี่ยแหละ

แล้วถ้าหากจะคิดว่า "ครูขอดีไว้ก่อนนะ เรื่องวิชาการเรื่องรอง"
ผมว่าน่ากังวลกับความคิดนี้นะ
เพราะฟังก์ชั่นหลักของการเป็นครู ก็ต้องวิชาการแตกฉานด้วย ดีด้วย
จะบอกอันไหนรอง หลัก มันก็ไม่ใช่มั้งครับ

ไม่งั้น จะยิ่งเห็นความเหลื่อมล้ำรุนแรง (ซึ่งได้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศนี้)
คือสมมติไม่มีเงินเรียนพิเศษกับเหล่าครูติวเตอร์เก่งๆ
โอกาสก้าวเข้าไปในคณะท้อปๆก็เสียเปรียบลูกคนมีเงินไปหลายช่วงตัวแล้ว

เพราะงั้น ถ้าได้ครูที่แตกฉานวิชาการ ผมว่าอย่างน้อยๆเลยนะ
เด็กที่ไม่ค่อยมีเงิน เขาจะได้ลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ไปได้บ้าง
เพราะเขายังสามารถตักตวงเนื้อหาวิชาการจากครูเก่งๆที่โรงเรียนตัวเองได้

-----------------------------------------------------------------------------

- แล้วอย่างวันก่อน ที่ถกเรื่องความแฟร์ ว่าทำไมวิชาชีพอื่นไม่เปิดสอบบ้างหล่ะ
ผมก็บอกแล้วว่า วิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ วิศวะ เขาจะกลัวหรอครับ

เปิดให้สอบมันทั้งประเทศเขายังไม่กลัวเลย ว่าใครจะมาแย่งงานเขาได้
เพราะโดย "ธรรมชาติ" ของวิชาชีพพวกนี้ มันเฉพาะทางมากๆ
ซึ่งต่างจากสายครูที่มันมีส่วนคาบเกี่ยวอยู่

แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงด้วยนะว่า
เหล่าคณะ พวกตระกูลแพทย์ + วิศวะ + คณะวิชาชีพที่เป็นเฉพาะทางมากๆ

คณะพวกนี้ แทบจะทั้งหมด ตอน Entrance เข้าไป
เขาก็แข่งขันกับคู่แข่งทั่วประเทศมาแล้วเช่นกัน
แล้วแข่งกันดุเดือดมากๆด้วยซ้ำ

ซึ่ง ณ จุดการ Entrance นี้ คณะสายครู แข่งขันกันเท่านี้หรือไม่ ?
ดังนั้นผลที่ออกมา เราจึงมักเห็นว่า ความเข้มแข็งของวิชาชีพ มันก็ต่างกัน

ยกตัวอย่างคณะแพทย์ ปีหนึ่งรับนักศึกษาได้เท่าไหร่เองครับ ไม่น่าถึง 2000 (ผิดขออภัย)
แล้วครุศาสตร์ รับได้เท่าไหร่ ?

ผมสมมตินะ : คนที่ตั้งใจสอบคณะ Pure วิทย์ แล้วสอบไม่ติด เขามีสิทธิโวยไหมครับ
ทำไมให้เด็กโรงเรียนเก่งๆมาสอบแข่งกับเขา
ทำไมไอพวกเก่งๆไม่ไปเรียนแค่ที่แพทย์ วิศวะ ... มาเรียนวิทย์ทำไม
นายแค่เฟลกับการเข้าคณะแพทย์ เลยมาเรียนคณะ Pure วิทย์ใช่มั้ย ?
---> ซึ่งมันก็ไม่เคยมีประเด็นแบบนี้ขึ้นมา ใครมีคุณสมบัตืมาสอบได้
แล้วแข็งกว่าก็สมหวังไป ก็เท่านั้น นี่แหละคือแฟร์

สุดท้าย หลักๆมันก็เรื่องของการแข่งขันอ่ะครับ
ถ้าการแข่งขันรุนแรงมาก เด็กก็น่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น

คนเสียประโยชน์ก็ต้องมีแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าแข่งขัน ต้องมีคนแพ้



- ทิ้งท้ายนะ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องการกังวลเรื่องการแย่งอาชีพซะมากกว่าหรือเปล่าเนี่ย
เพราะผมก็มองไม่ออกว่ามันถ่วงวงการการศึกษาอย่างไร

ผมอาจจะมองไม่เห็นในประเด็นอื่นๆนนะ ถ้าคิดไม่เหมือนผมไม่เป็นไรครับ

- เออ ผมงงนะ
ทำไมครูถึงกลัวการแย่งงาน (ถ้าจริงนะ)

เพราะผมเห็นอาชีพอื่นๆในตลาดบ้านเรา แทบทุกอาชีพ เขาก็อยู่ท่ามกลางการแข่งขันอยู่แล้วทั้งนั้น

เช่น ผมจบ Marketing ผมอาจโดนเด็ก Econ แย่งงานด้านการตลาดไปก็ได้
หรือผมจบรัฐศาสตร์ ไม่ได้แปลว่าผมจะได้เป็นนายอำเภอ
และมีอาชีพอีกมากมายเหลือเกิน ที่ผมเห็นว่าเขาก็โยกไปทำ แย่งกัน แข่งกัน ตลอดเวลา

คณะที่ถูกมองว่า ไม่ได้ถูกแย่งอาชีพ ตอน ป.ตรี
.... ก็อย่างที่ผมบอกไป
ว่าคณะพวกนี้ ตอน Entrance เขาก็แข่งกันเลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน
เขาเป็นผู้รอดชีวิตในสมรภูมิ ตั้งแต่วัยเด็กด้วยซ้ำไป



 
 

แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู

มันคัดมาแล้วหน่อยนะครับ คนที่ไม่อยากเป็นครูมันจะไปแอดมิชชั่นเลือกครูทำไมละครับ

คิดถึงสมัยผมหรือคุณเลือกคณะเรียนสิครับ มีให้เลือก4อันดับเราใส่เอง พวกที่ตั้งใจจะเรียนอะไรก็จะเลือกคณะที่อยากเรียนเหมือนกันหมดทั้งอันดับ 1-4 แต่คนละมหาลัย

ไม่มีใครมันจะเลือกแบบ อันดับ 1วิทยาศาสตร์-เอกคณิต อันดับ2 มนุษย์ศาสตร์ญี่ปุ่น อันดับ3บริหารธุรกิจ แบบนี้คงไม่มีใครทำกัน แล้วยิ่งเป็นคณะศึกษาพวกที่เรียนสายวิทย์
แทบจะไม่เลือกครับเพราะบ้านเรามันถูกปลูกฝังเรื่องมาตลอดครับว่าให้มองว่า พวกสาย-ศิลป์คือพวกหัวไม่ดีเรียนไม่เก่ง

ส่วนเรื่องครูเก่งไม่เก่งนี่ผมพูดไปละนะว่าเนื้อหาการสอนมันไม่ยากครับ เพราะมันก็อิงกับหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษานั้นแหละ ให้เด็กมหาลัยที่มีความรู้ไปสอนก็ได้ สุดท้ายก็วัดกันที่ใครสอนแล้วเด็กสามารถเข้าใจ นำไปใช้ได้มากที่สุดนั้นแหละ  


ถาม : มันคัดมาแล้วหน่อยนะครับ
คนที่ไม่อยากเป็นครูมันจะไปแอดมิชชั่นเลือกครูทำไมละครับ


ตอบ - ผมไม่ได้เหมานะครับท่าน ผมเชื่อว่าคนอยากเป็นครูจริงๆ มีแน่นอน
แต่คนไม่อยากเป็นครู แต่มาเรียนครู (ด้วยเหตุผลใดๆก็ตามสารพัด) ก็มีให้เห็น
ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่คณะครูนะครับ จริงๆมันก็ทุกคณะแหละ
มันย่อมมีคน ที่ทั้งตั้งใจมาเรียนแต่แรก กับพวกที่ "จับพลัดจับผลู"


ถาม : คิดถึงสมัยผมหรือคุณเลือกคณะเรียนสิครับ มีให้เลือก4อันดับเราใส่เอง พวกที่ตั้งใจจะเรียนอะไรก็จะเลือกคณะที่อยากเรียนเหมือนกันหมดทั้งอันดับ 1-4 แต่คนละมหาลัย

ตอบ - ยุคสมัยผม เร็วๆนี้แหละครับ 5555
มันก็มีทั้ง 2 แบบนะ (ในสังคมที่ผมอยู่)

มันมีทั้งประเภท เลือกคณะกระจายออก เช่น เลือก วิศวะ+บัญชี+เศรษฐศาสตร์+วิทยา
หรืออีกประเภท เลือก วิศวะ รวดทั้ง 4 อันดับแต่คนละสถาบัน

ดังนั้นจากประโยคนี้
"ไม่มีใครมันจะเลือกแบบ อันดับ 1วิทยาศาสตร์-เอกคณิต อันดับ2 มนุษย์ศาสตร์ญี่ปุ่น อันดับ3บริหารธุรกิจ แบบนี้คงไม่มีใครทำกัน"

ผมขอตอบว่า มี ครับ

ผมถึงได้เสนอความเห็นในเม้นต์ก่อนไปว่า
มันเลยสรุปไม่ได้เสียทีเดียว ว่า คนที่มาเรียนเขาตั้งใจจะมาเรียนคณะนี้จริงๆแต่แรก
เพราะแต่ละคนก็ต่างเหตุผลกันออกไป

ถาม : แล้วยิ่งเป็นคณะศึกษาพวกที่เรียนสายวิทย์
แทบจะไม่เลือกครับเพราะบ้านเรามันถูกปลูกฝังเรื่องมาตลอดครับว่าให้มองว่า พวกสาย-ศิลป์คือพวกหัวไม่ดีเรียนไม่เก่ง


ตอบ - สังคมผมไม่ใช่ครับ
รอบๆตัวผม หลายๆคน จบมัธยมปลายด้วยการเป็นเด็กสายวิทย์
และเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะสายศิลป์ เป็นจำนวนไม่น้อย
ซึ่งไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง

แล้วค่านิยมเรื่องสายศิลป์อ่อนกว่าสายวิทย์ ผมมองว่าเป็นวิธีคิดโบราณมากๆ
และยิ่งไม่จริงในสมัยนี้

ลองไปดูสภาพการแข่งขัน ดูคะแนน Ent ของนิสิตในคณะเหล่านี้ดูก็ได้ครับ
- อักษรศาสตร์/ นิติศาสตร์ / นิเทศศาสตร์ / บัญชี / เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆอีกมาก
(คือเอาจริงๆผมมองว่า คนเก่งมีเกือบทุกคณะในสายศิลป์ด้วยซ้ำไป)

ถ้าเอาเด็กอันดับ Top10 ของ Admission ย้อนหลังไปไม่กี่ปี
จะพบว่า มีเด็กในคณะแผนศิลป์ติดมามากมาย ที่เห็นบ่อยๆก็ รัฐศาสตร์ บัญชี นิเทศ นิติ
เผลอๆติดอันดับกันเยอะกว่าคณะสายวิทย์ซะอีก

(ถึงแม้คะแนนสายวิทย์ กับ ศิลป์ จะเทียบกันไม่ได้เป๊ะๆ
แต่มันก็พอเข้าใจได้ว่า เรื่องเด็กเรียนสายศิลป์ คือเด็กที่ไม่เก่ง ...ไม่เป็นความจรีงครับ)

ผมไม่ได้คิดเองนะครับ ถึงได้บอกให้ไปดูคะแนนสอบ Ent ของคณะเหล่านี้




The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6422
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 4:33 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
Spoil
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  
 


ทำไมถึงคิดว่าเด็กจะเป็นหนูทดลองครับ ทำไมท่านถึงยืนยันว่าคนที่ไม่ได้เรียนครูจะสอนไม่ได้ครับ  

แค่นี้ยังไม่ชัดอีกหรอครับ
ดูคุณมั่นใจเหลือเกินนะว่า ต้องได้คนที่เก่งโครตๆ มาสอน เด็กแน่ๆ

ถามจริง ถ้าเก่งโครตๆขนาดนั้นไม่ไปสอบตำรวจ สอบ อัยการ สอบหมอ อะไรที่เงินเดือนมากกว่าครูหละ  


สอบตำรวจนายสิบนี่ต้องเก่งหรอครับ เพื่อนผมขี้ยา มหาลัยไม่จบ เอาวุฒิ ม.6 ไปสอบนายสิบ ตอนนี้กำลังฝึกอยู่

คนที่จะสอบอัยการได้คือคนที่จบเนติบัณฑิตครับ ซึ่งกว่าจะจบเนติได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ต้องผ่านทั้งหมด 4 ขา(แพ่ง,อาญา,วิแพ่ง,วิอาญา)

หมอเขาต้องเริ่มเรียนตั้งแต่ ป.ตรี ครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับการสอบครูผู้ช่วยเลย คงไม่มีหมอคนไหนที่จบแพทย์แล้วจะมาสอนสุขศึกษาหรอกครับ

อาชีพที่คุณพูดมานี่ไม่มีใครเขาไปสอบเป็นครูกันหรอกครับ มันคนละทางกันเลย

ยังไม่ต้องมาแย้งผมนะครับ ตอบคำถามที่ผมถามไป 2 ข้อนั่นก่อนครับ
1
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2010
ตอบ: 946
ที่อยู่: พื้นที่เล็กๆ
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 4:44 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  


- อาจารย์สมัยเมื่อก่อนที่มีแค่ ป.4 ป.6 ไม่มีใครจบคณะครุศาสตร์ซักคน ยังเป็นอาจารย์ได้ สอนกันมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่า อาจารย์ไม่มีความเป็นครุ

- ผมว่าอย่าอ้างมาลอยๆเลยครับ ความเป็นครุ ถ้ามีให้ทดสอบความเป็นครุ แล้วผมได้คะแนนเต็ม แสดงว่าผมเป็นครูที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ

- ลองถามเด็กไหมครับ อยากได้ครูที่มีความเป็นครุ หรือครูที่มีความรู้

คุยกันด้วย สิ่งที่จับต้องได้ดีกว่าครับ มัวแต่คุยถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เหมือนเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก  


เจอข้อนี้ผมลั่นอะ เราต้องยกระดับความ เป็นครูให้มากขึ้น คณะคุรุศาสตรืเกิดจากการ ความต้องการยกระดับ ครุ ให้ ดียิ่งกว่าเมื่อก่อน เหมือนสิงคโปร ที่ยกระดับ อาชิพครุด้วยการ สร้างสถาบันสำหรับครุโดยเฉพาะ แทนที่เราจะพัฒนนาจุดนี้่ไปเรื่อย ดันอยากหยุดซะงั้น

ถามผม ผมอยากได้ คนที่สอนดี มาก กว่า คนเก่ง แต่สอนไม่เอาไหน
ผมเจอมาแล้ว พวกอีโก้สูง เรียนมาสูง แต่สอนโครตห่วย ในระดับมหาลัย ผม ไม่ทำข้อสอบที่แกออกจำนวน สี่สิบข้อ แล้วเขียนไปในหลังกระดาษ ข้อสอบ ว่า สอนได้แย่
ผมก็ทำมาแล้ว ทั้งที่เป้นเรื่องที่ผมถนัดที่สุด

แล้ว ครุเดี่ยวนี้ผมว่าครูเก่งครับ เพราะ แยก เป็น เอก สาขาชัดแจน หลายทีหลายมหาลัย ฯอกจงเรียนรุ้การเป้นครูด้วย

แล้วถามหน่อยเหอะ มัน่ใจแค่ไหนว่าพวกที่มาสอบใคร จะไม่มีพวก ว่างงานเตะฝุ่น มาสอบเพื่อ อยากมีงานทำ  


- มันมีอยู่แล้ว ว่างงาน เตะฝุ่น ที่จะมาสอบ

- แต่ถ้าพวกนี้สอบติด ก็ได้เป็นครู แฟร์ๆ ไม่เห็นคิดยากตรงไหน

- แล้วคุณรู้ได้ไงว่าพวกที่ ว่างงาน เตะฝุ่น จะเป็นครูไม่ได้

- ตัดสินคนพวกนั้นตั้งแต่ยังไม่รู้จัก อคติเกินไปรึป่าว

- ถ้าครูเก่ง มีคุณภาพ ก็มาสอบแข่งกันสิ จะกลัวทำไม ไม่เข้าใจ

- ส่วนเรื่องยกระดับความเป็นครุ แล้วการเปิดสอบนี่ไม่ยกระดับตรงไหนงง ยังช่วยเพิ่มการแข่งขันในการสอบเข้าเป้นครูอีกด้วย

- ถ้ามีให้ทดสอบความเป็นครุ แล้วผมได้คะแนนเต็ม แสดงว่าผมเป็นครูที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ (ตอบด้วยนะครับ)

- ถ้าได้พวกที่เก่ง แต่มีอีโก้สูงมาเป้นครู พวกนี้ก็จะแค่สอบผ่าน ส่วนขั้นตอนที่ไปอบรม 1 ปี เพื่อรอบรรจุ ก็ไม่ผ่านไง หรือถ้าได้บรรจุไปแล้ว ผมก็บอกไปแล้วให้มีการประเมินทุกๆเทอมเหมือนมหาวิทยาลัยไง เรื่องแบบนี้มันแก้ง่าย และควรมีบทลงโทษที่ชัดเจน

- ส่วนการที่ไม่ยอมทำข้อสอบ มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าโชว์อะไร เป็นการกระทำที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ ไม่ทำข้อสอบ 40 ข้อ เกรดจะหายไปเท่าไร สำหรับผมอาจจะ F ก็เป้นไปได้ และผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้แน่นอน เหตุผลที่ทำก็มีแค่เพื่อประชด ลองเทียบกับสิ่งที่เสียไป ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าอาจารย์สอนไม่รู้เรื่องมันก็มีวิธีแก้อยู่ ตอนประเมินอาจารย์
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 606
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 4:57 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
papangkron พิมพ์ว่า:
ประเด็นคือถ้าให้เค้าเรียนหลักสูตร 5 ปีมันก็ต้องมีอะไรมารองรับบ้าง อย่างหมอเรียน 6 ปีก็จริงแต่จบมามีงานทำเลย อันนี้เรียน 5 ปีจบมาลอยคอเค้าเฉย

ผมว่าถ้าจะเอาอย่างนั้น ยุบคณะครุไปเลย แล้วใครอยากเป็นครูไปเรียนฝึกสอนแบบที่นิติอยากเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาต้องไปต่อเน มันจะดีกว่ามั้ย  

จริงๆมันก็เรียน 4 ปีนั่นแหละครับ ปีที่ 5 ฝึกสอน ครับ
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 606
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 5:11 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
Spoil
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  
 


ทำไมถึงคิดว่าเด็กจะเป็นหนูทดลองครับ ทำไมท่านถึงยืนยันว่าคนที่ไม่ได้เรียนครูจะสอนไม่ได้ครับ  

แค่นี้ยังไม่ชัดอีกหรอครับ
ดูคุณมั่นใจเหลือเกินนะว่า ต้องได้คนที่เก่งโครตๆ มาสอน เด็กแน่ๆ

ถามจริง ถ้าเก่งโครตๆขนาดนั้นไม่ไปสอบตำรวจ สอบ อัยการ สอบหมอ อะไรที่เงินเดือนมากกว่าครูหละ  

ทำไมผมฮาครับ ส่วนมากไปตกภาค ข กันหมดแหละครับ 555 คนที่เค้าเรียนครุศาสตร์จริงๆ หรือเรียนป.บัณฑิต เขาก็จะไปได้คะแนนในภาควิชาการศึกษา ซึ่งปีหลังๆนี่ยากกว่าภาค ก หรือวิชาเอกยุแล้ว ถ้าผ่านเขาคงจะเก่งจริงๆและครับประมาณคะแนนเกือบเต็มวิชาเอก แล้ว + กับวิชาการศึกษา ต้องได้ประมาณ 90 คะแนน แน่นอนคนสมัครเยอะ ได้เงินค่าสมัครเพียบแน่ และข้อสอบจะไปยากที่ภาค ข สอบตอนบ่ายๆนี่ชวนง่วงสุดๆครับ
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 606
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 5:22 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
PorchBlue พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
Katrina Kaif พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  


ผมเห็นด้วยกับท่านเต็มๆ เลย

ผมว่าเด็กได้ประโยชน์เต็มๆ ครับ แต่ที่ครูเดือดร้อนเพราะกลัวว่าคนนอกจะเก่งกว่าตัวเองหรือกลัวโดนแย่งงานก็ว่ากันไป.. อาจจะแรงไปนะครับ แต่ผมว่าจริง คนจบสายตรงยังไงก็เก่งกว่าคนจบครู(ด้านความรู้) แต่เรื่องจิตวิทยาในการสอนยังไงคนจบครูก็เก่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ายังเอิญได้คนที่ทั้งเก่งและสอนเป็นอีก ประโยชน์จะไปตกที่ใครล่ะครับ ก็เด็กนักเรียนสิครับ  


ผมเห็นตรงข้าม เด็กเป้นหนุทดลองเต็มๆ เอาคนเก่งแต่ ความเป้นครุไม่รุ้มีเปล่า มาทดลองสอน  


- อาจารย์สมัยเมื่อก่อนที่มีแค่ ป.4 ป.6 ไม่มีใครจบคณะครุศาสตร์ซักคน ยังเป็นอาจารย์ได้ สอนกันมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่า อาจารย์ไม่มีความเป็นครุ

- ผมว่าอย่าอ้างมาลอยๆเลยครับ ความเป็นครุ ถ้ามีให้ทดสอบความเป็นครุ แล้วผมได้คะแนนเต็ม แสดงว่าผมเป็นครูที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ

- ลองถามเด็กไหมครับ อยากได้ครูที่มีความเป็นครุ หรือครูที่มีความรู้

คุยกันด้วย สิ่งที่จับต้องได้ดีกว่าครับ มัวแต่คุยถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เหมือนเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก  


เจอข้อนี้ผมลั่นอะ เราต้องยกระดับความ เป็นครูให้มากขึ้น คณะคุรุศาสตรืเกิดจากการ ความต้องการยกระดับ ครุ ให้ ดียิ่งกว่าเมื่อก่อน เหมือนสิงคโปร ที่ยกระดับ อาชิพครุด้วยการ สร้างสถาบันสำหรับครุโดยเฉพาะ แทนที่เราจะพัฒนนาจุดนี้่ไปเรื่อย ดันอยากหยุดซะงั้น

ถามผม ผมอยากได้ คนที่สอนดี มาก กว่า คนเก่ง แต่สอนไม่เอาไหน
ผมเจอมาแล้ว พวกอีโก้สูง เรียนมาสูง แต่สอนโครตห่วย ในระดับมหาลัย ผม ไม่ทำข้อสอบที่แกออกจำนวน สี่สิบข้อ แล้วเขียนไปในหลังกระดาษ ข้อสอบ ว่า สอนได้แย่
ผมก็ทำมาแล้ว ทั้งที่เป้นเรื่องที่ผมถนัดที่สุด

แล้ว ครุเดี่ยวนี้ผมว่าครูเก่งครับ เพราะ แยก เป็น เอก สาขาชัดแจน หลายทีหลายมหาลัย ฯอกจงเรียนรุ้การเป้นครูด้วย

แล้วถามหน่อยเหอะ มัน่ใจแค่ไหนว่าพวกที่มาสอบใคร จะไม่มีพวก ว่างงานเตะฝุ่น มาสอบเพื่อ อยากมีงานทำ  


- มันมีอยู่แล้ว ว่างงาน เตะฝุ่น ที่จะมาสอบ

- แต่ถ้าพวกนี้สอบติด ก็ได้เป็นครู แฟร์ๆ ไม่เห็นคิดยากตรงไหน

- แล้วคุณรู้ได้ไงว่าพวกที่ ว่างงาน เตะฝุ่น จะเป็นครูไม่ได้

- ตัดสินคนพวกนั้นตั้งแต่ยังไม่รู้จัก อคติเกินไปรึป่าว

- ถ้าครูเก่ง มีคุณภาพ ก็มาสอบแข่งกันสิ จะกลัวทำไม ไม่เข้าใจ

- ส่วนเรื่องยกระดับความเป็นครุ แล้วการเปิดสอบนี่ไม่ยกระดับตรงไหนงง ยังช่วยเพิ่มการแข่งขันในการสอบเข้าเป้นครูอีกด้วย

- ถ้ามีให้ทดสอบความเป็นครุ แล้วผมได้คะแนนเต็ม แสดงว่าผมเป็นครูที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ (ตอบด้วยนะครับ)

- ถ้าได้พวกที่เก่ง แต่มีอีโก้สูงมาเป้นครู พวกนี้ก็จะแค่สอบผ่าน ส่วนขั้นตอนที่ไปอบรม 1 ปี เพื่อรอบรรจุ ก็ไม่ผ่านไง หรือถ้าได้บรรจุไปแล้ว ผมก็บอกไปแล้วให้มีการประเมินทุกๆเทอมเหมือนมหาวิทยาลัยไง เรื่องแบบนี้มันแก้ง่าย และควรมีบทลงโทษที่ชัดเจน

- ส่วนการที่ไม่ยอมทำข้อสอบ มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าโชว์อะไร เป็นการกระทำที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ ไม่ทำข้อสอบ 40 ข้อ เกรดจะหายไปเท่าไร สำหรับผมอาจจะ F ก็เป้นไปได้ และผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้แน่นอน เหตุผลที่ทำก็มีแค่เพื่อประชด ลองเทียบกับสิ่งที่เสียไป ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าอาจารย์สอนไม่รู้เรื่องมันก็มีวิธีแก้อยู่ ตอนประเมินอาจารย์  

จริงๆไร้ตั๋วครูเขามีแนวคิดนี้มาตั้งนานแล้วครับ เขาเอาไว้แก้ปีญหาครูในวิชาเฉพาะครับ วิชาที่ครุศาสตร์เขาผลิตครูสาขานี้ไม่ได้ เช่นในกลุ่มครูอาชีวะ เทคนิค ครุศาสตร์ผลิตครูสอนเชื่อม ครูอิเลคทรอนิค ครูบัญชี หรือครูช่างยนต์ วิชาชีพพวกนี้ก็ต้องการครูเช่นกัน เขาเลยอยากได้คนที่เก่งในวิชาแบบนี้โดยที่ไม่ต้องมีตั๋วครูครับ
สอบครูนี่ยากนะครับ ไม่เห็นจะต้องไปกลัวเลยสำหรับคนที่เรียนครูมา ท่านเรียนมาแล้วสอบแพ้คนที่ไม่ได้เรียนมานี่นะ อย่าลืมสิ ภาค ข ท่านเรียนมาเต็มๆเลยนะ คนที่ไม่ได้เรียนแล้วสอบได้ เขาคงจะอ่านมาสุดๆละและคงจะเก่งๆจริง ยอมๆเขาไปเถอะ
0
0
เข้าร่วม: 15 Feb 2011
ตอบ: 9963
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 6:13 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
optino พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
optino พิมพ์ว่า:

แล้วถามหน่อยครับว่าพวกที่จบเพียวมาจริงๆเขาอยากเป็นครูกันหรอครับ? ถ้าอยากเป็นทำไมไม่เรียนครูแต่แรก? พวกนี้ก็แค่เฟลในสายอาชีพตัวเองแล้วหันมาหาสิ่งอื่นที่ให้ความมั่นคงแล้วก็อ้างว่าตัวเองรู้เยอะรู้ดีกว่าพวกครูแค่นั้นแหละ  


ประเด็นนี้ ผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ 55555

- พวก Pure ไม่ว่าจะ Pure science หรือ Pure ทางศิลป์ (เช่น อักษรศาสตร์)
ถ้าอยากเรียนครู ทำไมไม่เรียนครูตั้งแต่แรก


ผมมองว่า : มันเป็นไปได้แบบที่ท่านคิดจริงๆครับ ผมเห็นด้วย
คือเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจเป็นครูแต่แรก (บางคน)

แต่เรื่อง "คุณภาพการเป็นครู" / "สิทธิในการสอบครู" / และสิทธิในการประกอบอาชีพอื่นๆ
มันก็ไม่ควรถูกประเมินด้วยมุมมองเพียงเท่านี้

เพราะอะไร ? เพราะถ้าประเมินด้วยมุมมองแบบนี้
ผมจะถามกลับบ้างว่า แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู ?

หรือผมอาจจะถามวิศวกรที่ทำงานอยู่บ้างว่า
" คุณอยากเป็นวิศวกรจริงหรอ หรือคุณอยากเป็นแพทย์ แต่พลาดสอบแพทย์ไม่ได้
ดังนั้น คุณไม่ควรวิศวกรที่ดีได้ ไม่งั้นทำไมคุณไม่ไปเรียนแพทย์แต่แรก
...คุณมาเรียนวิศวกร เพราะคุณเฟลกับสายอาชีพแพทย์เท่านั้น"

ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่นะผมว่า
ทำนองเดียวกัน จะบอกว่า พวก Pure Sci ตกงาน / เฟลกับสายอาชีพ
แต่เขาก็ควรมีสิทธิที่จะสอบแข่งอยู่นะ และไม่สามารถด่วนสรุปว่า
ถึงแม้เขาจะเฟลกับสายอาชีพเขาจริงๆแล้วเขาจะไม่สามารถเป็นครูที่ดีได้

ผมถึงคิดว่า ควรให้ลองไปสอบแข่ง(วิธีไหนอีกเรื่องนึงนะ) วัดกันไปเลยครับ

ผมเชื่อว่า คนเรียนครูเก่งๆเยอะแยะ ไม่ใช่จะแพ้เด็กเพียวเสมอไป
ซึ่งสุดท้าย ผลประโยชน์ตกอยู่ที่เด็กแน่นอน

-----------------------------------------------------------------

อันล่างนี่ ไม่เกี่ยวกับที่ผม Quote ของท่าน Optino มานะครับ

แต่ผมขอตอบมัดรวมในนี้เลย

- ส่วนประเด็นที่มองว่า พวกที่จะมาสอบได้ คงไม่เชิงเป็นพวก Top หรอก
เพราะผลตอบแทนอาชีพครู ไม่ถึงกับมาก

ผมขอตอบว่า

ยิ่งคนมาสอบเยอะ แนวโน้มของผลลัพธ์
มันควรจะได้ "คนที่เก่งมากกว่าเดิมหรือเก่งเท่ากับ"
การให้คนกลุ่มเดิม(กลุ่มที่เล็กกว่า) สอบ ไม่ใช่หรอครับ ?

โอเคว่าอาจจะไม่ได้ครูเป็นคนเก่งระดับสุดยอดก็จริง
เพราะคนเก่งก็คงกองกันที่คณะอื่น ไปทำอาชีพอื่น

... แต่ก็คงได้คนที่เก่งขึ้นแน่นอน หรือไม่ก็เก่งเท่าเดิม กับกฎเก่า
(คือยังไงมันก็ต้องดีขึ้นอ่ะ)

ผมคิดไม่ออกว่า มันจะได้ครูที่อ่อนๆมากกว่าเดิมได้ยังไง
ก็ในเมื่อถ้าสอบแข่งกันแล้ว ถ้าเขาทำได้คะแนนดีในระดับที่ได้รับคัดเลือก
ก็แปลว่า เขาเป็นเลิศเหนือคู่แข่ง ณ สนามสอบนั้น ถูกมั้ยครับ
(ก็เวลามันเลือกคนสอบติด มันวัดไล่จากบนลงล่างหนิ)

ซึ่ง "การแข่งขัน" มันจะกรองครูเก่งๆออกมาเอง จะเก่งกว่าเดิมมากแค่ไหน ก็อีกเรื่อง
(ไม่มีหรอกที่ให้คนสอบเยอะกว่าเดิม แล้วห่วยลง - พูดถึงแค่แง่เชิงวิชาการนะ)

เพราะงั้น ไม่ต้องกังวลหรอกประเด็นนี้หรอก ว่าเปิดให้คนสอบเยอะมากขึ้น
แล้วคุณภาพทางวิชาการของครูจะด้อยลง มันมีแต่จะเท่าเดิมกับเพิ่ม

ส่วนเรื่อง "จริยธรรม" อันนี้ผมไม่กล้าพูดไรมาก
เพราะเอาจริงๆมันวัดลำบาก คนเรียนวิชาจริยธรรมมา 2 ปีเต็ม 100 หน่วยกิต
จะบอกว่า สอนเด็กได้ดีกว่า ฟังแล้วผมทะแม่งๆ
คือมันก็ไม่แน่เสมอไป *ยังมีอีกหลายอย่างให้คำนึงถึง ขอเลี่ยงตัวนี้ไปครับ ไม่งั้นยาว*

ดังนั้นตัวชี้วัด ที่ผมว่าสำคัญจริงๆแล้วมันพอจับต้องได้เบื้องต้น
ก็เป็นเรื่อง "ความสามารถทางวิชาการ" เนี่ยแหละ

แล้วถ้าหากจะคิดว่า "ครูขอดีไว้ก่อนนะ เรื่องวิชาการเรื่องรอง"
ผมว่าน่ากังวลกับความคิดนี้นะ
เพราะฟังก์ชั่นหลักของการเป็นครู ก็ต้องวิชาการแตกฉานด้วย ดีด้วย
จะบอกอันไหนรอง หลัก มันก็ไม่ใช่มั้งครับ

ไม่งั้น จะยิ่งเห็นความเหลื่อมล้ำรุนแรง (ซึ่งได้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศนี้)
คือสมมติไม่มีเงินเรียนพิเศษกับเหล่าครูติวเตอร์เก่งๆ
โอกาสก้าวเข้าไปในคณะท้อปๆก็เสียเปรียบลูกคนมีเงินไปหลายช่วงตัวแล้ว

เพราะงั้น ถ้าได้ครูที่แตกฉานวิชาการ ผมว่าอย่างน้อยๆเลยนะ
เด็กที่ไม่ค่อยมีเงิน เขาจะได้ลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ไปได้บ้าง
เพราะเขายังสามารถตักตวงเนื้อหาวิชาการจากครูเก่งๆที่โรงเรียนตัวเองได้

-----------------------------------------------------------------------------

- แล้วอย่างวันก่อน ที่ถกเรื่องความแฟร์ ว่าทำไมวิชาชีพอื่นไม่เปิดสอบบ้างหล่ะ
ผมก็บอกแล้วว่า วิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ วิศวะ เขาจะกลัวหรอครับ

เปิดให้สอบมันทั้งประเทศเขายังไม่กลัวเลย ว่าใครจะมาแย่งงานเขาได้
เพราะโดย "ธรรมชาติ" ของวิชาชีพพวกนี้ มันเฉพาะทางมากๆ
ซึ่งต่างจากสายครูที่มันมีส่วนคาบเกี่ยวอยู่

แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงด้วยนะว่า
เหล่าคณะ พวกตระกูลแพทย์ + วิศวะ + คณะวิชาชีพที่เป็นเฉพาะทางมากๆ

คณะพวกนี้ แทบจะทั้งหมด ตอน Entrance เข้าไป
เขาก็แข่งขันกับคู่แข่งทั่วประเทศมาแล้วเช่นกัน
แล้วแข่งกันดุเดือดมากๆด้วยซ้ำ

ซึ่ง ณ จุดการ Entrance นี้ คณะสายครู แข่งขันกันเท่านี้หรือไม่ ?
ดังนั้นผลที่ออกมา เราจึงมักเห็นว่า ความเข้มแข็งของวิชาชีพ มันก็ต่างกัน

ยกตัวอย่างคณะแพทย์ ปีหนึ่งรับนักศึกษาได้เท่าไหร่เองครับ ไม่น่าถึง 2000 (ผิดขออภัย)
แล้วครุศาสตร์ รับได้เท่าไหร่ ?

ผมสมมตินะ : คนที่ตั้งใจสอบคณะ Pure วิทย์ แล้วสอบไม่ติด เขามีสิทธิโวยไหมครับ
ทำไมให้เด็กโรงเรียนเก่งๆมาสอบแข่งกับเขา
ทำไมไอพวกเก่งๆไม่ไปเรียนแค่ที่แพทย์ วิศวะ ... มาเรียนวิทย์ทำไม
นายแค่เฟลกับการเข้าคณะแพทย์ เลยมาเรียนคณะ Pure วิทย์ใช่มั้ย ?
---> ซึ่งมันก็ไม่เคยมีประเด็นแบบนี้ขึ้นมา ใครมีคุณสมบัตืมาสอบได้
แล้วแข็งกว่าก็สมหวังไป ก็เท่านั้น นี่แหละคือแฟร์

สุดท้าย หลักๆมันก็เรื่องของการแข่งขันอ่ะครับ
ถ้าการแข่งขันรุนแรงมาก เด็กก็น่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น

คนเสียประโยชน์ก็ต้องมีแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าแข่งขัน ต้องมีคนแพ้



- ทิ้งท้ายนะ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องการกังวลเรื่องการแย่งอาชีพซะมากกว่าหรือเปล่าเนี่ย
เพราะผมก็มองไม่ออกว่ามันถ่วงวงการการศึกษาอย่างไร

ผมอาจจะมองไม่เห็นในประเด็นอื่นๆนนะ ถ้าคิดไม่เหมือนผมไม่เป็นไรครับ

- เออ ผมงงนะ
ทำไมครูถึงกลัวการแย่งงาน (ถ้าจริงนะ)

เพราะผมเห็นอาชีพอื่นๆในตลาดบ้านเรา แทบทุกอาชีพ เขาก็อยู่ท่ามกลางการแข่งขันอยู่แล้วทั้งนั้น

เช่น ผมจบ Marketing ผมอาจโดนเด็ก Econ แย่งงานด้านการตลาดไปก็ได้
หรือผมจบรัฐศาสตร์ ไม่ได้แปลว่าผมจะได้เป็นนายอำเภอ
และมีอาชีพอีกมากมายเหลือเกิน ที่ผมเห็นว่าเขาก็โยกไปทำ แย่งกัน แข่งกัน ตลอดเวลา

คณะที่ถูกมองว่า ไม่ได้ถูกแย่งอาชีพ ตอน ป.ตรี
.... ก็อย่างที่ผมบอกไป
ว่าคณะพวกนี้ ตอน Entrance เขาก็แข่งกันเลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน
เขาเป็นผู้รอดชีวิตในสมรภูมิ ตั้งแต่วัยเด็กด้วยซ้ำไป



 
 

แล้วคนที่เรียนครูมาแต่แรกหล่ะ ทุกคนหรือเปล่าที่อยากเป็นครู

มันคัดมาแล้วหน่อยนะครับ คนที่ไม่อยากเป็นครูมันจะไปแอดมิชชั่นเลือกครูทำไมละครับ

คิดถึงสมัยผมหรือคุณเลือกคณะเรียนสิครับ มีให้เลือก4อันดับเราใส่เอง พวกที่ตั้งใจจะเรียนอะไรก็จะเลือกคณะที่อยากเรียนเหมือนกันหมดทั้งอันดับ 1-4 แต่คนละมหาลัย

ไม่มีใครมันจะเลือกแบบ อันดับ 1วิทยาศาสตร์-เอกคณิต อันดับ2 มนุษย์ศาสตร์ญี่ปุ่น อันดับ3บริหารธุรกิจ แบบนี้คงไม่มีใครทำกัน แล้วยิ่งเป็นคณะศึกษาพวกที่เรียนสายวิทย์
แทบจะไม่เลือกครับเพราะบ้านเรามันถูกปลูกฝังเรื่องมาตลอดครับว่าให้มองว่า พวกสาย-ศิลป์คือพวกหัวไม่ดีเรียนไม่เก่ง

ส่วนเรื่องครูเก่งไม่เก่งนี่ผมพูดไปละนะว่าเนื้อหาการสอนมันไม่ยากครับ เพราะมันก็อิงกับหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษานั้นแหละ ให้เด็กมหาลัยที่มีความรู้ไปสอนก็ได้ สุดท้ายก็วัดกันที่ใครสอนแล้วเด็กสามารถเข้าใจ นำไปใช้ได้มากที่สุดนั้นแหละ  


ถาม : มันคัดมาแล้วหน่อยนะครับ
คนที่ไม่อยากเป็นครูมันจะไปแอดมิชชั่นเลือกครูทำไมละครับ


ตอบ - ผมไม่ได้เหมานะครับท่าน ผมเชื่อว่าคนอยากเป็นครูจริงๆ มีแน่นอน
แต่คนไม่อยากเป็นครู แต่มาเรียนครู (ด้วยเหตุผลใดๆก็ตามสารพัด) ก็มีให้เห็น
ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่คณะครูนะครับ จริงๆมันก็ทุกคณะแหละ
มันย่อมมีคน ที่ทั้งตั้งใจมาเรียนแต่แรก กับพวกที่ "จับพลัดจับผลู"


ถาม : คิดถึงสมัยผมหรือคุณเลือกคณะเรียนสิครับ มีให้เลือก4อันดับเราใส่เอง พวกที่ตั้งใจจะเรียนอะไรก็จะเลือกคณะที่อยากเรียนเหมือนกันหมดทั้งอันดับ 1-4 แต่คนละมหาลัย

ตอบ - ยุคสมัยผม เร็วๆนี้แหละครับ 5555
มันก็มีทั้ง 2 แบบนะ (ในสังคมที่ผมอยู่)

มันมีทั้งประเภท เลือกคณะกระจายออก เช่น เลือก วิศวะ+บัญชี+เศรษฐศาสตร์+วิทยา
หรืออีกประเภท เลือก วิศวะ รวดทั้ง 4 อันดับแต่คนละสถาบัน

ดังนั้นจากประโยคนี้
"ไม่มีใครมันจะเลือกแบบ อันดับ 1วิทยาศาสตร์-เอกคณิต อันดับ2 มนุษย์ศาสตร์ญี่ปุ่น อันดับ3บริหารธุรกิจ แบบนี้คงไม่มีใครทำกัน"

ผมขอตอบว่า มี ครับ

ผมถึงได้เสนอความเห็นในเม้นต์ก่อนไปว่า
มันเลยสรุปไม่ได้เสียทีเดียว ว่า คนที่มาเรียนเขาตั้งใจจะมาเรียนคณะนี้จริงๆแต่แรก
เพราะแต่ละคนก็ต่างเหตุผลกันออกไป

ถาม : แล้วยิ่งเป็นคณะศึกษาพวกที่เรียนสายวิทย์
แทบจะไม่เลือกครับเพราะบ้านเรามันถูกปลูกฝังเรื่องมาตลอดครับว่าให้มองว่า พวกสาย-ศิลป์คือพวกหัวไม่ดีเรียนไม่เก่ง


ตอบ - สังคมผมไม่ใช่ครับ
รอบๆตัวผม หลายๆคน จบมัธยมปลายด้วยการเป็นเด็กสายวิทย์
และเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะสายศิลป์ เป็นจำนวนไม่น้อย
ซึ่งไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง

แล้วค่านิยมเรื่องสายศิลป์อ่อนกว่าสายวิทย์ ผมมองว่าเป็นวิธีคิดโบราณมากๆ
และยิ่งไม่จริงในสมัยนี้

ลองไปดูสภาพการแข่งขัน ดูคะแนน Ent ของนิสิตในคณะเหล่านี้ดูก็ได้ครับ
- อักษรศาสตร์/ นิติศาสตร์ / นิเทศศาสตร์ / บัญชี / เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆอีกมาก
(คือเอาจริงๆผมมองว่า คนเก่งมีเกือบทุกคณะในสายศิลป์ด้วยซ้ำไป)

ถ้าเอาเด็กอันดับ Top10 ของ Admission ย้อนหลังไปไม่กี่ปี
จะพบว่า มีเด็กในคณะแผนศิลป์ติดมามากมาย ที่เห็นบ่อยๆก็ รัฐศาสตร์ บัญชี นิเทศ นิติ
เผลอๆติดอันดับกันเยอะกว่าคณะสายวิทย์ซะอีก

(ถึงแม้คะแนนสายวิทย์ กับ ศิลป์ จะเทียบกันไม่ได้เป๊ะๆ
แต่มันก็พอเข้าใจได้ว่า เรื่องเด็กเรียนสายศิลป์ คือเด็กที่ไม่เก่ง ...ไม่เป็นความจรีงครับ)

ผมไม่ได้คิดเองนะครับ ถึงได้บอกให้ไปดูคะแนนสอบ Ent ของคณะเหล่านี้




 

แล้วค่านิยมเรื่องสายศิลป์อ่อนกว่าสายวิทย์ ผมมองว่าเป็นวิธีคิดโบราณมากๆ
และยิ่งไม่จริงในสมัยนี้
ลองไปดูสภาพการแข่งขัน ดูคะแนน Ent ของนิสิตในคณะเหล่านี้ดูก็ได้ครับ
- อักษรศาสตร์/ นิติศาสตร์ / นิเทศศาสตร์ / บัญชี / เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆอีกมาก
(คือเอาจริงๆผมมองว่า คนเก่งมีเกือบทุกคณะในสายศิลป์ด้วยซ้ำไป)
--------------------------- คนเก่งมันมีทุกคณะครับผมไม่บอกว่าพวกคณะสายศิลป์ไม่มีคนเก่ง แต่ผมจะบอกให้มองดูสังคมส่วนใหญ่ครับว่าเขาคิดยังไงเกี่ยวกับเด็กที่เรียนสายวิทย์-สายศิลป์เอาแค่ตอนเรียนมัธยมนะครับ สมมุติว่ามีเด็กคนหนึ่งอยากเรียนสายวิทย์แต่เกรดไม่ถึงเลยต้องไปเรียนศิลป์คุณว่านี่ไม่เป็นความจริงหรอครับที่ว่าสายศิลป์อ่อนกว่าสายวิทย์? มันก็คือความจริงครับ

ถ้าเอาเด็กอันดับ Top10 ของ Admission ย้อนหลังไปไม่กี่ปี
จะพบว่า มีเด็กในคณะแผนศิลป์ติดมามากมาย ที่เห็นบ่อยๆก็ รัฐศาสตร์ บัญชี นิเทศ นิติ
เผลอๆติดอันดับกันเยอะกว่าคณะสายวิทย์ซะอีก

(ถึงแม้คะแนนสายวิทย์ กับ ศิลป์ จะเทียบกันไม่ได้เป๊ะๆ
แต่มันก็พอเข้าใจได้ว่า เรื่องเด็กเรียนสายศิลป์ คือเด็กที่ไม่เก่ง ...ไม่เป็นความจรีงครับ)
-------- ใช่ครับผมก็ไม่ได้บอกว่าเด็กที่เรียนสายศิลป์ไม่เก่งข้อนี้มันโยงไปที่คุณบอกว่ารอบๆตัวคุณ หลายๆคน จบมัธยมปลายด้วยการเป็นเด็กสายวิทย์และเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะสายศิลป์ เป็นจำนวนไม่น้อยซึ่งไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง
แบบนี้เราก็บอกไม่ได้นะครับว่าเด็กที่ได้คะแนน top10 แอดมิดชั่นส่วนใหญ่เด็กเรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์ เพราะต้องไม่ลืมว่าสายวิทย์เลือกได้แทบจะทุกคณะที่มีเปิดสอน
0
0




เข้าร่วม: 01 Jun 2014
ตอบ: 1292
ที่อยู่: man united
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 7:47 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
TrafalGar พิมพ์ว่า:
งั้นก็ลดหลักสูตรครูให้เหลือ4ปี หลังจากนั้นก็ให้ไปสอบกันอีกทีจะได้แฟร์ๆ  



แต่ก่อนครูก็เรียน 4ปีนะครัย แต่เห็นว่าไม่เวิร์ค เขาก็เลยปรับมาเรียน5 ปี ปรับมาได้หลายปีแล้วผมจำไม่ได้น่าจะ10กว่าปี แต่ปีนี้เห็นหมอธีมีนโยบายให้มหาลัยปรับเป็นหลักสูตร 4ปี แต่ยังไม่เริ่มใช้ ครับ
0
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2008
ตอบ: 5217
ที่อยู่: League 1 แล้วครัชชช
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 8:09 am
พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
hugball พิมพ์ว่า:
roninyasuo พิมพ์ว่า:
สายคุณเรียน 5 ปี สายคุณ ต้องสอบใบ อนุญาต

 


สายผมมี License หลายระดับเลยล่ะครับ ถ้าสอบผ่านเงินเดือนทะลุแสน  

แล้วต้องเรียน 5 ปี  


ถ้าอยู่กับคอมนี่ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ไม่สามารถหยุดเรียนรู้ได้เลย เพราะ เทคโนโลยี เปลี่ยนไปตลอด อาจใช่ตำราเล่นเดิมในภาษาพื้นฐานได้ แต่จะใช้มันสอนตั้งแต่ 10 หรือ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ครับ  


อย่าตอบแถ สรุป สายคุณเรียนกี่ปี จบที่อยากรู้  


ไม่ได้แถครับ คณะผมเรียน 4 ปี จบครับ แต่ผมเรียน มหาลัยรัฐท้องถิ่นนะ

ทีนี้เวลาที่ผ่านมส ผมเจอพวกคนเป็นครู ตอนเรียนก็เกเร นั่งกินเหล้าบอก เรียนครู ก็ไม่ตกงาน

มันเลยทำให้ผมคิดว่า อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้มาเป็นครู คนที่เขามีความตั้งใจจะสอนเด็ก มองว่ามันเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะ มันเป็นอาชีพไว้เลี้ยงปากท้อง  


ไม่ต้องพล่ามนอกเรื่องเดี๋ยวไม่จบ คุยกันเนื้อๆเน้นๆ สรุปคุณเรียน 4 ปี

แล้วมาถามทำไมเข้าดราม่า

ปีที่ ห้า ของ คนเรียนครู ออกค่าใช้จ่าย ออกค่าเทอม ค่ากินอยุ่ เพื่อเรียนครู

คนที่จบ สี่ปี ปีที่ห้าของเค้า เป็นครุอัตตราจ้าง กินเงินเดือน โดนไม่ผ่านหลักสูตรครูมา

คนเรียนห้าปี ได้เรียน หลักสูตรครูก่อนจะได้มาสอนเด็ก
คนเรียน สี่ปี สอนก่อน ค่อยมาเรียนเอาทีหลัง


โลกคุณสวยมาก บอกคน ตั้งใจจะมาสอบ ควรแบ่งที่ใมห้เค้า เพราะเค้ามีความตั้งใจ
คือถ้ามันตั้งใจเป้นครุแต่แรก มันไปเรียนครูแล้วปะ
อะแต่ หยวนๆ เผื่อมีคน ตั้งใจอยากเป้นจริง
แล้วไม่คิดเผื่อพวกเรียนจบมา แล้วเดินเตะฝุ่น ไม่มีงานทำ มาสอบเพื่อที่ว่าจะได้มีงานทำ


แล้วสุดท้าย หาก สี่ปี สามารถสอบ แล้ว ได้เป็นครุอัตรราจ้าง ก็โอเค งั้นยกเลิกหลัสูตร ห้าปีวะ ทุก มหาลัย ให้ คนมาสอบ สี่ปีเท่ากันหมดแฟร์ๆ
ก็ง่ายดี ก็ยกเลิกหลักสูตรนี้ให้หมด ก็จบซะ แล้วผมจะรอดู วันที่ ไม่มีคนเรียนห้าปีแล้ว
เรียนแค่ สี่ปีเพื่อมาสอบหมด กลับประเทศ ที่ครุไม่ใช่ อาชิพตัวเลือกอันดับหนึงของประเทศ พวกระดับหัวกะทิส่วนใหญ่ไป เรียนหมอวิศวะ ก็อยากรุ้จะเป็นไงเหมือนกัน อาจจะดีแบบที่คุณมองไว้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปทำให้มันเท่าเทียมก่อนไป



 



แถตรงไหน พล่ามยังไง ครูอ่อนไหวจัง รับเมนต์ไรไม่ได้เลย
อยากเรียนสี่ปีจัดไปเลย
แต่ขนาดเรียนห้าปียังเหลวเป๋ว
เรียนสี่ปีจะไปสู้ใครได้วะ 555
0
0
AFC Wimbledon "The Real Dons"
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 3171
ที่อยู่: อนุบาลแม่ไก่ใจดี
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 9:32 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
ได้ความรู้ดีเว้ย มีทั้งครู ทั้งพนักงานบริษัท ข้าราชการ อัยการ หมอ มาครบเลย อ่านเพลินดี
0
0
เข้าร่วม: 05 Feb 2009
ตอบ: 328
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 9:59 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
PorchBlue พิมพ์ว่า:
Gunerklenium พิมพ์ว่า:
PorchBlue พิมพ์ว่า:


ด้วยความเคารพ
ตัวหนังสือสีแดงหมายถึงท่านผิดจรรยาบรรณของความเป็นครูแล้วครับ

 


ต้องการสื่อความหมายคำพูดของผมกับคลิปนี้ใช่ไหมครับ
1.สอนพิเศษนอกเวลา ผิดจรรยาบรรณ ไม่น่าจะใช่นะครับ เวลางานก็คือเวลางาน นอกเวลางานเราก็มีสิทธิของตัวเราเองนะครับ
---การสอนนอกเวลาปฏิบัติงานไม่ผิดครับ แต่เมื่อไรที่รับเงินเป็นค่าตอบแทน ซึ่งปัจุบันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ในเรื่องของจรรยาบรรณถือว่าผิดครับ
2.ในคลิปหากอาจารย์ไปรับงานที่ได้เงิน นี่น่าจะเป็นการผิดคำพูดมากกว่านะ เพราะนัดเด็กไว้ก่อน แล้วไปรับงานอื่นทีหลัง จนทำให้ไม่สามารถไปสอนเด็กได้
---- อันนี้ผมเห็นด้วยครับ
3.ผมขอพูดตามสิ่งที่ได้เห็นจากในคลิปนี้นะครับ ในคลิปนี้เป็นวิชาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย ง่ายๆเองนะครับ ดริฟ กับ อินทิเกรต แล้วสมการไม่ยากเลย เบสิคมาก เหมือน 2*2 ถ้าตั้งใจเรียนในห้องยังไงก็ตอบได้ ไม่ก็ถามเพื่อนคนอื่นในห้องยังไงก็มีคนตอบได้ คลิปนี้ผมมองตามความจริงเลย จัดทำออกมาเพื่อ...อาจารย์
----ผมขอพูดจากประสบการณ์จริงนะครับ ผมเคยสอนระดับประถม มัธยม ปวช ปวส คุณเชื่อหรือไม่ ระดับชั้น ปวช.3 "มีเด็กที่จำสูตรคูณ แม่1-12 ไม่ได้" ผมต้องให้สอบท่องทั้งห้อง เรื่องดริฟ อินทริเกรต ไม่ต้องพูดถึง
ผมอยากให้เข้าใจในภาพรวมของนักเรียนทั่วประเทศครับ

4.หากเด็กอยากปรึกษา ถ้าตอนเย็นไม่ว่าง เวลาอื่นมีเยอะแยะนะครับ ช่วงพักเที่ยง ช่วงคาบว่าง ช่วงคาบกิจกรรม ช่วงในคาบของอาจารย์ นัดมาเลย
----คุณเคยเห็นตารางเรียนเด็กมัธยมตอนนี้มั้ยครับ รุ่น90ว่าเยอะแล้ว เจอรุ่นนี้เข้าไป...
---พักเที่ยง 50นาที แค่เด็กวิ่งเข้าโรงอาหารต่อคิวซื้อข้าว ก็แทบหมดแล้วครับ
---คาบว่าง สำหรับนักเรียน จากตารางเรียนไม่มีคาบว่างครับ
---คาบกิจกรรม จุดประสงค์คือเพื่ออยากให้นักเรียนพักเรื่องการเรียน หันมาทำกิจกรรม มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นนะครับ
---ช่วงในคาบของครู (ผมขอไม่ใช้คำว่าอาจารย์นะครับ) จากตัวอย่างที่ผมให้ดู ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนครับ นอกจากสอนตามตาราง ตรวจงานนักเรียน ยังมีงานเอกสาร(ซึ่งตรงนี้แหละที่ครูเขาบ่นกัน ด้วยนโยบายจากเบื้องบนอยากดูแค่เอกสาร ฯลฯ แล้วมโน หาเรื่องเบิกงบประมาณแผ่นดินมา) ไม่นับเยี่ยมบ้านนักเรียน ไม่นับอบรมจากคำสั่งเบื้องบน
นี่เป็นตัวอย่างของหน้าที่ครูครับ ไม่นับหน้าที่พ่อ-แม่ของลูก หน้าที่ลูกของพ่อ-แม่ที่ต้องดูแล หน้าที่สามี-ภรรยา

5.บางทีการป้อนให้เด็กมากเกินไปจนคิดอะไรเองไม่เป็น ก็จะส่งผลเสียนะครับ เราควรลองให้เด็กคิดเองมาก่อน ถ้าคิดไม่ออกจิงๆให้มาถาม ไม่ใช่ติดนิดๆหน่อยๆก็มาถามแล้ว อย่างนี้ก็ไม่ไหว
----ผมเห็นด้วยครับ

สุดท้าย
- การพิมพ์ของผมอาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ผมก็พิมพ์ตามความจริงของโลกปัจจุบันที่ได้เห็นและได้รับรู้มา
- ลองถามเด็กดูหรือยังล่ะครับ ว่าทำไมต้องไปเรียนพิเศษ ความรู้ในห้องไม่พอหรอ เสียเงินและเสียเวลาที่จะได้พักผ่อน
---เอาตัวเรานี่แหละครับตอบ ไปเรียนพิเศษทำไม?
มันมีหลายปัจจัยครับ ที่ผมเจอมากับตัวคือ บางคนไปเรียนเพื่อความรู้ บางคนขอเงินไปแต่อยู่ร้านเกม อยู่หอพัก ไปเที่ยว อยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่ในสังคมของเขาครับ
ความรู้ในห้องพอไหม ตอบได้ว่าเกินพอ เกินไปเยอะเลยละครับ จนเด็กรับได้ไม่หมดจริงๆ
 


เรื่องสอบครูหรือแม้กระทั่งเรื่องอื่นๆ ปัญหาจริงๆ อยู่ที่"หน้าที่" และ "ความรับผิดชอบ" ครับ
ฝ่ายบริหาร เจตนาคือ อยากให้เด็กมีความรู้ อยู่รอด มีชีวิตอย่างสมบูรณ์(ดี เก่ง มีสุข ไม่ใช่เก่ง ดี มีสุขนะครับ เก่งแต่โกงไม่เอา ต้องดีก่อนค่อยเก่ง ถึงมีสุข) แต่วิธีการเอามาใช้นี่...ผลสัมฤทธิ์ทางกาศึกษาคือคำตอบครับ
วิธีการรับผิดชอบ? เปลี่ยนรมต. ไม่มีการรับผิดชอบใดๆ เอาแค่2ปีนี้ เปลี่ยนรมต. ไปแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะ 3 คน
ผู้ปกครอง(พ่อ-แม่ ผู้ดูแล) ไม่ได้เอาใจใส่เด็กเพียงพอ เอาเงินเลี้ยงลูก ไม่ได้เอาใจเลี้ยง แต่ก็เข้าใจผู้ปกครองครับ ยุคนี้คือยุคสังคมทุนนิยมกลืนกินไปแล้ว ไม่มีเงิน=อดตาย พ่อ-แม่ทำงานงกๆ ส่งลูกเรียน
ครู มีทั้งดีและไม่ดีครับ อย่างที่ปรากฏได้ตามโซเชียลต่างๆ
และสำคัญที่สุดคือ "ตัวนักเรียนเอง" ครับ

ไอ้ที่บ่นๆกันครูขาด ความจริงคือล้นนะครับ ที่ผ่านมา แต่ละปีมีผู้สอบแสนกว่าคน ผ่าน 5-10% ดูแค่นี้อาจมองว่าน้อย แต่คนสอบผ่าน รอขึ้นบัญชีบรรจุ รอเพียบนะครับ บางเขต ระยะเวลาขึ้นบัญชี 2 สอบผ่านครึ่งร้อย แต่เรียกไม่ถึง5คน ยังมีทั้งๆที่ ความรู้วคามสามารถ คุณสมบัติมีครบ แต่......ด้วยระบบบริหารจัดการ.....ถึงได้เป็นแบบนี้

เมื่อก่อนเละกว่านี้ ข้อสอบ เขตออกเอง ถึงได้มีข่าวทุจริตสอบ
3-4ปีหลังมา เปลี่ยนเป็นข้อสอบกลาง แล้วข้อสอบเป็นไงทราบไหม ครุสภาจ้าง มหาวิทยาลัยออกครับ....ผลคือ เวลาข้อสอบมีปัญหา โยนขี้มาให้ผู้ออกข้อสอบ แล้วไงต่อ ชะตากรรมไม่ต่างจาก นักเรียนสอบ O-NET นั่นละครับ
พอๆ....ผมพูดมากไปละ...


ปล.ผมบ่นๆให้ฟัง เพราะอยากให้เข้าใจหัวอกผู้สอนคนนึงเท่านั้น
0
0
เข้าร่วม: 12 Feb 2011
ตอบ: 11671
ที่อยู่: บ้านปิ๊คเก้ บ้านอิเฮน
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 11:14 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
เพื่อนๆเรียนครูบอก ขอเรียน 4 ปีได้ไหม

ถ้าให้ คณะอื่นมาเป็นครูได้ขนาดนั้น แล้ว พวกนั้นเรียน 4 ปี เขาเรียน 5 ปี บางสาย 6 ปี เยี่ยงหมอ


เราก็เขาใจในส่วนนนี้นะ ถ้าปรับ เป็น 4 ปีหมดก็ดี
0
0
♥ลิเวอร์พูล ♥บาเซโลน่า ♥ยูเวนตุส ♥ฮันโนเวอร์96 ♥ทีมชาติเยอรมัน

♥Tiffany : SNSD
♥Wendy : RVV
♥Rose+Lisa : BlackPink
♥Dahyun+Mina : Twice
♥Jin : BTS

#แม่ยกอิเฮนฟินที่สุดในโลก

เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 12848
ที่อยู่: Stamford bridge
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 11:43 am
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
Spoil
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  
 


การสอบแข่งขันบรรจุครูปัจจุบันนี้ ไม่น้อยนะครับ แข่งขันกันสูงมากๆ ถ้าไม่เก่งจริงๆไม่ได้บรรจุแน่ๆ เพราะ เขตที่เปิดรับเขารับแค่หลักหน่วย อย่างมากก็หลักสิบ เห็นรับเยอะสุดปีนี้ 50 แต่คนสอบหลักหลายพันนี่เฉพาะคนที่มีใบประกอบนะ

อาทิตย์ที่แล้วพาแฟนไปสอบ เอา 10 คน คนสอบ 3 พัน -0-
0
0
เข้าร่วม: 05 Nov 2008
ตอบ: 2488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 12:53 pm
[RE: พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม]
G_V3 พิมพ์ว่า:
Spoil
PorchBlue พิมพ์ว่า:
ข้อดี มันก็ต้องมีอยู่แล้วถ้าไม่อคติเกินไป

1.เพิ่มการแข่งขันของอาชีพครู ที่เมื่อก่อนมีการแข่งขันน้อย ให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น
2.ได้คนที่มีความรู้จากสายตรง หรือคนที่มีความรู้เชิงลึกในวิชานั้นๆมากกว่ามาสอน (จะมีประโยชน์สำหรับเด็กมัธยม โดยเฉพาะ ม.ปลาย สำหรับเตรียมสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย)
3.ได้แนะนำแนวทางสายอาชีพที่ตนเองเคยทำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่เด็ก (เช่น ถ้าจบวิศวะไปเป็นครู ก็ต้องโดนเด็กถามแน่ๆ อาชีพวิศวะต้องทำไรบ้างหรือทำไมถึงมาเป็นครู)
เป็นต้น

ข้อเสียก็มีอยู่แล้ว
1.อาจได้ครูที่ไม่มีใจรัก ไม่มีจิตวิทยา มาสอน
2.อาจ อาจ อาจ.......บลาๆ

ในความเห็นผม ควรยุบคณะครุศาสตร์ไปเลยครับ จะได้ไม่เกิดการเหลื่อมล้ำกัน ให้เลือกเรียนตามสายตรงกันเลย ใครอยากเป็นครูก็ต้องสอบให้ผ่าน แล้วก็ไปอบรม 1 ปี

ถ้ามัวแต่กลัวนู้นนี่นั่น ความเจริญไม่มาหรอกครับ

ใครเก่งก็สอบติด ใครไม่เก่งก็ไม่ติด แฟร์ๆ

บางคนบอกว่า จะได้คนที่มีความเก่งระดับกลางๆมาสอบ
แต่ลืมไปรึป่าว ว่าคนที่เก่งระดับกลางๆของคณะอื่น อาจจะเป็นท๊อปของครุ ก็เป็นได้

สำหรับการแก้ทางครูที่ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีแรงจูงใจในการสอน ก็จัดทำแบบประเมินสิครับแบบมหาวิทยาลัย ให้ประเมินในเว็บ หรือประเมินวันสอบ final ของวิชานั้นๆ แล้วนำผลประเมินมาดู แล้วก็ตั้งบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่ไหวจริงๆก็ต้องให้ออก แล้วยิ่งระบบใหม่มา การหาครูมาทดแทนไม่น่ายากเหมือนเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมมองว่า เด่วนี้อาจารย์รับสอนพิเศษนอกเวลา ตอนเย็น เสาร์-อาทิตย์ เงินดีมากนะครับ รับเละ

ผมจบวิศวะ ผมยังอยากไปสอบเลย เพราะตอนเรียนผมก็เป็น TA ติวรุ่นน้อง ติวเพื่อนๆตอนจะสอบ เปิดรับติวเลขมัธยมปลาย

มันจะมี moment แบบที่เราได้ให้ความรู้คนอื่น จนเขาสอบติด สอบผ่าน เห็นเขาเติบโต
มันรู้สึกดีแบบหาคำมาบรรยายยากนะ เห็นเพื่อนแบบสอบผ่านแล้วโว้ยไม่ติด F ไปฉลองกันเย้วๆ

edit แก้คำผิด  
 


การสอบแข่งขันบรรจุครูปัจจุบันนี้ ไม่น้อยนะครับ แข่งขันกันสูงมากๆ ถ้าไม่เก่งจริงๆไม่ได้บรรจุแน่ๆ เพราะ เขตที่เปิดรับเขารับแค่หลักหน่วย อย่างมากก็หลักสิบ เห็นรับเยอะสุดปีนี้ 50 แต่คนสอบหลักหลายพันนี่เฉพาะคนที่มีใบประกอบนะ

อาทิตย์ที่แล้วพาแฟนไปสอบ เอา 10 คน คนสอบ 3 พัน -0-
 


มันมีช่องว่างอยู่ท่าน คือการขึ้นบัญชี อายุ2ปี

บางเขตบางจังหวัด มีร้อยเรียกร้อย มีสองร้อยเรียกสองร้อยเลยครับ

ประกาศรับตอนแรกนั่นคือบรรจุทันที ส่วนที่เหลือขึ้นบัญชี2ปี รอลุ้นเอาครับว่าจะเรียกหมดมั้ย

สรุปคือแข่งกับตัวเองนะ ว่าสอบผ่านเกณฑ์ 60% รึเปล่า ถ้าผ่านขึ้นบัญชีก็ไปลุ้นกันอีกที
0
0


-A.D.Loki-
เข้าร่วม: 18 Mar 2010
ตอบ: 9419
ที่อยู่: Camp Nou , Barcelona
โพสเมื่อ: Sat Mar 25, 2017 1:12 pm
พูดถึงเรื่องครูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม
ผมบอกเลย ใครใจไม่รักจริง ไปไม่รอดหรอกคับ

เพราะครูสมัยนี้ไม่ใช่แค่สอน ทั้งวิจัย โครงการ ประเมิน งานเอกสาร อบรม

ครูคือผู้สอนคน แต่หน้าที่ครูในปัจจุบันทำงานเอกสารมากกว่าสอนอีก

เข้ามาเถอะคับ แล้วจะรู้ว่าการเป็นครูมันไม่ง่าย