ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 12 Dec 2009
ตอบ: 364
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:44 pm
ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"
ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"
*******************




หากเอ่ยถึง "เยอรมัน-อังกฤษ" เราย่อมนึกถึงความเป็นอริและอาฆาต แต่บางครั้งโลกมนุษย์ก็มักมีความสัมพันธ์ที่สุดแปลกดังเช่นทั้งสองชาติดังกล่าวที่ใครจะเชื่อครับว่าครั้งหนึ่งทั้ง อังกฤษ และ เยอรมัน นั้นเคยเป็นปึก "ผืนแผ่น" เดียวกัน

เดิมที "สิงโตคำราม" และ "อินทรีเหล็ก" กำเนิดมาจากชาติเดียวกัน ต้นกำเนิดของทั้งสองต่างเป็นชาว "เยอรมานิค" ก่อนที่ อังกฤษจะแตกหน่อออกไปยึดเกาะอังกฤษแล้วกลายเป็นชาว "แองโกล" นับตั้งแต่นั้น

ใช่ที่เราอาจเคยเห็นทั้งสองชาติรบกันเอาเป็น-เอาตายในสงครามโลกครั้งที่ 1, ถูกอีกที่เรื่องการเมืองของทั้งสองถือหางคนละขั้วแต่ในรอยร้าวที่ปรากฏบนหน้าสื่อเบื้องลึกแล้วด้วยดีเอ็นเอที่เข้มข้น

ทั้งสองต่างยังคงรู้สึกว่าทั้งกันและกันยังคงเสมือนพี่น้องกัน

กระทั่ง ฮิตเลอร์ ที่เคยมีบางรายงานกล่าวว่าเจ้าตัวเคยเลือกที่จะไม่ยิงทำลายล้างเมืองหลักๆของอังกฤษเนื่องเพราะความที่มีเชื้อไขเดียวกัน

กระนั้นมีอยู่หนึ่งเหตุการณ์ในวงการฟุตบอลที่ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองชาติเกือบขาดสะบั้น

เป็นเหตุการณ์ที่แม้ผ่านมาเนิ่นนานกว่า 51 ปีแล้วแต่จนถึงทุกวันนี้ยังกลายเป็นที่ถกเถียงไม่จบไม่สิ้น

เป็นชัยชนะกังขาที่ทำให้แม้ อังกฤษ ถูกจารึกชื่อในฐานะทำเทียบแชมป์โลกได้สมใจอยาก แต่นั่นก็ทำให้ความสำเร็จครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของพวกเขาถูกมองว่าเป็น "ตราบาป" ที่ประทับรอยอยู่และไม่มีวันหายไป

"โกสต์ โกล" หรือประตูผีของ "เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์" ในตำนาน!



"ทางเดียวที่พวกอิงลิชชนจะเป็นแชมป์ก็คือจัดบอลโลกที่บ้านของมันเอง แล้วมันถึงจะมีโอกาสเป็นแชมป์แบบที่มันโกงพวกเรา"

- คำปรามาส, ดูถูก, ถากถาง หรือไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้เลยว่าวลีนี้หาได้ทั่วไปและอยู่ในเบื้องลึกจิตใจของชาวเยอรมันแทบทุกคน
.
ก็ไม่แปลกครับที่พวกเขาจะคิดร้ายเช่นนั้น เมื่อครั้งหนึ่งพวกเขาเจอเหตุการณ์ "วิปโยค" ที่ทำให้พวกเขาต้องพบกับฝันร้ายที่คนยุคนั้นไม่มีวันลืมเลือน...

30 กรกฏาคม 1966 นั่นคือวันที่ชาวที่เรียกตนเองว่าผู้ดีมีความสุขที่สุดในโลก ขณะเดียวกันแฟนบอลจากเมืองเบียร์ที่เข้าชมเกมดังกล่าว...

อยู่ในสภาพไม่ต่างกับ "ตายทั้งเป็น"

ย้อนกลับไปเมื่อนัดชิงฟุตบอลโลกปี 1966 ในครั้งนั้นทีมชาติอังกฤษได้รับหน้าสื่่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ปีนั้นลูกทีมของ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ รวมถึงสาวกทั่วประเทศต่างหมายมั่นปั้นมือเนื่องจากมีอยู่หนึ่งตราบาปที่พวกเขาพวกเขาไม่เคยทำได้
นั่นก็คือการซิวถ้วย "เวิลด์ คัพ"
.
ก็แน่นอนว่าพอมาอีหรอบนี้สื่อในอังกฤษทั้งหลายที่ขึ้นชื่อเรื่องความโอเวอร์อยู่แล้วก็พร้อมใจกันที่จะประโคมความยิ่งใหญ่ของชาติบ้านเกิด และ ปลุกพลังแห่งความเชื่อขึ้น บนท้องถนนมีป้ายปลุกเร้ากองเชียร์ไม่เว้นแม้แต่บนหน้านสพ.ที่ประโคมข่าวทุกวี่ทุกวัน

กระทั่งกาลเวลาเดินทางมาถึง 30 กรกฏาคม วันที่ว่ากันว่าทั่วท้องสนาม เวมบลีย์ "ลุกเป็นไฟ"

หลังสร้างเรื่องช็อกฝ่าด่านทั้งฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า และ โปรตุเกส มาได้ในตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นครับที่ฝันของแฟนผู้ดีจะกลายเป็นจริง แต่ขึ้นชื่อว่าปราการด่านสุดท้ายย่อมไม่มีคำว่าง่าย

ดวงดันสมพงษ์ให้ อังกฤษ มีคิวบู๊กับ เยอรมันตะวันตกในนัดชิงพอดี

อดีตอันร้าวฉานก่อให้สนามลุกเป็นไฟ สงครามโลกที่เพิ่งจบลงไม่นานทำให้ความเร่าร้อนคู่นี้ช่างร้อนระอุ ฉับพลันที่เกมเริ่มต้นขึ้นทั้งสองใส่กันไฟแล่บชนิดไม่มีใครยอมใคร กระทั่งสถานการณ์ล่วงเลยมาถึงช่วงท้ายเกมแล้ว โวล์ฟกัง เวเบอร์ ก็มาซัลโวประตูไล่เจ๊าในนาทีสุดท้ายของเกมช่วยให้ สกอร์จบลงที่ 2-2

นั่นทำให้ทุกอย่างต้องไปวัดที่ "ช่วงต่อเวลา"

ทุกสถานการณ์ล้วนมีฮีโร่ และกับศึกครานี้พระเจ้าก็กำหนดให้ชื่อของ "เจฟฟ์ เฮิร์สท์" กลายเป็นตำนานที่ถูกจารึกว่าเป็นผู้พา อังกฤษ คว้าชัย ช่างน่าเศร้าครับที่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เพราะวีรกรรมของ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานโดยไม่รู้จบ ถึงจะถูกบันทึกว่าเป็นนักบอลคนเดียวจนถึงตอนนี้ที่ซัดแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศได้

แต่หนึ่งในประตูที่ทำได้ จังหวะซัดให้ทีมช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-2 (เกมจบ 4-2 และแน่นอน เจฟฟ์ เฮิร์สท์ คือผู้ซัดปิดท้าย) นำพาซึ่งปัญหาที่ถึงตอนนี้ก็ไร้ซึ่งคำตอบและยังค้างคา

หลัง อลัน บอลล์ เปิดมาให้ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ก็จัดการเกี่ยวบอลลงหนึ่งทีก่อนเอี้ยวตัวยิงเข้าไป แต่นั่นไม่ใช่การซัลโวที่เข้าไปแบบธรรมดาๆหากแต่บอลเจ้ากรรมดันเด้งไปตรงเส้นแล้วปลิ้นออกมา

ในยุคที่ไร้โกลไลน์...ช่างเป็นการยากที่จะตัดสิน ฝั่ง อังกฤษ วิ่งเฮเนื่องจากเชื่อว่าบอลคาบเส้นแล้วแต่ทว่าทางเยอรมันค้านหลังชนฝา พวกเขาพยายามแย้งกระทั่งสุดท้ายผู้ตัดสิน ก็อตต์ฟรีด เดนส์ท ตัดสินใจให้เป็นประตูหลังไปปรึกษากับไลน์แมน

และนั่นอังกฤษสร้างประวัติศาสตร์และตำนานแชมป์โลกสมัยแรกและครั้งเดียวไป


ภาพกราฟฟิกเมื่อปีที่แล้วจากสกายสปอร์ตที่บอกว่า 'ข้ามเส้น'ไปแล้ว

หลังเกมนัดนี้แฟนบอลทั้งสองด่าทอไป-มาดุเดือดไปพักใหญ่ สาวกอังกฤษในสนามตะโกนกึกก้องทั่ว เวมบลีย์ ว่า "สงครามโลกครั้งที่2และอีกหนึ่งแชมป์โลก" ไม่เว้นกระทั่งสงครามสื่อ นสพ. Kicker แห่งเยอรมันโจมตี โทฟิก บาห์รามอฟ ไลน์แมนในวันนั้นว่ารับงานส่วน Daily Mirror แท็บลอยด์ชื่อดังของอังกฤษก็แสบใช่ย่อยสวน Kicker กลับไปว่า "แพ้ก็คือแพ้ ต่อให้ตัดลูกนั้นไปชาติของข้าก็เอาชนะได้อยู่ดี!"

ในเวลาต่อมา เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ได้ยืนยันว่าประตูของตนนั้นเข้าไปแล้วอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับ Skysports ที่พยายามทำภาพจำลองและใช้เทคโนโลยียืนยันเมื่อปีที่แล้วในวันครบรอบ 50 ปีเหตุวิปโยคว่ามันเข้าไปแล้วจริงๆ แต่พูดไปก็สองไพเบี้ยครับ ...

ทุกวันนี้เรื่องราวยังคงคาราคาซังไม่ต่างกับคำถามทีไร้ซึ่งคำตอบ ด้าน อูเว่ ซีเลอร์ กัปตันทีมเยอรมันในวันนั้นก็เผยความลับว่าสงสัย เจฟฟ์ เฮิร์สท์ เองคงสับสนเพราะกระทั่งเจ้าตัวก็ได้บอกกับตนว่ามันยังไม่ข้ามเส้นในเวลาต่อมา

"ผมอยู่ด้านตรงหน้าเหตุการณ์ในวันนั้นและเห็นว่าบอลนั้นยังไม่ข้ามเส้นชัดเจน ไม่มีใครในทีมเราเข้าใจเลยว่าผู้ตัดสินให้มันเป็นประตูได้ยังไง"

"ทุกวันนี้เมื่อผมเจอกับ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ เรายังมักหัวเราะกันอยู่เลยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เอาตามตรงนะ พวกเขาก็รู้ดีแก่ใจและบอกเองเลยว่ามันไม่เข้าไป เพราะ พวกเขาก็เห็นตำตา"


ผลสกอร์เกมนี้อาจจบลงที่ 4-2 และพาอังกฤษกลายเป็นแชมป์โลก แต่สิ่งที่ตามมานำพาให้แมตช์นี้เข้าขั้นตำนาน ในเกมที่มีผู้ชมทางโทรทัศน์พร้อมกันกว่า 32 ล้านนี่คือสถิติจำนวนผู้ชมที่มากที่สุดในเกาะอังกฤษ

แต่สิ่งที่ผู้คนพูดถึงกลับไม่ใช่การซิวถ้วยเวิลด์ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา, ไม่ใช่สกอร์ 4-2 ที่ดูเหมือนห่างชั้น...

หากแต่เป็น "ประตูผี" ในตำนาน

คืนวันพุธนี้ทั้งคู่จะโคจรมาพบกันอีกครั้ง มันอาจจะเป็นแค่เกมกระชับมิตรที่คนรุ่นใหม่ก็น่าจะลืมไปหมดแล้วแต่เชื่อเถอะครับว่าด้วยประวัติศาสตร์และความเคียดแค้นเก่าๆทั้งสองจะใส่กัน "ลืมตาย" แน่นอน

เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอ ต่อให้อุ่นแข้งก็ย่อม "ไม่มีใครยอมใคร"!

- มาสเตอร์ ริท -

**************
เขียนเองครับ และก็เช่นเคยถ้าชอบก็ติดตามกันได้ตามเพจด้านล้างเช่นเคยนะครับ

https://www.facebook.com/MasterReed.1992/?fref=nf

คลิปเหตุการณ์วันนั้นที่ทุกท่านต้องตัดสินกันเอง ^^ :


เข้าร่วม: 03 Oct 2013
ตอบ: 16299
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:04 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
ผมว่าเข้าไปแล้วน่ะแต่มันเด้งเร็วมากๆ


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 15624
ที่อยู่: ทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:05 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
Skysports นี่มาจากประเทศอะไรล่ะ



เข้าร่วม: 03 Nov 2008
ตอบ: 452
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:05 pm
[RE]ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"
ผมนึกว่าจะเป็นเรื่องผัดไทย
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 5254
ที่อยู่: Chiangmai
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:12 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
bank_35422 พิมพ์ว่า:
ผมนึกว่าจะเป็นเรื่องผัดไทย  

คิดเหมือนกันเลย ฮา
เข้าร่วม: 12 Dec 2009
ตอบ: 364
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:14 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
MaArSeNaL พิมพ์ว่า:
ผมว่าเข้าไปแล้วน่ะแต่มันเด้งเร็วมากๆ  


สำหรับผมคิดว่าน่าจะเป็นเงาที่เข้าแต่บอลเหมือนจะอยู่ตรงเส้นแต่อย่างว่าครับมันไวมากๆ ดูกี่รอบก็มองไม่ออก 5555 นี่ล่ะครับประโยชน์ของโกลไลน์
0
0
เข้าร่วม: 12 Dec 2009
ตอบ: 364
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:14 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
Mirt3838 พิมพ์ว่า:
bank_35422 พิมพ์ว่า:
ผมนึกว่าจะเป็นเรื่องผัดไทย  

คิดเหมือนกันเลย ฮา  


ว่าแล้วครับต้องมีคนมาทักแน่
0
0
เข้าร่วม: 12 Feb 2009
ตอบ: 2676
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:29 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
ผมว่าน่าจะยังไม่เข้านะ เยอรมันเป็นชาติที่ตรงไปตรงมา คงไม่พูดเล่นหรอก

ตอนเยอรมันโดนลูกยิงข้ามเส้น ของแลมพาร์ด ในบอลโลก แต่ไม่เป็นประตู

นอยเออร์ก็ออกมายอมรับว่าเข้าไปแล้ว (แต่อันนั้นเข้าไปเยอะจริง 55)
0
0
เข้าร่วม: 07 Feb 2006
ตอบ: 8783
ที่อยู่: Theater of Dreams
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:31 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
เสน่ห์ของฟุตบอลกันมั้ยล่ะ

จริงๆ จะโทษทีมที่แข่งด้วยก็กะไรอยู่นะ

คนโดนน่าจะกรรมการนี่หละ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 667
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 22, 2017 12:16 am
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
ถ้ามีโกลไลน์เหมือนจะไม่เข้าคับ เพราะถ้ามีส่วนยังทับเส้นจิ๊ดเดียวก็ยังถือว่าไม่เข้า นัดที่ลิเวอร์พูล ไปแพ้ บอร์นมัธ ล่าสุด 4-3 ยังติดตา ตอนนำ 3-1 ลิเวอร์พูลน่าจะได้อีกลูก แต่โกลไลน์บอกเหลืออีกนิดเดียวจริงๆ ที่ยังทับเส้น... ตอนนั้นถ้าได้อีกลูกจะไม่แพ้ 4-3 แน่นอน (แต่จะแพ้ 5-4 ป่าวไม่รู้นะ )
0
0
เข้าร่วม: 23 Nov 2014
ตอบ: 5649
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 22, 2017 8:14 am
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
สำหรับผม ผัดไทที่เป็นผัดไท อร่อยแท้ๆต้อง ผัดไทวัดเลียบเท่านั้น
0
0
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 3171
ที่อยู่: อนุบาลแม่ไก่ใจดี
โพสเมื่อ: Wed Mar 22, 2017 11:40 am
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
ช่วงนี้ คนต่อคิวเยอะมากกกก กว่าจะได้กิน
0
0
เข้าร่วม: 29 Oct 2013
ตอบ: 1900
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 22, 2017 12:01 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
ไอ้เราก็นึกไปถึง มัสซิโม่ ตาอิบี้

0
0
เข้าร่วม: 09 Sep 2013
ตอบ: 6351
ที่อยู่: british columbia
โพสเมื่อ: Wed Mar 22, 2017 12:37 pm
[RE]ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"
Mirt3838 พิมพ์ว่า:
bank_35422 พิมพ์ว่า:
ผมนึกว่าจะเป็นเรื่องผัดไทย  

คิดเหมือนกันเลย ฮา  

อึดอัด ไม่เล่นก็ไม่ได้
0
0
Webp-net-resizeimage
เข้าร่วม: 09 Aug 2009
ตอบ: 23133
ที่อยู่: Anfield,Liverpool
โพสเมื่อ: Wed Mar 22, 2017 4:46 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
นึกว่าผัดใคร
0
0
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 7963
ที่อยู่: OLD TRAFFORD
โพสเมื่อ: Thu Mar 23, 2017 11:48 am
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
ไม่มีโกลล์ ไลน์ จังหวะแบบนี้

มีเยอะแยะมากมาย จะไปว่าเค้าโกงก็ไม่ได้

ตัดสินไปทางไหน ก็ถือว่าไม่ผิด มีเวลาชี้ชัดแค่แป้บเดียว
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 51
ที่อยู่: แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
โพสเมื่อ: Fri Mar 24, 2017 11:50 pm
[RE: ย้อนรอย "ประตูผีในตำนาน"]
หัวบอร์ดกะบอลนอก หาใช่วาไรตี้ เขาเขียนดีๆก็มาผัดทงผัดไท
0
0