[RE: มีใครเคยเป็นโรคกระดูกทับเส้นบ้างครับ]
สวัสดีครับเจ้าของมู้ กระผมจะมาแชร์ประสบการณ์เบื้องต้นให้นะครับ
ก่อนที่จะเริ่มต้นขอผมเกริ่นเรื่องอาการต่างๆที่ใกล้เคียงกันก่อนนะครับ ให้ลองสำรวจดูง่ายๆก่อนครับ
โดยอาการที่กระผมจะกล่าวต่อนี้ มี 2 อาการคือ
1.piriformis syndrome ( กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท )
2.โรคหมอนรองกระดูกปริ้นกดทับเส้นประสาท
ตัวกระผม มีอาการทั้ง 2 แบบ จึงสามารถจำแนกอาการได้เบื้องต้น
โดยทั้ง 2 อาการ มีการเจ็บปวด ใกล้เคียงกัน คือ การปวดต่างจุด แต่จะต่างกันตรงที่ ถ้าเป็น piriformis จะ ไม่ได้ชาลง ปลายขา ปลายเท้า จนอ่อนแรง ซึ่งต่างจาก หมอนรองกระดูกปริ้นกดทับเส้นประสาท โดยผมได้ทำการสืบค้นข้อมูลและลองเทียบกับอาการที่ผมเป็น โดย อยากให้ลองสำรวจอาการเบื้องต้นจากข้อมูลดังนี้ก่อนครับ
******** ความแตกต่างของโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท กับ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท *************
โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (piriformis syndrome)
- เกิดอาการปวดลึกๆที่แก้มก้น หรือก้นย้อยเท่านั้น มักจะคลำหาจุดกดเจ็บได้ยาก รู้สึกแค่ว่าปวดที่ก้นลึกๆ
- เมื่อปวดมากขึ้นอาจมีอาการปวดก้น และร้าวลงต้นขาด้านหลัง หน้าแข้ง บางรายอาจมีอาการปวดที่ข้อเท้าร่วมด้วย
- อาการปวดเพิ่มมากขึ้น เมื่อนั่งนานๆ โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพขับรถ
- อาการปวดจะทุเลาลงเมื่อลุกขึ้นยืน เดิน (แต่ในบางรายที่ปวดเรื้อรังอาจจะปวดตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่งหรือยืน)
- บางรายมีอาการชาที่ขาร่วมด้วย และจะชามากขึ้นเมื่อนั่งเป็นเวลานาน จนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมายืนก็มี
- พบจุดกดเจ็บที่ก้น และเมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่จุดกดเจ็บนั้น จะรู้สึกปวดร้าวชาร้าวลงไปของขาข้างนั้นๆ
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
- มีอาการชาร้าวลงขา (อาการคล้ายกับ piriformis syndrome นะครับ)
- พบจุดกดเจ็บกระดูกสันหลังของข้อที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน และในรายที่เป็นมากจะมีอาการปวดแปล๊บทั่วไปทั้งแผ่นหลัง แม้เพียงแตะเล็กน้อยก็จะเจ็บมากจนต้องร้องโอดโอย (ในโรค piriformis syndrome จะปวดลึกๆที่ก้นเท่านั้น ไม่มีอาการปวดหลังใดๆ)
- ไอ จามจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น (โรค piriformis syndrome ต่อให้ไอทั้งวันก็ไม่ทำให้อาการปวดเพิ่มขึ้น)
- เมื่อนั่งจะรู้สึกสบาย อาการปวดแปล๊บและชาลดลง แต่เมื่อยืนเดินอาการปวดแปล๊บและชาจะเพิ่มมากขึ้น ในผู้ป่วยบางรายเดินเพียง 5 นาทีก็ต้องนั่งแล้วเพราะทนอาการชาไม่ไหว (ผู้ที่เป็นโรค piriformis syndrome อาการปวดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนาน และรู้สึกปวดลึกๆหน่วงๆไม่ใช่อาการปวดแปล๊บเหมือนไฟช็อต)
- กล้ามเนื้อหลังตึงเกร็งจนสังเกตุเห็นได้ว่าผู้ป่วยจะเดินหลังแข็งเหมือนหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน (ในโรค piriformis syndrome ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะเดินขากระเพกเหมือนคนขาเจ็บ แต่ในรายที่ปวดไม่มากนั้นเดินเหมือนคนปกติทั่วไป)
- ในรายที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา จะพบว่ากล้ามเนื้อขาข้างที่ชานั้นมีการฝ่อลีบเมื่อเทียบกับข้างปกติ (การฝ่อลีบของกล้ามเนื้อก็เกิดขึ้นได้เช่นกันในผู้ป่วย piriformis syndrome)
- เมื่อแอ่นหลังผู้ป่วยจะปวดและชามากขึ้น แต่เมื่อก้มหลังอาการจะทะเลาลง (จะแอ่นจนหลังหัก หรือก้มหลังจนมองลอดหว่างขาก็ไม่สามาารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้ในโรค piriformis syndrome)
เครดิต
http://www.doobody.com/%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-20711-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%AD-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5.html
ทีนี้ มาเข้าเรื่องของตัวกระผม
ย้อนกลับไปเมื่อ 2555 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ประสบอุบัติเหตุขณะเล่นฟุตบอลครับ โดนคนล้มทับ จากนั้นมา เริ่มมีอาการปวดที่หลัง และ ร้าวลงขา เหมือนโดนเข็มจิ้ม อดทนมานานไม่รู็สาเหตุครับ คิดว่าปวดหลังเฉยๆ หลังเริ่มงอ เอียง เดินไม่ค่อยตรง นั่งนาน ขับรถนานไม่ได้ ทรมานมากครับ
จากนั้นได้ไปหาหมอ ก็มีการวินิจฉัยเบื้องต้นว่า มีอาการแบบไหน โรคอะไรแน่ X ray ไปก็ไม่เจออะไร ( เพราะมันไม่ได้มีปัญหาทาง กระดูก ) คุณหมอจึงได้ส่งตัวกระผมไปทำการ Scan MRI ผลฟิล์มที่ออกมาคือ ทางด้านขาขวา ภาพจากฟิล์ม มีของเหลวแตกออกมา ทับเส้นประสาทครับ จึงทำให้หมอนั้น วินิจฉัย เลยว่า เป็นโรค หมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาท ในเคสของผมคือ มันถูกกระแทก แรก จนแตก ครับ ไม่ใช่เหมือนคนทั่วๆไป ผู้สูงอายุไรเงี้ยะ ที่ยกของหนัก ผิดท่า จนมันปริ้นมาทับ อันนั้นแก้ได้โดยการ นอนเตียงดึงหลัง ทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล ทีนี้มาเข้าเรื่องกระผมต่อ ผมก็เคยทำกายภาพบำบัดนอนบนเตียงยืดหลัง แต่ไม่ได้ช่วยอะไร จึงมานั่งคุยกับหมอ ผมอยาก หลุดพ้น อาการนี้ จึงได้ข้อสรุปกันที่ ผ่าตัดครับ ในช่วงนั้น อายุผม 25 ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ต้องผ่าตัดครับ เพราะมันไม่สามารถหายได้ด้วยการกายภาพ จากนั้น ก็ทำการผ่าตัด โดยผ่าตัดมาเรียบร้อย ใช้เวลาพักฟื้น 2-3 เดือนครับ ผ่าตัดที่หมายถึงนี้ คือการ นำเอา ชิ้นหมอน ที่เสีย พร้อมของเหลว เอาออกมาเลยครับ จากนั้นก็ใช้เวลารักษาเส้นปลายปราสาทที่ถูกรบกวน แล้วก็หลีกเหลี่ยง กิจกรรมที่ค่อนข้าง เสี่ยงกับภาระ การใช้หลัง
ผมอยากให้ลองสำรวจอาการตัวเองเบื้องต้นก่อน ว่าที่เราปวดๆใช่อาการนี้ไหม ถ้ามั่นใจ ไปปรึกษาแพทย์ครับ ถ้าไม่ชัวร์ MRI ครับ รู้ 100% ครับ ค่าใช้จ่ายประมาณ 7000 up ถ้าผมจำไม่ผิด
เบื้องต้นประมาณนี้ครับ ส่วนเรื่องก่ารปฎิบัติตัว หลังจากรู้ว่า มีปัญหาเกี่ยวกับหลัง ผมยังไม่อยากแนะนำครับ เพราะมันเยอะมากครับ ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน การออกกำลังกายต่างๆ
เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคนเคยผ่านประสบการณ์มา
สุดท้ายนี้ .>>
ผ่าตัดแล้วหาย 100% ไหม
ตอบ แล้วแต่บุคคล และ การพักฟื้น และ การฟื้นฟู ร่างกายของแต่ละคนครับ อีกทั้งหลังจากผ่ามา ต้อง ออกกำลังกาย ไม่ให้อ่อนแอครับ และ พฤติกรรมก็ต้องปรับปรุงใหม่ ไม่งั้นก็จะเสี่ยงเป็นเหมือนเดิมครับ