แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพิ่งจะโยนเอาโอกาสที่จะได้เลิกรากับอันดับที่ 6 ในพรีเมียร์ ลีก ซึ่งเกาะติดกันมานานจนลืมไปแล้วว่า เคยอยู่กับตัวเลขอื่นมาก่อน หลังเสมอกับบอร์นมัธไป 1-1 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดและผลที่ตามมาก็ไม่ใช่แค่นั้นเสียด้วย

เพราะนอกจากการที่ลูกทีมของโจเซ่ มูริญโญ่จะเสมอกับทีมเยือนซึ่งเหลือผู้เล่นน้อยกว่าหนึ่งคนตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามก็ทำให้พวกเขาต้องมาเสียโอกาสในการใช้งานดาวยิงตัวเก่งอย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิชไปในอีก 3 นัดข้างหน้า

แถมยังเป็นเกมเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายกับเชลซีเสียด้วย !

หลังจากถูกสตั๊ดของไทโรน มิงส์ตัวรับของ บอร์นมัธ เหยียบเข้าที่ทรงผมหางม้าของตัวเอง อิบราฮิโมวิช ก็ทนไม่ไหว ก่อนจะไปเอาคืนในไม่กี่อึดใจต่อมาด้วยการไปศอกใส่เต็มๆ แม้ว่าจะไม่โดนไล่ออกจากสนามทั้งคู่ แต่ในที่สุดทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ได้มีการตั้งข้อหาการเล่นรุนแรงเกินควรและแบนทั้งสองคนคนละ 3 เกม

ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว ก็ต้องบอกว่า แมนฯยูไนเต็ด งานเข้าแหงล่ะครับ

เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า อิบราฮิโมวิช คือตัวความหวังหน้าปากประตูของ “ปีศาจแดง” ด้วยการยิงไปทั้งหมด 26 ลูกในทุกรายการและ 15 ลูกในพรีเมียร์ ลีก ไม่เพียงแค่นั้น เขายังทำไปอีก 4 แอสซิสต์ ซึ่งหากนับเฉพาะในพรีเมียร์ ลีกแล้วนั้น ดาวยิงสวีดิชมีส่วนร่วมกับประตูทั้งหมดที่ทีมทำได้ถึง 48.7% (จากทั้งหมด 39 ลูก) ถ้าจะบอกว่าไม่สำคัญก็คงจะไม่ใช่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ แมนฯยูไนเต็ด นั้นมีปัญหาเสียเหลือเกินในพื้นที่สุดท้าย จากจำนวนประตูที่แจ้งไปข้างต้นแล้วนั้น ถือว่าสโมสรยิงประตูคู่แข่งได้น้อยที่สุดในบรรดาท็อป 7 บนตารางการแข่งขันและยิงมากกว่าเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนแค่ 3 ลูกเท่านั้น

อิบราฮิโมวิช อาจจะพลาดจุดโทษและมีวันที่เล่นได้ไม่ดีบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้ว เขาคือคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดสำหรับทีมชุดนี้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การขาดหายไปของเขาทั้งในเกมกับเชลซี, มิดเดิ้ลสโบรห์และเวสต์บรอมวิชนั้นก็น่าจะทำให้ทีมและแฟนบอลกังวลอยู่ไม่น้อย
จนมาถึงคำถามที่ว่า ใครที่จะมายืนตำแหน่งแทนเขาและมูริญโญ่จะปรับทัพให้ลูกทีมเล่นยังไง เมื่อไร้แข้งฉายา “เดอะก็อด” ในอีก 3 เกมข้างหน้า(ไม่นับยูโรป้า ลีก)?

แน่นอนว่าในส่วนของตำแหน่งศูนย์หน้า คงจะไม่พ้น 3 นักเตะอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล รวมทั้งแข้งพ้นสภาพอย่างเวย์น รูนี่ย์ที่มีโอกาสจะได้ลงยืนแทน ฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญที่สุดมันจึงไม่ใช่เรื่องของตัวแทน แต่น่าจะเป็นเรื่องของแท็คติกเสียมากกว่า

คิดว่าทุกคนคงรู้แก่ใจอยู่แล้วว่า กุนซือชาวโปรตุกีส พยายามจะใช้หมากการเล่นที่ช่วยเอื้ออำนวยให้ อิบราฮิโมวิช ในวัย 35 ปีสามารถเล่นได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นแล้วเมื่อไม่มีศิษย์รักในสนาม การเปลี่ยนแปลงก็ย่อมเกิดขึ้นและก็ไม่แน่ว่านั่นจะเป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลลบหรือบวกกับทีมซะด้วย

แม้ว่าตามสถิติแล้ว อิบราฮิโมวิช จะสามารถพังประตูตอกกลับเสียงวิจารณ์ที่มีต่อตัวเขาตั้งแต่ก่อนเริ่มเปิดฤดูกาล แต่ถ้าดูกันในเกมจริงๆก็มีไม่น้อย(จนถึงขั้นเยอะ)เลยนะครับที่อดีตแข้งยูเวนตุสยิงนก ตกปลาไปจากแทบทุกเกมที่ผ่านมา

“ปีศาจแดง” ในฤดูกาลนี้แตกต่างจาก 3 ฤดูกาลก่อนค่อนข้างชัดเจนในเรื่องของการสร้างโอกาสในการลุ้นประตู นับกันง่ายๆจาก 7 เกมที่พวกเขาเสมอในบ้านนั้น ลูกทีมของ มูริญโญ่ ส่องชาวบ้านไป 136 ครั้ง ตรงกรอบ 49 ครั้ง แต่กลับทำได้แค่ 5 ประตูแค่นั้น

พูดกันแบบบ้านๆก็ “โคตรน้อยชิบหาย” เลยครับ !

อนึ่ง ผมยกสถิติที่ว่ามา ไมได้จะกล่าวหาว่า แข้งสวีดิช ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อนกและปลาที่โดนสอยไปทั้งหมด แต่แค่ต้องการจะแสดงให้เห็นว่า แมนฯยูไนเต็ดนั้นมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์จริงๆและกับการที่เป็นศูนย์หน้าตัวหลักแล้วนั้น เขาก็มีส่วนสำคัญในจังหวะที่พลาดไปเช่นเดียวกัน ซึ่งขออนุญาตรวมเอาปอล ป็อกบาเข้ามามีเอี่ยวด้วย เพราะรายนั้นชัดเจนสุดๆในเรื่องนี้

ที่นี้มันจึงไม่แน่ว่า จริงๆแล้วการขาดหายไปของ อิบราฮิโมวิช อาจจะไม่ใช่หายนะอย่างที่สถิติโชว์เอาไว้ …

ลองคิดกันเล่นๆตามทฤษฎีความเป็นไปได้(แค่คาดเดานะครับ)ว่าในขณะที่ อิบราฮิโมวิช ทำสถิติการเป็นดาวยิงตีนระเบิดในช่วงวัย 35 กระรัต พักบอล จ่ายบอลสวยๆให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ในหลายๆจังหวะ แต่ในอีกด้านนึงแล้วนั้น เขาก็อาจจะเป็นคนที่ดึงให้สปีดเกมของแมนฯยูไนเต็ดช้าลง รวมทั้งการเล่นที่มีข้อจำกัดเรื่องสภาพร่างกายและมิติการเข้าทำที่อาจจะตีบตันลงไป เนื่องจากความเชื่องช้าที่มีด้วยเช่นเดียวกัน

ผมไม่ได้จะบอกว่า อันไหนหรือใครถูก-ผิด แต่กำลังพูดถึงแท็คติกที่อาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ซึ่งมันยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะตลอดมา อิบราฮิโมวิช คือตัวยืนในแดนหน้าที่ไม่เคยถูกเปลี่ยนออกและเขาเองก็ลงเล่นแทบจะทุกเกมอยู่แล้ว

บางคนอาจจะบอกว่า มูริญโญ่ เองก็เคยดร็อป อิบราฮิโมวิช ให้เป็นเพียงแค่ตัวสำรองมาแล้ว แต่นั่นมันเป็นคนละกรณีกัน ในเคสนั้นเขาสามารถที่จะเลือกใช้แท็คติกโดยที่รู้อยู่แล้วว่าจะส่ง แข้งสวีดิช ลงไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กับคราวนี้เขาจะหมดสิทธิ์ใช้งานโดยเด็ดขาด

เรียนตามตรง ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า การปรับเปลี่ยนแท็คติกแบบเพียวๆในการที่ไม่มี อิบราฮิโมวิช ยืนค้ำในแดนหน้าของ มูริญโญ่ นั้นจะเป็นอย่างไร เพราะคงยากที่จะคาดหวังให้นักเตะอายุ 35 ปียืนระยะยาวไปจนกระทั่งจบฤดูกาลในฐานะตัวหลัก ฉะนั้นแล้วการได้เห็นแท็คติกที่แตกต่างออกไปในยามคับขัน อาจจะเป็นตัวจุดประกายให้กับทางอดีตกุนซืออินเตอร์ มิลานเห็นก็เป็นไปได้ว่า มันมีทางเลือกอื่นที่ดีไม่น้อยไปกว่าการส่ง อิบราฮิโมวิช ลงเล่นต่อเนื่อง ตลอดทั้งเกมเช่นเดียวกัน

เพราะอย่างนั้นแล้ว ผมจึงไม่คิดมากเรื่องที่แมนฯยูไนเต็ดจะไม่มี อิบราฮิโมวิช ลงเล่น แต่กลับตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่า ทีมจะเล่นอย่างไรเสียมากกว่า เพราะทั้งแรชฟอร์ดกับมาร์กซิยาลนั้นก็ถือว่ามีของในตัวอยู่แล้วด้วยกันทั้งคู่ แถมแว่วว่ากำลังจะได้ตัวปั้นเกมอย่างเฮนทริค มาคิทายานกลับมาจากอาการบาดเจ็บอีกด้วย

เผลอๆถ้ามันออกมาเวิร์คและลงตัว แมนฯยูไนเต็ดอาจจะได้ลูกเล่นและมิติการเข้าทำแบบใหม่ที่ต่างออกไปและก็จะได้ อิบราฮิโมวิช กลับมาแบบสภาพร่างกายฟิตเปรี๊ยะหลังพ้นโทษแบน 3 นัด

ซึ่งอาจจะทำให้มีลุ้นผ่าน เชลซี ไปให้ได้ในเกมเอฟเอ คัพ รวมทั้งการพยายามถีบตัวเองออกจากอันดับที่ 6 ในลีกด้วย

แต่ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ก็ขอให้ผ่านพ้นไปแบบเจ็บตัวน้อยที่สุด แล้วรีบๆให้เฮียแกกลับมาช่วยยิงเหมือนเดิมละกันครับ ฮา


------------------------------------------------------------------------------


ปล.ติชมได้เหมือนเคยนะครับ ขอบคุณครับ

เเรสฟอร์ดหรือรูนีย์ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสก็ช่วงนี้เเละ

ตอนใช้แรชเนี่ย เกมบุกมันส์เลยนะ แต่ไม่คม แรชสร้างสรรค์เกมไม่เท่าอิบรา แต่เร็ว+หาพื้นที่ดี

ส่วนรูน นัดก่อนฟอร์มดีนะ ลองก็ไม่เสียหาย


ถ้ามี mk จะอุ่นใจมาก

ก่อนหน้านี้ยังไหวเลย

ก้พอเข้าใจนะแท็คติกมันคงต่างกัน

ขออย่างเดียวอย่าเอารูนีย์ลงเป็นพอ ทำเสียจังหวะ ช้าเป็นเต่า ยิงก็ไม่คม ข้อเสียเยอะกว่าข้อดีจริงๆ

ไม่ไหว ไม่รอด

.. ลุ้นหนักแน่ แต่ก็ขอติดตาม

"สถานการณ์จะสร้างวีรบุรุษเอง"

งานยากกว่าเดิมอีก

รอดูกันไป

รอชม

แผนมูตอนไม่มีกองหน้าตัวใหญ่

ขอโอกาสฟรีคิกระยะหวังผลบ่อยๆให้ป๊อกได้ฉายแสงบ้างทีเถิดด

เกมแดนหน้าอาจเร็วขึ้น

ทุกวันนี้ก็นิ่งนะท่าน

เอา"ฟู'เล่นหน้าไปดิคล้ายๆกัน

อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะ

จำเป็นต้องลองแท็คติกใหม่ โดยที่ไม่มีอิบรา

สำรองบางคนก็จะได้มีโอกาสมากขึ้น

อิบราได้พัก

แต่ผลจะออกมาดีหรือไม่ก็ต้องดูผลการแข่งขันที่ออกมา

ใช่วิกฤติเป็นโอกาสเปิดโอกาสให้แรชฟอร์ด มาเที่ยวบ้างครับ จัดไป 3 นัด

อย่าเอารูน เป็นหน้าเป้าแทนก็พอ มาเที่ยว กับแรซฟอร์ด ใครก็ได้ มีลุ้นแน่

ให้แรชเล่นกับเที่ยวดู อยากดูการชิ่งบอลกัน จะเนียนไหม

4-4-2 ไปเลย มาร์กซิยาลกับแรชฟอร์ด

เจอเชลซีเด๋วรู้เลย ถ้าให้เลือกแรชฟอร์ด มาเที่ยว รูนีย์ ขอเลือกรูนละกัน

ทำไมผมคิดว่าเจอเชลซีตอนไม่มีครูสลาแล้วจะสนุกขึ้น เอาตัวจี๊ดๆไปเจอกับหลัง 3 ตัว ตอนนี้อยากได้ตัวที่ชิงจังหวะกับลูกล้ำหน้าแบบ โอเว่น ชิชาริโต พูดแล้วคิดถึงแบบโด้ รูน เตฟ เลย รอบนี้ลองดูแบบ มาเที่ยว มาคิ มาต้า 3 เอ็ม เลย หนุกๆๆๆๆ