[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย
พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น
แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย
ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ
ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า
เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย
ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี
จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต
ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ
แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ
นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น
ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง
ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ
ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์
อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้
ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา
มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ
ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า
แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ
ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ
ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล
Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้
ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ
เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ
ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ
เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน
หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ
แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น
ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ
หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ
อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด
ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้
กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ
เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้
คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน
แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ
ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว
คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ
แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน
อยากได้ครูเก่ง
ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน
ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู
อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ
ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น
แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง
ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย
แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ
ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน
แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ
ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง
จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก
ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว
ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ
ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร
ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี
และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย
- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้
แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก
- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-
หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้
ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า
------------------------------------------------------------
- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย
แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก
ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว
เมื่อเทียบกับ
มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)
... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า
เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)
ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)
ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่