เข้าร่วม: 26 Jan 2010
ตอบ: 288
ที่อยู่: Entaneer#32 CMU HA!!!
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 9:59 pm
อย่าให้ความพ่ายแพ้ครั้งนี้สูญเปล่า by วิศรุต
ไม่รู้ซ้ำหรือป่าวนะ แต่อยากให้ได้อ่านกัน
เอามาจากเวป siamsport
นามปากา "วิศรุต"
อ่านที่เค้าวิเคราะห์แล้วก็โอเคนะ เรื่อง แผนการเล่น, ความเข้มข้นของทีม scout, ตัวทีเด็ดใช้เปลี่ยนเกมส์, หรือการใช้ right man to the right job อะ
แพ้แล้วแต่ได้อะไรจากมันบ้าง
"ผมไปชมเกมไทย กับซาอุฯที่ราชมังคลากีฬาสถาน และได้พบความเจ็บปวดเหมือนกับแฟนบอลทุกคน
มันน่าเศร้าครับ เพราะเราแพ้ 3-0 คาบ้าน คือผมนึกไม่ออกว่า มันแพ้ขาดขนาดนี้ได้อย่างไร
ครั้งล่าสุดที่เราแพ้ในบ้าน 3 ลูกแบบนี้ คงเป็นเกมแรกสุดของซิโก้เลยครับ นัดที่แพ้เลบานอน 2-5 ในเอเชียนคัพรอบคัดเลือก จากนั้นมาอีกสามปี เราอย่างมากก็แพ้ 2 เม็ด
จริงๆนัดนี้ เราพร้อมทุกอย่าง ตัวนักเตะอยู่ในสภาพฟูลทีม อาจจะขาดแค่สารัช อยู่เย็นคนเดียว แต่ก็มีตัวอื่นที่สามารถทดแทนได้ ตรงกันข้ามกับซาอุฯที่ขาดคีย์แมนไปถึงสามคน
เกมที่แล้ว ที่เจอซาอุฯที่ริยาด เราก็เล่นได้ดีมาก เล่นได้เปรียบพวกเขาด้วยซ้ำไป แต่พอกลับมาเล่นที่ไทย สถานการณ์กลับพลิกผันคนละเรื่อง
หลังเกมจบ ผมนั่งอยู่บนสแตนด์ต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง พยายามทำความเข้าใจว่า มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม และเต็มไปด้วยความโกรธ ซึ่งก็คงไม่ต่างกับแฟนบอลทุกคนนั่นแหละ
แต่หลังจากผ่านมา 1 วัน ผมก็คิดครับ ว่าการไประเบิดอารมณ์โมโหใส่นักเตะและทีม หรือแม้กระทั่งโค้ช มันไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะจริงๆก็ไม่มีใครอยากแพ้หรอก ไม่มีใครอยากเล่นแย่ต่อหน้าแฟนๆของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็อย่าให้ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ เป็นแค่เกมเกมหนึ่งที่จะผ่านไป เราควรเก็บเกี่ยวบทเรียนจากมัน และหาสาเหตุว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทีมถึงแพ้ได้
1.แท็กติกส์ผิด
เกมที่ริยาด ที่ไทยเล่นดีมาก และแพ้จากการโดนจุดโทษช่วงท้ายเกม เราใช้ระบบ 4-3-3 แผงหลังสี่คน มีปีกโจมตีซ้าย-ขวา
นัดนั้นเราเล่นการชิ่งสั้นๆแบบติ๊กต่อก อย่างมั่นใจ ครองบอลได้ตลอดแทบไม่เสียบอลง่ายๆ เป็นหมากที่เราใช้แล้วข่มคู่แข่ง
แต่พอมาเล่นที่ไทย เราออกสตาร์ตด้วยการปรับเป็นระบบ 3-5-2 ใช้สามเซ็นเตอร์เหมือนเกมเจอออสเตรเลีย
พอเล่นไป 45 นาที ซิโก้รู้ทันทีว่า เขาวางแท็กติกผิดแล้ว พยายามจะแก้เกมเป็น แผงหลังสี่คน แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เพราะเราโดนนำ
นี่ก็เป็นบทเรียนอีกหนึ่งข้อ ว่าแผนบางแผน ใช้ได้กับแค่บางทีมเท่านั้น 3-5-2 เวิร์กกับออสเตรเลีย เพราะเป็นหมากที่ 3 เซ็นเตอร์แพ็กแน่นตรงกลาง สามารถกันลูกบอมบ์กลางอากาศได้ดี
แต่ ซาอุฯ ไม่ได้มาบอมบ์ให้โหม่ง เท่ากับว่าเราแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก 3 เซ็นเตอร์เลย ดังนั้นเราจะเห็นว่า พอเปลี่ยนแผนแล้ว รูปเกมเรากลับมาดีขึ้นในครึ่งหลัง
2.ต้อง Scout ให้ละเอียดยิ่งขึ้น
สืบเนื่องมาจากการวางแท็กติกส์ในข้อแรก ถ้าเราย้อนดูเกมอื่นๆในรอบแบ่งกลุ่มของซาอุฯ พวกเขาชนะทุกเกม ยกเว้น การเสมอกับออสเตรเลีย 2-2 และ แพ้ญี่ปุ่น 1-2
ออสเตรเลีย กับ ญี่ปุ่น ใช้หมากเดียวกัน คือ 4-3-3 ในการพบกับซาอุฯ และก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการออกมา
มันก็คงดีกว่า ถ้าเราเห็นว่า ทีมอื่นเขาทำอย่างไร จึงจะหยุดคู่แข่งได้ และเราก็เอามาปรับใช้กับทีมเรา
ทีมงาน scout ของไทย อาจทำงานหนักแล้ว แต่นี่ก็เป็นบทเรียนว่า ในการแข่งขันระดับนี้ ยิ่งต้องละเอียดมากกว่าเดิมอีก
3.การเลือก 23 นักเตะ ควรใส่ตัวทีเด็ดให้มากกว่านี้
จริงๆ การเลือกตัวผู้เล่นของซิโก้ทั้ง 23 คน ถือว่ายอมรับได้ โดยรวมเป็นผู้เล่นที่ค่อนข้างมีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าซิโก้เพลย์เซฟเกินไป
การเลือกเซ็นเตอร์มาถึง 5 คน คือ อดิสร ,กรวิทย์ , ประทุม ,ประวีณวัชร์ และธนบูรณ์ (นับธนบูรณ์เป็นเซ็นเตอร์ เพราะซิโก้จะใช้งานในตำแหน่งนี้เป็นหลัก) ซึ่งจำนวน 5 คน ถือว่ามากเกินไปเยอะ ลองไปดูทีมระดับโลกเขาเอา เซ็นเตอร์มาแค่ 4 คนเท่านั้น บางทีมเอามาแค่ 3 ด้วยซ้ำ
ถ้าหากลด เซ็นเตอร์แบ็กสักคน แล้วไปเพิ่มตัวบุกแทน ข้างสนามเราก็จะมีชอยส์ในการโจมตีมากขึ้น เวลาโดนนำแบบนี้ ก็จะมีตัวเลือกเยอะขึ้น ซึ่งมันก็ดีกว่ามีเซ็นเตอร์ล้นทีมแน่ๆ
4.การเข้าทำของไทยไม่หลากหลายพอ
ผมมีโอกาสคุยกับนักข่าวซาอุดิอาระเบียที่มาทำข่าวนัดนี้ เขาบอกว่า จริงๆแล้วสกอร์ 3-0 ไม่ได้สะท้อนเกมที่แท้จริงหรอก เพราะกว่าจะมาได้ลูก 2 ก็ต้องเหนื่อยหนักเหมือนกัน
ผมถามเขาว่า จุดที่ต่างกันของไทย กับซาอุฯ คืออะไรกันแน่ เขาก็บอกตรงๆครับ ว่าเรื่องความฟิตพอๆกัน เรื่องประสบการณ์ก็ไม่ได้เปรียบกัน เพราะนักเตะทีมชุดนี้ยังไม่มีใครได้ไปบอลโลกรอบสุดท้ายมาก่อนเลยสักคนเดียว แต่ข้อที่ซาอุฯเหนือกว่า คือความหลากหลายในการเข้าทำ
เขาบอกว่า ไทยมีวิธีโจมตีไม่กี่แบบ 1 ขึ้นเกมด้วยชนาธิปเป็นหลัก 2 จ่ายออกริมเส้นแล้วเสี่ยงครอสเข้ากลางมา ซึ่งมันเดาทางได้ง่าย แต่กับซาอุฯ พวกเขามีวิธีเข้าทำหลากหลายมากกว่า ทั้งการต่อบอลสั้น การโยนด้านข้าง การใช้ปีกลากบอลตัดเข้าใน การตักบอลให้หลุดกับดักล้ำหน้า และ การยิงไกล
นี่เป็นจุดที่ไทยต้องพัฒนาต่อไปในการเล่นระดับเอเชีย เพราะถ้าในเลเวลอาเซียน แค่ใช้ 1-2 วิธี ก็เจาะเกมรับได้แล้ว แต่ในระดับสูงขึ้น เมื่อวิธี 1 และ 2 ไม่ได้ผล มันก็ต้องมีแผน 3 4 5 6 มากขึ้นไปเรื่อยๆ
5.ถึงเวลาที่จะปรับธนบูรณ์เป็นมิดฟิลด์หรือยัง
ธนบูรณ์ ในสโมสรเชียงราย เขาเล่นเป็นมิดฟิลด์กลางสนาม ทำหน้าที่คุมจังหวะเกม ,ตัดเกม และยิงไกล ซึ่งกว่างโซ้งก็อย่างที่เห็น สุดยอดเหลือเกิน
แต่พอมาในทีมชาติ เขาต้องถูกถอยมาเล่นกองหลัง ในระบบ 3 ตัวบ้าง 4 ตัวบ้าง ซึ่งลองคิดดูนะครับ คนมันเล่นกองกลางมาตลอด 3 เดือนเต็มๆ แล้วต้องเปลี่ยนตำแหน่งกลางคันมาเจอกับคู่แข่งสุดอันตรายอีก มันก็เหนื่อยนะ
โอเคว่า ธนบูรณ์ เล่นกองหลังก็ดี แต่มันก็น่าลองนะครับ ว่าถ้าใช้งานเขาในตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เพราะอย่าลืมว่า เซ็นเตอร์แบ็กของเราก็ไว้ใจได้นะ
อดิสรณ์ นี่ก็ดีกรีออลสตาร์แชมเปี้ยนส์ลีก , กรวิทย์เล่นได้ดีกับบุรีรัมย์ , ประทุม เล่นได้เด่นมากกับเชียงราย ส่วน ประวีณวัชร์ ซิโก้ก็เชื่อมือมาตลอดอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเราใช้ธนบูรณ์คอยขับเคลื่อนเกมกลางสนามบ้าง มันก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจดีใช่ไหมครับ
-------------------------------------------------------------
ผมรู้ว่าแฟนบอลไทยทุกคนเสียใจ แต่อยากให้ลองย้อนคิดถึงความรู้สึกในวันแรกที่เราจับสลากมาอยู่ในกรุ๊ปออฟเดธ ตอนนั้นพวกเราพูดว่าอะไรจำได้ไหมครับ
"ได้มา 12 ทีมสุดท้าย ก็ดีใจแล้ว"
"แพ้ก็ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์"
"บอลโลกครั้งนี้ยังไม่หวังขอให้เด็กเราแกร่งก่อน"
ผมไม่อยากให้เราลืมความรู้สึกนั้นนะครับ เราต้องอย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร เราเพิ่งมาอยู่ในระดับสูงสุดของเอเชียเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีนะครับ
การด่ามันง่าย แค่โจมตีใส่ ระเบิดความรู้สึกออกมา ใครๆก็ทำได้
สิ่งที่ทำได้ยาก แต่เป็นสิ่งที่แฟนบอลตัวจริงควรทำ
นั่นคือการมองหาสิ่งดีๆในความพ่ายแพ้ต่างหากครับ"
"วิศรุต"
credit www.siamsport.co.th