หลังจากปิดตลาดการซื้อขายไปสดๆร้อนๆ ของไทยลีก2017 หลายทีมทุ่มซื้อนักเตะดัง
ทั้งไทยเเละเทศ ค่าเหนื่อยหลักเเสน หรือทะลุล้านบาทก็มีให้เห็นจนชินตาในช่วง2-3ปีหลัง
งบประมาณการทำทีมถีบตัวขึ้นมหาศาลตั้งเเต่อย่างต่ำๆก็50ล้านบาท จนเลยไปถึงตัวเลข
ที่หน้าตกใจอย่าง300ล้าน ตั้งเเต่ติดตามฟุตบอลไทยมา(ผมเริ่มๆสนใจติดตามตอนสมัย
ที่บีอีเทโรดังขึ้นมาใหม่ๆ เอาตัวต่างชาติเข้ามาเล่น)
ยอมรับเลยว่าบอลไทยมาถึงจุดนี้เกินฝัน
ไปไกลอยู่พอสมควร เเต่ในคำว่าเกินฝันกลับมีจุดเล็กๆให้ผมฉุดคิดเเละย้อนกลับมามองว่า
ตอนนี้ เมื่อเทียบกับปริมาณคนเชียร์ มูลค่าที่เเท้จริงที่ทีมฟุตบอล1ทีมควรลงทุน ขอใช้คำว่า
ณ ตอนนี้มันมีความจำเป็นต้องสูงลิ้วขนาดนั้นเชียวหรอ
จากความเข้าใจพื้นฐานของผมการทำธุรกิจฟุตบอลหลักๆเลยรายได้จะมาจาก5ส่วนหลักๆ
1.ส่วนเเบ่งจากสมาคม ที่ทางสมาคมหารายได้มาได้ทั้งในลิขสิทธิการถ่ายทอดสด
2.รายได้จากการซื้อขายนักเตะซึ่งรายได้ในส่วนนี้ผมขอใช้ว่าโดยเฉลี่ยถ้าไม่นับทีมใหญ่ๆ
ในไทยลีกถือว่าเป็นไปได้ยากเพราะนักฟุตบอลถึงเเม้ว่าจะเล่นไทยลีกได้รับสัญญาปีต่อปี
เยอะมากๆ
3.เงินรางวัลชนะการเเข่งขัน(ซึ่งผู้ชนะได้เพียงเเค่10-20ล้านไม่เกินนี้)
4.รายได้จากบัตรเข้าชมเเกมส์เเละการขายของที่ระลึกของสโมสร
5.ซึ่งเป็นน้ำเลี้ยงที่สำคัญที่สุดของฟุตบอลไทยถือเป็นรายได้ในส่วนของที่ชี้เป็นชี้ตาย
ของสโมสรนั้นก็คือรายได้จากสปอนเซอร์ ที่เมื่อมีกองเชียร์ เรื่องของเงินๆทองๆจาก
การโฆษณาก็มีมากตามเป็นเงาตามตัว
ถึงจะมีช่องทางของรายได้มากมายขนาดนั้น เเต่ต้องยอมรับว่าการบริหารงานส่วนใหญ่
ของทีมฟุตบอลในประเทศเราก็ยังเป็นประเภทเเบบลุ้นปีต่อปี ต้องยอมรับว่ามีไม่กี่ทีมจริงๆ
(ข้อมูลอาจเก่าหน่อย เเต่ด้วยยอดคนดูเฉลี่ยของไทยลีกปีล่าสุด
กับเม็ดเงินที่เเต่ละสโมสรใช้ผมก็ยังเชื่ออยู่ลึกๆว่าหลายๆทีมก็ยังตัวเลขเเดง
เเล้วก็มีอีกหลายทีมในทั้งT2T3ที่มีความอยากจะขึ้นมาตัวเลขเเดงเพิ่มอีกในไทยลีก)
ที่พยายามจะเจียดเงินซึ่งถือว่าเป็นเงินส่วนเปอร์เซนต์เล็กน้อยมากๆในการมาทำ
facilityพื้นฐานที่จะเพิ่มมูลค่าที่เเท้จริงของสโมสร คือพูดง่ายๆคือสโมสรในไทย
ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อการทำทีมในเเบบระยะสั้นควนหาตัวผู้เล่นเเบบลุ้นเป็นปีๆไป
ซึ่งถือเป็นการละลายเม็ดเงินในช่วงสั้น มากกว่าจะนำเงินที่ได้จากส่วนเเบ่งที่มาก
พอสมควร ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไม
1.เเฟนบอลไทยต้องการเห็นความสำเร็จอย่างรวดเร็วเเละทันที(นี่ถือเป็นจุดสำคัญเพราะถ้าเเฟนบอลไม่ปรับวิธีคิดมันจะเป็นการส่งผลร้ายต่อสถานการฟุตบอลภาพร่วมในบ้านเรา)
2.ถ้าไม่มีคนเชียร์ สปอนเซอร์ก็ไม่จับ
3.พอสปอนเซอร์ไม่จับรายได้ก็หายไป ทีมก็ล้มเป็นปัญหาด้านการเงินเพราะเงินก้อนโต
ก็มาจากสปอนเซอร์เป็นหลักทุกทีม ทุกระดับลีก
เเต่ส่วตัวผมมองว่านอกจากผลงานในสนาม วิสัยทัศน์ที่ยอดผู้บริหารมอบให้เเฟนบอล
ก็เป็นเครื่องการันตีเเละก็เพิ่มความเชื่อมั่นให้สปอนเซอร์กล้าลงทุนร่วมด้วย
เช่นเมืองทองที่บริษัทใหญ่อย่างSCGกล้าลงทุนด้วยสัญญาจ่ายระยะยาว
บากอกกลาสที่มีเคลือบุญรอด หรืออย่างบุรีมย์ทีมเหล่านี้เป็นตัวอย่างของความเชื่อมั่น
ที่เเฟนบอลพอจะมีต่อผู้บริหารนอกจากผลงานในสนาม
เปรียบเทียบหลายทีมในภูมิภาคที่เป็นท้องถิ่นนิยมมักจะมีคำติดปากหนาหูว่า
"เราจะไปไทยลีก" เเต่ถามต่อว่าถ้าเลื่อนชั้นขึ้นไป
โดยที่องค์ประกอบพื้นฐานจริงๆไม่พร้อม
เเต่เลื่อนขึ้นไปด้วยการฉีดเม็ดเงินของเจ้าของทีมร่วมกับสปอนเซอร์
โดยที่รายจ่ายส่วนใหญ่เเค่ทำทีมกับเงินเดือนนักเตะก็หมดเเล้ว พอขึ้นไปอยู่ไทยลีกก็
ยิ่งต้องใช้เงินสูงขึ้นไปอีก โดยที่โครงสร้างพื้นฐานไม่ถูกพัฒนา เราก็จะมีตัวอย่างให้เห็น
อย่างสงขลายูไนเต็ด สระบุรีFC หรือในทีมอย่าง ขอนเเก่น ทีมเหล่านี้เลื่อนชั้นมา
ให้เเฟนบอลได้สะใจเเค่เเว๊บเดียว เเล้วก็จมดิ่งลงไปอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นซะอีก
ซึ่งตัวอย่างในต่างประเทศผมตั้งข้อสังเกตง่ายๆอยากจะขอยกกรณีตัวอย่าง
เช่น ผมจะเเบ่งทีมที่ล้มเหลวเเล้วตกชั้นเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ
คือพวกประเภทที่หนึ่ง
ในอังกฤษ วูล์ฟแฮมป์ตัน เซาแธมป์ตัน เวสต์แฮม หรือในสเปน ทีมอย่าง อเมเรีย
โอซาซูน่า ลาสปอมมาส เเกรนนาด้า หรืออย่างในเยอรมันทีมลักษณะนี้มีเกินกว่า
ครึ่งลีก นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมทีมชาติเยอรมันถึงเเข็งเเกร่ง เเละเต็มไปด้วยผู้เล่น
ที่พร้อมจะสอดเเทรกขึ้นมาทดเเทนรุ่นพี่ตลอดเวลา เพราะเยาวชนมีพื้นที่ให้ลงเล่น
ปล่อยของกันเต็มที่ มากกว่าจะไปกว้านซื้อผู้เล่นจากทั่วทุกสารทิศเเบบในอังกฤษ
ด้วยปริมาณเเฟนบอลหรือสภาพเมืองที่ตั้งเป็นเมืองเล็กๆ หรืองบประมาณการทำทีมที่
ค่อนข้างน้อย พวกนี้จะบาลานพื้นฐานด้วยการสร้างเยาวชน ร่วมกับการซื้อผู้เล่นมาผสม
ผสานกันเพื่อความลงตัวเเล้วเน้นการอยู่รอดบนลีกสูงสุดเป็นหลัก เพื่อหากำไรจากการ
เเบ่งค่าลิคสิทธิของลีกสูงสุดที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง เเต่ถึงพลาดตกชั้นในปีนั้นๆ
ด้วยเม็ดเงินที่พอจะสมดุล ไม่ได้ลงทุนจนเกินตัวจะทำให้ทีมพวกนี้มีบาลานสูง
สามารถตั้งหลักเเล้วเลื่อนชั้นกลับมาใหม่ได้ พูดง่ายๆพอใช้ไม่เกินตัวก็พอจะประครองตัว
ความผิดพลาดมันไม่ได้เกินจากการบริหารเงิน เเต่เกิดจากผลงานในสนาม
กับประเภทที่สอง คือพวกที่ความผิดพลาดในการบริหารการเงิน หรือตัวสโมสรใช้เงินเกิน
ตัว เพื่อซื้อความสำเร็จเเบบรวจเร็ว
เมื่อการเงินล้มก็หายกันยาวๆ อย่างลีดส์ ยูไนเต็ต ปอร์สมัส ปาร์ม่า
เเละด้วยเศรษฐกิจโลกซบเซามากๆ ผมเลยไม่เเปลกใจเลยเเม้เเต่นิดเดียว ที่ทีมอย่าง
อินเตอร์ มิลาน หรืออย่าง เอซีมิลาน จะไม่ลงทุนอะไรมากมาย จนเกินตัวปล่อยให้
ทีมที่มีความพร้อมอย่างยูเวนตูสครองความยิ่งใหญ่โดยที่ยังคู่ได้เเต่พอประคองตัวเเละเน้น
ให้โอกาสดาวรุ่ง เเต่ในความไม่พร้อมก็มีข้อดีคือทีมชาติอิตาลีก็ได้รับอนิสงค์จากการต้อง
เน้นใช้ดาวรุ่งของสองทีมนี้เเละอีกหลายๆทีมในลีก หรือทีมอย่างอาเซนอล
ที่ถึงเวงเกอร์ จะทำทีมได้หมดลุ้นเเชมป์ขนาดไหน เเต่ผลกำไรที่สูงก็เป็นเครื่องการันตี
ตำเเหน่ง เเละสิ่งสำคัญที่สุดคือเลสเตอร์ ได้ยื่นยันเเล้วว่า การลงทุนไปกับผู้เล่น
ที่มากเกินตัว ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้ทีมคว้าความสำเร็จได้
ในวันที่ไทยลีกเกินกว่าครึ่งลีก สโมสรฟุตบอลภาพรวมด้วยตัวสโมสรเองนั้น
ยังไร้ความมั่นคงที่จะยืนหยัดด้วยเเข้งขาสโมสรเอง มากกว่านักการเมือง สปอนเซอร์
หรือเงินทุนส่วนตัวเจ้าของทีม
ปล.ถ้าไม่นับผลงานในสนาม ผมชอบการบริหารเเบบชลบุรีนะ มีผู้เล่นดาวรุ่งทดเเทนได้ตลอด ถึงจะไม่100% ในช่วงเเรกของคนที่จากไป เเต่ก็กล้าที่จะใช้เยาวชน ที่ตัวเอง
ลงทุนผลิตขึ้นมา มากกว่าจะหวังทุ่มเงินกับต่างชาติราคาสูงๆ เเล้วก็เป็นทีมอันดับดี
ที่จากข้อมูลคือขาดทุนน้อย เเละพอจะยืนบนขาตัวเองได้เหมือนฟุตบอลเยอรมัน
คิดเห็นต่างติชมได้นะครับ