วิเคราะห์ หลังเกม บาร์ซ่า-ปารีส /แทคติคของเอ็นริเก้และความผิดพลาดของเอเมรี่
ก่อนอื่นมาดูไลนอัพ
[twitter]
https://twitter.com/FCBarcelona/status/839542763037343748?ref_src=twsrc%5Etfw[/twitter]
วันนี้บาร์ซ่ามาในระบบ 3-4-3 (หรือจะเรียก 3-3-1-3ก็ได้)
หลังสามคน ปิเก้ยืนกลาง อุ้มและมาสเคยืนริมเส้น แผงกลาง บุสเก็ตรับบทpivot กัปตันยืนlcm ราคิติชrcm เมสซี่ยืนam(เต็มๆตัวครั้งแรก) แผงหน้าซัวเรสหน้าเป้า เนย์ซ้าย ราฟินญ่าขวา
อธิบายไลน์อัพและฟอร์เมชั่น
ก่อนอื่นสำหรับไม่ใช่แฟนบาร์ซ่าปกติ ทีมจะเล่น4-3-3ตามปกตินะครับ แต่ก่อนหน้านี้2-3นัดเริ่มปรับมาเล่นหลัง3เพื่อเตรียมรับมือกับปารีสโดยเฉพาะ
ที่ต้องเล่นกลาง4เพื่อเพิ่มความหนาแน่นตรงกลางสนามให่ได้ เพราะนัดแรกบาร์ซ่าแพ้เกมกลางสนามชัดเจนจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้
หลัง3จริงๆก่อนหน้านี้เคยลองใช้มาแล้วแต่ยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ อุ้มสามารถยืนหลังตัวริมเส้นได้เพราะมีความเร็วพอสมควร ส่วนมาสเคจริงๆความเร็วไม่มีแล้ว แต่ได้ความเก๋าประสบการณ์
และ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมหน้าฝั่งขวาถึงต้องเป็นราฟินญ่า (แฟนบาร์ซ่าหลายๆคนคงจะสงสัยแหงมๆ)
1เลย ราฟินญ่าเล่นเกมรับได้ดีที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่เหลือทั้งหมเ(เดนิส/ตูราน)
2 ราฟินญ่าสปีดดีสุดเกิดอะไรขึ้นยังวิ่งลงไปช่วยมาสเคทัน
3 ราฟินญ่ากำลังฟอร์มดีครับ ไม่ได้ลงเพราะลูกรักหรอก...
ส่วนราคิติชจริงๆเกมนี้ไม่ได้ถ่างออกริมเส้นเหมือนในไลนอัพเสียเท่าไหร่ ออกจะกลับไปยืนbox to boxเพื่อความหนาแน่นในแดนกลางมากกว่า
และๆ ตัวแปรสุดท้ายของวันนี้ ลีโอเนล เมสซี่กับบทบาทการยืนamเต็มๆตัว(ก่อนหน้านี้ออกไปทางตัวฟรีมากกว่า)
เรื่องเมสซี่ขอยกไปอธิบาในหัวข้อต่อไปแทน
ในทางเแทคติค There Is Nothing Left to Lose
วันนี้บาร์ซ่ากลับมาเล่นเพรสซิ่งเต็มๆตัวอีกครั้งหลังจากไม่ได้ไล่บีบแบบนี้มานานมาก แม้แต่นักเตะจอมเดินเล่นอย่างเมสซี่ก็วิ่งไล่กับเขาด้วย แล้วเจอการเล่นฟูลเพรส ไล่มันตั้งแต่หน้าประตูแบบนี้ปารีสก็ไม่รอดเหมือนกันจ่ายบอลเสียกันเยอะ(เผื่อใครไม่เคยได้ดูเซบีญ่าที่เอเมรี่คุม เอเมรี่ไม่ได้เด่นด้านการครองบอลเสียเท่าไหร่อยู่แล้ว)
บาร์ซ่าบุกโดยเพิ่มความเข้มข้นและถึงแม้จะเสียความละเอียดในการครองบอลไป ทำให้เสียบอลไปหลายครั้งแต่ก็ต้องขอบคุณการเพรสอันยอดเยี่ยมของนักเตะทุกคนที่ทำให้ได้บอลกลับมาครองได้ไวมาก(เล่นเอาผมนึกถึงกฎ6วิเลยแหะ)
แทคติควันนี้ถ้าจะพูดง่ายๆให้เห็นภาพก็คือออลอิน ถ้าไม่ชนะถล่มทลายก็คือแพ้เละไปเลย หลัง3คนแน่นอนว่ามีโอกาสโดนสวนกลับง่ายกว่าเดิม แถมแหลัง3คนก็เติมสูงมากกว่าปกติ ทั้งปิเก้และอุมติตี้ ปิเก้เลี้ยงกินแดนบ่อยกว่าปกติถึงจะพลาดและนำมาสู่การเสียประตูแต่ก็ถือว่าทีมได้ประโยชน์จากตรงนี้พอสมควร
ในคลิปวิเคราะห์หลังเกมของทางบีที ผมชอบประโยคนึงที่เจอร์ดราดเป็นคนพูด และพูดได้ตรงใจผมมากเลยก็คือ บาร์ซ่าพยามจะบีบให้ปารีสขาดอากาศหายใจ(Suffocated) คือตอนดวลกันกลางสนามบาร์ซ่าแทบไม่ถอยเลย นี่สิ่งที่ต่างจากเกมอื่น ปกติถ้าเกมตันๆ การโยนออกข้างหรือจ่ายกลับหลังไปตั้งเกมใหม่เป็นสิ่งที่เอ็นริเก้ชอบใช้ประจำ แต่นัดนี้ต่างออกไป และนี่คือสิ่งเมสซี่เข้ามามีบทบาท
tactical awareness ในนัดนี้ของเมสซี่คือการทำลายพื้นที่ตรงกลางของปารีส เราจะได้เห็นว่าวันนี้เมสซี่เลี้ยงบอลน้อยมาก แต่วิ่งวนตรงกลางมากขึ้น เพื่อดึงตัวประกบจากแนวรับของปารีส แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ หลายต่อหลายครั้งที่เมสซี่ได้บอลจะโดนเข้า3-4คนบ่อยมาก(ไม่ได้พูดเกินจริงนะหาดูย้อนหลังได้) ซึ่งมันทำให้รูปแบบการยืนของผู้เล่นปารีสเสียรูปไป ซึ่งพอเกิดพื้นที่ก็เกิดโอกาสเข้าทำ ต้องชมเนย์มาร์ด้วยที่ระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยม
การแก้เกม/การเปลี่ยนตัว
ขอพูดถึงเฉพาะฝั่งบาร์ซ่าจะ ผมไม่ได้ไปสังเกตฝั่งปารีสมาก
อย่างแรกคือเปลี่ยนกัปตันออกแทนด้วยตูราน จริงๆนัดนี้กัปตันเงียบๆไปหน่อยแถมหลังๆแกเริ่มหมดครับ วิ่งไม่ค่อยออกด้วย ไม่แน่ใจว่ายังไม่ฟิต100%หรือเปล่า(ตั้งแต่เจ็บยาวไป2เดือน ที่กลับมาเล่นนี้อาการบาดเจ็บยังไม่หาย100%ครับ ทีมแพทย์ออกมาบอกเอง) เปลี่ยนตูรานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงเพราะตูรานหาช่องยิงเก่ง หลังจากนั้นเปลี่ยนโรแบโต้เข้าราฟินญ่าเออก เพราะราฟินญ่าครึ่งหลังเงียบๆไปหน่อย ส่วนโกเมสลงไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ ฟอร์เมชั่นยังเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความเข้มข้น
ตัวแปรอื่นๆ กรรมการ คัมป์นู เนย์มาร์ ดวง และความผิดพลาดของเอเมรี่
ผมคงไม่ปฎิเสธว่าวันนี้บาร์ซ่าได้ผลประโยชน์จากกรรมการจริงๆ ต้องถือว่าทีมผมดวงดีแหละมั้งครับ บางลูกอาจจะชัดบางลูกอาจจะไม่ชัดนานาจิตตัง
โธมัส เมอนิเยร์ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า ทีมของเขาเตรียมตัวมาดีแต่เมื่อนักเตะลงสู่สนามก็ถูกบรรยากาศในคัมป์นูและแฟนๆกดดัน(immediately unsettled) - แสดงให้เห็นว่าแม้ไม่ต้องไปตามโห่ทุกครั้งที่นักเตะปารีสได้บอลก็กดดันทีมเยือนได้เป็นอย่างดี(ส่วนตัวก็ไม่ชอบนะบางนัดแฟนบอลเจ้าบ้านชอบโห่ทีมเยือนทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย)
เนย์มาร์เองก็มาระเบิดฟอร์มได้ถูกที่ถูกเวลาพอดีโดยเฉพาะลูกฟรีคิกที่กลับมาเติมเต็มความหวังให้ทีมอีกครั้ง
และลูกสุดท้ายที่เป็นการวัดกึ๋นของเนย์มาร์เลยทีเดียว ปกติใกล้ๆหมดเวลาแบบนี้นักเตะทั่วๆไปก็จะโยนๆไปวัดดวงเอา แต่เนย์ใช้การโยนต่ำแทน(ไม่แน่ใจว่าศัพท์เทคนิคเขาเรียกว่าอะไร) ซึ่งเหมาะสมกับทีมเพราะไม่ได้มีนักเตะตัวสูงอะไรมากมายอยู่แล้วไม่รู้จะโยนมั่วๆไปทำไมเหมือนกัน
และสุดท้ายเซร์กี้ โรเบร์โต้ก็ตอบแทนความไว้วางใจและภักดีที่เอ็นริเก้มอบให้จนได้ สัมภาษณ์หลังเกมของเจ้าตัว - "I hit the ball with everything I had and I'm very happy," Roberto said.
ส่วนเอเมรี่ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าตัวก็คือ การไม่เล่นเพรสซิ่ง ทั้งที่ก็มีสัญญาติบอกเหตุหลายต่อหลายครั้ง การวางหมากพลาดครั้งเดียวทำให้ปารีสล้มแทบทั้งกระดาน
บางครั้งความเชื่อก็ช่วยให้คุณก้าวผ่านขีดจำกัด
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดชัยชนะครั้งนี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดความเชื่อของทีม ความเชื่อที่เอ็นริเก้บอกเสมอว่าเราจะกลับมาได้ มันคงจะเป็นอย่างที่เอ็นริเก้บอกกระมัั้ง ความศรัทธาของแฟนบอลทั่วโลกที่เป็นพลังช่วยให้เกิดลูกที่หก แน่นอนว่าถ้ามัวแต่เชื่อแต่ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างมันก็คงไม่เกิดขึ้นอยู่ดี ขอบคุณแทคติคที่ยอดเยี่ยมของเอ็นริเก้ ขอบคุณนักเตะทุกคนที่วิ่งลืมตาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่เกมนี้คงจะอยู่ในความทรงจำของผมไปอีกนาน
อันนี้พูดคุยหลังเกม ลินิเกอ เจอร์ราด ริโอ โอเว่น / เจอร์ราดพูดได้น่าสนใจดีครับ
ปล.ขอบคุณแฟนทีมอื่นที่ช่วยเชียร์ด้วยเช่นกันครับ โดยเฉพาะแฟนมาดริดที่น่ารักหลายๆคน ขอบคุณครับ
ส่วนกองแช่งก็เอาเป็นว่าไว้เจอกันโอกาสหน้าครับ