ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 27034
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:02 am
คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว
พอดีเห็นข่าวในเฟซมา


อะไรดีบุ๋มก็ว่าดี


นศ.ครู ไม่ค่อยเก่งอังกฤษ แล้วมาสอนอังกฤษเด็ก
ไม่เก่งคณิต แต่สอนเด็กกัน
0
0
เข้าร่วม: 05 Feb 2009
ตอบ: 10408
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:09 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
เพิ่มเงินเดือนครูสัก 50000 ต่อเดือนครับ
จะเห็นเดกเก่งๆ มาเรียนครูมากขึ้น
ก็จะได้ครูที่เก่งเยอะขึ้น
ก็จะมี นร ที่เก่ง เพิ่งขึ้นเอง
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 17371
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:10 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ผมคิดว่ามันควรมีทั้ง 2 อย่างนะ

อย่างแรก ครูในระดับอนุบาลจนถึงป.6 ควรเป็นครูที่มีความเป็นครูจริงๆ

เพราะเด็กวัยนี้ควรได้รับการอบรมที่ดีจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่ไม่มีเวลาว่างเพราะต้องทำงาน

ก็เลยเป็นหน้าที่ของครูที่ต้องมาอบรมเด็กแทน สมัยก่อนเค้าเรียกว่าครูคือแม่คนที่ 2

แต่พอเด็กโตแล้ว อันนี้ควรจะได้รับความรู้จากคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจริงๆ
เข้าร่วม: 25 Jul 2008
ตอบ: 10196
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:11 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ผมเคยเข้าประชุมเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา

มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บอกว่า คนที่เลือกเรียนสาขาครู เพราะตอนเอ็นทรานซ์ สอบคณะที่ชอบไม่ติด

คนเก่งๆ ที่ตั้งใจจะเข้ามาเป็นครู มีน้อยลงทุกที และครูก็มีคุณภาพลดลงไปเรื่อยๆ

อย่างพวกติวเตอร์ ที่สอนดีๆ ก็ไม่มีจบสาขาครูซักเท่าไหร่

ผมว่า เป็นทางเลือกที่นะครับ ถ้าจะมีคนจบจากสาขาอาชีพอื่น เข้ามาเป็นครูบ้าง จะได้มีมุมมองใหม่ๆ ครับ

แต่ก่อนจะบรรจุ ผมอยากให้มีสอบวิชาจิตวิญญาณของความเป็นครูด้วยครับ

เพราะครู ยังไงก็ขึ้นชื่อว่า เป็นแม่พิมพ์ของชาติ

อย่างน้อยต้องรักในอาชีพตัวเอง และต้องปลูกฝังคนรุ่นต่อไปให้ดีด้วย

ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องวิชาการอย่างเดียว แต่รวมถึงเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมด้วยครับ

เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6789
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:11 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ดูๆแล้วมันก็ค่อนข้างเอาเปรียบคนที่เรียนศึกษาศาสตร์กับครุศาสตร์นะ

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง อาจารย์มหาลัยส่วนมากก็ไม่ได้จบศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์เลย

นั่นแสดงว่าขอแค่มีความรู้และถ่ายทอดเป็นก็สามารถเป็นครูได้แล้ว ไม่ได้ทำให้ขาดคุณภาพในการเรียนการสอนแต่อย่างใด

แต่ดูแล้วไม่แฟร์กับคนที่เรียนศึกษาศาสตร์กับครุศาสตร์แค่นั้นเอง

แถมติวเตอร์ดังๆก็แทบจะไม่มีใครจบศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์เลย แต่เด็กดันแห่กันไปเรียนเพราะเขามีวิธีถ่ายทอดความรู้ที่ดีว่าครูในโรงเรียนรึเปล่า
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 27034
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:11 am
คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว
blackhunter พิมพ์ว่า:
ผมคิดว่ามันควรมีทั้ง 2 อย่างนะ

อย่างแรก ครูในระดับอนุบาลจนถึงป.6 ควรเป็นครูที่มีความเป็นครูจริงๆ

เพราะเด็กวัยนี้ควรได้รับการอบรมที่ดีจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่ไม่มีเวลาว่างเพราะต้องทำงาน

ก็เลยเป็นหน้าที่ของครูที่ต้องมาอบรมเด็กแทน สมัยก่อนเค้าเรียกว่าครูคือแม่คนที่ 2

แต่พอเด็กโตแล้ว อันนี้ควรจะได้รับความรู้จากคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจริงๆ  

อะไรดีบุ๋มก็ว่าดี
0
0
เข้าร่วม: 13 Apr 2016
ตอบ: 521
ที่อยู่: บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:17 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ผมว่ามันก็เป็นการเปิดกว้างดีนะ เพราะบางทีความรู้ที่ต้องสอนเด็กตอน ม.ปลายมันก็ต้องลงลึกเหมือนกัน ยิ่งพวกสายวิทย์-คณิต พวกที่เรียนเฉพาะทางมาน่าจะลงลึกได้มากกว่า มีความรู้นอกบทเรียนที่เกี่ยวเนื่องกันมาเผื่อไว้ด้วย

แต่มันก็ดูเป็นการเอาเปรียบคนที่เรียนครูมาอยู่บ้าง เหมือนถูกแย่งงานอะไรแบบนี้ เพราะเห็นว่าปัจจุบันเรียนกัน5ปีกว่าจะจบ

แต่มันก็มีหลายๆเรื่องที่คนที่เรียนครูมาน่าจะเชี่ยวชาญกว่าอยู่แล้ว ทั้งเกี่ยวกับเรื่องเด็ก หลักการสอนที่ดี และความรู้แบบหลากหลายสาขามากกว่า ตรงนี้มันก็สำคัญเหมือนกัน

ผมว่ายังไงตั้งแต่ ม.ต้น ลงไปก็ควรมีครูจากครุศาสตร์โดยตรงมากกว่าอีกแบบ
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 12813
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:18 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
คิดถึงสิ่งที่ตอนผมวัยรุ่นแล้วทำกับครูไว้สิ


แค่นี้ก็ไม่อยากเป็นละ กลัวโดนเอาคืน
0
0
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 27034
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:22 am
คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว
เรือบิน พิมพ์ว่า:
คิดถึงสิ่งที่ตอนผมวัยรุ่นแล้วทำกับครูไว้สิ


แค่นี้ก็ไม่อยากเป็นละ กลัวโดนเอาคืน  

แอบดูกระจู๋ครูเวลาเข้าห้องน้ำ หรือเปล่าฮัป
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 12813
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:29 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
emula122 พิมพ์ว่า:
เรือบิน พิมพ์ว่า:
คิดถึงสิ่งที่ตอนผมวัยรุ่นแล้วทำกับครูไว้สิ


แค่นี้ก็ไม่อยากเป็นละ กลัวโดนเอาคืน  

แอบดูกระจู๋ครูเวลาเข้าห้องน้ำ หรือเปล่าฮัป  


ม่ายอะ แนวๆไม่เชื่อฟัง โดดเรียนทั้งห้อง ทำครูร้องยังเคยมี ไม่ใช่ผมทำนะ ไอเด็กคนอื่นๆมันทำ
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 165
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:33 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
คิดว่าดีครับ
1.เปิดโอกาสให้คนที่เจ๋งจริงๆ
2.คนที่จบคณะวิทย์ วุฒิ วท.บ. หรือ อื่นจะได้มีช่องทางเพิ่มขึ้น เพราะผมเห็นหลายคนที่จบคณะวิทย์ ไม่รู้จะไปทำงานอะไรที่มันมั่นคงต่อชีวิต


**คนที่จบครูมา 5 ปี ออกมาบ่น พูดบอกว่างั้นจะเรียนครูไปทำไม แต่ตัวผมคิดว่าถึงคนที่ไม่ได้จบครูมาโดยตรง ถ้าสอบบรรจุได้ก็ต้องไปเรียนต่อหรืออบรมเพื่อให้ได้มาซึ่งใบประกอบวิชาชีพอยู่ดีครับ ไม่ได้แตกต่างอะไรต้องใช้ระยะเวลาเท่ากันเหมือนเดิม ที่ออกมาบ่นเพราะกลัวคนที่จบสายอื่นจะมาแย่งงานหรือป่าว อีกอย่างคนที่สอบได้ก็ต้องใช้ความพยายามทั้งนั้นแหละครับ
0
0
เข้าร่วม: 14 Feb 2009
ตอบ: 5708
ที่อยู่: แกนวาป
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:33 am
[RE]คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว
พายอยู่อยู่ในอ่างครับ ศธ.
เมื่อก่อนครูเรียน 4 ปี แล้วมาบอกว่าครูไม่มีคุณภาพ
ก็ปรับมาเป็น 5 ปี คราวนี้มาบอกครู 5 ปี ไม่เก่ง

อะไรๆก็ครูจริงๆ โทษแต่ครู อยู่ๆเฉยๆก็โดนหาว่าโง่

ยกตัวอย่างครูที่โรงเรียนผมละกัน โครงการล่าสุดปีที่แล้ว
โครงการครูคืนถิ่น จบวิทกีฬามา (ไม่ได้พาดพิงทั้งเอกนะ พูดถึงแค่ครูที่ร.ร.ผมคนเดียว)
สอนไม่เป็น วิชาพละ สอนป.1 ให้วิ่งเก็บรอบ 1000 รอบใน 1 เทอม เด็กต้องมาวิ่งเก็บทุกตอนเย็น
เจอผู้ปกครองมาถึงโรงเรียนเลย
สอนสุขศึกษา เอาเรื่องเพศมาสอนกับเด็ก ป.2 คำบางคำเด็กมัธยมบางคนยังไม่เข้าใจเลย ผู้ปกครองก็มาถึงโรงเรียนเหมือนกัน
เอายางดีดหูเด็ก ป.3 ที่ไม่เชื่อฟัง ผู้ปกครองมาอีก

เอาเถอะครับแค่นี้ก่อน นี่ละคนเก่งของพวกคุณ
ทั้งประเทศอาจมีแค่ครูคนนี้คนเดียวก็ได้ที่สอนไม่เป็น มีปัญหาแบบนี้

ครู5ปี เรียนจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น ถึง 3 ปีนะครับ
พวก 4 ปีเอกทั่วไป คุณเรียนมั้ยละ
นศ.ฝึกสอนยังสอนดีกว่าครูคนที่ว่าอีกครับ

นี่ผมยังไม่พูดถึงการทำแผนการสอน การทำฝ่ายต่างๆในโรงเรียน

พายอยู่อยู่ในอ่างครับ วนไปวนมา
ได้หมดถ้าสดชื่นครับ

#อีดิตเพิ่ม ปล.ทุกวันนี้ครูคนนี้ก็ยังไม่มีใบประกอบ และยังไม่ได้ผ่านการอบรมอะไรเลยตามที่ ศธ.เคยโม้เอาไว้เลยนะครับ คนนอกก็จะมองครูแบบคห.บนนั่นละ แต่คนในวงการเขาเอือมมมมม
ปล.1ถ้าผมบรรจุนศ.ฝึกสอนได้ผมสั่งบรรจุแต่งตั้งแล้ว แล้วไล่ครูคนที่ว่าออก ปัญหาเยอะมาก สงสารก็แต่นักเรียนที่ได้เรียนกับเขา ครูคนเก่งของพวกคุณไง ศธ.
ปล.2เป็นครูต้องขี้บ่น แต่นักเรียนรักนะจ๊ะ
A long time ago, in a galaxy far, far, away...
เข้าร่วม: 01 Jun 2014
ตอบ: 1290
ที่อยู่: man united
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:35 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
เข้าร่วม: 19 Dec 2008
ตอบ: 24694
ที่อยู่: Mem : 54772
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:39 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ถ้าให้คนที่ไม่จบครูมาสอนแทนครู แล้วคนที่เรียนจบครูจะไปทำอะไร...บ้าบอครับ
ถ้าจะว่ามาตรฐานครูผู้สอนไม่ดีพอ ต้องมองไปถึงองค์ประกอบหลายๆ อย่างด้วย
เพราะอะไร ทำไมคนถึงไม่อยากเป็นครู เงินเดือนน้อยหรือ สอบไม่ติดเลยต้องมาเรียนหรือ
มันมีทางแก้ไขอยู่แล้ว อยู่แค่ว่า พวกที่มีอำนาจด้านนี้จะยอมแก้ไขหรือปล่าว...
ส่วนตัวผมว่า ถึงจะเรียนมหาลัย ยังไงก็ต้องมีครูที่เรียนจบครูมาสอนเป็นหลัก
แต่พวกที่เป็นสายอาชีพหลักสำหรับประกอบวิชาชีพหลังจบการศึกษา อันนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาเป็นครูพิเศษ
เช่น คนเรียนสายบัญชี ก็เอาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีมาสอน คนที่เรียนสาขาอื่น ก็เอาผู้เชี่ยวชาญสาขานั้นมาสอน มันต่อยอดได้
เอาไปเลย 1 คอสเต็มหลักสูตร ไล่ตั้งแต่ปี 1-4 ให้เด็กมันได้ความรู้แน่นๆ ในการนำไปประกอบวิชาชีพ

คตส.ครับ

0
0

เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 9918
ที่อยู่: มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:46 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
* มองในแง่โดนเอาเปรียบเกี่ยวกับพวกที่เรียนครุหรือศึกษามา มันก็เป็นเรื่องจริงแหละ แต่มันก็ต้องถึงเวลาปรับเปลี่ยนอะ


หลักๆ เลยคือสอนความเป็นครูนั่นละที่ควรจะมี เพราะปัจจุบันข่าวฉาวก็มีมาตลอด


ถ้ากลัวพวกเรียนครุหรือศึกษาโดนเอาเปรียบก็ลองปรับเปลี่ยนหลักสูตรดูครับ ไม่น่าจะยากเกินไป เราจะทำแบบเดิมโดยที่ต้องการผลลัพธ์ใหม่ๆ ไม่ได้หรอก


อีกอย่างก็เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความรู้ความสามารถในด้านนั้นๆ โดยเฉพาะ ที่ไม่ได้เรียนครูแต่อยากเป็นครู เข้ามาให้ความรู้แก่นักเรียนได้ด้วยนะ
0
0
♥ LFC

วอนให้ชาย ทุกคนเดินผ่าน
วอนให้ใจ น้องไม่มีใคร
วอนให้ลม พัดพาหัวใจพี่ไปถึง..
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 4172
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:49 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ผมจบโท คณิต ปีที่ผ่านมาไปลองเป็นครูโรงเรียนเอกชนมา

บ่องตรง เห็นใจคนที่เป็นครูมากครับ เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าทำไมการศึกษาเด็กไทยมันแย่ลง

มันไม่ใช่ที่ครูหรอกครับ แต่เป็นที่ระบบนี่แหล่ะ ไอ้ระบบเฮงซวยที่ห้ามเด็กซ้ำชั้นนี่แหล่ะ

สำหรับผมเงินเดือน 15000 นี่น้อยมากนะครับ ปกติติวเตอร์นี่อย่างน้อยอาทิตย์ละ 8500+

แล้วคนเป็นติวเตอร์นี่ก็ไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรเลยครับ ผมยกตัวอย่างคณิตศาสตร์นี่แหล่ะ

สักแต่จะสอนง่ายคิดทางลัดไปหมด แล้วมันไม่ถูกต้อง 100% แต่ก็เอามาสอนให้เด็ก เด็ก

ชอบเพราะง่าย แต่คือมันไม่จริงทั้งหมดไง ไอ้เราจบคณิตมาโดยตรงเห็นแล้วก็ขัดหูขัดตา

แถมงานในโรงเรียนก็โคตรจะเลอะเทอะ ถ้าคนที่เป็นครูทำแค่หน้าที่สอนตามที่ควรจะเป็นได้

จริงๆ ครูจะมีเวลามาใส่ใจการเรียนการสอนได้มากขึ้นอีก ทำได้มากขึ้นอีก แต่ทุกวันนี้ทำงาน

ทุกอย่างในโรงเรียนอ่ะครับ กับเงินเดือนสตาร์ทที่ 15000 นี่ไม่นับว่าโรงเรียนเอกชนยังมี

กดค่าแรงกันอีกนะ ตัวระบบที่ห่วยไม่สามารถกระตุ้นให้เด็กตั้งใจเรียนได้ ทำให้เด็กกลางๆ

กลายไปเป็นพวกเด็กแย่ๆ ระบบแบบนี้แหล่ะ ที่ทำให้การศึกษาไทยมันถอยหลังลงคลอง

ไปเป็นครูมาจริงๆ 1 ปีนี่ผมไม่โทษครูอีกเลยครับ รู้ซึ้งถึงความลำบากของการเป็นครู


เข้าร่วม: 01 Apr 2008
ตอบ: 13435
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:53 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ
0
0

เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3785
ที่อยู่: เบื่อโว้ยยยยยยยยยยยยยยย
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:55 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
คือมันต้องมองจุดประสงค์ของการเป็นครูก่อนป่าว

เหตุผลหลักๆของการเป็นครู คือการถ่ายทอดความรู้ให้กับ นักเรียน นักศึกษา

เพราะงั้นถ้าคุณมีความรู้ สอนคนได้ ถ่ายทอดเป็น ผมว่ามันก้ถูกจุดประสงค์หลักน่ะ

จบไรมา ถ้ามีความรู้ สอนนักเรียนได้ ให้มีความรู้ นำไปพัฒนาชาติ หรือไรงี้ ผมว่าเหมาะสมแล้ว

จบไรมาได้หมดแหละ
0
0
เข้าร่วม: 05 Apr 2007
ตอบ: 4097
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:56 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ไม่เห็นด้วยครับ ครูต้องเรียนครูมา เพราะนอกจากจะเรียนเพื่อมาสอนแล้ว
1.คนเรียนครูคงพอจะรู้ว่าต้องเรียนจิตวิทยาเด็ก วิธีการสอน ฯลฯ ไม่ใช่สักแต่เสนอ แต่ถ่ายทอดไม่ได้
2.ครูสมัยนี้ต้องดูแลรับผิดชอบเด็กมากๆ เลยน่ะ พ่อแม่สมัยนี้ทำงานๆ ไม่มีเวลาอบรมลูกกันเยอะ คนไม่มีจิตใจจะมาเป็นรับไม่ไหวหรอก (ติวเตอร์ ก็สนแต่เงิน สอนลัดกันทั้งนั้น)
3.ระบบครูไม่ได้ส่งเสริมคนเก่งเข้ามาเป็น ทั้งความก้าวหน้า การเรียนครูนอกจากเรียนพวกวิชาครูแล้ว ความรู้ทางวิชาการไม่ได้ก้าวหน้าไปเลย ไม่ได้ดึงดูด

แต่..พวกวิชาใหม่ที่เรายังผลิตครูไม่ทัน อย่างสายเทคโนโลยีต่างๆ เห็นควรจ้างครูจบสายนอกมาน่ะ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ต้องมีการเรียนสายการสอนให้สมน้ำสมเนื้อกับคนเรียนครูมาด้วย
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1218
ที่อยู่: ร่องนม
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 8:57 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ครูที่โรงเรียนผมตอนมัธยมนี่ สอนเก่งๆนับจำนวนคนได้เลย

ครูเก่งๆหายากละครับเดี๋ยวนี้ บางคนยังงงกับเนื้อหาที่ตัวเองต้องสอนอยู่เลย

สอนยังผิดๆถูกๆ พอเด็กไม่เข้าใจก็ต้องไปเรียนพิเศษกัน

แล้วจรรยาบรรณครูมันก็ไม่มีกับครูทุกคนหรอกครับ ตามข่าวเยอะแยะที่ครูทำร้ายนักเรียน





0
0
เข้าร่วม: 18 May 2009
ตอบ: 7811
ที่อยู่: Paradise
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:03 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ผมเรียนครูมาผมเฉยๆข่าวนี้นะไม่ได้รู้สึกโดนเอาเปรียบ เด็กเรียนครูอยากเป็นครูมันก็มี มาเรียนเพราะเอนท์ไม่ติดก็มี อย่าดูถูกคณะพวกนี้เลย ผมเอนท์ วศ.โยธาบางมด ยังเลือกเรียนครุศาสตร์ มทร. เลย

ส่วนเรียนมาแล้วเป็นครูได้ดีหรือเปล่าก็อีกเรื่องนึงเพื่อนผมบางคนจบมาได้ครูพันธ์ใหม่สอนกากก็มี คนเรียนเกรด 2 นิดสอนโคตรเก่งมันก็มี ของงี้มันวัดอะไรไม่ได้หรอก คนนอกมาสอนก็เช่นกันอาจจะสอนดีก็ได้ เรื่องทำแผน เรื่องวัดผลไรมันเรียนเพิ่มได้ ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น เรียนครุศาสตร์อุตสาหกรรม หน่วยกิตวิชาครูแค่ประมษณ 50 หน่วยเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องครูเนี่ยปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวครูหรอก ผมชอบสอนเด็ก เด็กชอบผมสอน ผมรู้สึกดีกับการเป็นครูมากๆ แต่ระบบตั้งแต่บนลงมาชั้นล่าง แม่งโคตรห่วยแตก ผมเลยไม่อยากเป็นครูต่อเลย
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 4172
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:05 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Sperm_10 พิมพ์ว่า:
ครูที่โรงเรียนผมตอนมัธยมนี่ สอนเก่งๆนับจำนวนคนได้เลย

ครูเก่งๆหายากละครับเดี๋ยวนี้ บางคนยังงงกับเนื้อหาที่ตัวเองต้องสอนอยู่เลย

สอนยังผิดๆถูกๆ พอเด็กไม่เข้าใจก็ต้องไปเรียนพิเศษกัน

แล้วจรรยาบรรณครูมันก็ไม่มีกับครูทุกคนหรอกครับ ตามข่าวเยอะแยะที่ครูทำร้ายนักเรียน





 


ตรงนี้ก็ส่วนหนึ่งครับ เป็นเรื่องจริงที่ครูบางส่วนไม่ได้แตกฉานในเนื้อหาที่ตัวเองสอนโดยเฉพาะวิชาสายวิทย์ ม.ปลายนี่หนักเลย
0
0
เข้าร่วม: 10 Nov 2013
ตอบ: 9327
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:06 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ปัญหาอยู่ที่บุคลากรที่ใช้ สร้างแม่พิมพ์ของชาติมันมีคุณภาพจริงๆหรือป่าว ไม่ได้จะดูถูกนะเด็กมันไม่เหมือนกัน จะให้เก่งทุกคนก็ไม่ได้อันนี้ก็เข้าใจ แต่ครูก้เป็นอีกส่วนนึงนะจะโทษเด็กกากอย่างเดียวไม่ได้
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 43566
ที่อยู่: Forbidden Siren
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:14 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ตราบใดที่เอาแต่พุ่งเป้ามาที่ครูอย่างเดียว ปัญหามันแก้ไม่ได้หรอก

กระทรวง
ครู
นักเรียน
ครอบครัวนักเรียน

พวกนี้ต้องแก้ไปด้วยกัน
ไม่ใช่เอะอะๆ โยนขี้ให้แต่ครู
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 3290
ที่อยู่: Anfield Road
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:16 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
อารมณ์คล้ายๆ Uber กับ Grab เลยอะ 55 คือมา Disrupt ของเก่าทิ้ง

คนที่มีใบประกอบขับรถสาธารณะ หรือเรียนครู เสียเปรียบเต็มๆ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนนอกอาชีพหลายคน สามารถถ่ายทอดความรู้ได้ดีกว่า โดยไม่จำเป็นต้องมีระบบ เหมือน Uber Grab ที่ให้บริการดีมากๆ

เข้าร่วม: 21 May 2009
ตอบ: 4523
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:19 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ใครที่เชี่ยวชาญมีความรู้มากกว่า และมีจิตที่พร้อมจะแบ่งปันความรู้นั้นสู่ผู้อื่นต่อไปเพื่อจรรโลงสังคมและความรู้ส่งต่อให้คนรุ่นต่อๆ ไปเรื่อยๆ คนนั้นก็คือ "ครู" หมดแหละ

0
0
เข้าร่วม: 14 Feb 2009
ตอบ: 5708
ที่อยู่: แกนวาป
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:21 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
หมาแดกแฟบ พิมพ์ว่า:
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ  


การศึกษาไทยที่มันห่วยมันไม่ได้เป็นเพราะครูครับ

มันเป็นเพราะระบบของพวกนั่งบนหอคอยงาช้างเขาสั่งลงมา

การศึกษาไทยห่วยคุณเลิกโทษครูเถอะ ความคิดแบบนี้ยังไม่หมดไปอีกหรอ

ถ้าปล่อยให้ครูได้สอนนักเรียนให้เต็มที่ ผมว่าเด็กไทยนี้สู้กับสิงค์โปสบายๆ

เอาแค่ที่เด็กไทยต้องสอบนะครับ ใน 1 ปีการศึกษานะครับ ที่พวกเขาสั่งมา
ผมยังไม่ลงถึงหน้าที่ครูที่พวก ศธ.เขาสั่งลงมานะ เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้อีกแหละ

สอบ NT , สอบ O-net , สอบมาตราฐานกลาง เมื่อก่อนเรียกสอบ LAS , สอบอ่านออกเขียนได้ . สอบลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ , สอบ PIZA , สอบวัดผลประเมินผล

ไหนจะต้องให้เด็กไปแข่งศิลปหัถกรรม แข่งวิชาการ ไม่ส่งไปก็ไม่ได้อีก
ครูเขาอยากจะส่งเด็กไปมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับ

วู้ววววววววววววววววววว การศึกษาไทยห่วยเพราะครู วู้วววววววววววววววววว

#อีดิตเพิ่ม อยากรู้ว่าครูต้องทำอะไรบ้าง ที่ทำหน้าที่นอกจากสอน ลองจีบสาวครูไม่ก็โทรไปถามเพื่อนที่เป็นครูดูนะครับ วู้ววว บ่นๆไปละ ยังตัดเกรดเด็กไม่เสร็จเลย






A long time ago, in a galaxy far, far, away...
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 9285
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:24 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
คือถ้าโรงเรียนมีบุคลากรเฉพาะทางคอยทำหน้าที่ที่ครูไม่ต้องเจียดเวลามาทำก็น่าจะดีนะ เช่นการเงิน การบัญชี จัดสถานที่ไรงี้ ทำแผนการสอนกับเอาแผนนั้นมาสอนเด็กก็แบ่งกันไปเลย คนทำแผนก็จะได้วางแผนว่าเด็กช่วงชั้นนี้ควรสอนบทเรียนไหน คนสอนก็จะได้วางแผนหาวิธีสอนเด็กได้อย่างเต็มที่
เข้าร่วม: 09 Apr 2007
ตอบ: 404
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:28 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
อย่าว่าแต่ ศธ. เลยครับ สธ. เอง อย่างที่ผมสังกัด ระบบมันก็ อืมมมม...นะ
0
0
เข้าร่วม: 17 Jan 2010
ตอบ: 3743
ที่อยู่: Stamford bridge , Westfalen Stadion ,The Dell
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:34 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ผมว่ามันไม่ได้ห่วยที่คนสอนหรอก มันห่วยที่ระบบมากกว่า แฟนผมเป็นครูนะ เขาก็สอนตามหนังสือเรียน พอเด็กทำไม่ได้ ผอ(ทั้งเอกชนและรัฐ) มาขอให้ครูตัดเกรดดีๆให้เด็กเพื่อให้ไม่น่าเกียจ

อย่างเด็กไม่เคยเข้าเรียนเลย แต่ต้องตัดเกรดให้เด็กเกรด 3 เงี้ย พอไม่ตัดก็โดน ผอ เรียกไปว่า เหอะๆ ครูบางคนแม่งทำทุกอย่างหลายหน้าที่ เหนื่อยนะ
เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 3268
ที่อยู่: Emirate Stadium
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:36 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
เท่าที่อ่านและตีความแบบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมาหลายๆ คนแล้ว ทางผมสรุปได้ประมาณว่า "ปรับเพื่อเอื้อพวกที่มีปัญหาคุรุสภาออกใบประกอบฯให้ไม่ทันมากกว่า" ไม่ได้เปิดฟรีถึงขนาดนั้น

สำหรับปัญหาการศึกษา จะโทษครูก็ไม่ผิด แต่จะโทษครูอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่อ่ะครับ

ผมก็หลวมตัวบรรจุมาแล้ว เข้ามาในระบบแล้วอ่ะนะ จะมาพูดมันก็ออกแนวแก้ตัว แต่บางทีก็น้อยใจจากมุมมองคนนอกเหมือนกันแหละ

ที่มักจะโทษสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่เป็น

เช่นการเทียบกับ Taxi ก็โอเคนะครับ คนจบอย่างอื่นถ้าเขาดีกว่าแบบ Grab Uber คนภายในอย่างผมก็ยินดีให้เขาเข้ามา แต่คนภายในอย่างผมก็อยากให้มีการปรับปรุงภายในกลุ่ม Taxi กันมากกว่า ปรับปรุงที่หลักสูตร ภาระหน้าที่การงาน ให้ครูได้ทำในสิ่งที่ครู "ควร" ทำจริงๆ มันก็น่าจะดีขึ้นได้

ปล. ผมไม่กีดกันคนนอก ถ้าเขามีใจตั้งใจจริงๆ นะ ผมแค่ไม่อยากให้มองว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีไว้สำหรับคนที่ไม่มีทางไปต่อก็แค่นั้น ถ้ามีใจอยากช่วยพัฒนาเด็กให้ดีขึ้น ผมก็ยินดีต้อนรับเพื่อนร่วมอาชีพคนใหม่ๆ เสมอนะ

ปล2. ผมสอบได้บรรจุแล้ว ผมคงลอยตัวจากปัญหาเหล่านี้ จะสงสารก็แต่พวกรุ่นต่อๆ ก็เท่านั้นแหละ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 674
ที่อยู่: 29
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 9:53 am
คิดยังไงกับโรงเรียนกวดวิชา
ที่ผมพูดไม่ได้หมายถึงทั้งหมดนะ ขอพูดในส่วนพวกที่เอาเปรียบไร้จรรยาบรรณ ความเป็นครูผมมอง ดูมันเป็นอาชืพ ที่เอาเปรียบเด็กที่ด้อยโอกาศทางการศึกษา เด็กที่มีทุนน้อยแต่เรียนดีต้องไปสอบเข้า กับนักเรียนที่ตั้งใจ+ได้รับข้อสอบที่ผ่านการเก็งมาแล้วจาก.............ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ทั้งยังเมือเข้าเรียน แล้วต้องไปนั้งสอบแข่งกับพวกที่ผ่านการติวมาแล้ว เด็กอยากเก่งก็ต้องพยายาม หาเงินมาเรียน เหมือนสอนให้ให้เด็กรู้จักทางลัด แต่เด็กคนอื่นละ
ก็ต้องเป็นอีกชนชั้น ครูได้เงินเพิ่มเด็กได้ความรู้ดูเหมือนจะ win win แต่เด็กคนอื่นที่ไม่ได้รับเงื่อนไขเหล่านี้ละ
0
0
arsenal fc only
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 7605
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:06 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
หยอง แบนเบย พิมพ์ว่า:
พายอยู่อยู่ในอ่างครับ ศธ.
เมื่อก่อนครูเรียน 4 ปี แล้วมาบอกว่าครูไม่มีคุณภาพ
ก็ปรับมาเป็น 5 ปี คราวนี้มาบอกครู 5 ปี ไม่เก่ง

อะไรๆก็ครูจริงๆ โทษแต่ครู อยู่ๆเฉยๆก็โดนหาว่าโง่

ยกตัวอย่างครูที่โรงเรียนผมละกัน โครงการล่าสุดปีที่แล้ว
โครงการครูคืนถิ่น จบวิทกีฬามา (ไม่ได้พาดพิงทั้งเอกนะ พูดถึงแค่ครูที่ร.ร.ผมคนเดียว)
สอนไม่เป็น วิชาพละ สอนป.1 ให้วิ่งเก็บรอบ 1000 รอบใน 1 เทอม เด็กต้องมาวิ่งเก็บทุกตอนเย็น
เจอผู้ปกครองมาถึงโรงเรียนเลย
สอนสุขศึกษา เอาเรื่องเพศมาสอนกับเด็ก ป.2 คำบางคำเด็กมัธยมบางคนยังไม่เข้าใจเลย ผู้ปกครองก็มาถึงโรงเรียนเหมือนกัน
เอายางดีดหูเด็ก ป.3 ที่ไม่เชื่อฟัง ผู้ปกครองมาอีก

เอาเถอะครับแค่นี้ก่อน นี่ละคนเก่งของพวกคุณ
ทั้งประเทศอาจมีแค่ครูคนนี้คนเดียวก็ได้ที่สอนไม่เป็น มีปัญหาแบบนี้

ครู5ปี เรียนจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น ถึง 3 ปีนะครับ
พวก 4 ปีเอกทั่วไป คุณเรียนมั้ยละ
นศ.ฝึกสอนยังสอนดีกว่าครูคนที่ว่าอีกครับ

นี่ผมยังไม่พูดถึงการทำแผนการสอน การทำฝ่ายต่างๆในโรงเรียน

พายอยู่อยู่ในอ่างครับ วนไปวนมา
ได้หมดถ้าสดชื่นครับ

#อีดิตเพิ่ม ปล.ทุกวันนี้ครูคนนี้ก็ยังไม่มีใบประกอบ และยังไม่ได้ผ่านการอบรมอะไรเลยตามที่ ศธ.เคยโม้เอาไว้เลยนะครับ คนนอกก็จะมองครูแบบคห.บนนั่นละ แต่คนในวงการเขาเอือมมมมม
ปล.1ถ้าผมบรรจุนศ.ฝึกสอนได้ผมสั่งบรรจุแต่งตั้งแล้ว แล้วไล่ครูคนที่ว่าออก ปัญหาเยอะมาก สงสารก็แต่นักเรียนที่ได้เรียนกับเขา ครูคนเก่งของพวกคุณไง ศธ.
ปล.2เป็นครูต้องขี้บ่น แต่นักเรียนรักนะจ๊ะ  

ที่ให้เรียน 5 ปีไม่ใช่ครูไม่มีคุณภาพครับ แต่เป็นฝั่งครูนี่แหละที่เรียกร้องขอเรียน 5 ปี
เพื่อแลกกับการได้เป็นครูเลย สมัยก่อนที่เรียนครู 4 ปีนั่น จบแล้วไม่ได้เป็นครูนะครับ
ต้องไปแข่งกับสายวิชีพอื่นด้วย (เมื่อก่อนสายวิชาชีพอื่น จบ4 ปี ละต่อครูอีก1ปี จะสอบ
ครูได้) ก็สู้เขาไม่ได้สิครับ เพราะยุคนั้นสายวิชาชีพอื่นจะมีวุฒิ 2 ใบแถมเขาจบมาแบบตรงๆ
สอบแข่งกันครูก็สู้ไม่ได้ เรียกร้องกันไปๆมาๆ ครูถึงได้เรียน 5 ปีนี่แหละครับ แล้วก็
ไปยกเลิกสายวิชาชีพอื่นไม่ให้มาเป็นครู ยกเว้นจะต่อโท ศศ หรือครุ ก่อน
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1218
ที่อยู่: ร่องนม
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:10 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
niali พิมพ์ว่า:
Sperm_10 พิมพ์ว่า:
ครูที่โรงเรียนผมตอนมัธยมนี่ สอนเก่งๆนับจำนวนคนได้เลย

ครูเก่งๆหายากละครับเดี๋ยวนี้ บางคนยังงงกับเนื้อหาที่ตัวเองต้องสอนอยู่เลย

สอนยังผิดๆถูกๆ พอเด็กไม่เข้าใจก็ต้องไปเรียนพิเศษกัน

แล้วจรรยาบรรณครูมันก็ไม่มีกับครูทุกคนหรอกครับ ตามข่าวเยอะแยะที่ครูทำร้ายนักเรียน





 


ตรงนี้ก็ส่วนหนึ่งครับ เป็นเรื่องจริงที่ครูบางส่วนไม่ได้แตกฉานในเนื้อหาที่ตัวเองสอนโดยเฉพาะวิชาสายวิทย์ ม.ปลายนี่หนักเลย  


ผมมาต่อมหาลัยนี่หนักเลยครับ ตามเพื่อนแทบไม่ทัน
0
0
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 7605
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:12 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
gazebosky พิมพ์ว่า:
ไม่เห็นด้วยครับ ครูต้องเรียนครูมา เพราะนอกจากจะเรียนเพื่อมาสอนแล้ว
1.คนเรียนครูคงพอจะรู้ว่าต้องเรียนจิตวิทยาเด็ก วิธีการสอน ฯลฯ ไม่ใช่สักแต่เสนอ แต่ถ่ายทอดไม่ได้
2.ครูสมัยนี้ต้องดูแลรับผิดชอบเด็กมากๆ เลยน่ะ พ่อแม่สมัยนี้ทำงานๆ ไม่มีเวลาอบรมลูกกันเยอะ คนไม่มีจิตใจจะมาเป็นรับไม่ไหวหรอก (ติวเตอร์ ก็สนแต่เงิน สอนลัดกันทั้งนั้น)
3.ระบบครูไม่ได้ส่งเสริมคนเก่งเข้ามาเป็น ทั้งความก้าวหน้า การเรียนครูนอกจากเรียนพวกวิชาครูแล้ว ความรู้ทางวิชาการไม่ได้ก้าวหน้าไปเลย ไม่ได้ดึงดูด

แต่..พวกวิชาใหม่ที่เรายังผลิตครูไม่ทัน อย่างสายเทคโนโลยีต่างๆ เห็นควรจ้างครูจบสายนอกมาน่ะ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ต้องมีการเรียนสายการสอนให้สมน้ำสมเนื้อกับคนเรียนครูมาด้วย  

คือถ้าจบสายวิชาชีพอื่นมาละจะไปเป็นครูก็ต้องไปเรียนจิตวิทยา จรรญาบรรณ
วิธีการสอน + ฝึกสอน ในจำนวน ชม. ที่เท่ากับหรือมากกว่า คนที่เรียนศึกษา/ครุมาอยู่ดีครับ
ไม่ใช่ว่าสอบได้ละ จะได้เป็นครูเลย ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ได้บรรจุเป็นครูครับ ยกเว้น รรเอกชน
อันนั้นจะเป็นอีกเรื่อง
0
0
เข้าร่วม: 19 May 2010
ตอบ: 7498
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:13 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
เขาเรียกว่า ครูผู้ช่วย ป่ะ

ประมาณ อาจารย์พิเศษ ในมหาวิทยาลัย ป่ะ
0
0
เข้าร่วม: 14 Feb 2014
ตอบ: 695
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:14 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


เห็นด้วยทุกประการ จากคนที่กำลังเรียนศึกษาศาสตร์อยู่ครับ
0
0
เข้าร่วม: 25 Aug 2006
ตอบ: 9113
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:17 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ราชการเป็นแบบนี้หมดล่ะครับ ปัญหามันอยู่ที่ระบบล้วนๆ
ผมเคยอยู่สาสุขมา คนนอกก็มองว่าดี งานไม่หนักทำงานเป็นเวลา แต่ใครจะรู้ ระบบแม่มอย่างกาก หัวหน้าก็จะเอาแต่ผลงาน ระดับจังหวัดก็ส่งขอเอาข้อมูลตอนเช้าละบอกให้ส่งตอนบ่าย แล้วก็บอกขอข้อมูลดีๆ ผ่านเกณฑ์ 80-90% แล้วใครจะไปหาข้อมูลทัน ส่วนใหญ่ก็เมคไปละแหละ ข้อมูลลวงตาทั้งนั้น
0
0
เข้าร่วม: 28 Oct 2008
ตอบ: 9564
ที่อยู่: anfield road
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:23 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ถ้ามีการแข่งขัน มากขึ้น ก็ดีนี่คับ

สำหรับคนเรียนตรงมา ไม่ดี

สำหรับภาพรวม ผมว่าน่าจะดี

แต่คนเก่งมาก ไม่อยากเป็นครูกันหรอกคับ ครู งานหนักเงินน้อย

สังคมไม่ดีด้วย ( คือ มันต้องสร้างภาพแห้งความสำเร็จ ไม่ทำจะอยู่ยาก อยู่แบบไม่มีความสุข ประเมินการสอนก็เยอะเหลือเกิน )

ผมเคยอยากเป็นครูนะ แต่ก็พอมาเห็นโลกแล้ว ไม่อยากเป็นละไม่ใช่แนวทางที่ชอบ

รออีกที ถ้าผมทำเงินได้เยอะจริงๆ ผมจะเปิด รร.เล็กๆ ที่รับแต่พวกเรียนไม่จบ พวกไม่มีพ่อแม่ มาเรียน มาทำงานหาเงินให้ตัวเอง
ก็พอ ( ถ้าไม่แต่งงานและมีเงินใช้ นะ )
0
0
การไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาในบางคราว ก็เป็นพรอันประเสริฐ - องค์ทะไลลามะ
เข้าร่วม: 05 Apr 2007
ตอบ: 4097
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:27 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Negrito พิมพ์ว่า:
gazebosky พิมพ์ว่า:
ไม่เห็นด้วยครับ ครูต้องเรียนครูมา เพราะนอกจากจะเรียนเพื่อมาสอนแล้ว
1.คนเรียนครูคงพอจะรู้ว่าต้องเรียนจิตวิทยาเด็ก วิธีการสอน ฯลฯ ไม่ใช่สักแต่เสนอ แต่ถ่ายทอดไม่ได้
2.ครูสมัยนี้ต้องดูแลรับผิดชอบเด็กมากๆ เลยน่ะ พ่อแม่สมัยนี้ทำงานๆ ไม่มีเวลาอบรมลูกกันเยอะ คนไม่มีจิตใจจะมาเป็นรับไม่ไหวหรอก (ติวเตอร์ ก็สนแต่เงิน สอนลัดกันทั้งนั้น)
3.ระบบครูไม่ได้ส่งเสริมคนเก่งเข้ามาเป็น ทั้งความก้าวหน้า การเรียนครูนอกจากเรียนพวกวิชาครูแล้ว ความรู้ทางวิชาการไม่ได้ก้าวหน้าไปเลย ไม่ได้ดึงดูด

แต่..พวกวิชาใหม่ที่เรายังผลิตครูไม่ทัน อย่างสายเทคโนโลยีต่างๆ เห็นควรจ้างครูจบสายนอกมาน่ะ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ต้องมีการเรียนสายการสอนให้สมน้ำสมเนื้อกับคนเรียนครูมาด้วย  

คือถ้าจบสายวิชาชีพอื่นมาละจะไปเป็นครูก็ต้องไปเรียนจิตวิทยา จรรญาบรรณ
วิธีการสอน + ฝึกสอน ในจำนวน ชม. ที่เท่ากับหรือมากกว่า คนที่เรียนศึกษา/ครุมาอยู่ดีครับ
ไม่ใช่ว่าสอบได้ละ จะได้เป็นครูเลย ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ได้บรรจุเป็นครูครับ ยกเว้น รรเอกชน
อันนั้นจะเป็นอีกเรื่อง  


ผมเข้าใจครับ เพราะผมก็เป็น ผค. (ผัวครู) แต่เราควรวิเคราะห์ แล้วผลักเข้าระบบให้หมดแต่แรก ไม่ใช่เรียนสายอื่นมา แทนที่จะไปทำประโยชน์ในสายนั้นๆ แต่ย้อนกลับมาเป็นครู
1
0
เข้าร่วม: 15 Jan 2009
ตอบ: 250
ที่อยู่: ปากซอยมี7-11
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:30 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ครูภาษาอังกฤษโรงเรียนผมสื่อสารกับครูต่างชาติไม่ได้หลายคน 3-4คน ใน สิบกว่าคน

สมัยผมเรียนม.ปลายนะ ตอนนี้กำลังจะ30 โรงเรียนรัฐกทม.นะ โรงเรียนกลางๆ

ครูไม่มีคุณภาพผมว่าก็เป็นส่วนนึงด้วยนะ ไม่ใช่ทั้งหมดนะ


ขอโทษเพื่อนๆในบอร์ดอาชีพครูด้วย ไม่ได้โจมตีนะ แต่มันมีปัญหาอยู่จริงๆ



1
0
เข้าร่วม: 16 Oct 2007
ตอบ: 7128
ที่อยู่: ไม่รู้
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:31 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
โทษครูอีกแล้วเหรอ สอบให้ได้แล้วกัน
0
0
สุดท้าย คนเราพบกันเพื่อลาจาก แค่นี้ใช่ไหม


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2966
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 10:57 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
หยอง แบนเบย พิมพ์ว่า:
หมาแดกแฟบ พิมพ์ว่า:
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ  


การศึกษาไทยที่มันห่วยมันไม่ได้เป็นเพราะครูครับ

มันเป็นเพราะระบบของพวกนั่งบนหอคอยงาช้างเขาสั่งลงมา

การศึกษาไทยห่วยคุณเลิกโทษครูเถอะ ความคิดแบบนี้ยังไม่หมดไปอีกหรอ

ถ้าปล่อยให้ครูได้สอนนักเรียนให้เต็มที่ ผมว่าเด็กไทยนี้สู้กับสิงค์โปสบายๆ

เอาแค่ที่เด็กไทยต้องสอบนะครับ ใน 1 ปีการศึกษานะครับ ที่พวกเขาสั่งมา
ผมยังไม่ลงถึงหน้าที่ครูที่พวก ศธ.เขาสั่งลงมานะ เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้อีกแหละ

สอบ NT , สอบ O-net , สอบมาตราฐานกลาง เมื่อก่อนเรียกสอบ LAS , สอบอ่านออกเขียนได้ . สอบลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ , สอบ PIZA , สอบวัดผลประเมินผล

ไหนจะต้องให้เด็กไปแข่งศิลปหัถกรรม แข่งวิชาการ ไม่ส่งไปก็ไม่ได้อีก
ครูเขาอยากจะส่งเด็กไปมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับ

วู้ววววววววววววววววววว การศึกษาไทยห่วยเพราะครู วู้วววววววววววววววววว

#อีดิตเพิ่ม อยากรู้ว่าครูต้องทำอะไรบ้าง ที่ทำหน้าที่นอกจากสอน ลองจีบสาวครูไม่ก็โทรไปถามเพื่อนที่เป็นครูดูนะครับ วู้ววว บ่นๆไปละ ยังตัดเกรดเด็กไม่เสร็จเลย






 


ครูเองก็มีส่วนครับ ไม่ได้ดูถูกนะ เพราะแม่ผมเป็นครู ที่โรงเรียนที่แม่ผมสอน วิชาภาษาอังกฤษครูพูดอังกฤษไม่ได้ซักคน แล้วจะมาคาดหวังอะไรให้เด็กพูดได้ (ระดับมัธยม) สอนยังผิดๆถูกๆอยู่เลย เพราะคนเก่งๆเค้าไปเป็นหมอ ไปเป็นวิศวะกันหมด ครูส่วนมากจบราชภัฎ ซะเยอะ
1
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2008
ตอบ: 5170
ที่อยู่: League 1 แล้วครัชชช
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:08 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
เรียนครูแล้วมันได้อะไร
การจะสอนคนอื่นมันต้องมีความรู้ในขั้นสูงกว่าถึงจะสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องได้ดีกว่า จะสอนตรีต้องจบโท สอนโทต้องจบเอก เพราะฉะนั้นจะสอนประถมมัธยมมันก็ต้องมีความรู้ในสาขานั้นๆต้องไม่ต่ำกว่าปริยญาตรี แต่ที่เรียนครูระดับปริญญาตรีอยู่มันเรียนอะไรกันล่ะ มีเพื่อนเรียนปริญญาตรี มธ.ไม่จบไปเรียนราชภัฏ ได้ A รวด เพราะบอกว่าเรียนไม่ยาก เนื้อหาเหมือนเรียนม.ปลาย แล้วอย่างนี้ครูมันจะไปได้เรื่องอะไร
จะเป็นครูภาษาอังกฤษก็ควรจบศิลปศาสตร์ อักษรศาตร์ เอกอิงค์
สอนวิทย์ ก็ควรจบคณะวิทยาศาสตร์ อะไรประมาณนี้
ไม่ใช่เรียนครู เรียนแต่วิธีสอน แต่สมองกลวงแล้วมันจะเอาอะไรไปสอนล่ะ
AFC Wimbledon "The Real Dons"
เข้าร่วม: 07 Nov 2006
ตอบ: 480
ที่อยู่: ท่ามกลางศัตรู
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:16 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
เท่าที่อ่านและตีความแบบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมาหลายๆ คนแล้ว ทางผมสรุปได้ประมาณว่า "ปรับเพื่อเอื้อพวกที่มีปัญหาคุรุสภาออกใบประกอบฯให้ไม่ทันมากกว่า" ไม่ได้เปิดฟรีถึงขนาดนั้น

สำหรับปัญหาการศึกษา จะโทษครูก็ไม่ผิด แต่จะโทษครูอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่อ่ะครับ

ผมก็หลวมตัวบรรจุมาแล้ว เข้ามาในระบบแล้วอ่ะนะ จะมาพูดมันก็ออกแนวแก้ตัว แต่บางทีก็น้อยใจจากมุมมองคนนอกเหมือนกันแหละ

ที่มักจะโทษสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่เป็น

เช่นการเทียบกับ Taxi ก็โอเคนะครับ คนจบอย่างอื่นถ้าเขาดีกว่าแบบ Grab Uber คนภายในอย่างผมก็ยินดีให้เขาเข้ามา แต่คนภายในอย่างผมก็อยากให้มีการปรับปรุงภายในกลุ่ม Taxi กันมากกว่า ปรับปรุงที่หลักสูตร ภาระหน้าที่การงาน ให้ครูได้ทำในสิ่งที่ครู "ควร" ทำจริงๆ มันก็น่าจะดีขึ้นได้

ปล. ผมไม่กีดกันคนนอก ถ้าเขามีใจตั้งใจจริงๆ นะ ผมแค่ไม่อยากให้มองว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีไว้สำหรับคนที่ไม่มีทางไปต่อก็แค่นั้น ถ้ามีใจอยากช่วยพัฒนาเด็กให้ดีขึ้น ผมก็ยินดีต้อนรับเพื่อนร่วมอาชีพคนใหม่ๆ เสมอนะ

ปล2. ผมสอบได้บรรจุแล้ว ผมคงลอยตัวจากปัญหาเหล่านี้ จะสงสารก็แต่พวกรุ่นต่อๆ ก็เท่านั้นแหละ
 


จากความคิด การเรียบเรียงและการใช้ภาษา

สมแล้วที่เป็นครูครับ

0
0
"ยอมรับผลการแข่งขัน คือ สปิริตของนักกีฬาและกองเชียร์"
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 11:38 am
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


ขอผมเสนอความเห็นหน่อยนะครับท่าน อย่าว่ากัน 5555

พ่อค้าเขียง ทหาร กับ คนจบแพทยศาสตร์มา เรียนตั้ง 6 ปี
ใครมีความแตกฉานในด้านกายวิภาคของมนุษย์มากกว่ากันอ่าครับ ? (ผมว่าแพทย์นะ)

แล้ว พ่อค้าเขียง/ทหาร สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเท่ากับแพทย์หรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)
จ่ายยาเป็นหรือเปล่า มีความรู้ในเชิงเภสัชวิทยาหรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)

ลักษณะทำนองนี้ ถึงต้องเคร่งอย่างมากกับคำว่า วิชาชีพ
หมายถึงคนอื่น/สายอื่น ยังไงก็ทำแบบคนเรียนจบแพทย์ไม่ได้ (ถ้าจะรักษาคน)

--------------------------------------------------------------

แต่ มองมาทางด้านคุณครู (ขอตีกรอบเป็น นักเรียน ม ปลาย นะครับ)

- จบวิศวกรรมศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนเด็กในวิชาฟิสิกส์ได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบอักษรศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบ pure science ด้าน Biology มา สามารถสอนได้ดีกว่าครูชีวะ หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี

- จบ Econ มา สอนคณิตศาสตร์เก่งได้เหมือนครูเลขหรือเปล่า ?
ตอบว่า : เป็นไปได้ครับ เช่น อ.อรรณพ เป็นติวเตอร์เลขชื่อดัง เขาก็ไม่ได้จบครูเลขมา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า จะเอาวิชาชีพแพทย์ มาเทียบ มันไม่เหมือนกันอ่าครับ

----------------------------------------------------------------

ถ้าในมุมผมนะ ผมคิดคล้ายๆท่าน ฺฺBlackhunter

คือถามว่าครูยังจำเป็นมั้ย ผมว่าจำเป็นมาก แต่ไม่ใช่กับเด็กตั้งแต่ ม.ปลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า ครูไม่จำเป็นนะ
แต่ผมจะสื่อว่า ความรู้ตั้งแต่ระดับม.ปลาย เป็นความรู้ที่เริ่มลงเฉพาะทางแล้ว

เช่นสายวิทย์งี้ เพราะงั้น การที่คนไม่ได้จบครูมาสอน แล้วยังสอนได้ดีกว่า
มันไม่เสียหาย และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- คือเรื่องวงการ ครู/การศึกษาบ้านเรา นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะ
ส่วนตัวผมก็มองไม่เห็นทางออก

- ประเด็นที่ว่า คนเก่งไม่ค่อยเรียนครู อันนี้ผมก็เชื่อนะ จากที่เห็นค่านิยมบ้านเรา
คงอย่างท่านหยองแบนเยยบอก คือบางทีแล้ว ปัญหาหลักมันมาจากพวกหัวๆนั่นหล่ะ

0
0
The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 01 Jun 2014
ตอบ: 1290
ที่อยู่: man united
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:00 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


ขอผมเสนอความเห็นหน่อยนะครับท่าน อย่าว่ากัน 5555

พ่อค้าเขียง ทหาร กับ คนจบแพทยศาสตร์มา เรียนตั้ง 6 ปี
ใครมีความแตกฉานในด้านกายวิภาคของมนุษย์มากกว่ากันอ่าครับ ? (ผมว่าแพทย์นะ)

แล้ว พ่อค้าเขียง/ทหาร สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเท่ากับแพทย์หรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)
จ่ายยาเป็นหรือเปล่า มีความรู้ในเชิงเภสัชวิทยาหรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)

ลักษณะทำนองนี้ ถึงต้องเคร่งอย่างมากกับคำว่า วิชาชีพ
หมายถึงคนอื่น/สายอื่น ยังไงก็ทำแบบคนเรียนจบแพทย์ไม่ได้ (ถ้าจะรักษาคน)

--------------------------------------------------------------

แต่ มองมาทางด้านคุณครู (ขอตีกรอบเป็น นักเรียน ม ปลาย นะครับ)

- จบวิศวกรรมศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนเด็กในวิชาฟิสิกส์ได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบอักษรศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบ pure science ด้าน Biology มา สามารถสอนได้ดีกว่าครูชีวะ หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี

- จบ Econ มา สอนคณิตศาสตร์เก่งได้เหมือนครูเลขหรือเปล่า ?
ตอบว่า : เป็นไปได้ครับ เช่น อ.อรรณพ เป็นติวเตอร์เลขชื่อดัง เขาก็ไม่ได้จบครูเลขมา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า จะเอาวิชาชีพแพทย์ มาเทียบ มันไม่เหมือนกันอ่าครับ

----------------------------------------------------------------

ถ้าในมุมผมนะ ผมคิดคล้ายๆท่าน ฺฺBlackhunter

คือถามว่าครูยังจำเป็นมั้ย ผมว่าจำเป็นมาก แต่ไม่ใช่กับเด็กตั้งแต่ ม.ปลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า ครูไม่จำเป็นนะ
แต่ผมจะสื่อว่า ความรู้ตั้งแต่ระดับม.ปลาย เป็นความรู้ที่เริ่มลงเฉพาะทางแล้ว

เช่นสายวิทย์งี้ เพราะงั้น การที่คนไม่ได้จบครูมาสอน แล้วยังสอนได้ดีกว่า
มันไม่เสียหาย และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- คือเรื่องวงการ ครู/การศึกษาบ้านเรา นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะ
ส่วนตัวผมก็มองไม่เห็นทางออก

- ประเด็นที่ว่า คนเก่งไม่ค่อยเรียนครู อันนี้ผมก็เชื่อนะ จากที่เห็นค่านิยมบ้านเรา
คงอย่างท่านหยองแบนเยยบอก คือบางทีแล้ว ปัญหาหลักมันมาจากพวกหัวๆนั่นหล่ะ

 


แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าครูสอนแพ้ติวเตอร์หละครับ

ท่านต้องแยกก่อน ติวเตอร์ติวสรุปเนื้อหา สอนข้อสอบ
ติวเตอร์สอนไปใครไม่ตั้งใจเรียนจบ เรื่องเอ็ง กรูทำหน้าที่สอน พูด ได้ตังค์
ส่วนครูใน ร.ร. สอนความรู้พื้นฐาน ทฤษฏี ใครไม่ตั้งใจไม่ได้ ต้องเคี่ยวเข็ญและดูแล ไปช้าๆเพื่อเด็กเข้าใจพื้นฐาน
เอาง่ายๆให้เห็นภาพ เราเรียน ม.ต้นตั้ง 3 ปี
ส่วนเราไปติวอาทิตย์เดียวก็จบแล้ว

คือต้องหลีกทางให้คนเก่งๆไม่เถียงครับผมสนับสนุน แต่งานโรงเรียนไม่ไช่ เข้ามาสอนจบคาบแล้วเลิก เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน มันไม่ใช่แค่นี้ไง มันมีหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น รดน้ำต้นไม้ นอนเฝ้าโรงเรียน การเงิน พัสดุ แจกนม งานภารโรง อบรม สัมนา เป็นต้น
ซึ่งเวลาที่อยู่กับนักเรียนแทบจะไม่มี
ถ้าคนจากสาย ป.ตรี ต่างๆรับได้ก็เค

ที่ผมจะสื่อก็คือ ปัญหาการศึกษามันไม่ได้อยู่ที่ครูครับ เอาใครมาเป็นก็คือเก่า เวลาเต็มๆในห้องเรียนแทบไม่มี
มันอยู่ที่ ระบบ กับผู้บริหารระดับสูง ถ้าท่านติดตามข่าวการศึกษาท่านจะรู้ นโยบายเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ลองไปดูแต่ละโรงเรียนดิ ไม่ได้อะไรเลย มีแต่เพิ่มภาระครูทั้งนั้น
จะเอาผลไปวัดกับชาวต่างชาติยังไง ทุกวันนี้นักเรียนแม่งไม่อยากเรียนโรงเรียนแล้ว เพราะไปเรียนกับติวเตอร์ดีกว่าได้ความรู้ไวกว่า

การศึกษาไทยตอนนี้ไม่ได้ขาดคนเก่งครับ แต่ขาดคนดี

ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับท่าน
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 7605
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:09 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
nichaojung พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


ขอผมเสนอความเห็นหน่อยนะครับท่าน อย่าว่ากัน 5555

พ่อค้าเขียง ทหาร กับ คนจบแพทยศาสตร์มา เรียนตั้ง 6 ปี
ใครมีความแตกฉานในด้านกายวิภาคของมนุษย์มากกว่ากันอ่าครับ ? (ผมว่าแพทย์นะ)

แล้ว พ่อค้าเขียง/ทหาร สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเท่ากับแพทย์หรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)
จ่ายยาเป็นหรือเปล่า มีความรู้ในเชิงเภสัชวิทยาหรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)

ลักษณะทำนองนี้ ถึงต้องเคร่งอย่างมากกับคำว่า วิชาชีพ
หมายถึงคนอื่น/สายอื่น ยังไงก็ทำแบบคนเรียนจบแพทย์ไม่ได้ (ถ้าจะรักษาคน)

--------------------------------------------------------------

แต่ มองมาทางด้านคุณครู (ขอตีกรอบเป็น นักเรียน ม ปลาย นะครับ)

- จบวิศวกรรมศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนเด็กในวิชาฟิสิกส์ได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบอักษรศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบ pure science ด้าน Biology มา สามารถสอนได้ดีกว่าครูชีวะ หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี

- จบ Econ มา สอนคณิตศาสตร์เก่งได้เหมือนครูเลขหรือเปล่า ?
ตอบว่า : เป็นไปได้ครับ เช่น อ.อรรณพ เป็นติวเตอร์เลขชื่อดัง เขาก็ไม่ได้จบครูเลขมา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า จะเอาวิชาชีพแพทย์ มาเทียบ มันไม่เหมือนกันอ่าครับ

----------------------------------------------------------------

ถ้าในมุมผมนะ ผมคิดคล้ายๆท่าน ฺฺBlackhunter

คือถามว่าครูยังจำเป็นมั้ย ผมว่าจำเป็นมาก แต่ไม่ใช่กับเด็กตั้งแต่ ม.ปลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า ครูไม่จำเป็นนะ
แต่ผมจะสื่อว่า ความรู้ตั้งแต่ระดับม.ปลาย เป็นความรู้ที่เริ่มลงเฉพาะทางแล้ว

เช่นสายวิทย์งี้ เพราะงั้น การที่คนไม่ได้จบครูมาสอน แล้วยังสอนได้ดีกว่า
มันไม่เสียหาย และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- คือเรื่องวงการ ครู/การศึกษาบ้านเรา นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะ
ส่วนตัวผมก็มองไม่เห็นทางออก

- ประเด็นที่ว่า คนเก่งไม่ค่อยเรียนครู อันนี้ผมก็เชื่อนะ จากที่เห็นค่านิยมบ้านเรา
คงอย่างท่านหยองแบนเยยบอก คือบางทีแล้ว ปัญหาหลักมันมาจากพวกหัวๆนั่นหล่ะ

 


แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าครูสอนแพ้ติวเตอร์หละครับ

ท่านต้องแยกก่อน ติวเตอร์ติวสรุปเนื้อหา สอนข้อสอบ
ติวเตอร์สอนไปใครไม่ตั้งใจเรียนจบ เรื่องเอ็ง กรูทำหน้าที่สอน พูด ได้ตังค์
ส่วนครูใน ร.ร. สอนความรู้พื้นฐาน ทฤษฏี ใครไม่ตั้งใจไม่ได้ ต้องเคี่ยวเข็ญและดูแล ไปช้าๆเพื่อเด็กเข้าใจพื้นฐาน
เอาง่ายๆให้เห็นภาพ เราเรียน ม.ต้นตั้ง 3 ปี
ส่วนเราไปติวอาทิตย์เดียวก็จบแล้ว

คือต้องหลีกทางให้คนเก่งๆไม่เถียงครับผมสนับสนุน แต่งานโรงเรียนไม่ไช่ เข้ามาสอนจบคาบแล้วเลิก เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน มันไม่ใช่แค่นี้ไง มันมีหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น รดน้ำต้นไม้ นอนเฝ้าโรงเรียน การเงิน พัสดุ แจกนม งานภารโรง อบรม สัมนา เป็นต้น
ซึ่งเวลาที่อยู่กับนักเรียนแทบจะไม่มี
ถ้าคนจากสาย ป.ตรี ต่างๆรับได้ก็เค

ที่ผมจะสื่อก็คือ ปัญหาการศึกษามันไม่ได้อยู่ที่ครูครับ เอาใครมาเป็นก็คือเก่า เวลาเต็มๆในห้องเรียนแทบไม่มี
มันอยู่ที่ ระบบ กับผู้บริหารระดับสูง ถ้าท่านติดตามข่าวการศึกษาท่านจะรู้ นโยบายเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ลองไปดูแต่ละโรงเรียนดิ ไม่ได้อะไรเลย มีแต่เพิ่มภาระครูทั้งนั้น
จะเอาผลไปวัดกับชาวต่างชาติยังไง ทุกวันนี้นักเรียนแม่งไม่อยากเรียนโรงเรียนแล้ว เพราะไปเรียนกับติวเตอร์ดีกว่าได้ความรู้ไวกว่า

การศึกษาไทยตอนนี้ไม่ได้ขาดคนเก่งครับ แต่ขาดคนดี

ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับท่าน
 


การศึกษาไทยตอนนี้ไม่ได้ขาดคนเก่งครับ แต่ขาดคนดี

ขอแย้งครับ ตอนนี้ขาดทั้งคนเก่ง และคนดีเลยครับ


เข้าร่วม: 20 Apr 2009
ตอบ: 22474
ที่อยู่: KIM JISOO
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:12 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
nichaojung พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


ขอผมเสนอความเห็นหน่อยนะครับท่าน อย่าว่ากัน 5555

พ่อค้าเขียง ทหาร กับ คนจบแพทยศาสตร์มา เรียนตั้ง 6 ปี
ใครมีความแตกฉานในด้านกายวิภาคของมนุษย์มากกว่ากันอ่าครับ ? (ผมว่าแพทย์นะ)

แล้ว พ่อค้าเขียง/ทหาร สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเท่ากับแพทย์หรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)
จ่ายยาเป็นหรือเปล่า มีความรู้ในเชิงเภสัชวิทยาหรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)

ลักษณะทำนองนี้ ถึงต้องเคร่งอย่างมากกับคำว่า วิชาชีพ
หมายถึงคนอื่น/สายอื่น ยังไงก็ทำแบบคนเรียนจบแพทย์ไม่ได้ (ถ้าจะรักษาคน)

--------------------------------------------------------------

แต่ มองมาทางด้านคุณครู (ขอตีกรอบเป็น นักเรียน ม ปลาย นะครับ)

- จบวิศวกรรมศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนเด็กในวิชาฟิสิกส์ได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบอักษรศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบ pure science ด้าน Biology มา สามารถสอนได้ดีกว่าครูชีวะ หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี

- จบ Econ มา สอนคณิตศาสตร์เก่งได้เหมือนครูเลขหรือเปล่า ?
ตอบว่า : เป็นไปได้ครับ เช่น อ.อรรณพ เป็นติวเตอร์เลขชื่อดัง เขาก็ไม่ได้จบครูเลขมา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า จะเอาวิชาชีพแพทย์ มาเทียบ มันไม่เหมือนกันอ่าครับ

----------------------------------------------------------------

ถ้าในมุมผมนะ ผมคิดคล้ายๆท่าน ฺฺBlackhunter

คือถามว่าครูยังจำเป็นมั้ย ผมว่าจำเป็นมาก แต่ไม่ใช่กับเด็กตั้งแต่ ม.ปลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า ครูไม่จำเป็นนะ
แต่ผมจะสื่อว่า ความรู้ตั้งแต่ระดับม.ปลาย เป็นความรู้ที่เริ่มลงเฉพาะทางแล้ว

เช่นสายวิทย์งี้ เพราะงั้น การที่คนไม่ได้จบครูมาสอน แล้วยังสอนได้ดีกว่า
มันไม่เสียหาย และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- คือเรื่องวงการ ครู/การศึกษาบ้านเรา นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะ
ส่วนตัวผมก็มองไม่เห็นทางออก

- ประเด็นที่ว่า คนเก่งไม่ค่อยเรียนครู อันนี้ผมก็เชื่อนะ จากที่เห็นค่านิยมบ้านเรา
คงอย่างท่านหยองแบนเยยบอก คือบางทีแล้ว ปัญหาหลักมันมาจากพวกหัวๆนั่นหล่ะ

 


แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าครูสอนแพ้ติวเตอร์หละครับ

ท่านต้องแยกก่อน ติวเตอร์ติวสรุปเนื้อหา สอนข้อสอบ
ติวเตอร์สอนไปใครไม่ตั้งใจเรียนจบ เรื่องเอ็ง กรูทำหน้าที่สอน พูด ได้ตังค์
ส่วนครูใน ร.ร. สอนความรู้พื้นฐาน ทฤษฏี ใครไม่ตั้งใจไม่ได้ ต้องเคี่ยวเข็ญและดูแล ไปช้าๆเพื่อเด็กเข้าใจพื้นฐาน
เอาง่ายๆให้เห็นภาพ เราเรียน ม.ต้นตั้ง 3 ปี
ส่วนเราไปติวอาทิตย์เดียวก็จบแล้ว

คือต้องหลีกทางให้คนเก่งๆไม่เถียงครับผมสนับสนุน แต่งานโรงเรียนไม่ไช่ เข้ามาสอนจบคาบแล้วเลิก เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน มันไม่ใช่แค่นี้ไง มันมีหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น รดน้ำต้นไม้ นอนเฝ้าโรงเรียน การเงิน พัสดุ แจกนม งานภารโรง อบรม สัมนา เป็นต้น
ซึ่งเวลาที่อยู่กับนักเรียนแทบจะไม่มี
ถ้าคนจากสาย ป.ตรี ต่างๆรับได้ก็เค

ที่ผมจะสื่อก็คือ ปัญหาการศึกษามันไม่ได้อยู่ที่ครูครับ เอาใครมาเป็นก็คือเก่า เวลาเต็มๆในห้องเรียนแทบไม่มี
มันอยู่ที่ ระบบ กับผู้บริหารระดับสูง ถ้าท่านติดตามข่าวการศึกษาท่านจะรู้ นโยบายเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ลองไปดูแต่ละโรงเรียนดิ ไม่ได้อะไรเลย มีแต่เพิ่มภาระครูทั้งนั้น
จะเอาผลไปวัดกับชาวต่างชาติยังไง ทุกวันนี้นักเรียนแม่งไม่อยากเรียนโรงเรียนแล้ว เพราะไปเรียนกับติวเตอร์ดีกว่าได้ความรู้ไวกว่า

การศึกษาไทยตอนนี้ไม่ได้ขาดคนเก่งครับ แต่ขาดคนดี

ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับท่าน
 
 


เอาจริงๆผมว่า ตัวครูเอง(บางคน)ก็มีส่วนนะครับแต่ไม่มาก คงจะเคยมีประสบการณ์กันบ้างแหละ ครูที่สอนน่าเบื่อ ไม่ค่อยสนใจนักเรียน เจออยู่บ่อยๆ สอนอยู่ดีๆก็เม้าท์ละครไปซะครึ่งคาบ นอกเรื่องไปซะเยอะก็มี ไหนจะเสียงที่ฟังแล้วพร้อมจะหลับได้ตลอดเวลา หรือการสอนที่เปิดอ่านตามหนังสือดิบๆ ไม่มีวิธีการถ่ายทอดที่ดีให้นักเรียนจำได้ง่ายแล้วก็เอ็นจอยกับการเรียน คือบางทีสอนแบบนี้มาผมอ่านเองเอาเข้าใจง่ายกว่าอ่ะ

เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:20 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
nichaojung พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


ขอผมเสนอความเห็นหน่อยนะครับท่าน อย่าว่ากัน 5555

พ่อค้าเขียง ทหาร กับ คนจบแพทยศาสตร์มา เรียนตั้ง 6 ปี
ใครมีความแตกฉานในด้านกายวิภาคของมนุษย์มากกว่ากันอ่าครับ ? (ผมว่าแพทย์นะ)

แล้ว พ่อค้าเขียง/ทหาร สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเท่ากับแพทย์หรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)
จ่ายยาเป็นหรือเปล่า มีความรู้ในเชิงเภสัชวิทยาหรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)

ลักษณะทำนองนี้ ถึงต้องเคร่งอย่างมากกับคำว่า วิชาชีพ
หมายถึงคนอื่น/สายอื่น ยังไงก็ทำแบบคนเรียนจบแพทย์ไม่ได้ (ถ้าจะรักษาคน)

--------------------------------------------------------------

แต่ มองมาทางด้านคุณครู (ขอตีกรอบเป็น นักเรียน ม ปลาย นะครับ)

- จบวิศวกรรมศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนเด็กในวิชาฟิสิกส์ได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบอักษรศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบ pure science ด้าน Biology มา สามารถสอนได้ดีกว่าครูชีวะ หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี

- จบ Econ มา สอนคณิตศาสตร์เก่งได้เหมือนครูเลขหรือเปล่า ?
ตอบว่า : เป็นไปได้ครับ เช่น อ.อรรณพ เป็นติวเตอร์เลขชื่อดัง เขาก็ไม่ได้จบครูเลขมา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า จะเอาวิชาชีพแพทย์ มาเทียบ มันไม่เหมือนกันอ่าครับ

----------------------------------------------------------------

ถ้าในมุมผมนะ ผมคิดคล้ายๆท่าน ฺฺBlackhunter

คือถามว่าครูยังจำเป็นมั้ย ผมว่าจำเป็นมาก แต่ไม่ใช่กับเด็กตั้งแต่ ม.ปลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า ครูไม่จำเป็นนะ
แต่ผมจะสื่อว่า ความรู้ตั้งแต่ระดับม.ปลาย เป็นความรู้ที่เริ่มลงเฉพาะทางแล้ว

เช่นสายวิทย์งี้ เพราะงั้น การที่คนไม่ได้จบครูมาสอน แล้วยังสอนได้ดีกว่า
มันไม่เสียหาย และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- คือเรื่องวงการ ครู/การศึกษาบ้านเรา นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะ
ส่วนตัวผมก็มองไม่เห็นทางออก

- ประเด็นที่ว่า คนเก่งไม่ค่อยเรียนครู อันนี้ผมก็เชื่อนะ จากที่เห็นค่านิยมบ้านเรา
คงอย่างท่านหยองแบนเยยบอก คือบางทีแล้ว ปัญหาหลักมันมาจากพวกหัวๆนั่นหล่ะ

 


แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าครูสอนแพ้ติวเตอร์หละครับ

ท่านต้องแยกก่อน ติวเตอร์ติวสรุปเนื้อหา สอนข้อสอบ
ติวเตอร์สอนไปใครไม่ตั้งใจเรียนจบ เรื่องเอ็ง กรูทำหน้าที่สอน พูด ได้ตังค์
ส่วนครูใน ร.ร. สอนความรู้พื้นฐาน ทฤษฏี ใครไม่ตั้งใจไม่ได้ ต้องเคี่ยวเข็ญและดูแล ไปช้าๆเพื่อเด็กเข้าใจพื้นฐาน
เอาง่ายๆให้เห็นภาพ เราเรียน ม.ต้นตั้ง 3 ปี
ส่วนเราไปติวอาทิตย์เดียวก็จบแล้ว

คือต้องหลีกทางให้คนเก่งๆไม่เถียงครับผมสนับสนุน แต่งานโรงเรียนไม่ไช่ เข้ามาสอนจบคาบแล้วเลิก เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน มันไม่ใช่แค่นี้ไง มันมีหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น รดน้ำต้นไม้ นอนเฝ้าโรงเรียน การเงิน พัสดุ แจกนม งานภารโรง อบรม สัมนา เป็นต้น
ซึ่งเวลาที่อยู่กับนักเรียนแทบจะไม่มี
ถ้าคนจากสาย ป.ตรี ต่างๆรับได้ก็เค

ที่ผมจะสื่อก็คือ ปัญหาการศึกษามันไม่ได้อยู่ที่ครูครับ เอาใครมาเป็นก็คือเก่า เวลาเต็มๆในห้องเรียนแทบไม่มี
มันอยู่ที่ ระบบ กับผู้บริหารระดับสูง ถ้าท่านติดตามข่าวการศึกษาท่านจะรู้ นโยบายเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ลองไปดูแต่ละโรงเรียนดิ ไม่ได้อะไรเลย มีแต่เพิ่มภาระครูทั้งนั้น
จะเอาผลไปวัดกับชาวต่างชาติยังไง ทุกวันนี้นักเรียนแม่งไม่อยากเรียนโรงเรียนแล้ว เพราะไปเรียนกับติวเตอร์ดีกว่าได้ความรู้ไวกว่า

การศึกษาไทยตอนนี้ไม่ได้ขาดคนเก่งครับ แต่ขาดคนดี

ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับท่าน
 


คืองี้ครับท่านนิเชา

ผมไม่ได้หมายถึงว่า ติวเตอร์จะเจ๋งกว่าครูเสมอไปแบบน้านนครับ
ครูสอนเก่งก็มี ติวเตอร์สอนห่วยก็มาก

ผมแค่จะสื่อว่า มัน "มี" คนในสายอื่นๆ ที่สอนได้เก่งกว่าครู

แต่ถ้าเทียบกับ สายแพทย์ มันไม่ใครจะรักษาโรคได้แบบแพทย์

ผมจะสื่อทำนองนี้ครับท่าน

The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 01 Jun 2014
ตอบ: 1290
ที่อยู่: man united
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:24 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
nichaojung พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
nichaojung พิมพ์ว่า:
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 


ขอผมเสนอความเห็นหน่อยนะครับท่าน อย่าว่ากัน 5555

พ่อค้าเขียง ทหาร กับ คนจบแพทยศาสตร์มา เรียนตั้ง 6 ปี
ใครมีความแตกฉานในด้านกายวิภาคของมนุษย์มากกว่ากันอ่าครับ ? (ผมว่าแพทย์นะ)

แล้ว พ่อค้าเขียง/ทหาร สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเท่ากับแพทย์หรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)
จ่ายยาเป็นหรือเปล่า มีความรู้ในเชิงเภสัชวิทยาหรือเปล่า ? (ผมก็ว่าไม่)

ลักษณะทำนองนี้ ถึงต้องเคร่งอย่างมากกับคำว่า วิชาชีพ
หมายถึงคนอื่น/สายอื่น ยังไงก็ทำแบบคนเรียนจบแพทย์ไม่ได้ (ถ้าจะรักษาคน)

--------------------------------------------------------------

แต่ มองมาทางด้านคุณครู (ขอตีกรอบเป็น นักเรียน ม ปลาย นะครับ)

- จบวิศวกรรมศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนเด็กในวิชาฟิสิกส์ได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบอักษรศาสตร์มา มีความเป็นไปได้ที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าครู หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี - ตัวอย่างติวเตอร์ดังๆมีให้เห็นครับ

- จบ pure science ด้าน Biology มา สามารถสอนได้ดีกว่าครูชีวะ หรือเปล่า ?
ตอบว่า : มี

- จบ Econ มา สอนคณิตศาสตร์เก่งได้เหมือนครูเลขหรือเปล่า ?
ตอบว่า : เป็นไปได้ครับ เช่น อ.อรรณพ เป็นติวเตอร์เลขชื่อดัง เขาก็ไม่ได้จบครูเลขมา

ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า จะเอาวิชาชีพแพทย์ มาเทียบ มันไม่เหมือนกันอ่าครับ

----------------------------------------------------------------

ถ้าในมุมผมนะ ผมคิดคล้ายๆท่าน ฺฺBlackhunter

คือถามว่าครูยังจำเป็นมั้ย ผมว่าจำเป็นมาก แต่ไม่ใช่กับเด็กตั้งแต่ ม.ปลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า ครูไม่จำเป็นนะ
แต่ผมจะสื่อว่า ความรู้ตั้งแต่ระดับม.ปลาย เป็นความรู้ที่เริ่มลงเฉพาะทางแล้ว

เช่นสายวิทย์งี้ เพราะงั้น การที่คนไม่ได้จบครูมาสอน แล้วยังสอนได้ดีกว่า
มันไม่เสียหาย และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

- คือเรื่องวงการ ครู/การศึกษาบ้านเรา นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะ
ส่วนตัวผมก็มองไม่เห็นทางออก

- ประเด็นที่ว่า คนเก่งไม่ค่อยเรียนครู อันนี้ผมก็เชื่อนะ จากที่เห็นค่านิยมบ้านเรา
คงอย่างท่านหยองแบนเยยบอก คือบางทีแล้ว ปัญหาหลักมันมาจากพวกหัวๆนั่นหล่ะ

 


แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าครูสอนแพ้ติวเตอร์หละครับ

ท่านต้องแยกก่อน ติวเตอร์ติวสรุปเนื้อหา สอนข้อสอบ
ติวเตอร์สอนไปใครไม่ตั้งใจเรียนจบ เรื่องเอ็ง กรูทำหน้าที่สอน พูด ได้ตังค์
ส่วนครูใน ร.ร. สอนความรู้พื้นฐาน ทฤษฏี ใครไม่ตั้งใจไม่ได้ ต้องเคี่ยวเข็ญและดูแล ไปช้าๆเพื่อเด็กเข้าใจพื้นฐาน
เอาง่ายๆให้เห็นภาพ เราเรียน ม.ต้นตั้ง 3 ปี
ส่วนเราไปติวอาทิตย์เดียวก็จบแล้ว

คือต้องหลีกทางให้คนเก่งๆไม่เถียงครับผมสนับสนุน แต่งานโรงเรียนไม่ไช่ เข้ามาสอนจบคาบแล้วเลิก เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน มันไม่ใช่แค่นี้ไง มันมีหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น รดน้ำต้นไม้ นอนเฝ้าโรงเรียน การเงิน พัสดุ แจกนม งานภารโรง อบรม สัมนา เป็นต้น
ซึ่งเวลาที่อยู่กับนักเรียนแทบจะไม่มี
ถ้าคนจากสาย ป.ตรี ต่างๆรับได้ก็เค

ที่ผมจะสื่อก็คือ ปัญหาการศึกษามันไม่ได้อยู่ที่ครูครับ เอาใครมาเป็นก็คือเก่า เวลาเต็มๆในห้องเรียนแทบไม่มี
มันอยู่ที่ ระบบ กับผู้บริหารระดับสูง ถ้าท่านติดตามข่าวการศึกษาท่านจะรู้ นโยบายเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ลองไปดูแต่ละโรงเรียนดิ ไม่ได้อะไรเลย มีแต่เพิ่มภาระครูทั้งนั้น
จะเอาผลไปวัดกับชาวต่างชาติยังไง ทุกวันนี้นักเรียนแม่งไม่อยากเรียนโรงเรียนแล้ว เพราะไปเรียนกับติวเตอร์ดีกว่าได้ความรู้ไวกว่า

การศึกษาไทยตอนนี้ไม่ได้ขาดคนเก่งครับ แต่ขาดคนดี

ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับท่าน
 


คืองี้ครับท่านนิเชา

ผมไม่ได้หมายถึงว่า ติวเตอร์จะเจ๋งกว่าครูเสมอไปแบบน้านนครับ
ครูสอนเก่งก็มี ติวเตอร์สอนห่วยก็มาก

ผมแค่จะสื่อว่า มัน "มี" คนในสายอื่นๆ ที่สอนได้เก่งกว่าครู

แต่ถ้าเทียบกับ สายแพทย์ มันไม่ใครจะรักษาโรคได้แบบแพทย์

ผมจะสื่อทำนองนี้ครับท่าน

 


 


อะเครคร้าบ ตามนั้น ขออภัยคร้าบ อิอิ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3517
ที่อยู่: Theatre of Dream
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:31 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
หยอง แบนเบย พิมพ์ว่า:
หมาแดกแฟบ พิมพ์ว่า:
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ  


การศึกษาไทยที่มันห่วยมันไม่ได้เป็นเพราะครูครับ

มันเป็นเพราะระบบของพวกนั่งบนหอคอยงาช้างเขาสั่งลงมา

การศึกษาไทยห่วยคุณเลิกโทษครูเถอะ ความคิดแบบนี้ยังไม่หมดไปอีกหรอ

ถ้าปล่อยให้ครูได้สอนนักเรียนให้เต็มที่ ผมว่าเด็กไทยนี้สู้กับสิงค์โปสบายๆ

เอาแค่ที่เด็กไทยต้องสอบนะครับ ใน 1 ปีการศึกษานะครับ ที่พวกเขาสั่งมา
ผมยังไม่ลงถึงหน้าที่ครูที่พวก ศธ.เขาสั่งลงมานะ เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้อีกแหละ

สอบ NT , สอบ O-net , สอบมาตราฐานกลาง เมื่อก่อนเรียกสอบ LAS , สอบอ่านออกเขียนได้ . สอบลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ , สอบ PIZA , สอบวัดผลประเมินผล

ไหนจะต้องให้เด็กไปแข่งศิลปหัถกรรม แข่งวิชาการ ไม่ส่งไปก็ไม่ได้อีก
ครูเขาอยากจะส่งเด็กไปมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับ

วู้ววววววววววววววววววว การศึกษาไทยห่วยเพราะครู วู้วววววววววววววววววว

#อีดิตเพิ่ม อยากรู้ว่าครูต้องทำอะไรบ้าง ที่ทำหน้าที่นอกจากสอน ลองจีบสาวครูไม่ก็โทรไปถามเพื่อนที่เป็นครูดูนะครับ วู้ววว บ่นๆไปละ ยังตัดเกรดเด็กไม่เสร็จเลย






 


มันก็ทั้งระบบทั้งครูแหละครับ

ตอนผมเรียนเอกชนก็ดีอยู่ พอมาเรียนรัฐ โอ้โหแบบ ความห่วยแตกของระบบคือผมไม่มีหนังสือเรียน ไม่มีโต๊ะเรียน ต้องไปแชร์เก้าอี้กับเพื่อน ความห่วยแตกของครูคือครูไม่เข้าสอน ทั้งสัปดาห์ได้เรียนไม่ถึง 15 ชม.

ครูดีๆ ก็มี ครูบางคนเห็นผมตั้งใจก็สอนเป็นพิเศษ ให้คำปรึกษา พาไปแข่งนู่นนั่นนี่ แต่นี่คือส่วนน้อย

ถ้าท่านจะไม่โทษครูเลยผมขอเถียง ครูบางคนความรู้น้อยกว่าเด็กอีก จะไปสอนเด็กได้ไง เมื่อเด็กมันเก่งกว่าครูเด็กก็จะไม่มีพัฒนาการ
1
0
เข้าร่วม: 05 Mar 2010
ตอบ: 1619
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:39 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

1
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:43 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
คิดว่าไม่แฟร์กับคนที่เรียนครูมา 5 ปี

คือถ้าผมเป็นคนที่เรียนครูมา แล้วออกกฎแบบนี้

ย้อนเวลาไป 5 ปีผมคงไปเรียนอย่างอื่นเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ชีวิตตัวเองมากขึ้น

เพราะผมจบวิทย์มาผมก็ไปเป็นครูได้เหมือนกัน ไปทำอย่างอื่นสายวิทย์ก็ได้

แต่ถ้าจบครูมาก็คงเป็นได้แค่ครูอ่ะ

อย่าทำให้เกียรติในวิชาชีพครูมันต่ำลงไปกว่านี้เลย

แค่นี้คนก็ดูถูกจะแย่แล้วว่าไม่รู้จะเรียนอะไรก็มาเรียนครู

นี่จะมาเพิ่มประเด็นไม่รู้จะมาเป็นอะไรก็มาเป็นครูอีกหรอ

ทุเรศสิ้นดี
0
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:49 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ORDIANAIRE พิมพ์ว่า:
หยอง แบนเบย พิมพ์ว่า:
หมาแดกแฟบ พิมพ์ว่า:
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ  


การศึกษาไทยที่มันห่วยมันไม่ได้เป็นเพราะครูครับ

มันเป็นเพราะระบบของพวกนั่งบนหอคอยงาช้างเขาสั่งลงมา

การศึกษาไทยห่วยคุณเลิกโทษครูเถอะ ความคิดแบบนี้ยังไม่หมดไปอีกหรอ

ถ้าปล่อยให้ครูได้สอนนักเรียนให้เต็มที่ ผมว่าเด็กไทยนี้สู้กับสิงค์โปสบายๆ

เอาแค่ที่เด็กไทยต้องสอบนะครับ ใน 1 ปีการศึกษานะครับ ที่พวกเขาสั่งมา
ผมยังไม่ลงถึงหน้าที่ครูที่พวก ศธ.เขาสั่งลงมานะ เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้อีกแหละ

สอบ NT , สอบ O-net , สอบมาตราฐานกลาง เมื่อก่อนเรียกสอบ LAS , สอบอ่านออกเขียนได้ . สอบลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ , สอบ PIZA , สอบวัดผลประเมินผล

ไหนจะต้องให้เด็กไปแข่งศิลปหัถกรรม แข่งวิชาการ ไม่ส่งไปก็ไม่ได้อีก
ครูเขาอยากจะส่งเด็กไปมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับ

วู้ววววววววววววววววววว การศึกษาไทยห่วยเพราะครู วู้วววววววววววววววววว

#อีดิตเพิ่ม อยากรู้ว่าครูต้องทำอะไรบ้าง ที่ทำหน้าที่นอกจากสอน ลองจีบสาวครูไม่ก็โทรไปถามเพื่อนที่เป็นครูดูนะครับ วู้ววว บ่นๆไปละ ยังตัดเกรดเด็กไม่เสร็จเลย






 


มันก็ทั้งระบบทั้งครูแหละครับ

ตอนผมเรียนเอกชนก็ดีอยู่ พอมาเรียนรัฐ โอ้โหแบบ ความห่วยแตกของระบบคือผมไม่มีหนังสือเรียน ไม่มีโต๊ะเรียน ต้องไปแชร์เก้าอี้กับเพื่อน ความห่วยแตกของครูคือครูไม่เข้าสอน ทั้งสัปดาห์ได้เรียนไม่ถึง 15 ชม.

ครูดีๆ ก็มี ครูบางคนเห็นผมตั้งใจก็สอนเป็นพิเศษ ให้คำปรึกษา พาไปแข่งนู่นนั่นนี่ แต่นี่คือส่วนน้อย

ถ้าท่านจะไม่โทษครูเลยผมขอเถียง ครูบางคนความรู้น้อยกว่าเด็กอีก จะไปสอนเด็กได้ไง เมื่อเด็กมันเก่งกว่าครูเด็กก็จะไม่มีพัฒนาการ  


ถ้าแบบนั้นก็ต้องไปแก้กันที่เกณฑ์การสมัครเข้าเรียนคณะครุศาสตร์แล้วล่ะครับ

ว่าทำไมถึงได้เด็กที่มีความรู้น้อยมาเรียนครู

หรือระบบการเรียนการสอนของคณะครุศาสตร์ ว่าทำไมจบมาครูถึงเก่งสู้เด็กไม่ได้

และการทำแบบนี้ผมว่าเกาไม่ถูกจุด

ต่อไปถ้าคณะไหนเป็นครูได้ สรุปคนเก่งๆก็จะยิ่งไปเรียนคณะอื่น เพราะจะมีหลายทางเลือกมากกว่าเรียนครูโดยตรง

อย่าว่าแต่คนเก่งๆเลย ทีนี้คนอ่อนๆก็ไปเรียนคณะอื่นกันหมด

ก็ไม่ต้องมีคณะครุศาสตร์หรอกถ้างั้น ยุบๆไปเถอะ



0
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 12:53 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
0
0
เข้าร่วม: 05 Mar 2010
ตอบ: 1619
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:04 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:14 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


- แพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะที่ต้องอาศัยใบวิชาชีพ สถาปัต บัญชี และอาจจะมีอีก

พวกเหล่านี้ ผมว่าต่อให้เปิดสอบแข่ง แบบใครมาสอบก็ได้ (แฟร์ๆแบบที่เม้นต์บนๆบอก)

ผมก็ว่า เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ที่คนไม่ได้เรียนมาจะไม่มีทางทำได้

- แต่ลองเปิดแข่งสอบครู แบบใครก็ได้มาสอบ อันนี้ก็น่าลุ้นผลเหมือนกัน
ว่าจะออกมายังไง

เช่น จำเป็นหรือไม่ ที่คนทำคะแนนได้ดีสุดในวิชาภาษาอังกฤษ จะจบครูอังกฤษ
หรืออาจจะเป็นเด็กนิเทศ เด็กอักษร เป็นไปได้มั้ย ?

แต่เอา คนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนหมอ วิศวะ สถาปัต บัญชี
ให้พวกนี้มาสอบแข่งกับคนที่เรียนมา ผมว่ามันทายผลออกชัดๆนะ

The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:18 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
0
0
เข้าร่วม: 30 Mar 2009
ตอบ: 2794
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:20 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
หยอง แบนเบย พิมพ์ว่า:
หมาแดกแฟบ พิมพ์ว่า:
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ  




ถ้าปล่อยให้ครูได้สอนนักเรียนให้เต็มที่ ผมว่าเด็กไทยนี้สู้กับสิงค์โปสบายๆ






 


อันนี้ก็เวอร์ไปครับ อีกปัญหาหนึ่งคือพื้นฐานการเรียนรู้ของเด็กก่อนเข้าโรงเรียน

เพราะเด็กสามารถเรียนรู้ตั้งแต่ปฏิสนธิ อาหารการกินของแม่ จนคลอดออกมา

การกินนมแม่ อาหาร การเลี้ยงดู ของคนไทยเรายังด้อยมากครับ กว่าจะมาถึงมือครูก็ต่างมากแล้ว

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ก็ สอนลูกหมอ กับ ลูกชาวบ้าน ความสามารถในการเรียนรู้กับการสอนก็ต่างแล้ว
0
0
เข้าร่วม: 26 Feb 2011
ตอบ: 8446
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:30 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
หยอง แบนเบย พิมพ์ว่า:
หมาแดกแฟบ พิมพ์ว่า:
คิดว่าดีครับ ถ้าเอาคนเรียนครูมาสอนแล้วดีจริงการศึกษาไทยมันต้องดีไปแล้วสิครับ  


การศึกษาไทยที่มันห่วยมันไม่ได้เป็นเพราะครูครับ

มันเป็นเพราะระบบของพวกนั่งบนหอคอยงาช้างเขาสั่งลงมา

การศึกษาไทยห่วยคุณเลิกโทษครูเถอะ ความคิดแบบนี้ยังไม่หมดไปอีกหรอ

ถ้าปล่อยให้ครูได้สอนนักเรียนให้เต็มที่ ผมว่าเด็กไทยนี้สู้กับสิงค์โปสบายๆ

เอาแค่ที่เด็กไทยต้องสอบนะครับ ใน 1 ปีการศึกษานะครับ ที่พวกเขาสั่งมา
ผมยังไม่ลงถึงหน้าที่ครูที่พวก ศธ.เขาสั่งลงมานะ เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้อีกแหละ

สอบ NT , สอบ O-net , สอบมาตราฐานกลาง เมื่อก่อนเรียกสอบ LAS , สอบอ่านออกเขียนได้ . สอบลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ , สอบ PIZA , สอบวัดผลประเมินผล

ไหนจะต้องให้เด็กไปแข่งศิลปหัถกรรม แข่งวิชาการ ไม่ส่งไปก็ไม่ได้อีก
ครูเขาอยากจะส่งเด็กไปมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับ

วู้ววววววววววววววววววว การศึกษาไทยห่วยเพราะครู วู้วววววววววววววววววว

#อีดิตเพิ่ม อยากรู้ว่าครูต้องทำอะไรบ้าง ที่ทำหน้าที่นอกจากสอน ลองจีบสาวครูไม่ก็โทรไปถามเพื่อนที่เป็นครูดูนะครับ วู้ววว บ่นๆไปละ ยังตัดเกรดเด็กไม่เสร็จเลย






 


 


อันนี้ประสบการ์ณตรง ผอ.เก่าโรงเรียนที่แม่ผมสอน เน้นผลงาน(ผักชีโรยหน้า)อย่างเดียว

ให้ตัวเองมีโปรไฟล์สวยหรู แล้วเอาครูมานั่งทำๆๆๆ ครูก็ได้สอนเด็กน้อยลง ต้องปล่อยตามมีตามเกิด

บัดซบจริงๆ
0
0
เข้าร่วม: 30 Mar 2009
ตอบ: 2794
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:34 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
nichaojung พิมพ์ว่า:
Spoil
งานครูไม่ไช่แค่สอนนะครับ คนที่จะเข้ามา ทำสื่อเป็นไหม ทำแผนเป็นเปล่า วัดผลทำได้ไหม

มีจิตวิทยาสำหรับนักเรียนไหมครับ วิจัยในชั้นเรียนทำเป็นไหม พัสดุ บัญชี ภารโรง อันนี้ต้องทำเป็นหมดนะครับ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ที่เขาโวยกันไม่ไช่ว่ากลัวคนเก่งมาเป็นครู แต่คนเป็นครูมันมีทางเลือกน้อย ไปสมัครงานอะไรเขาก็ไม่รับ ไม่ตรงสาย

ถ้าคนจบครูรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาไม่เรียนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์กันหรอก เรียนมา 5 ปี กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่เรียนมา 4 ปี มาสอบเป็นครูได้แถมมีทางเลือกอีกทาง ไม่ได้ทำงานในสายตัวเอง ก็มาเป็นครูได้

สถาบันติวมันเน้นติวเพื่อสอบ เอาแต่เนื้อหาสรุปมาติว แล้ว สทศ ก็บ้าจี้ออกขั้นสูงตามพวกติว
การสอนในโรงเรียนมันเป็นการสอนขั้นพื้นฐานนะครับ ไม่ไช่ติวเพื่อไปสอบ

วิชาชีพเป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนพวก หมอ ทนาย ต้องมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ถ้างั้นผมจบครู จบทหาร เป็นพ่อค้าเขียงหมู ผมไปสอบเป็นหมอได้ไหมครับ เพราะสามารถใช้มีดได้ไม่แพ้หมอแน่ๆ

รมต.กระทรวง ก็มาจากหมอ ที่ผ่านมามีแต่คนที่ไม่เป็นครูจริงๆมาเป็น คราวก่อนก็ทหาร คราวนี้หมอ ผมว่าหมอธี ควรไปสอนโรงเรียน จริงๆ ไปเจอสภาพจริงๆ ซัก 2-3 ปี ค่อยมาเป็น รมต. ไหม่ เพราะสอนจริงทำงานจริงกับนโยบายกากๆ กับนั่งบริหารในห้องแอร์มันต่างกันนะครับเพ่
 
 


หมอธี แกเริ่มโครงการ ครูสอนคิด ตั้งแต่ก่อนเป็น รมต. ละครับ

ลองไปอ่านโครงการดูครับ จะรู้ว่าแกรู้ถึงปัญหาไหม

http://www.cepthailand.org/index.php

ตอนนี้ทุกคนรู้ปัญหาครับ แต่บางอันมันแก้ไม่ได้จริงๆ เช่น ครูต้องเป็นข้าราชการ

ท่านเคยเห็นครูแก่ๆ ที่อะไรก็ไม่เอาไหม ครูหนุ่มที่ตกเอาแต่เย็นกินเหล้าไหม ผอ.ที่วันๆแทบไม่เข้า รร. ไหม

ถ้าเป็นเอกชนแล้วยังทำคุณภาพได้แค่นี้เขาไม่จ้างต่อหรอก

ผมเคยไปร่วมประชุมทำประชามติร่างแผนการศึกษาแห่งชาติกับสภาการศึกษา จังหวัดหนึ่ง

พวกครูที่มาประชุมไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พูดถึง เด็กนักเรียน การจัดการเรียนรู้/ศึกษา

พูดแต่เรื่องกลัวที่ครูจะกลายเป็นพนักงานราชการเรื่องเดียวเลย สุดท้ายข้อนี้ก็ตกไป
0
0
เข้าร่วม: 05 Mar 2010
ตอบ: 1619
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:40 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




0
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:49 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:57 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


- แพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะที่ต้องอาศัยใบวิชาชีพ สถาปัต บัญชี และอาจจะมีอีก

พวกเหล่านี้ ผมว่าต่อให้เปิดสอบแข่ง แบบใครมาสอบก็ได้ (แฟร์ๆแบบที่เม้นต์บนๆบอก)

ผมก็ว่า เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ที่คนไม่ได้เรียนมาจะไม่มีทางทำได้

- แต่ลองเปิดแข่งสอบครู แบบใครก็ได้มาสอบ อันนี้ก็น่าลุ้นผลเหมือนกัน
ว่าจะออกมายังไง

เช่น จำเป็นหรือไม่ ที่คนทำคะแนนได้ดีสุดในวิชาภาษาอังกฤษ จะจบครูอังกฤษ
หรืออาจจะเป็นเด็กนิเทศ เด็กอักษร เป็นไปได้มั้ย ?

แต่เอา คนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนหมอ วิศวะ สถาปัต บัญชี
ให้พวกนี้มาสอบแข่งกับคนที่เรียนมา ผมว่ามันทายผลออกชัดๆนะ

 
 


ผลเป็นไงไม่รู้นะ มันคงเป็นอย่างที่คุณว่าแหละว่าน้อยคนที่คนเรียนครูมาจะไปสอบสู้หมอได้

สำหรับผม ขอแค่เปิดให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นได้เหมือนกันคนเรียนครูมาก็คงไม่โวยกันแล้ว

เพราะแสดงถึงความแฟร์กับครูด้วย

ได้ไม่ได้มันก็อีกเรื่องนึงครับ
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 1:59 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 


อย่างที่ผมตอบๆไปก่อนนั่นหล่ะ คือ จะเอาแพทย์ มาเทียบกับครู
มันแทบจะคนละระบบเลย อันนี้ผมไม่ได้ต้องการพาดพิง หรือพูดให้ใครเสียหายนะ

แต่ถ้ามองจากความจริง(แบบใช้ใจเป็นกลาง)

โรงเรียนแพทย์ในไทย มีกี่แห่ง ? แล้วโรงเรียนผลิตครู มีกี่แห่ง ?
"วิธี" ในการรับนิสิตเข้าไป เมื่อเทียบกับเป็นอย่า่งไร
ผมหมายถึง ความยาก ในการคัดคนเข้าไปอ่ะ

แค่นี้มันก็มองเห็นแล้วอ่าครับ ไม่ใช่มโนนะ ก็ลองคิดตามผมดูเอง

ผมถึงบอกว่า ถ้าให้แฟร์ๆมันก็ได้แหละ
ซึ่งผมว่าพวก หมอ เภสัช ทันตะ สัตวแพทย์ บัญชี สถาปนิก วิศวกร ...
ไม่ได้กลัวเลยว่าจะมีคนในสายอื่นมาแย่งงานตัวเองไป

คือผมนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าคุณจะทำงานทันตกรรมได้ยังไง
ถ้าไม่ได้ศึกษาด้านนี้อย่างต่ำ 6 ปี

คุณจะไปคำนวณโครงสร้างอาคารยังไง ถ้าไม่ได้เรียนสายวิศวกรรมโยธามา
คุณจะไปรักษาสัตว์ ผ่าตัดมนุษย์ได้ยังไงถ้าไม่ได้จบแพทย์ จบสัตวแพทย์มา

เพราะงั้น สมมตินะ ผมสมมติเฉยๆ ผมจบแพทย์ จบวิศวะมา
ผมไม่ได้กลัวเลยว่า จะมีใครในสาขาไหน มาสอบแข่งในสาขาวิชาเอกของผมแล้วจะชนะผมได้
ต่อให้ผมสอบได้ที่โหล่ของรุ่นตอนผมเรียนจบมาก็เหอะ

แล้วผมถามอีกมุมว่า ครูสอนฟิสิกส์ที่สอบได้ที่โหล่ของรุ่น
กลัวหรือเปล่า ที่อาจจะมีเด็กวิศวะ เด็กแพทย์ เด็กวิทยาศาสตร์
มาสอบความรู้วิชาฟิสิกส์ แล้วทำคะแนนได้ดีกว่า

ผมจะสื่อว่า จริงๆแล้วการเอาอะไรก็ตาม ไปเทียบกับ สาย
แพทย์ / วิศวะ / บัญชี /ถาปัต มันเห็นผลชัดมากๆอยู่แล้วครับ
เทียบกันไม่ได้หรอก
The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 4226
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:00 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
พูดถึงจรรยาบรรณการเป็นครูแล้ว นึกถึงเพื่อนคนนึงในเฟส
เรียนครูโพสข้อความบ่นแฟนทุกวันๆ
ทั้งหยาบ ทั้งแรง การเขียนภาษาก็สก๊อย

บางทีผมก็มานั่งคิด คนแบบนี้หรอวะที่จะมาเป็นตัวอย่างหรือแม่พิมพ์ของชาติ


สำหรับผมมองว่าเป็นเรื่องดีครับ ที่เปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาเป็นครูได้
ผมเองเรียนรัฐศาสตร์ ก็อยากเป็นครูเหมือนกัน
ชอบเวลาได้อยู่กับเด็ก ได้สอน และได้เฝ้ามองการเติบโตของเด็ก
แต่ช่วงที่เลือกเรียนคณะนั้น ต้องเข้าใจนะครับว่าบางคนไม่ได้ค้นพบตัวเองเร็วขนาดนั้น
เข้าร่วม: 30 Mar 2009
ตอบ: 2794
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:05 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาเพราะคนข้างบนเปลี่ยนบ่อย นโยบายเปลี่ยนบ่อยก็จริง แต่จะว่าเขานั่งโต๊ะในห้องแอร์ไม่รู้ปัญหาก็ไม่จริงทั้งหมด

ไหนๆ วันนี้ว่างจะมาเล่าการทำงานของข้างบน สมัย รมว.ดาว์พงษ์ ละกัน

สมัยนั้น รมว. ให้เลขาแก พ.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว ไปฟอร์มทีมขึ้นมา (ได้ยินว่าทีมมีประมาณ 30 คน)

ทีมนั้นก็จะเรียกทุกฝ่ายตั้งแต่ ผู้นำ 5 แท่ง กระทรวงศึกษา ยันครู มาเล่าปัญหา (ไม่รู้ว่าแนวทางแก้ด้วยไหม)

จนได้ฟอร์มนี้ขึ้นมา

https://obecplan.wordpress.com/2016/03/21/6-%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/

ผมเคยไปฟังบรรยายของ พ.อ.ณัฐพงษ์ ตอนนั้นแกมาทำงานนี้แค่ 6 เดือน แกรู้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เหมือนที่ทุกๆ คนเล่ามานั่นแหละ

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่เหมือนฟันเฟืองทั้งหมดมันไม่สมบูรณ์

ถ้าให้เล่าปัญหาเป็นร้อยๆ หน้าก็คงไม่จบ ขอยกอีกหนึ่งปัญหาละกัน

อย่างภาคหนึ่งในประเทศไทย ครูระดับชำนาญการพิเศษเยอะสุดในประเทศ แต่ผลการศึกษาต่ำที่สุดในประเทศ ฟังดูขัดแย้งกันไหม

อีกปัญหาที่เจอเยอะในภาคนั้น คือ เรื่อง การยัดเงินบรรจุ ยัดเงินโยกย้าย ข้างบนเขารู้หมด เขาเลยยุบ อ.ก.ค.ศ. ไง

อีกปัญหาหนึ่งคือ เรื่องบประมาณ ประสิทธิภาพการใช้งบฯ ประเทศเราอย่างที่เห็น

พอด้านบนเขาฟิกโครงการมาให้ก็บ่นว่าไม่ตรงจุด พอโยนงบไปให้บริหารเองก็เอาไปศึกษาดูงานกันหมด (อันนี้ผมเจอมากับตัว)
0
0
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:07 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


- แพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะที่ต้องอาศัยใบวิชาชีพ สถาปัต บัญชี และอาจจะมีอีก

พวกเหล่านี้ ผมว่าต่อให้เปิดสอบแข่ง แบบใครมาสอบก็ได้ (แฟร์ๆแบบที่เม้นต์บนๆบอก)

ผมก็ว่า เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ที่คนไม่ได้เรียนมาจะไม่มีทางทำได้

- แต่ลองเปิดแข่งสอบครู แบบใครก็ได้มาสอบ อันนี้ก็น่าลุ้นผลเหมือนกัน
ว่าจะออกมายังไง

เช่น จำเป็นหรือไม่ ที่คนทำคะแนนได้ดีสุดในวิชาภาษาอังกฤษ จะจบครูอังกฤษ
หรืออาจจะเป็นเด็กนิเทศ เด็กอักษร เป็นไปได้มั้ย ?

แต่เอา คนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนหมอ วิศวะ สถาปัต บัญชี
ให้พวกนี้มาสอบแข่งกับคนที่เรียนมา ผมว่ามันทายผลออกชัดๆนะ

 
 


ผลเป็นไงไม่รู้นะ มันคงเป็นอย่างที่คุณว่าแหละว่าน้อยคนที่คนเรียนครูมาจะไปสอบสู้หมอได้

สำหรับผม ขอแค่เปิดให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นได้เหมือนกันคนเรียนครูมาก็คงไม่โวยกันแล้ว

เพราะแสดงถึงความแฟร์กับครูด้วย

ได้ไม่ได้มันก็อีกเรื่องนึงครับ
 


ครับท่าน

คือผมมองว่า ครู/หรือผู้สอน เนี่ย พอถึงระดับสูงๆ (สำหรับผมคือ ตั้งแต่ ม.ปลาย)
และยาวไปถึงระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย

มันเป็นอาชีพที่มีความคาบเกี่ยว ผมหมายถึงว่า
มันก็พอจะเข้าใจได้ว่่า มีคนที่จบวิทยาศาสตร์/วิศวะ แล้วสามารถสอนฟิสิกส์
ได้แบบที่ครูฟิสิกส์สอน (ดีกว่าหรือแย่กว่าก็อีกเรื่อง) แต่มันทำได้

แต่กับ หมอ/วิศวะ/บัญชี ผมนึกภาพไม่ออกว่า มันจะเกิดการที่คนสาขาอื่น
ก้าวเข้าไปทำงานด้านนี้ได้ยังไง

เอาง่ายๆมันเหมือนว่า โดยธรรมชาติแล้วอาชีพครูไม่ได้จำเพาะเหมือนกับวิชาชีพอื่นๆ
(ในความคิดผมนะ)
เลยเป็นที่มาของปัญหา เรื่องแย่งงาน/แย่งสอบ ไรทั้งหลายเนี่ยแหละ

เพราะถ้าอย่าง หมอ งี้ ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย+ไม่ต้องจัดสอบให้เสียเวลา
เพราะถ้าไม่ได้เรียนมา 6 ปี ขึ้นคลินิก ฝึกงาน เรียนกันอย่างบ้าคลั่ง
... แล้วจะปฏิบัติงานแบบแพทย์ได้ยังไง

แต่วิชาชีพครู ผมว่าจำเป็นมาก สำหรับวัยประถม วัยเด็กๆ แบบนี้ครับ
เพราะผมก็เชื่อว่า ครูมีความสามารถจำเพาะที่วิชาชีพอื่นๆทำกับเด็กๆวัยนี้ไมไ่ด้
แล้วเรื่องบางอย่าง มันก็เอาการสอบในกระดาษ/ภาคทฤษฎี ไปวัดผลลำบาก





0
0
The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 05 Mar 2010
ตอบ: 1619
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:08 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย
0
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:13 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 


อย่างที่ผมตอบๆไปก่อนนั่นหล่ะ คือ จะเอาแพทย์ มาเทียบกับครู
มันแทบจะคนละระบบเลย อันนี้ผมไม่ได้ต้องการพาดพิง หรือพูดให้ใครเสียหายนะ

แต่ถ้ามองจากความจริง(แบบใช้ใจเป็นกลาง)

โรงเรียนแพทย์ในไทย มีกี่แห่ง ? แล้วโรงเรียนผลิตครู มีกี่แห่ง ?
"วิธี" ในการรับนิสิตเข้าไป เมื่อเทียบกับเป็นอย่า่งไร
ผมหมายถึง ความยาก ในการคัดคนเข้าไปอ่ะ

แค่นี้มันก็มองเห็นแล้วอ่าครับ ไม่ใช่มโนนะ ก็ลองคิดตามผมดูเอง

ผมถึงบอกว่า ถ้าให้แฟร์ๆมันก็ได้แหละ
ซึ่งผมว่าพวก หมอ เภสัช ทันตะ สัตวแพทย์ บัญชี สถาปนิก วิศวกร ...
ไม่ได้กลัวเลยว่าจะมีคนในสายอื่นมาแย่งงานตัวเองไป

คือผมนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าคุณจะทำงานทันตกรรมได้ยังไง
ถ้าไม่ได้ศึกษาด้านนี้อย่างต่ำ 6 ปี

คุณจะไปคำนวณโครงสร้างอาคารยังไง ถ้าไม่ได้เรียนสายวิศวกรรมโยธามา
คุณจะไปรักษาสัตว์ ผ่าตัดมนุษย์ได้ยังไงถ้าไม่ได้จบแพทย์ จบสัตวแพทย์มา

เพราะงั้น สมมตินะ ผมสมมติเฉยๆ ผมจบแพทย์ จบวิศวะมา
ผมไม่ได้กลัวเลยว่า จะมีใครในสาขาไหน มาสอบแข่งในสาขาวิชาเอกของผมแล้วจะชนะผมได้
ต่อให้ผมสอบได้ที่โหล่ของรุ่นตอนผมเรียนจบมาก็เหอะ

แล้วผมถามอีกมุมว่า ครูสอนฟิสิกส์ที่สอบได้ที่โหล่ของรุ่น
กลัวหรือเปล่า ที่อาจจะมีเด็กวิศวะ เด็กแพทย์ เด็กวิทยาศาสตร์
มาสอบความรู้วิชาฟิสิกส์ แล้วทำคะแนนได้ดีกว่า

ผมจะสื่อว่า จริงๆแล้วการเอาอะไรก็ตาม ไปเทียบกับ สาย
แพทย์ / วิศวะ / บัญชี /ถาปัต มันเห็นผลชัดมากๆอยู่แล้วครับ
เทียบกันไม่ได้หรอก
 
 


สาขาอื่นสอบครูได้ก็ต้องไปอบรมหรือทำอะไรสักอย่างให้ได้ใบประกอบวิชาชีพมาไงครับ ตรงจุดนี้ยังไม่ชัดเจนว่าต้องทำอะไร

ซึ่งถ้ามีครูสอบแพทย์ได้จริง ก็คงต้องมีหลักสูตรมารองรับให้สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนแพทย์ครับ หลักการคิดเดียวกัน

และเอาจริงๆมันก็จริงอย่างที่คุณว่านั่นแหะครับ

ทุกอาชีพมันก็มีศาสตร์ของมันเองอยู่

มันไม่ควรมาก้าวก่ายกันแต่แรกอยู่แล้วครับ

ครูไม่เก่งก็ควรไปแก้ที่การรับเข้าเรียนครูอย่างที่คุณว่า ให้มันมีเกณฑ์สูงขึ้น

รวมถึงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาองคณะครุศาตร์/ศึกษาศาสตร์ ให้มันมีคุณภาพมากขึ้น

ถ้าแก้ที่ปลายเหตุแบบนี้ยังไงผมก็ยืนยันว่ามันไม่แฟร์และทุเรศมากครับ


เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:16 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


- แพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะที่ต้องอาศัยใบวิชาชีพ สถาปัต บัญชี และอาจจะมีอีก

พวกเหล่านี้ ผมว่าต่อให้เปิดสอบแข่ง แบบใครมาสอบก็ได้ (แฟร์ๆแบบที่เม้นต์บนๆบอก)

ผมก็ว่า เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ที่คนไม่ได้เรียนมาจะไม่มีทางทำได้

- แต่ลองเปิดแข่งสอบครู แบบใครก็ได้มาสอบ อันนี้ก็น่าลุ้นผลเหมือนกัน
ว่าจะออกมายังไง

เช่น จำเป็นหรือไม่ ที่คนทำคะแนนได้ดีสุดในวิชาภาษาอังกฤษ จะจบครูอังกฤษ
หรืออาจจะเป็นเด็กนิเทศ เด็กอักษร เป็นไปได้มั้ย ?

แต่เอา คนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนหมอ วิศวะ สถาปัต บัญชี
ให้พวกนี้มาสอบแข่งกับคนที่เรียนมา ผมว่ามันทายผลออกชัดๆนะ

 
 


ผลเป็นไงไม่รู้นะ มันคงเป็นอย่างที่คุณว่าแหละว่าน้อยคนที่คนเรียนครูมาจะไปสอบสู้หมอได้

สำหรับผม ขอแค่เปิดให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นได้เหมือนกันคนเรียนครูมาก็คงไม่โวยกันแล้ว

เพราะแสดงถึงความแฟร์กับครูด้วย

ได้ไม่ได้มันก็อีกเรื่องนึงครับ
 


ครับท่าน

คือผมมองว่า ครู/หรือผู้สอน เนี่ย พอถึงระดับสูงๆ (สำหรับผมคือ ตั้งแต่ ม.ปลาย)
และยาวไปถึงระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย

มันเป็นอาชีพที่มีความคาบเกี่ยว ผมหมายถึงว่า
มันก็พอจะเข้าใจได้ว่่า มีคนที่จบวิทยาศาสตร์/วิศวะ แล้วสามารถสอนฟิสิกส์
ได้แบบที่ครูฟิสิกส์สอน (ดีกว่าหรือแย่กว่าก็อีกเรื่อง) แต่มันทำได้

แต่กับ หมอ/วิศวะ/บัญชี ผมนึกภาพไม่ออกว่า มันจะเกิดการที่คนสาขาอื่น
ก้าวเข้าไปทำงานด้านนี้ได้ยังไง

เอาง่ายๆมันเหมือนว่า โดยธรรมชาติแล้วอาชีพครูไม่ได้จำเพาะเหมือนกับวิชาชีพอื่นๆ
(ในความคิดผมนะ)
เลยเป็นที่มาของปัญหา เรื่องแย่งงาน/แย่งสอบ ไรทั้งหลายเนี่ยแหละ

เพราะถ้าอย่าง หมอ งี้ ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย+ไม่ต้องจัดสอบให้เสียเวลา
เพราะถ้าไม่ได้เรียนมา 6 ปี ขึ้นคลินิก ฝึกงาน เรียนกันอย่างบ้าคลั่ง
... แล้วจะปฏิบัติงานแบบแพทย์ได้ยังไง

แต่วิชาชีพครู ผมว่าจำเป็นมาก สำหรับวัยประถม วัยเด็กๆ แบบนี้ครับ
เพราะผมก็เชื่อว่า ครูมีความสามารถจำเพาะที่วิชาชีพอื่นๆทำกับเด็กๆวัยนี้ไมไ่ด้
แล้วเรื่องบางอย่าง มันก็เอาการสอบในกระดาษ/ภาคทฤษฎี ไปวัดผลลำบาก





 
 


ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ

ผมยอมรับว่าผมเพิ่งจบครูหมาดๆ เพิ่งฝึกสอนเสร็จหมากๆ

ผมสอนป.1มาด้วย

ถ้าคุณรู้ว่าตลอด1ปีที่ผมฝึกสอนมาผมเจออะไรมาบ้าง คุณจะเข้าใจผมยิ่งกว่านี้ครับ

ผมเองก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าคนที่จบคณะอื่นมาจะมาจัดการเหล่าลูกลิงน้อยๆของผมได้อย่างไร ผมมั่นใจว่าทำไม่ได้ดีเท่าผมแน่ๆ
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:21 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  
 


ทางแก้ที่คุณว่าอันนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วยและยอมรับได้เลยนะ

ที่ว่าแล้วเรียนสายตรง +ฝึกสอนเพิ่มอีก 1 ปี

แต่ยุบคณะก็ดูจะเกินไปหน่อยเพราะว่ายังไงเด็กเล็กๆ อนุบาล ประถม ก็ยังไม่ต้องการครูสายตรงขนาดนั้น

เพราะผมเองไม่ได้กลัวคนมาสอบแย่งอะไรอยู่แล้ว

และผมคิดว่าจรรยาบรรณอะไรมันก็ปลูกฝังกันได้อยู่แล้ว

แต่ผมไม่ชอบแบบที่กำลังจะเป็นนี้ เพราะผมเกลียดความไม่ยุติธรรมเป็นที่สุด
0
0
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:24 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  


- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้

แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก

- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-

หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้

ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า

------------------------------------------------------------

- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย

แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก

ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว

เมื่อเทียบกับ

มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)

... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า

เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)

ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)

ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่


The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 05 Mar 2010
ตอบ: 1619
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:40 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  
 


ทางแก้ที่คุณว่าอันนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วยและยอมรับได้เลยนะ

ที่ว่าแล้วเรียนสายตรง +ฝึกสอนเพิ่มอีก 1 ปี

แต่ยุบคณะก็ดูจะเกินไปหน่อยเพราะว่ายังไงเด็กเล็กๆ อนุบาล ประถม ก็ยังไม่ต้องการครูสายตรงขนาดนั้น

เพราะผมเองไม่ได้กลัวคนมาสอบแย่งอะไรอยู่แล้ว

และผมคิดว่าจรรยาบรรณอะไรมันก็ปลูกฝังกันได้อยู่แล้ว

แต่ผมไม่ชอบแบบที่กำลังจะเป็นนี้ เพราะผมเกลียดความไม่ยุติธรรมเป็นที่สุด
 


ครับตามที่คุณว่าแหละครับ จุดนั้นผมลืมคิด

ว่ายังมีอนุบาล กับ ประถมอีก ตรงนี้ผมเห็นด้วยครับ

เพราะแนวคิดผมมันสุดโต่งเกินไป
0
0
เข้าร่วม: 05 Mar 2010
ตอบ: 1619
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:43 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  


- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้

แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก

- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-

หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้

ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า

------------------------------------------------------------

- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย

แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก

ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว

เมื่อเทียบกับ

มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)

... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า

เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)

ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)

ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่


 


ครับ ผมพยายามจะสื่อแบบที่คุณว่านี่แหละละครับ

แต่ผมอธิบายไม่เก่ง เลยมีเเต่น้ำซะเยอะ
เข้าร่วม: 26 Oct 2010
ตอบ: 26816
ที่อยู่: D:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:50 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
เหนด้วยละไม่เหนด้วย คนเรียนครูเอาจริงๆคือเรียนไม่เก่งมาดถึงมาเรียนครูทั้งนั้น แล้วจะเอาคนไม่เก่งไปสอนให้คนเก่ง ยากกกกก
0
0


เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 3268
ที่อยู่: Emirate Stadium
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:53 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ถ้าเห็นปัญหาให้พูดกันที่ปัญหาละกันเนอะครับ อย่าพยายามใช้อินเนอร์ของตัวเองเป็นหลักในการตั้งป้อมโต้เถียงกันเลย ต่างคนต่างประสบการณ์

จะเรียนครูไม่เรียนครู แต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันมาคือชีวิตตอนเป็นนักเรียน จะจบหมอ จบวิศวะ จบนายร้อย ล้วนต้องผ่านการเป็นผู้เรียนมาแล้วทั้งนั้น

ทุกคนก็มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น "จากมุมมองของตัวเอง" ซึ่งคำว่า "ความคิด" ก็ไม่มีคำว่าถูกว่าผิด เพราะมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงสิ่งที่นำเสนอมาจากสิ่งที่ตัวเองคิดก็เท่านั้นเอง แลกเปลี่ยนกันอย่างสันติ อย่าให้เกิดอคติในใจต่อคนในเส้นทางที่แตกต่างกันเลย

สำหรับผม ถ้าผมจะบ่น ผมคงบ่นที่แนวทางการจัดการศึกษามากกว่า ที่ว่า "ทำไมถึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่รู้ตัวว่าเหมาะจะทำงานอะไรช้าเกินไป" "ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองเกือบครึ่งชีวิตกัน"

นอกเรื่องซะหน่อย

สำหรับผม ถ้าเป็นการศึกษาในฝันของผม คงเป็นเรียนรู้พื้นฐานแต่ละศาสตร์วิชา ถึงสัก ม.2 ม.3 เป็น Blank Space ให้ได้ทดลองทำด้านกิจกรรมเชิงอาชีพต่างๆ อาจเว้นหลายปีก็ได้ ถ้ายังไม่ถูกใจจริงๆ (ช่วงนี้เน้นไปที่การแนะแนวการแนะนำทางเลือกต่างๆ) แล้วหลังจากนั้นก็เรียนเฉพาะทางกันไป 2-3 ปีเพื่อให้เข้าใจถึงความรู้ที่จำเป็นต่อด้านนั้นมากขึ้น แล้วก็เข้าระบบคัดเลือกระดับมหาวิทยาลัยที่เน้นไปที่จุดเด่นของตัวเองไปเลย เช่น มหาวิทยาลัยครู มหาวิทยาลัยวิศวะ ฯลฯ ยิงตรงเข้าตามสายไปเลย

เป็นความคิดความฝันดูเพ้อเจ้อจริงๆ กับการมาปรับรากที่ฝังลึกด้านค่านิยมในสังคมไทยมานาน มันยากจริงๆ ...
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 8729
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:56 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


- แพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะที่ต้องอาศัยใบวิชาชีพ สถาปัต บัญชี และอาจจะมีอีก

พวกเหล่านี้ ผมว่าต่อให้เปิดสอบแข่ง แบบใครมาสอบก็ได้ (แฟร์ๆแบบที่เม้นต์บนๆบอก)

ผมก็ว่า เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ที่คนไม่ได้เรียนมาจะไม่มีทางทำได้

- แต่ลองเปิดแข่งสอบครู แบบใครก็ได้มาสอบ อันนี้ก็น่าลุ้นผลเหมือนกัน
ว่าจะออกมายังไง

เช่น จำเป็นหรือไม่ ที่คนทำคะแนนได้ดีสุดในวิชาภาษาอังกฤษ จะจบครูอังกฤษ
หรืออาจจะเป็นเด็กนิเทศ เด็กอักษร เป็นไปได้มั้ย ?

แต่เอา คนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนหมอ วิศวะ สถาปัต บัญชี
ให้พวกนี้มาสอบแข่งกับคนที่เรียนมา ผมว่ามันทายผลออกชัดๆนะ

 
 


ผลเป็นไงไม่รู้นะ มันคงเป็นอย่างที่คุณว่าแหละว่าน้อยคนที่คนเรียนครูมาจะไปสอบสู้หมอได้

สำหรับผม ขอแค่เปิดให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นได้เหมือนกันคนเรียนครูมาก็คงไม่โวยกันแล้ว

เพราะแสดงถึงความแฟร์กับครูด้วย

ได้ไม่ได้มันก็อีกเรื่องนึงครับ
 


ครับท่าน

คือผมมองว่า ครู/หรือผู้สอน เนี่ย พอถึงระดับสูงๆ (สำหรับผมคือ ตั้งแต่ ม.ปลาย)
และยาวไปถึงระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย

มันเป็นอาชีพที่มีความคาบเกี่ยว ผมหมายถึงว่า
มันก็พอจะเข้าใจได้ว่่า มีคนที่จบวิทยาศาสตร์/วิศวะ แล้วสามารถสอนฟิสิกส์
ได้แบบที่ครูฟิสิกส์สอน (ดีกว่าหรือแย่กว่าก็อีกเรื่อง) แต่มันทำได้

แต่กับ หมอ/วิศวะ/บัญชี ผมนึกภาพไม่ออกว่า มันจะเกิดการที่คนสาขาอื่น
ก้าวเข้าไปทำงานด้านนี้ได้ยังไง

เอาง่ายๆมันเหมือนว่า โดยธรรมชาติแล้วอาชีพครูไม่ได้จำเพาะเหมือนกับวิชาชีพอื่นๆ
(ในความคิดผมนะ)
เลยเป็นที่มาของปัญหา เรื่องแย่งงาน/แย่งสอบ ไรทั้งหลายเนี่ยแหละ

เพราะถ้าอย่าง หมอ งี้ ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย+ไม่ต้องจัดสอบให้เสียเวลา
เพราะถ้าไม่ได้เรียนมา 6 ปี ขึ้นคลินิก ฝึกงาน เรียนกันอย่างบ้าคลั่ง
... แล้วจะปฏิบัติงานแบบแพทย์ได้ยังไง

แต่วิชาชีพครู ผมว่าจำเป็นมาก สำหรับวัยประถม วัยเด็กๆ แบบนี้ครับ
เพราะผมก็เชื่อว่า ครูมีความสามารถจำเพาะที่วิชาชีพอื่นๆทำกับเด็กๆวัยนี้ไมไ่ด้
แล้วเรื่องบางอย่าง มันก็เอาการสอบในกระดาษ/ภาคทฤษฎี ไปวัดผลลำบาก





 
 


ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ

ผมยอมรับว่าผมเพิ่งจบครูหมาดๆ เพิ่งฝึกสอนเสร็จหมากๆ

ผมสอนป.1มาด้วย

ถ้าคุณรู้ว่าตลอด1ปีที่ผมฝึกสอนมาผมเจออะไรมาบ้าง คุณจะเข้าใจผมยิ่งกว่านี้ครับ

ผมเองก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าคนที่จบคณะอื่นมาจะมาจัดการเหล่าลูกลิงน้อยๆของผมได้อย่างไร ผมมั่นใจว่าทำไม่ได้ดีเท่าผมแน่ๆ
 


ผมก็ชอบนะเด็กๆเนี่ย เคยคิดเล่นๆว่าถ้ามีเงิน อยากทำงานกับเด็กๆเหมือนกัน
แนวๆการศึกษาเนี่ยครับ ทำโรงเรียน ทำสถาบัน
เคยมโนว่าถ้าตัวเองได้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนคงดี 5555
(แต่ชีวิตจริง ผมไม่ได้เรียนไรมาทางสายแนวๆนี้เลย)

แต่ถ้าให้ผมไปนั่งสอนเด็กๆ ในฐานะที่เป็น "ครู" ผมคงไม่ไหวอ่ะครับ
คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนอดทนขนาดนั้น

ป.ล. สู้ๆครับท่าน

The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 7605
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:57 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
คิดว่าไม่แฟร์กับคนที่เรียนครูมา 5 ปี

คือถ้าผมเป็นคนที่เรียนครูมา แล้วออกกฎแบบนี้

ย้อนเวลาไป 5 ปีผมคงไปเรียนอย่างอื่นเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ชีวิตตัวเองมากขึ้น

เพราะผมจบวิทย์มาผมก็ไปเป็นครูได้เหมือนกัน ไปทำอย่างอื่นสายวิทย์ก็ได้

แต่ถ้าจบครูมาก็คงเป็นได้แค่ครูอ่ะ

อย่าทำให้เกียรติในวิชาชีพครูมันต่ำลงไปกว่านี้เลย

แค่นี้คนก็ดูถูกจะแย่แล้วว่าไม่รู้จะเรียนอะไรก็มาเรียนครู

นี่จะมาเพิ่มประเด็นไม่รู้จะมาเป็นอะไรก็มาเป็นครูอีกหรอ

ทุเรศสิ้นดี
 

อะไรของท่านเนี่ย ถ้าท่านจบครูวิทยาศาสตร์มา ท่านก็เป็นนักวิทย์ได้เหมือนกันครับ
ที่ทำงานผมก็มีจบ ศศ มาทำนักวิทย์เยอะแยะครับ แต่ที่ไม่ค่อยมาทำเนี่ย เพราะเงินเดือน
ครูเยอะกว่าครับ ละถ้าท่านบอกว่าเสียเปรียบเพราะ เรียน 5 ปี เอ่อ คนที่เรียนสี่ปีสายอื่น
กว่าจะได้เป็นครูจริงๆ ก็ต้องไปเรียนเพิ่มอีกนะครับ จนกว่าจะผ่าน ก็เสียเวลาอีก1-2 ปี
สุดท้ายมันก็ใช้เววลาไม่ต่างกันอยู่ดี ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเกียรติ/ศักศรีดิ์เลยครับ
พูดเหมือนสาขาวิชาชีพอื่นเขาไม่มีเกียรติงั้นแหละ
เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 3268
ที่อยู่: Emirate Stadium
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 2:58 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  
 


- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้

แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก

- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-

หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้

ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า

------------------------------------------------------------

- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย

แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก

ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว

เมื่อเทียบกับ

มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)

... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า

เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)

ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)

ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่


 


เรื่อง Input Process Output อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะผมก็คิดอยู่เหมือนกันที่พวก ผอ ชอบบ่นครูว่าทำไมเด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ดีเลย พฤติกรรมไม่ดี ฯลฯ แต่ในการรับนักเรียนเข้ามาเรียนนั้น (Input) ดันเป็น รร ที่รองรับเด็กที่โดนไล่โดนย้ายมาจาก รร อื่นๆ และมีระบบในการคัดเลือกเด็กเข้ามาแบบหยาบๆ (เกณฑ์ต่ำ ไม่แสกนพฤติกรรม ฯลฯ) แล้วจะมาหวังให้ครูใน รร พัฒนาเด็กให้ได้ตามที่ต้องการ (Output) แบบนี้ ผมว่ามันก็หนักงานครูที่เป็นส่วนของ Process มากเกินไป
เข้าร่วม: 14 Feb 2009
ตอบ: 5708
ที่อยู่: แกนวาป
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 3:18 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
กลายเป็นว่าตอนนี้ใครมาเรียนครูคือคนไม่เก่งซะงั้น

ไม่คิดบ้างหรอกว่าคนที่เรียนครูเพราะอยากเป็นครูจริงๆก็มี มีเยอะด้วย

ผมสงสารพวกรุ่นน้องผมจริงๆที่กำลังเตรียมตัวเพื่อจะสอบเป็นครูปีนี้

ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ โดนหาว่ามาเป็นเรียนครูเพราะสอบอะไรไม่ติด เพราะเรียนไม่เก่ง

ทั้งๆที่ความตั้งใจเป็นครูเต็ม 100%

คนนอกกับคนใน มองมันต่างกันจริงๆ

มาเถอะครับ สาขาวิชาไหนก็มา เงินเดือนก็สตาร์ท 15,800 เท่ากัน ชุดสีกากีเหมือนครับ

สุดท้ายก็สอนเด็กให้เป็นคนดีเหมือนกันก็พอครับ

#คอมเม้นก่อนหน้า ผมบ่นอะไรไว้ก็ปล่อยผ่านไปนะครับ หัวร้อนตอนนั้น

Spoil
บ้ากาม  


A long time ago, in a galaxy far, far, away...
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 738
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 3:27 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  
 


- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้

แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก

- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-

หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้

ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า

------------------------------------------------------------

- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย

แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก

ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว

เมื่อเทียบกับ

มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)

... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า

เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)

ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)

ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่


 


เรื่อง Input Process Output อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะผมก็คิดอยู่เหมือนกันที่พวก ผอ ชอบบ่นครูว่าทำไมเด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ดีเลย พฤติกรรมไม่ดี ฯลฯ แต่ในการรับนักเรียนเข้ามาเรียนนั้น (Input) ดันเป็น รร ที่รองรับเด็กที่โดนไล่โดนย้ายมาจาก รร อื่นๆ และมีระบบในการคัดเลือกเด็กเข้ามาแบบหยาบๆ (เกณฑ์ต่ำ ไม่แสกนพฤติกรรม ฯลฯ) แล้วจะมาหวังให้ครูใน รร พัฒนาเด็กให้ได้ตามที่ต้องการ (Output) แบบนี้ ผมว่ามันก็หนักงานครูที่เป็นส่วนของ Process มากเกินไป  

ผมเห็นด้วยนะที่ท่านพูด แต่ว่าตามกฎหมาย เขาห้าม รร ปฏิเสธการรับนักเรียน อีกย่าง ยิ่งถ้ารับนักเรียนเข้ามาจะได้เงินรายหัวเพิ่มขึ้นด้วย(เงินสนับสนุนการศึกษาเขานับเป็นรายหัว) มาเข้าประเด็น INPUT คือเด็กบางคน นี่ขุนไม่ขึ้นจริงๆ พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก แล้วจะมาหวังให้ลูกได้ดีเพราะครูอย่างเดียว มันไม่ไหวครับแบบนี้ ลำพังงานครูก็ล้นมือแล้วครับ เด็กห้องนึง 30-40 ยิ่ง รร ดังๆใหญ่ๆ เด็กห้องนึง 50+ ดูแลไม่ไหวหรอกครับ ถ้าอยากให้เด็กเก่งเด็กดีมันต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เริ่มจากครอบครัวก่อนเลยอันดับแรก
เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 3268
ที่อยู่: Emirate Stadium
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 3:33 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Spoil
drag พิมพ์ว่า:
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  
 


- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้

แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก

- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-

หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้

ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า

------------------------------------------------------------

- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย

แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก

ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว

เมื่อเทียบกับ

มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)

... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า

เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)

ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)

ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่


 


เรื่อง Input Process Output อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะผมก็คิดอยู่เหมือนกันที่พวก ผอ ชอบบ่นครูว่าทำไมเด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ดีเลย พฤติกรรมไม่ดี ฯลฯ แต่ในการรับนักเรียนเข้ามาเรียนนั้น (Input) ดันเป็น รร ที่รองรับเด็กที่โดนไล่โดนย้ายมาจาก รร อื่นๆ และมีระบบในการคัดเลือกเด็กเข้ามาแบบหยาบๆ (เกณฑ์ต่ำ ไม่แสกนพฤติกรรม ฯลฯ) แล้วจะมาหวังให้ครูใน รร พัฒนาเด็กให้ได้ตามที่ต้องการ (Output) แบบนี้ ผมว่ามันก็หนักงานครูที่เป็นส่วนของ Process มากเกินไป  

ผมเห็นด้วยนะที่ท่านพูด แต่ว่าตามกฎหมาย เขาห้าม รร ปฏิเสธการรับนักเรียน อีกย่าง ยิ่งถ้ารับนักเรียนเข้ามาจะได้เงินรายหัวเพิ่มขึ้นด้วย(เงินสนับสนุนการศึกษาเขานับเป็นรายหัว) มาเข้าประเด็น INPUT คือเด็กบางคน นี่ขุนไม่ขึ้นจริงๆ พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก แล้วจะมาหวังให้ลูกได้ดีเพราะครูอย่างเดียว มันไม่ไหวครับแบบนี้ ลำพังงานครูก็ล้นมือแล้วครับ เด็กห้องนึง 30-40 ยิ่ง รร ดังๆใหญ่ๆ เด็กห้องนึง 50+ ดูแลไม่ไหวหรอกครับ ถ้าอยากให้เด็กเก่งเด็กดีมันต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เริ่มจากครอบครัวก่อนเลยอันดับแรก  
 


นั่นแหละครับ คือสิ่งที่ผมมองว่ากฏหมายมันไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับความเป็นจริง ยังไม่รวมกับพวก รร ตั้งเกรดขั้นต่ำอีกนะ คือบางทีเด็กมันก็ไม่ผ่านจริงๆ มันไม่เอาอะไรเลย แต่ รร มีนโยบายต้องให้เกรดขั้นต่ำ 2 งี้ก็ดูแย่อ่ะ
0
0
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 738
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 3:38 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
Spoil
drag พิมพ์ว่า:
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
Spoil
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ครูเก่งจริงก็มีนะ แต่ที่ผมเจอมาสมัยเรียนมัธยมนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย

พูดตรงๆ คือวิชาสายคำนวน ฟิสิกส์ เคมี คณิต ผมได้จากการเรียนกับติวเตอร์มาทั้งนั้น

แทบไม่ได้จากในห้องเรียนเลย

ถ้าบอกว่ามีจิตวิทยาในการสอนผมว่าพวกติวเตอร์นี่มีมากกว่าอีกนะ

ไม่อย่างนั้นคนไม่พยายามแห่กันไปเรียนหรอกครับ เพราะมันสอนรู้เรื่องกว่า เก่งกว่า

เข้าใจเด็ก เอาใจใส่ดีกว่าด้วย


ตัวอย่างเลยครูภาษาอังกฤษผมสมัยประถม ในอ่าน ให้เขียน ทำไม่ได้ก็ด่าก็ตี

จนทำให้ผมเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษไปเลยจนโต

ผมเพิ่งจะมาเริ่มโอเคกับมันก็ตอนมหาลัยนี่แหละ

แล้วนี่ตกลงจิตวิทยาในการสอนที่เรียนมานี่ช่วยอะไรเด็กได้มั่งครับ

นอกจากเป็นคำพูดที่สวยหรู เอาไว้กีดกันคนอื่น

 


ติวเตอร์เก่งกว่าครูก็มี ครูเก่งกว่าติวเตอร์ก็มี เรื่องนี้ขอไม่กล่าวถึง

ขอพูดถึงเรื่องคำว่ากีดกันคนอื่นนะ

ถ้าให้ทุกอาชีพสามารถเข้าไปสอบแข่งขันได้ ผมว่าแบบนี้แฟร์

อาชีพอื่นๆยอมกันได้ไหม ถ้าได้ผมว่าครูทุกคนก็โอเค
 


ถ้าถามผม ผมโอเคนะ ถ้าอาชีพนั้นไม่ใช่อาชีพที่ต้องควบคุมแบบแพทย์ เภสัช ไรพวกนี้

ในเมื่อเรียนสายเฉพาะมาแล้วแต่ดันโดนคนสายอื่นที่ไม่ได้เรียนมา

มาสอบชนะนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองเเล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกัน หรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอที่จะสู้คนอื่นเค้า

แล้วคนแบบนี้จะให้ไปสอนลูก-หลานผม ผมไม่เอาด้วยคนอ่ะ  


ไออาชีพที่คุณว่ามามันคือวิชาชีพครับ

ซึ่งวิชาชีพคืออาชีพแบบที่คุณบอกแหละ ต้องควบคุมอะไรหลายๆอย่าง ถึงถูกจัดให้อยู่ในวิชาชีพไง และต้องมีสภาวิชาชีพมารองรับ อ่ะผมให้ดูเผื่อคุณขี้เกียจไปหาข้อมูล


Spoil
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  


และหนึ่งในนั้นก็คือวิชาชีพครูรวมอยู่ด้วย เห็นมั้ยครับ

เพระฉะนั้นแล้ว ครู แพทย์ เภสัช จัดอยู่ในวิชาชีพระดับเดียวกันนะครับ

ผมถึงบอกไงว่าถ้ายอมให้ครูไปสอบวิชาชีพอื่นๆด้วยอันนี้ถึงแฟร์กับทุกฝ่ายนะ

เพราะถ้าครูไปสอบแพทย์ชนะแพทย์ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน

หรือว่ากลัวอะไร จริงมั้ยครับ
 


ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์ และ เภสัช ครับ

แต่ผมยอมรับว่ากลัวครับ กลัวว่าจะได้คนไม่มีคุณภาพมาทำการรักษาชีวิตคนอื่น

ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน ผมขอเลือกคนที่เรียนมาโดยตรงดีกว่าครับ ความชำนาญมันต่างกันเยอะ

หรือคุณจะบอกว่ามีครูที่ไม่เคยเรียนแพทย์ ทำการผ่าตัดได้ดีกว่าแพทย์ ก็แล้วแต่คุณนะครับ


อีกอย่างก็ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ คุณจะบอกว่าเท่าเทียมกันหมด

ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แพทย์ อะไรพวกนี้การแข่งขันสูงกว่าจะเข้าได้

กับวิชาชีพบางอย่างที่มหาลัยบางแห่งเปิดรับง่ายๆ จะให้เท่าเทียมกันนี่ คงยากละครับ




 
 


เพราะแบบนี้ไงครับ การศึกษาไทยถึงได้อยู่แค่นี้

คุณบอกว่าแพทย์เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตคน

แล้วการศึกษานี่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรอครับ

ทุกอย่างมันต้องดำเนินตวบคู่กันไปของมัน มันมีทางของมันอยู่แล้ว

คุณมองว่าการรักษาคนต้องใช้ความชำนาญ

แต่คุณไม่มองว่าการศึกษาก็ต้องการบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพเหมือนกัน

อยากได้ครูเก่ง

ต้องแก้ที่หลักสูตรการเรียนของครูมั้ยครับ ว่าทำไมเรียนแล้วได้ครูอ่อน

ต้องแก้หลักเกณฑ์การเข้าเรียนในคณะครูแต่ละสถาบันมั้ยครับ ว่าทำไมได้เด็กอ่อนมาเรียนครู

อันนี้เค้าเรียกแก้ที่ "ปลายเหตุ" ครับ

ปล.ถ้าแพทย์การแข่งขันสูง แต่สอบแพ้คนเรียนครูมา แสดงว่าสูงไม่จริงรึป่าว น่าคิดนะครับ
 


เอาที่สบายใจเลยครับ ถ้าคิดแบบนั้น

แต่เท่าที่ผมเจอมาในชีวิตนักเรียนคนนึง

ผมเจอครูดีไม่มากนัก เจอครูเก่งนี่นับได้ในมือเดียวเลย

แล้วแบบนี้คิดว่าผมอยากจะให้มันวนเวียนอยู่แบบนี้หรอครับ


ผมเห็นด้วยนะที่ให้แก้ที่คุณภาพการสอน

แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันแก้ยากครับ

ลองมองราชภัฏตามต่างจังหวัดบางแห่ง รับคนเข้ามาง่ายๆ รุ่นน้องผมเอกอิ้ง

จบมายังสอบโทอิคไม่ถึง 500 เลยครับ แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนได้หรอผมว่ายาก

ยังไงมันก็ไม่เท่าคนเรียนสายตรงอยู่แล้ว


ทางแก้ที่ผมอยากได้ค่อนข้างสุดโต่งครับ

ผมอยากยุบคณะครุศาสตร์ไปเลย แล้วให้พวกสายตรงเพียว ฟิ เคม หรืออาชีพอื่นอะไร

ถ้าอยากเป็นครูก็เรียนเพิ่ม 1 ปี แบบนี้ไปเลย ครูจะได้มีความเก่งแบบที่ควรมี

และยังมีความเป็นครูแบบที่เรียกร้องกันด้วย  
 


- การควบคุมคุณภาพ น่าจะมีช่องว่างห่างกันมากๆ ทั้งๆที่ใช้คำว่า "วิชาชีพ" เหมือนกัน
ก็ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก จบครุเอกอิ้ง แต่คะแนนโทอิค น้อย
ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นครู
ผมเข้าใจถูกป่ะครับ หมายถึง ต่อให้คะแนนโทอิคห่วยแค่ไหน ก็ยังเป็นครูได้

แต่ถ้าอย่างวิศวะ หมอ ถาปัต และอื่นๆ
"การควบคุมมาตรฐานของวิชาชีพ" จะเข้มกว่า และอาจจะเข้มกว่ามาก

- ประสบการณ์ ผมก็เห็นครูที่ไม่เก่งเลยมาเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างที่จำได้ สมัยมัธยม ครูสอนเคมี ไม่เข้าใจ concept ง่ายๆ ของเนื้อหาม.4
ที่ผมรู้เพราะ ผมไม่เข้าใจ เลยถามเขา เขาก็ไล่ให้ผมไปถามนักเคมี -*-

หรือ ครูคณิต ที่สอนระดับม.ปลาย แต่ไม่สามารถตั้งหารสมการพหุนามได้

ผมไม่ได้เหมารวมนะ แค่จะสื่อว่า ครูเก่งมากๆก็มี ครูที่ไม่ค่อยมีความรู้ก็มี(ไม่น้อย)
ถามว่าหมอห่วยๆรักษาชุ่ยๆมีมั้ย ผมก็ว่ามี แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่า

------------------------------------------------------------

- นอกเรื่องนิดนึง ผมเคยฟังอาจารย์ในมหาลัยท่านหนึ่ง
ซึ่งแกเคยทำงานกับทีมบริหารของมหาลัย

แกก็เล่าๆขำๆให้ฟังว่า วิธีทำให้ output ออกมาได้ดีที่สุด + ประหยัดต้นทุนสุด
ไม่ใช่การไปปรับ Process
แต่เป็นการเลือก Input ที่ดีเข้ามาให้ได้ต่างหาก

ตัวอย่าง : มหาลัย A พยายามทุ่มงบเป็น ร้อยล้าน เพื่อทำให้ Process ยอดเยี่ยม
คือจ้างอาจารย์เก่งๆระดับ ป.เอกเมืองนอก มาสอน
ปรับหลักสูตรแทบตาย แต่ Input (คือเด็กที่รับเข้ามา) ไม่ค่อยเก่ง เป็นพวกท้ายแถว

เมื่อเทียบกับ

มหาลัย B ไม่ทุ่มงบกับการปรับ Process เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยห่วยนะ ระดับกลางๆ
แต่มีปัจจัยดึงดูด ให้เด็กหัวกะทิเข้ามาเรียน (Input ชั้นยอด)

... จารย์แกบอก เชื่อมั้ย ท้ายที่สุดแล้ว มหาลัย B จะดูเก่งกว่า ดังกว่า ผลงานเยอะกว่า

เพราะเด็กถ้าห่วย ระบบสอนจะเยี่ยมแค่ไหน ก็ดันขึ้นไม่ได้มาก (เปลือง cost ด้วย)

ในทางกลับกัน ถ้า เด็กหัวกะทิ การสอนในระดับกลางๆ ก็ไม่ได้ลดความเป็นเลิศของพวกนี้
เพราะมันจะขวนขวายกันไปต่อได้เอง (พลังแม่งเยอะว่างั้น)

ป.ล. อันนี้เล่าให้ฟังขำๆนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่


 


เรื่อง Input Process Output อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะผมก็คิดอยู่เหมือนกันที่พวก ผอ ชอบบ่นครูว่าทำไมเด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ดีเลย พฤติกรรมไม่ดี ฯลฯ แต่ในการรับนักเรียนเข้ามาเรียนนั้น (Input) ดันเป็น รร ที่รองรับเด็กที่โดนไล่โดนย้ายมาจาก รร อื่นๆ และมีระบบในการคัดเลือกเด็กเข้ามาแบบหยาบๆ (เกณฑ์ต่ำ ไม่แสกนพฤติกรรม ฯลฯ) แล้วจะมาหวังให้ครูใน รร พัฒนาเด็กให้ได้ตามที่ต้องการ (Output) แบบนี้ ผมว่ามันก็หนักงานครูที่เป็นส่วนของ Process มากเกินไป  

ผมเห็นด้วยนะที่ท่านพูด แต่ว่าตามกฎหมาย เขาห้าม รร ปฏิเสธการรับนักเรียน อีกย่าง ยิ่งถ้ารับนักเรียนเข้ามาจะได้เงินรายหัวเพิ่มขึ้นด้วย(เงินสนับสนุนการศึกษาเขานับเป็นรายหัว) มาเข้าประเด็น INPUT คือเด็กบางคน นี่ขุนไม่ขึ้นจริงๆ พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก แล้วจะมาหวังให้ลูกได้ดีเพราะครูอย่างเดียว มันไม่ไหวครับแบบนี้ ลำพังงานครูก็ล้นมือแล้วครับ เด็กห้องนึง 30-40 ยิ่ง รร ดังๆใหญ่ๆ เด็กห้องนึง 50+ ดูแลไม่ไหวหรอกครับ ถ้าอยากให้เด็กเก่งเด็กดีมันต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เริ่มจากครอบครัวก่อนเลยอันดับแรก  
 


นั่นแหละครับ คือสิ่งที่ผมมองว่ากฏหมายมันไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับความเป็นจริง ยังไม่รวมกับพวก รร ตั้งเกรดขั้นต่ำอีกนะ คือบางทีเด็กมันก็ไม่ผ่านจริงๆ มันไม่เอาอะไรเลย แต่ รร มีนโยบายต้องให้เกรดขั้นต่ำ 2 งี้ก็ดูแย่อ่ะ  
ครูให้เด็กตก------->โดน ผอ รร ตำหนิ อาจไม่ได้ขึ้นเงินเดือน------->ผลสัมฤทธิ์เด็กนักเรียนไม่ดี ผอ รร จะโดน ผอ เขตตำหนิ ไม่ได้ 2 ขั้น งานมันเป็นขั้นๆไปแบบนี้ ผลก็เลยไปตกกับเด็ก เลยซวยไปเลย
0
0
เข้าร่วม: 29 Oct 2013
ตอบ: 1900
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 3:59 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
ถ้าเห็นปัญหาให้พูดกันที่ปัญหาละกันเนอะครับ อย่าพยายามใช้อินเนอร์ของตัวเองเป็นหลักในการตั้งป้อมโต้เถียงกันเลย ต่างคนต่างประสบการณ์

จะเรียนครูไม่เรียนครู แต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันมาคือชีวิตตอนเป็นนักเรียน จะจบหมอ จบวิศวะ จบนายร้อย ล้วนต้องผ่านการเป็นผู้เรียนมาแล้วทั้งนั้น

ทุกคนก็มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น "จากมุมมองของตัวเอง" ซึ่งคำว่า "ความคิด" ก็ไม่มีคำว่าถูกว่าผิด เพราะมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงสิ่งที่นำเสนอมาจากสิ่งที่ตัวเองคิดก็เท่านั้นเอง แลกเปลี่ยนกันอย่างสันติ อย่าให้เกิดอคติในใจต่อคนในเส้นทางที่แตกต่างกันเลย

สำหรับผม ถ้าผมจะบ่น ผมคงบ่นที่แนวทางการจัดการศึกษามากกว่า ที่ว่า "ทำไมถึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่รู้ตัวว่าเหมาะจะทำงานอะไรช้าเกินไป" "ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองเกือบครึ่งชีวิตกัน"

นอกเรื่องซะหน่อย

สำหรับผม ถ้าเป็นการศึกษาในฝันของผม คงเป็นเรียนรู้พื้นฐานแต่ละศาสตร์วิชา ถึงสัก ม.2 ม.3 เป็น Blank Space ให้ได้ทดลองทำด้านกิจกรรมเชิงอาชีพต่างๆ อาจเว้นหลายปีก็ได้ ถ้ายังไม่ถูกใจจริงๆ (ช่วงนี้เน้นไปที่การแนะแนวการแนะนำทางเลือกต่างๆ) แล้วหลังจากนั้นก็เรียนเฉพาะทางกันไป 2-3 ปีเพื่อให้เข้าใจถึงความรู้ที่จำเป็นต่อด้านนั้นมากขึ้น แล้วก็เข้าระบบคัดเลือกระดับมหาวิทยาลัยที่เน้นไปที่จุดเด่นของตัวเองไปเลย เช่น มหาวิทยาลัยครู มหาวิทยาลัยวิศวะ ฯลฯ ยิงตรงเข้าตามสายไปเลย

เป็นความคิดความฝันดูเพ้อเจ้อจริงๆ กับการมาปรับรากที่ฝังลึกด้านค่านิยมในสังคมไทยมานาน มันยากจริงๆ ...
 


ขอกระทืบไลค์ให้คำว่า ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองเกือบครึ่งชีวิต

ผมเองพึ่งมีลูกชาย ผมกะว่าหลังจบ ม.3 จะให้เค้าพักเรียน 1 ปี ให้ค้นหาตัวเอง

โดยที่ระหว่าง ม.1- ม.3 ผมจะแนะแนวให้ได้มากที่สุด
เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 3268
ที่อยู่: Emirate Stadium
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 4:15 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Arttillo พิมพ์ว่า:
o6sEnsEo พิมพ์ว่า:
ถ้าเห็นปัญหาให้พูดกันที่ปัญหาละกันเนอะครับ อย่าพยายามใช้อินเนอร์ของตัวเองเป็นหลักในการตั้งป้อมโต้เถียงกันเลย ต่างคนต่างประสบการณ์

จะเรียนครูไม่เรียนครู แต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันมาคือชีวิตตอนเป็นนักเรียน จะจบหมอ จบวิศวะ จบนายร้อย ล้วนต้องผ่านการเป็นผู้เรียนมาแล้วทั้งนั้น

ทุกคนก็มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น "จากมุมมองของตัวเอง" ซึ่งคำว่า "ความคิด" ก็ไม่มีคำว่าถูกว่าผิด เพราะมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงสิ่งที่นำเสนอมาจากสิ่งที่ตัวเองคิดก็เท่านั้นเอง แลกเปลี่ยนกันอย่างสันติ อย่าให้เกิดอคติในใจต่อคนในเส้นทางที่แตกต่างกันเลย

สำหรับผม ถ้าผมจะบ่น ผมคงบ่นที่แนวทางการจัดการศึกษามากกว่า ที่ว่า "ทำไมถึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่รู้ตัวว่าเหมาะจะทำงานอะไรช้าเกินไป" "ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองเกือบครึ่งชีวิตกัน"

นอกเรื่องซะหน่อย

สำหรับผม ถ้าเป็นการศึกษาในฝันของผม คงเป็นเรียนรู้พื้นฐานแต่ละศาสตร์วิชา ถึงสัก ม.2 ม.3 เป็น Blank Space ให้ได้ทดลองทำด้านกิจกรรมเชิงอาชีพต่างๆ อาจเว้นหลายปีก็ได้ ถ้ายังไม่ถูกใจจริงๆ (ช่วงนี้เน้นไปที่การแนะแนวการแนะนำทางเลือกต่างๆ) แล้วหลังจากนั้นก็เรียนเฉพาะทางกันไป 2-3 ปีเพื่อให้เข้าใจถึงความรู้ที่จำเป็นต่อด้านนั้นมากขึ้น แล้วก็เข้าระบบคัดเลือกระดับมหาวิทยาลัยที่เน้นไปที่จุดเด่นของตัวเองไปเลย เช่น มหาวิทยาลัยครู มหาวิทยาลัยวิศวะ ฯลฯ ยิงตรงเข้าตามสายไปเลย

เป็นความคิดความฝันดูเพ้อเจ้อจริงๆ กับการมาปรับรากที่ฝังลึกด้านค่านิยมในสังคมไทยมานาน มันยากจริงๆ ...
 


ขอกระทืบไลค์ให้คำว่า ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองเกือบครึ่งชีวิต

ผมเองพึ่งมีลูกชาย ผมกะว่าหลังจบ ม.3 จะให้เค้าพักเรียน 1 ปี ให้ค้นหาตัวเอง

โดยที่ระหว่าง ม.1- ม.3 ผมจะแนะแนวให้ได้มากที่สุด  


พยายามให้โอกาสเขาได้ทดลองร่วมกิจกรรมต่างๆ นอกเหนือจากการนั่งเรียนในห้อง หลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์ดู (ดนตรี/กีฬา/งานช่าง/ทำอาหาร/ต่อโมเดล/ปลูกต้นไม้/ทำสวน) บางทีอาจจะได้เป้าหมายโดยที่ไม่ต้องพักเรียนก็ได้ ถ้าอนาคตอีก 10 20 ปีข้างหน้ายังเป็นระบบนี้อยู่ การพักเรียนอาจไม่ใช่หนทางที่ดีเท่าไรนัก นอกเหนือจากการค้นหาเป้าหมาย อีกเรื่องที่ต้องระวังก็คือต้องอย่าให้เขาเป็นคนด้านลบของสังคม ต่อให้เขาเรียนไม่เก่ง ไม่มีความถนัดใดๆ ก็ตาม อย่าให้เขาไปทำอะไรในสิ่งที่มันผิดกฏหมายหรืออยู่ในสังคมแบบนั้นครับ สำหรับผมไม่ได้หวังให้เด็กไทยเก่งที่สุดในโลก แต่แค่อยากให้เด็กไทยไม่เป็นคนที่เป็นภาระของสังคมก็พอ
0
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 1604
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 21, 2017 4:19 pm
[RE: คิดอย่างไร ครูไม่ต้องเรียนครูแล้ว]
Negrito พิมพ์ว่า:
CPTSteveRogers พิมพ์ว่า:
คิดว่าไม่แฟร์กับคนที่เรียนครูมา 5 ปี

คือถ้าผมเป็นคนที่เรียนครูมา แล้วออกกฎแบบนี้

ย้อนเวลาไป 5 ปีผมคงไปเรียนอย่างอื่นเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ชีวิตตัวเองมากขึ้น

เพราะผมจบวิทย์มาผมก็ไปเป็นครูได้เหมือนกัน ไปทำอย่างอื่นสายวิทย์ก็ได้

แต่ถ้าจบครูมาก็คงเป็นได้แค่ครูอ่ะ

อย่าทำให้เกียรติในวิชาชีพครูมันต่ำลงไปกว่านี้เลย

แค่นี้คนก็ดูถูกจะแย่แล้วว่าไม่รู้จะเรียนอะไรก็มาเรียนครู

นี่จะมาเพิ่มประเด็นไม่รู้จะมาเป็นอะไรก็มาเป็นครูอีกหรอ

ทุเรศสิ้นดี
 

อะไรของท่านเนี่ย ถ้าท่านจบครูวิทยาศาสตร์มา ท่านก็เป็นนักวิทย์ได้เหมือนกันครับ
ที่ทำงานผมก็มีจบ ศศ มาทำนักวิทย์เยอะแยะครับ แต่ที่ไม่ค่อยมาทำเนี่ย เพราะเงินเดือน
ครูเยอะกว่าครับ ละถ้าท่านบอกว่าเสียเปรียบเพราะ เรียน 5 ปี เอ่อ คนที่เรียนสี่ปีสายอื่น
กว่าจะได้เป็นครูจริงๆ ก็ต้องไปเรียนเพิ่มอีกนะครับ จนกว่าจะผ่าน ก็เสียเวลาอีก1-2 ปี
สุดท้ายมันก็ใช้เววลาไม่ต่างกันอยู่ดี ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเกียรติ/ศักศรีดิ์เลยครับ
พูดเหมือนสาขาวิชาชีพอื่นเขาไม่มีเกียรติงั้นแหละ
 


ถ้าจริงอย่างคุณว่าก็โอเค ถ้ามีจริงก็ยอมรับให้คนจบวิทย์มาสอบครูได้

แล้วสายอื่นจะว่าอย่างไร

แล้วผมพูดตรงไหนว่าวิชาชีพอื่นไม่มีเกียรติ อย่ามายัดเยียดความคิด ไม่ชอบ

ทุกวิชาชีพมีเกียรติหมด มีสภารองรับเป็นของตัวเอง

ถ้าให้ครูสอบแพทย์/วิศวะได้แล้วเรียนเพิ่ม 1-2 ปีก็อยากรู้เหมือนกันจะยอมกันมั้ย

ส่วนประเด็น 4ปี เรียนเอาวุฒิเพิ่มอันนี้รับได้นะ

แต่ที่ข่าวออกมามันไม่ใช่ไง

มันคือให้สอบแข่งกับคนที่มีใบประกอบได้เลย แล้วไปอบรมเอาใบประกอบทีหลัง มันไม่แฟร์ตรงนี้ไง

พูดตามตรงถ้าเกณฑ์นี้ออกมาตอนผมอยู่ม.6 ผมไปเรียนสายอื่นไม่ดีกว่าหรอ

แล้วก็คอยดูเหอะเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามผู้บริหาร ณ เวลานั้น

เปลี่ยนผู้นำทีก็เปลี่ยนระบบที ความต่อเนื่องในการแก้ปัญหาไม่มี

สุดท้ายมันก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้อยู่ดี
0
0