[RE: ช่วยวิเคราะห์แทคติคแมตช์บาเยินพลิกชนะยูเว่ทีครับ]
BuffoNo1 พิมพ์ว่า:
Contingency พิมพ์ว่า:
Juve_Taeyeon พิมพ์ว่า:
Contingency พิมพ์ว่า:
Juve_Taeyeon พิมพ์ว่า:
Contingency พิมพ์ว่า:
Juve_Taeyeon พิมพ์ว่า:
Contingency พิมพ์ว่า:
เกมวันนั้น บอลบนพื้นของบาเยิร์นโดนยูเว่จัดการได้เกือบหมด
บาเยิร์นแก้เกม ด้วยการเอาโคมองลงมา แล้วใช้คอสต้า มาเล่นใกล้ๆช่วยอีกแรง ช่วยกันต่อบอล ช่วยกันสร้างพื้นที่
จากนั้นใช้การครอสบริเวณหน้ากรอบเขตโทษเข้าไป(ครอสจากฝั่งซ้ายของยูเว่) ให้เลวานกับมุลเลอร์หาพื้นที่เอา โดยมีเป้าหมายคือพื้นที่ว่างระหว่างบาร์ซาญี่กับแบ๊คขวาเป็นเหยื่อหลัก
ส่วนทางยูเว่ วันนั้นที่มาผิดคาดคือ เพรสใส่บาเยิร์นหนักมาก ใช้แรงเยอะกว่าปกติ
พอต้องต่อเวลาก็เรียบร้อย บุกก็เร่งไม่ขึ้น รับก็เอาไม่อยู่ โดนเล่นบนพื้นง่ายๆ ขาตายกันหมด บางทีแทคติควันนั้นของอัลเลกรี้ คงเตรียมมาแค่ 90 นาที ซึ่งเข้าใจได้ เพราะนัดแรก เสมอ 2-2 เสียอเวย์โกลล์ไปเยอะ โอกาสที่นัด 2 จะแพ้ใน 90 นาทีก็มีสูง แต่ดันผิดคาดไง นำได้ก่อน 2-0 แต่ดันมาโดน 2-2
แล้วยูเว่ทำอะไรพลาดไปบ้าง ถึงโดน 2-2
เปลี่ยนตัว 2 คนแรก แล้วเกมแย่ลง อันนี้ เห็นชัด
แต่การเปลี่ยนเคดิร่าออก สตรูราโร่เข้า เป็นเรื่องที่เดาได้ เพราะปีนั้น เคดิร่ามักเล่นได้ไม่จบเกมอยู่แล้ว แต่นั่นแหละ ความต่างของ 2 คนนี้มันเยอะมาก
ส่วนโมราต้าออก มานด์ซูคิสเข้า ถ้ามองด้วยแง่มุมของเกมรุก ก็ถือว่าแตกต่างกันไปเลยอย่างสิ้นเชิง ยูเว่เสียคุณภาพบอลบนพื้น เสียความเร็วในการเล่นไปเลย แต่ถ้ามองจากมุมของเกมรับ ก็ถือว่าพอมีเหตุผล เพราะโมราต้าเริ่มเพรสไม่เร็วเหมือนเดิมแล้ว เพราะอย่างที่บอกว่า วันนี้ยูเว่มาเพรสเยอะกว่าปกติ เมื่อเลือกมาเล่นแบบนี้ พอเพรสช้าลงไป 1-2 วิก็มีปัญหาแล้ว ทีนี้ นัดแรกที่เจอกัน มานด์ซูคิสเล่นแบบบ้าคลั่งมาก วิ่งเยอะสุดๆ ข่วยเกมรับได้ดีมาก วันนี้ อัลเลกรี้ก็คงหวังแบบนั้น แต่สุดท้าย เหมือนว่าวันนั้นร่างกายเขาจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ดูไม่คึกคักแบบนัดแรกเลย
แต่นี่ก็ยังไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เสียประตู
จากที่เล่ามา บาเยิร์นแก้เกมก่อน ด้วยการใช้ผู้เล่นตัวรุกสร้างพื้นที่ จากนั้นใช้การครอส
การป้องกันที่ยูเว่จะตอบโต้ได้คือ ทำลายการสร้างพื้นที่ของตัวรุก / ป้องกันการครอสให้หนาแน่นขึ้น / หรือถ้าทำ 2 เรื่องนี้ได้ยาก หรือทำไม่สำเร็จ สิ่งสุดท้ายก็คือเพิ่มตัวรับลงไป ในบริเวณที่โดนครอสลงมา
แต่อัลเลกรี้ไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่าง แทคติคยังเหมือนเดิม และยูเว่ก็โดนบอมบ์ใส่เป็นช่วงๆ
และการเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ก็ยังไม่ตอบโจทย์ เขาเปลี่ยนกัวดราโด้ออก แล้วส่งเปไรร่าลงมา เปลี่ยนการเปลี่ยนตำแหน่งต่อตำแหน่ง (นาทีที่ 89)
ตำแหน่งที่โดนโจมตีหนักๆคือ ฝั่งซ้าย ขณะที่ตัวใหม่ที่ส่งลงมาคือฝั่งขวา ฉะนั้น ความสด ความฟิตของตัวใหม่ จะไม่ช่วยป้องกันแนวรุกบาเยิร์นเลย
แล้วก็หลังจากนั้นก็นั่นแหละ อย่างที่ทราบกัน แล้วในช่วงต่อเวลา เปไรร่าก็แทบไม่ได้สร้างความประทับใจเลย
แล้วการแก้เกมแบบไหนที่ง่ายสุด และมีโอกาสป้องกันได้มากขึ้น
สำหรับวันนั้นมองว่า การเพิ่มตัวรับลงไป ในบริเวณที่โดนครอสลงมา ทำได้ง่ายสุดแล้ว
นั่นก็ึคือเปลี่ยนรูกานี่ลงมา แล้วยูเว่ปรับไปเล่นหลัง 3/5 จะ 3-5-2 หรือ 5-4-1 ก็ได้ ตัวที่มีอยู่ในสนาม ทำได้หมด ทีนี้ ถึงบาเยิร์นจะครอสได้ แต่ครอสเข้ามาได้ก็เหนื่อยขึ้นละ
สรุปแล้ววันนั้น แผนหลักอัลเลกรี้มาดีมาก แล้วเป๊ปแก้เกม แต่อัลเลกรี้แก้ตามไม่ได้ ก็ตกรอบไป
ผมว่าถึงกับขนาดแก้เกมส์ไม่ได้น่ะครับสำหรับอัลเลกรี้อ่า พอนำ 1-2 การเพิ่มกองหลังลงไป เพื่อเอาผล 1-2 ผมว่าทำได้ดีที่เดียวหละ หลังจากโดน 1-2 เราก็ปิดโอกาศได้มากขึ้น คือปล่อยให้บอมมาน่ะ แต่หลังสามที่ส่งลงไปก็เอาอยู่ ช่วงก่อนจะเสี่ยประตู่ก็ไม่ค่อยมีโอกาศจะแจ้งให้บาร์เยิน เพราะไม่ได้บอมจากพื่นที่สุดท้ายแต่มันบอมจากด้านนอก
เอาตรงๆ ไม่อยากโทษใครแต่ลูกที่เสีย 2-2 คือเอฟร่าติดประมาท ทดเวลาบาดเจ็บแล้วดันพาบอลเลี้ยงไปเองแล้วเจอตัด แล้วลากมาเปิดในพื้นที่สุดท้ายซึ่งตรงนี้มันป้องกันยาก บอลเดินทางเร็ว ทำให้เสียลูกที่สอง จากนั้นก็รวน เพราะเล่นกะใช้้แรงให้หมด 90 นาทีตั้งแต่เริ่มแล้ว
ต้องบอกว่าเป๊ปแก้เกมส์ดีบวกเฮงด้วย
วันนั้นยูเว่ไม่ได้เล่นหลัง 3
หมายถึงช่วงท้ายครับ ที่เติมรูกานี่เข้ามา
รูกานี่ไม่ได้ลง
งั้นก็ตามนั้น ผมจำไม่ได้ว่าใครลงมั้ง แต่จำได้ว่าเราป้องกันได้ดีจนถึงทดเวลาบาดเจ็บ แต่พ้อยที่จะสื่อคือ ถ้าตัดความผิดพลาดส่วนบุคคลไป มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดแก้ตามไม่ได้
OK
แล้วท่านคิดว่ามีความแตกต่างอะไรกับการโยนของทีมอื่นมั้ยครับ อย่างของแมนยูเวลาต้องการประตูแล้วต้องบอมเนี่ย ดูไม่ค่อยเห็นผลเลย
มันเป็นที่แทคติคการยืน พื้นที่เข้าครอส หรอเป็นที่ตัวนักเตะครับ
ตอนเปลี่ยนมาครอสนี่ หวาดเสียทุกลูก แถมยูเว่เก็บตกไม่ได้เลย
ถ้าปรับคำถามใหม่เป็นว่า ทำไมวันนั้นบาเยิร์นเล่นแบบนั้นได้มีประสิทธิภาพ จะชัดเจนกว่า
การส่งโคมองลงมา โดยที่มีการประสานงานกับคอสต้า ถือเป็นเรื่องที่เห็นผลมาก (ในเวลาปกติ)
พวกเขาอาจจะทำให้เกิดความได้เปรียบในพื้นที่ซักส่วนในสนาม เอาชนะผู้เล่นตามโซนของยูเว่ แล้วก็เข้าไปคุกคามในพื้นที่ถีดไป
ถ้าลองดูจังหวะการครอสอันตรายเป็นพิเศษ มันจะอยู่แถวหน้ากรอบเขตโทษ
ทีนี้ บริเวณนี้เนี่ย เอาเข้าจริงๆแล้วมันไม่จำเป็นต้องครอสหรอก
ลองคิดว่า ถ้าคนที่พาบอลเข้ามาระยะนั้นไม่ใช่คอสต้า แต่เป็นรอบเบนจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเกิดลูกสูตรที่เห็นกันชินตา ซึ่งถึงแม้ว่าคอสต้า อาจจะไม่ได้มีลูกสูตรแบบนั้น แต่การปล่อยให้ตัวรุกทักษะสูง มีโอกาสได้เล่นบอลในบริเวณนั้นมันอันตรายมาก
เขาอาจจะยิงเลย อาจจะลากจี้เข้าไปอีก อาจจะทำชิ่งกับเพื่อนที่วิ่งมารับบอล หรืออาจจะครอส ในระยะแบบนั้น มีตัวเลือกในการเล่นมากมายไปหมด
สิ่งที่ตามมาอย่างแน่นอนคือ ยูเว่ต้องมีคนเข้ามาประกบ มีคนเข้ามาปิดพื้นที่ และในจังหวะที่ผู้เล่นขยับเข้ามาแบบนี้ โซนที่ทีมคุมไว้ มันก็ต้องมีการขยับตามด้วย และนี่ก็สามารถเป็นช่องทางการโจมตีได้
อีกเรื่องนึง มันไม่ได้มีเพียงการโจมตีลักษณะนี้อย่างเดียว และไม่ได้ทำเพียงข้างเดียว เกมฝั่งซ้ายของบาเยิร์นก็ยังอันตราย ยูเว่ไม่สามารถเท/โหลดผู้เล่นมาฝั่งขวาเป็นหลักได้
แต่มันก็เป็นสถานการณ์เฉพาะ ณ ขณะนั้นๆ ด้วย
ฝั่งยูเว่ก็ใช้แรงไปมากกว่าปกติ สมมุติถ้านี่เป็นต้นเกม โคมองกับคอสต้า จะมาลาก มาเลี้ยง ได้บ่อยๆแบบนั้นหรือเปล่า ค่อนข้างเป็นไปได้ว่าไม่
การตัดเกมรุกทำไม่ได้ การปิดครอสทำได้ยาก แถมบางจังหวะยังถูกชนะการดวลได้อีก การเพิ่มตัวรับอาจจะทำให้พอเอาตัวรอดได้บ้าง แต่วันนั้นมันไม่เกิดขึ้น