เมืองไทยครองแชม์ประเทศที่รถติดหนักที่สุดในโลก จากผลสำรวจของสหรัฐฯซึ่งรวบรวมข้อมูลการใช้ยานพาหนะและการใช้ถนนจากทั่วโลก

ผลสำรวจของอินริกซ์ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ทและแอพลิเคชันเกี่ยวกับการจราจร จากสหรัฐฯ เปิดเผยผลการให้คะแนนการจราจรทั่วโลก ซึ่งรวบรวมข้อมูลการใช้ยานพาหนะและการใช้ถนน รวมทั้งทางด่วนจากเมือง 1,064 เมือง ใน 38 ประเทศทั่วโลก ความจุข้อมูลรวมมากกว่า 500 เทราไบทท์ จากแหล่งข้อมูลกว่า 300 แห่ง เมื่อปีที่แล้ว และนำมาประมวลผล ผลปรากฎว่าเมืองไทยครองแชมป์ประเทศที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุดในโลก

ผลสำรวจชี้ว่า คนไทยต้องเผชิญกับสภาวะการจรจรติดขัดโดยเฉลี่ยคนละ 61 ชั่วโมงต่อปี เมื่อปีที่แล้ว ตามด้วย โคลอมเบีย และอินโดนีเซีย ที่เจอรถติดเฉลี่ยปีละ 47 ชั่วโมงเท่ากัน, รัสเซีย และสหรัฐฯ ที่ 42 ชั่วโมง, เวเนซุเอลา 39 ชั่วโมง, เซาท์แอฟริกา 38 ชั่วโมง, บราซิล และ เปอโตริโก 37 ชั่วโมง, และตุรกี 34 ชั่วโมง



ภาพ : จากสถิติของ INRIX กรุงเทพฯ ถูกจัดเป็นเมืองที่การจราจรติดขัดที่สุดอันดับ 12 เมื่อปีที่แล้ว / Inrix.com



ส่วนกรุงเทพ ถูกจัดให้เป็นเมืองที่การจราจรติดขัดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก จากที่เคยอยู่อันดับที่ 30 เมื่อปีที่แล้ว โดยในจำนวนเวลา 64 ชั่วโมง ต่อปี ที่คนกรุงเทพติดอยู่บนท้องถนน เวลากว่าร้อยละ 25 หมดไปกับการรอสัญญาณไฟโดยเปล่าประโยชน์ ขณะที่นครลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ เป็นเมืองที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุดในโลก .

by chanchai pratheepwatanawong 21 กุมภาพันธ์ 2560

มีคนลงยัง ถ้าซ้ำขอลำไยครับ ของปี2560 .

เฉพาะใน กทม

สรุปมันยังไง กรุงเทพ อันดับ 12 แต่ภาพรวม อันดับ 1 หรอ ก็เป็นไปได้ ส่วนนึงคือสัญญาณไฟไม่สัมพันธ์กับจำนวนรถแล้วก็อีกอย่างคือจอดในที่ห้ามจอด ไม่ก็จอดกากไม่แนบกินเลน รถโดยสารจอดรับกลางถนนทำให้รถติด

ผมเนี่ยน่าจะเป็นคนดึงค่าเฉลี่ยขึ้นได้เลย ติดวันละไม่ต่ำกว่า 1 ชม. เอาแบบไม่ต้องเหยียบคันเร่งเลยนะ แตะๆปล่อยๆเบรคอย่างเดียว

วันทำงาน ตีว่าปีละ 250 วันก็ 250 ชม.แล้วใน 1 ปี

หลายๆจังหวัดก็มีอาการรถติดน้องๆ กทม หล่ะ คนออกรถเยอะเกิน ถนนไม่พอหรือไม่ก็รถเยอะไป

ผมว่าจะลดการรถติด อันดับแรกคือต้องห้ามใช้มอเตอร์ไซค์ก่อน

ถ้าใครไม่นั่งรถยนต์ก็ต้องเดินเอากับใช้รถสาธารณะ เมืองนอกเค้าก็ทำแบบนี้หมด

แต่ทีนี้ก็ต้องยอมรับอีกเหมือนกัน ว่าเมืองไทยไม่ใช่ปารีสนิวยอร์ค เดินแค่ 100 เมตรก็ทำให้เหงื่อชุ่มได้แล้ว

เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีตัวช่วยเยอะๆอ่ะ อย่างเช่นรถไฟฟ้าที่มันครอบคลุมกว่านี้ เดินทางไกลๆก็มีรถไฟความเร็วสูง

หรืออาจต้องทำถึงขั้นที่ว่ามีทางเดินเท้าที่เป็นคล้ายๆท่ออุโมงค์ ข้างในติดแอร์

แบบนี้ถึงจะทำให้คนยอมเลิกใช้รถได้มากขึ้นครับ

รถเยอะเกินถนน

รอรถไฟฟ้าเสร็จน่าจะพอช่วยได้หน่อย

กระจายความเจริญนะฮะ

ไม่งั้นอีก 10 ปี กทม. ก็อยู่แบบเน้

ซึ่งโอเคแน่นอน มันทำไม่ได้ภายในปีสองปี

แต่มันก็ควรจะมาแผนการแล้วบ้างแหละ

แต่ก็นะ ที่นี้กรุงเทพ เมืองเทพสร้าง

ไม่รุ้เอางบลงกทมทำไมเยอะแยะ

ลองเอาไปลงเมืองอื่นสิ เอาให้บูมๆเลย

ต่างจังหวัดก็รถติดครับ

ส่วนขนส่งมวลชนนี่ เมืองไทยทำยากครับ ผังเมืองไม่เอื้อต่อการวางระบบอย่างมีประสิทธิภาพได้เลย

กทม พอจะทำขนส่งมวลชนได้บ้าง แต่บางจังหวัดนี่แทบเป็นไปไม่ได้เลย

เค้าวิเคราะห์กันถึงขนาดฟันธงเลยว่า ปัญหานี้ไม่มีทางแก้ไขได้เลยครับ...

แก้ง่ายมากครับ

ขึ้นภาษีให้รถ Vios ราคาเท่า Camry รถหายหมดแน่นอน

จริงๆผมก็คิดแบบนี้นะครับ แต่ปัญหามันกลับมาที่เรื่องของราคาค่าขนส่งสาธารณะอีก

อย่างตอนนี้ ค่ารถไฟฟ้าที่ผมจ่ายต่อวันมี AirportLink กับ MRT = 35+28 = 63บาท

ไม่นับรวมค่าวินมอไซที่นั่งออกจากบ้านอีก 25*2 = 50+63 = 113บาท

ผมทำงานเดือนนึง 22วัน คิดเป็น 113*22 = 2,486บาท

อันนี้คือค่าไปทำงานอย่างเดียวเลย ไม่นับว่าจะเดินทางไปที่อื่นอะไรอีก ซึ่งยอมรับว่าค่าใช้จ่ายของค่าเดือนทางกำลังจะแพงกว่าค่าข้าวผมละ

พอคิดแบบนี้ มันก็ไม่แปลกที่หลายๆคนจะเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่า

แต่ที่ผมข้องใจคือ คนที่ทำงานในเมืองไม่ต้องเดินทางไกลๆ จะซื้อรถยนต์ออกมาขับเล่นทำไมเยอะแยะ อย่างเพื่อนผมซื้อแคมรี่ทั้งๆที่บ้านมันห่างจากที่ทำงาน 3ป้ายสถานีรถไฟฟ้า

บางทีก็ขัดใจเหมือนกันนะครับ บางคนเดินทางใกล้ซื้อรถออกมาให้ถนนติดเล่นๆ บางคนเดินทางโคดไกลยังนั่งรถสาธารณะอยู่เลย