คือเห็นน้อยปีมาก ที่จะเข้าไปลึกๆหรือได้แชม

เมื่อก่อนเข้ารอบลึกๆบ่อยนะ บอลมีขึ้นมีลงคับ

ลีคอื่นเค้ายกระดับได้สูงขึ้นแต่พรีเมียร์มาตรฐานเท่าเดิม โดยเฉพาะเวงเกอร์

ช่วงปลายๆปี2000 ขึ้น 2010 ช่วงนั้นทีมจากอังกฤษเต็มเลยนะ รอบรองมีปีนึง มีทีมจากอังกฤษ3ทีมเลย น่าจะปี 2007-2008 แมนยู เชลซี ลิเวอพูล มากันเต็ม

แมนยูก็เข้าชิง3ครั้งใน4ปี แพ้บาซาไปซะ2

หลังๆมาก็อย่างที่เห็น

ลีคสเปนแข็งกว่าจริงๆ ปืนก็ชอบดวงดีไปจับเจอแต่ บาซา บาเยิน

ยุค 90 หนักกว่านี้ครับ

โดนแบนจากบอลยุโรปไป 5 ปี

กลับมานี่บอลอังกฤษเป็นลูกไล่ทีมจากยุโรปเลย

ตอนนั้นแมนยูเจอกาลาตาซารายยังแพ้เลย ถ้าตอนนี้เจอกันกาลาฯคงสู้แมนยูไม่ได้อ่ะ

...

ป.ล. ปลายยุค 70 จนถึงกลางยุค 80 บอลอังกฤษในยุโรปเป็นเต้ยเลยล่ะ

ผมว่ามันก็เป็นช่วงๆไปนะครับ

แต่ละลีกที่ขึ้นมา ลีกอังกฤษก็มีช่วงนึง เข้ารอบลึกๆตลอดหลายทีมด้วย

เบรคหนีหนาวสำคัญมาก
การเข้าปะทะหนักๆ ทั้งฤดูกาล
นักเตะล้า
เตะถี่

4 ปีหลังสุดมานี้ใช่ ผลงานไม่ได้เลย
เหมือนอยู่ในช่วงกลับไปตั้งไข่อีกรอบน่ะ มาตรฐานทีมระดับหัวแถวตกลงจากช่วงก่อนปี 2012

หวังว่ากุนซือหน้าใหม่ของลีก อย่าง คอนเต้ เป๊ป คลอปป์(ถ้าได้มา) รวมถึงมูจะคืนฟอร์มพาทีมอังกฤษมาสร้างผลงานเหมือนกลางๆ 2000s-ต้น 2010s อีกครั้งในเร็ววัน

เบรคหน้าหนาวนี่หละ ลีคอื่นพักกัน พรีเมียร์ล่อเตะถี่ๆไปเลย มาท้ายฤดูกาลจะโดนเค้าตบร่วงไม่แปลกเลย

Cycle ครับ
ต่อไปหมดยุคโด้ เมส บาเยินยุคนี้ ถ้านักเตะมาแทนได้ไม่ดีพอ ต่อไปก็ต้องตกครับ 5555 สลับกันไปมา ไม่แน่อีกสิบปี ทีมจากโปรตุเกส เซอร์เบีย อาจจะเป็นแชมป์สลับกันตลอดๆเลยก็สามารถเป็นไปได้

ถ้าปีนี้มีแมนยูกะเชลซี

ผมว่าผลงานน่าจะดีอยู่

ผมว่าทุกวันนี้ก็สู้ได้สูสีทุกทีมนะ ถ้าไม่ใช่บาเยิน บาซ่า มาดริดอะ

แต่ทีมอังกฤษปีหลังๆนี่ดวงซวยไปเจอพวกนี้ตลอด

เมื่อก่อนตอนที่ทีมอังกฤษเข้ารอบลึกๆก็ไม่มีเบรกหนีหนาว...ทีมก็มี20ทีม ลีกคัพ เอฟเอคัพก็มีปกติ มันไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่....ลองเอาทีมอังกิดยุคกลาง 2000ดูมาเจอทีมตอนนี้ดูดิเปรียบเทียบดู
แมนยูยุคเฟอกี้ โรนัลโด้ เตเบส รูนี่ตอนพีคเจอแมนยูตอนนี้ไม่ต้องสืบนะใครโหดกว่ากัน
ปืนยุคไร้พ่ายเจอปืนยุคนี้
หงส์ยุคเข้าชิงuclมาเจอยุคมาเน่
เชลซียุคมูรอบแรกเจอยุคนี้
ส่วน บาร์ซ่า บาเยิร์น เรอัล ก็ยกระดับทีมไปอีกขั้น
ทำให้งานของทีมอังกิดหยาบขึ้นไปอีก

ก็คือตัวผู้เล่น ไม่สามารถสู้ทีมบาร์ซ่า บาเยิร์น มาดริล ได้เลยใช่ไหมคับ เพราะนักเตะลีคอังกฤษปัจจุบัน ที่เคยเก่งก็ฟอร์มไม่ดี

ผมว่าทีมพวกนี้แหละ ที่ทีมจากลีคอังกิดสู้ไม่ได้เลย ยุคหลังๆมานี่

กรอบสิ รัวมาตั้งแต่ต้นยันจบไม่มีพักหนีหนาวเลย แถมช่วงปีใหม่คิวเตะรัวๆ อย่างกะกลัวจบไม่ทันพฤษภาคมยังไงอย่างงั้น แค่ช่วงวันที่ 20 ธันวา - 10 มกราคม 20 วันนี่ถ้าทีมไหนโชคร้ายอยู่ครบทุกถ้วยล่ะมุงเอ้ยยย 4-7 เกม ใน 20 วันแน่นอน อ่ะ ต่ำๆ นักเตะก็ทะยอยตายไปทีละคน สองคน ทีมแพทย์ทีมไหนอ่อน หรือขุมกำลังสำรองไม่พอ ผ่านช่วงนี้ไปเป๋ตลอด กว่าไอ้พวกที่จะเจ็บกลับมา กว่าจะจูนกันติดอีก ก็ปาเข้าไปก็กุมภา-มีนา เจอคิวเตะบอลยุโรปเข้าชนพอดีอีก บอกลากันได้เลย ทีมอังกฤษกว่าจะได้แชมป์ UCL แต่ละปีไม่มีสภาพชนะงดงาม ขาดลอยลิ่วซักทีม มีแต่ปางตาย หืดจับ ผีจับยัด ลิ้นห้อยกว่าจะได้ชูถ้วยแต่ละปี
.
ยังไม่รวมสภาพของลีกอีกนะ หลังๆ มาลีกอังกฤษ ต้องถือว่าความสูสีของทีมครึ่งค่อนตารางค่อนข้างเหนือกว่าลีกอื่น ในขณะที่ลีกอื่นจะมีทีมเด่นในแต่ละปีอยู่ไม่กี่ทีม
- อังกฤษ 5-10 ทีม
- สเปน 3-5 ทีม
- อิตาลี 4-6 ทีม
- เยอรมัน 3-5 ทีม
- ฝรั่งเศส 2-4 ทีม
- ลีกอื่นๆ 3-5 ทีม
ทำให้การโรเตชั่นพักตัวหลักของทีมจากลีกอังกฤษมีความเสี่ยงมากกว่าลีกอื่นๆ พักเยอะก็จะพลาดในลีกเอาง่ายๆ ในขณะที่ทีมจากลีกอื่นๆ พอใกล้คิวจะเตะ UCL มักจะมีช่องให้พักผู้เล่นได้ง่ายกว่าเพราะตุนคะแนนไว้พอสมควร เมื่อเทียบกับทีมที่ไล่เข้ามา ทำให้สภาพผู้เล่น ความฟิต ความพร้อมมีสูงกว่าลีกอังกฤษ

ยุค 90 เกิดอะไรขึ้นหรอครับ ช่วยเล่าที พอดีไม่ทัน

จะบอกว่าไม่ค่อยเกี่ยวกันผมว่ามันก็ไม่ถูกนะ

ผมว่ามันมีส่วนพอสมควรเลยแหละ

จริงอยู่ที่ว่าคุณภาพทีมอังกฤษในปัจจุบันสู้ในอดีตไม่ได้

แต่ถ้าลีคอังกฤษมีเบรคหนีหนาว ผมว่าคงได้เห็นอะไรกันมากกว่านี้

ทีมในอังกฤษในอดีตเก่งกว่าตอนนี้ก็จริง แต่ทีมอื่นเค้าก็ดีกว่าอยู่ดี

อย่างแมนยูปีที่ชนะบาเยินรอบชิง UCL ปีนั้นนักเตะบาเยินก็เป็นต่อเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นคุณภาพทีมก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวเหมือนกัน

ผมยังยืนยันว่ามาจากหลายๆปัจจัย รวมถึงการพักเบรคหนีหนาวด้วย

คือได้พัก มองยังไงมันก็ต้องได้เปรียบกว่าไม่ได้พักแถมเตะถี่ขึ้นอ่ะผมว่า

แต่มิลานได้แชมป์ -0-

ตารางการแข่งขันของeplไม่เอื้อต่อทีมด้วยครับ
อย่างลีคเยอรมันช่วยให้ทีมที่แข่งUCL ให้ได้พักบ้างตอนเตะบุนเดสลีก้า มีวันหยุดพักที่เยอะขึ้น ส่วนทีมจาก EPL 8วัน 3นัด

ปีหน้าเจอกัน

เกิดจากโศกนาฏกรรมเฮย์เซล(ประเทศเบลเยี่ยม)ครับ ในปี 1985

ตอนนั้นแฟนบอลอังกฤษซ่ามาก พวกฮูลิแกนอ่ะครับ

เป็นนัดชิงระหว่างลิเวอร์พูลกับยูเวนตุส

มีการทะเลาะกันระหว่างแฟนบอลสองทีมนี้ ทำให้อัฒจันทร์พังลงมาทับคนตายไป 39 คน เป็นคนอิตาลี(แฟนยูเว่)ถึง 32 คน

จากการสืบสวนสาเหตุมากจากแฟนลิเวอร์พูลเริ่มจนบานปลาย

ยูฟ่าเลยแบน ลิเวอร์พูลจากบอกยุโรปไป 6 ปี และรวมทั้งทุกทีมของอังกฤษไป 5 ปี (ซวยเลย)

ก็แบนตั้งแต่ปี 1986-1991 ล่ะครับ ทีมจากอังกฤษเลยอ่อนสนามตอนกลับมาเล่นบอลยุโรปไปอีกหลายปีเลย


RIP กับผู้เสียชีวิตตั้ง 39 คน
(อิตาเลียน 32 คน / เบลเยี่ยม 4 คน / ฝรั่งเศส 2 คน / ไอริช 1 คน)


ป.ล.ผมดูภาพข่าวในทีวีตอนนั้น โหย ตายแบบไม่น่าตายกันเลย




edit เพิ่มวิดีโอ เหตุการณ์

ช่วงนี้เป็นยุคมืด 555

ก่อนหน้านี้ไม่เป็นถึงขนาดนี้หรอก บางปีเข้ารอบลึกๆไปทุกทีม บางปีชิงแชมป์กันเอง แมนยูเข้าชิงอย่างบ่อยเลยช่วงนึง ถึงจะเข้าไปโดนบาร์ซ่าตบก็เหอะ ก็คงเหมือนกับลีคอิตาลี่แหละ แต่ก่อนก็เต้ยบอลยุโรปนะโดยเฉพาะเอซีมิลานเนี่ย แต่ตอนนี้ก็หายๆไป ยังดีที่เหลือจูฟไว้เป็นหน้าเป็นตาทีมนึง

สเปอร์สก็ไม่ได้เจอพวกนี้นะ

สมัยเริ่มแรกทีมจากอังกฤษ ไม่ค่อยให้ความความสำคัญกับแชมเปี้ยนลีก

ต่อมาเมื่อเข้าร่วมจริงจัง ทีมจากอังกฤษมีกฎไม่ให้มีตัวผู้เล่นในทีมที่เป็น

ชาวต่างชาติเกิน5คน ไม่เว้น เวลล์ สก็อต ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์เหนือ

ในขณะที่ ในสเปน อิตตาลี เสริมทัพนักเตะต่างชาติกันอย่างบ้าคลั่ง ดูได้จากกาลาติกอส

หรือยุคที่เรียกทีมนึงว่าทีมเจ้าบุญทุ่ม อิตตาลี่ก็ไม่ได้น้อยหน้า มิลาน และอินเตอร์

ก็เข้าสู่ตลาดซื้อขาย ช่วงนึงลิเวอร์พูลนี่แหละที่แหกกฎใช้ผู้เล่นจากเกรทบริเทน

ส่วนใหญ่คว้าแชมป์แบบถี่ๆ แต่มันก็จบลงที่โศกนาฎกรรม จนถูกแบนจากบอลหูใหญ่

กลับมาอีกทีก็อย่างที่รู้ๆกัน บอลอังกฤษกลับเข้าสู่ระบบการตลาดเต็มตัว

เตะกันในลีกอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทีมอื่นๆในยุโรปก็พัฒนาการขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่แถมใจกล้ากว่าแบบมาดริด

และบาเซโลน่าสลัดราบเจ้าบุญทุ่ม พัฒนาระบบจนล้ำยุคไปมากมาย

ปล. ความคิดเห็นส่วนตัวนะรับ

ส่วนตัวคิดว่าตัวผู้เล่นไม่ใช่ตัวแปรใหญ่ที่สุด ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดจริงๆของพรีเมียลีคคือภาคแทคติค ถ้าตอบตรงๆ ลีคอื่นเข้าสู่โมเดิร์นฟุตบอลกันไปร่วมๆ10กว่าปีได้แล้ว ส่วนพรีเมียลีค ทุกวันนี้ยังเห็นเอะอะโยนๆ เพรสซิ่งก็น้อยมาก(เหมือนจะเยอะแต่จริงๆก็ยังเน้นคุมโซนมากกว่า) โมเดิร์นฟุตบอลจะเน้นการต่อบอลเท้าสู่เท้า การเข้าทำจะหลากหลายกว่า บางทีมก็เอาโมเดิร์นฟุตบอลมาผสมกับไดเร็คฟุตบอล(หลายๆทีมในบุนเดส)

แต่หลายๆทีมในพรีเมียลีคยังเน้นพละกำลังเป็นหลัก เน้นลูกโด่งซึ่งมันด้อยประสิทธิภาพกว่าหากมองในภาพรวม ผมไม่ได้บอกว่าไดเร็คฟุตบอลมันไม่ดีนะ แต่ยุคนี้คือยุคของโมเดิร์นฟุตบอลจริงๆ และนี่คือสิ่งที่พรีเมียลีคล้าหลังลีคอื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เปรียบเรื่องกำลังเงิน การตลาด แต่กำลังเงินก็ดันเป็นดาบ2คมอีกทีเพราะทำให้โค้ชแต่ละคนไม่มีเวลาทำทีมมากมายอะไร กลายเป็นว่าพรีเมียลีคสามารถดึงดูดผู้เล่นเก่งๆได้ แต่ล้มเหลวในการใส่ใจกับรากฐาน(อคาเดมี่) ซึ่งเห็นผลชัดเจนในทีมชาติ แต่หากมองไปที่2ลีคใหญ่ ลาลีก้าและบุนเดส กลับยังมีดาวรุ่งแจ้งเกิดเป็นดอกเห็ดเพราะแต่ละทีมใน2ลีคนี้มีภสาพแวดล้อมที่ดีกว่าในการบ่มเพาะดาวรุ่ง(แต่ก็จะเจอปัญหาโดนดูดด้วยกำลังเงินไปอีกที)

ซื้อนักเตะดีๆไปเล่นบอลโยน.เสียของ

คุณภาพทีมตอนนี้มันสู้ไม่ได้จริงๆ ไม่มีเบรคหนีหนาวอาจจะมีส่วน แต่ทีมมันสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ลองดูว่า บาเยิร์น แอต มาดริด ยูเว่ บาร์ซ่า พวกนี้แกร่งขนาดไหน อย่างเชลซีแกร่งก็จริงแต่ถ้าเจอยูเว่ตอนนี้ผมว่ายังเป็นรอง เพราะดูมีจุดอ่อนเยอะกว่า อย่างแมนซิผู้เล่นดูเหมือนจะดีแต่ถ้าดูจริงๆไม่ได้ดีอย่างที่คิด สเตอร์ลิ่งจังหวะสุดท้ายห่วยโดยเฉพาะการยิง กุนเห็นแก่ตัวไป ซาเน่ผมว่ายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีก ซิบลาก็จริงๆถือว่าเริ่มอายุเยอะแล้ว เดอ บรอยน์ทำเกมดี แต่ยังพลิกเกมไม่ได้ขนาด MSN ร็อบเบน ริเบรี่ เลวาน หรือแนวรุกจากทีมพวกนี้ ปืนก็อีโก้เวงเกอร์ดันเด็กที่ปั้นไม่ขึ้น

อ่าลาลีก้า ยุคก่อนหน้านี้ก็จำกัดโควต้านักเตะต่างชาติมาตลอดนะเท่าที่ผมทราบ ตั้งแต่ยุค80-90 จำได้ว่าแต่ก่อนโหดมาก เพราะ ให้ใช้ผู้เล่นต่างชาติ(ไม่ว่าจะในหรือนอก eu นับเป็นต่างชาติหมด) ได้แค่3คนในสนามพร้อมกัน(แต่ทั้งทีมมีได้4หรือ5คนถ้าจำไม่ผิด แต่ลงสนามได้แค่3คน) จนมาหลังยุค2000 ถึงได้อรุ่มอร่วยขึ้น ปรับเป็นลงสนามได้พร้อมกัน4-5คนนี่แหละมั้ง ในทีมได้เพิ่มอีก+2/3 ไม่แน่ใจข้อมูลตรงนี้นะ แต่คือก็ยังจำกัดอยู่ไม่ให้เยอะเว่อไป ถ้าบอกสเปนเสริมทัพนักเตะกันบ้าคลั่งก็ไม่ใช่นะครับ เพราะกาลาติกอสภาคแรกจริงๆนักเตะสเปนเป็นแกนหลักนะผมยังจำได้

อีกอย่างนึงที่ท่านจำผิด กาลาติกอสภาคแรกไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ในuclนะ(ถ้าเทียบกับที่แฟนบอลหวังอะนะ)

ความเข้มข้นของลีค ลีคอื่นเจอทีมเล็กพักตัวหลักได้แต่อังกฤษไม่ได้ทุกครั้ง

โปรแกรมในลีคไม่เอื้อให้แข่ง UCL
ลีคอื่นถ้าทีมไหนไปแข่ง UCL เค้าจะเลื่อนเตะในลีคให้วันนึง
EPL มันไม่สนในข้อนี้เลยซักนิด

คือถ้าจะบอกว่าช่วง 4-5ปีหลังบอลอังกฤษอ่อนลงก็ไม่ผิด

แมนยูนับตั้งแต่เซอร์ออกไป ก็อ่อนแบบอ่อนมาก

เชลชีผมมองเป็นเรื่องของอายุคือทีมชุดนี้ เทอรี่ แลมพ์ ไม่พีคแล้วก็อ่อนลงบ้าง
เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงทีม (คือทีมชุดดีสุดค่อยๆทยอยแขวน)

น่อล ตั้งแต่มีทีมโคตรเศรษฐีโผล่มาเยอะแยะ เป้าหมายนักเตะของเจ๊ก็ไม่เคยสมหวัง
เป็นเรื่องยากที่เจ๊จะได้นักเตะดีอย่างที่ใจหวัง

ซิตี้ ในลีคอย่างเก่งแต่พอไป UCL โดนตบกลิ้งทุกที จะว่าเป็นเพราะนักเตะยังปรับตัวระหว่างการเล่น 2 สไตล์ไม่ได้หรือเปล่า
เพราะแมนยูสมัยเซอร์ ในลีคเล่นแบบนึง ใน UCL ก็จะเล่นอีกสไตล์นึง

ต้องย้อนไปสมัย เซอร์ เวนเกอร์ มู ราฟา ยุคนั้นทีมพรีเมียร์อย่างโหดเข้ารอบลึกเกือบทุกปีแบบเกือบครบ4ทีมเลย

อีกอย่างคือตอนนี้ทีมในลีคอังกฤษรวยทุกทีม บางทีมรวยมากบางทีมรวยน้อยแต่รวย
ทำให้พวกท๊อปโฟว์ไม่ใช่คิดจะซื้อใครก็ซื้อได้
พวกทีมเล็กในพรีเมียร์ไม่ใช่ว่าจะยอมขายให้ง่ายๆ
แล้วไหนพวกท๊อปโฟว์ต้องมาแย่งนักเตะกันเองอีก

ต่างกันตรงที่ ยูเว่ บาเยิร์น มาดริด บาร์ซ่า สามารถซื้อใครก็ได้ในลีคตัวเอง
โอกาสที่พวกเขาจะสร้างทีมออลสตาร์ของลีคง่ายกว่า
ในขณะที่พรีเมียร์4-5ต้องมาแย่งนักเตะคนเดียวกันมันก็เหมือนต่างคนต่างก็ไปตัดกำลังกัน

ลองเอา แมนยู ซิตี้ น่อล เชลชี มารวมเป็น2ทีมไม่ใช่4ทีม ก็คงเป็นทีมที่แข็งแกร่งใช้ได้เลย

ความเห็นส่วนตัว ผมว่า ลีคอังกฤษ มีความเข้มข้นของแทคติค อ่อนด้อยกว่า ลาลีก้า และบุนเดส

ลาลีกา และบุนเดส มีทีมสัตว์ประหลาด หรือมหาอำนาจ คอยสร้างบรรทัดฐานไว้สูงตลอดเวลา อาทิเช่น บาซ่า รีล แอต บาเยิร์น ดอร์ท เลเวอร์ ชาลเก้

ส่วนทีมเพื่อนร่วมลีก ไม่มีเงินค่าลิขสิทธิ์มหาศาลแบบพรีเมียร์ ที่จะซื้อนักเตะมาสู้ได้ การเอาชนะทีมสัตว์ประหลาดเหล่านี้จึงต้องใช้แทคติคสุดยอด เพื่อยกระดับนักเตะที่ด้อยกว่า ให้สู้กับทีมเก่งๆได้เท่านั้น

พวกเตะยูซีแอล ของบุนเดส และลาลีก้า จึงได้ฝึกปรือกับพวกแทคติคเขี้ยวๆบ่อยๆ พอเล่นยุโรป ผลงานจึงดี และมีค่าสัมประสิทธิ์เป็นเบอร์สอง และเบอร์หนึ่งของยุโรป

ของพรีเมียร์อังกฤษ ก่อนที่เงินลิขสิทธิ์จะมากมายเหมือนปัจจุบัน ก็มี แมนยูของเฟอร์กี้ คอยสร้างมาตรฐาน ให้ทีมอื่นสู้ด้วยแทคติด ผลงานเลยดี พอเงินมา ทุกทีมหันไปซื้อนักเตะ ไม่ค่อยพัฒนาแทคติด ผลงานจึงห่วยแบบในปัจจุบัน

แต่แนวโน้มน่าจะดีขึ้น เพราะตอนนี้พรีเมียร์หันมาทุ่มเงินดูดโค้ชแทคติคเก่งๆมาช่วย จากเดิมดูดแต่นักเตะอย่างเดียว

ด้วยความเคารพนะครับ ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไร ตอนนั้นผมก็อ่านแต่สตาร์ซ็อคเกอร์

ก็ได้อ่านเหมือนว่า ทีมในสเปน หรืออิตตาลี่ จะไม่มีข้อกำหนดเรื่องนักเตะต่างชาตินะครับ
แต่อังกฤษ มีแน่ๆ ผมยังคิดว่าแล้วมันจะรอดได้ไง ทีมๆนึงมีนักเตะเกรทบริเทนไปตั้งเท่าไร

จนยกเลิกกฎนี้ไปแหละครับ

ปล. กาลาติกอส ผมเรียกให้เห็นภาพเฉยๆ ประมาณ 80-90 ทีมอย่าง รีล บาร์ซ่า มิลาน

อินเตอร์นี่คือเซเลปของวงการฟุตบอลอยู่แล้วครับ ดึงดูดสตาร์จากทั่วโลก ถ้าดึงได้ขนาดนั้น

สามคนต่อทีมคงไม่พอได้ฉายาน่ะครับ แต่การที่ทำแบบนั้นสิ่งที่ได้กลับคืนมามากกว่านั้นเพราะ

นักเตะซุปเปอร์สตาร์ กับระบบฟุตบอลที่พัฒนาขึ้นมาก็เป็นสิ่งที่ยักษ์ใหญ่ได้ประโยชน์ไปละ

ปล. นั่นแหละครับการที่อังกฤษ ยกย่องแต่ทีมของตน ยกแต่คนของตัวเอง (ปัจจุบันยังไม่มีโค๊ชเก่งๆซักคน)

3คนจริงๆครับ ในยุค90อะผมจำได้แม่นเลย มาเพิ่มหลังปี2000 แต่ก็ยังไม่เยอะ ลองค้นหาดูได้เลยครับ ผมจำได้แม่นว่า3คน เพราะตอนดรีมทีมของบาร์ซ่าเลาดรู็ปก็ย้ายออกเพราะติดโควต้า3คนนี่แหละ(ตอนนั้นแกโดนโรมาริโอเบียด) 5คนของพรีเมียลีคยังเยอะกว่าอีกนะครับ กาลาติกอสภาคแรกมันเกิดราวๆช่วงยุค2000พอดี แต่ว่าทั้งพรีเมียลีคและลาลีก้าก็ดูจะปรับโควต้าต่างชาติเหมือนกันในช่วงหลังปี2000(ไม่แน่ใจว่าลีคไหนปรับก่อนปรับหลังจำปีไม่ได้) อย่าลืมนะท่านกาลาติกอสภาคแรก พวกตัวหลักหลายๆคนทั้งราอูล กูตี เอียโร่ ซัลกาโด้ คัมโป มอริเอนเตส สเปนทั้งนั้นเลยนะครับ

ถ้าตัดคำถามมาเฉพาะช่วงนี้ (1-5 ปี) คิดว่าตอบได้ง่ายพอสมควร
คือ ทีมในอังกฤษยังไม่มีทีมระดับเกรด S ขณะที่ลีกใหญ่ ลีกอื่นเค้ามีทีมเกรด S
ต้องรอดูอีก 1-2 ปี ข้างหน้า ว่าทีมในอังกฤษจะมีทีมเกรด S ได้หรือเปล่า

ลาลีก้าหายไปช่วงไหนผมไม่แน่ใจแต่เหมือนจะจำกัดไว้ราวๆ3-5คนครับ
ส่วนกัลโช่นี่มีโควต้าต่างชาติอยู่ที่3คนครับ อันนี้แน่ใจเพราะผมตามลีคนี้อยู่ช่วงนั้น
น่าจะช่วง 90+ ถึงจะเปลี่ยนกฏครับ

มันนานมากแล้วน่ะครับ ตั้งแต่เด็กๆ ผมอาจเลอะเลือนไปบ้าง

แต่เท่าที่ผมจำได้คือนักเตะต่างชาติ น่าจะเป็น5 คน แล้วที่ซวยจริงๆ

คือนักเตะนอกเกรทบริเทนนี่นับเป็นนักเตะต่างชาติทั้งหมด ซึ่งปกติ

ทีมในดิวิชั่น1 ตอนนั้น แต่ละทีมก็มีนักเตะเวลส์ ไอแลนด์ สก๊อต ไอแลนด์เหนือ

เต็มทีมไปหมด ซึ่งถือว่าเป็นนักเตะต่างชาติเช่นกัน ทำให้ไม่ค่อยซื้อสตาร์ต่างชาติ

จากสเปน อิตาลี หรือแอฟริกา น่าจะเป็นแบบนั้นน่ะครับ

เพิ่มเติม: ทำให้ทีมจากยุโรปอื่นๆ สามารถมีตัวเลือกสตาร์จากประเทศอื่นๆได้มากกว่าครับ

แล้วสตาร์จากประเทศต่างๆนี่แหละที่พัฒนาฟุตบอลทางแทคติคได้ดีกว่าสหราชอาณาจักร

คิดว่าเชลซีเราภายใต้มือของน้าคอนเต้ จะเป็นทีม S ได้ไหมครับ

มันก็เป็นยุคๆ

อย่างช่วง 2005-2010

มันยุค บาร์ซ่า เชลซี ลิเวอร์พูล มิลาน แมนยู อาร์เซนอล

พอเวลาผ่านไป มาดริด (กลับมาหลังจากไล่โค้ชรัวๆ) PSG แอตมาดริด พวกนี้พุ่งขึ้นมา

มิลาน ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซนอล แมนยู ก็ร่วงลงไปจากวงจรของมัน



อย่างยุคนี้มีใครกลัว มิลาน ลียง มาร์เซย อแจ๊กซ์ พีเอสวี สตุทการ์ด กันไหมหละ



ส่วนเรื่องแท๊คติก กุนซือในอังกฤษ หลายๆคนก็เคยอยู่ลีคอื่น

ไม่นับ เป๊ป คอนเต้ เพราะพึ่งมา

มู อันเช่ รานิเอรี่ ราฟา เปเยกรินี่ อิริคเซ่น คล๊อป ฟานกัล ฯลฯ

ถ้าจะบอกแท๊คติกลีคอังกฤษอ่อน มันก็แปลกเพราะคนทำทีมก็ผู้จัดการทีมที่เคยอยู่ลีคอื่นๆทั้งนั้น

อย่างเป๊ปที่ผลงานสุดยอดกับ สเปน เยอรมัน ถ้าแท๊คติกที่ว่ามันต่างกันจริง

แกก็ไม่น่าจะมาโดนเผาเครื่องด้วยลูกโด่ง ที่แท๊คติกอ่อนด้อยกว่าแบบนี้หรอกครับ


ศาสตร์ฟุตบอลมันงูกินหาง ไม่มีที่ดีที่สุดหรอก เหมือน กรรไกร ค้อน กระดาษ

ตรรกะปัญญาอ่อน ลีกไหนเค้าก้อพร้อมจะสู้ได้เกือบหมดอยู่แล้ว ทำไมช่วงลีคอิตาลี ที่ทีมพอๆกันหมดในยุค 90s ถึงไปไกลในuclได้หละ อย่างบาเยิน นัดล่าสุดถล่มน่อลมา5-1 แต่มาเสอมแฮธ่า ง่ายๆ คิดสิว่าลีคอังกิดคนอวยหรือติดตามมากเกินไป แต่ทีมหัวแถว นักเตะสู้พวกทีมหัวแถวลีคอื่นไม่ได้ ตัวเค้าระดับโลกเกือบทุกตำแหน่ง

ลีคเยอรมันไม่รู้ แต่สเปนเริ่มด้วยแบ่งค่า ลิขสิทธิ์ ถ่ายทอดสดให้เท่ากันก่อนดิ
ไม่เห็นผลภายใน 1-2ปีหรอก นู้นสัก9-10ปี

ปล. แต่เป้นไปได้ยาก เพราะเค็กก่อนนั้น ก็กินเยอะกว่าเพื่อนอยู่2ทีม

สรุปนับเป๊บ หรือไม่นับเป๊บครับ เห็นตอนแรกบอกตัดพวกพึ่งมาอย่างคอนเต้กับเป๊บออก ดูย้อนแย้งนะ

แทคติคเป๊บจริงๆไม่ได้แพ้ทางลูกโด่งหรอก จริงๆพวกสาดยาวนี่เข้าทางแกเลย เพียงแต่ว่าซิตี้ตอนนี้ยังครองบอลได้ไม่เหนียวแน่น ถ้าอยากรู้ว่าทีมที่เน้นแทคติคการครองบอลเอาชนะพวกลูกโด่งยังไง ต้องรอดูตอนที่ซิตี้ สามารถจะครองบอลได้จริงๆ(ไม่นับแบบคู่แข่งลงไปคุมโซนนะครับแบบนั้นมันครองบอลง่ายอยู่แล้วเพราะคู่แข่งปล่อยให้ครองบอล ต้องให้คู่แข่งเพรสเข้าใส่แบบนี้ ถ้าโดนเพรสแล้วยังเก็บบอลไว้กับตัวได้ไม่เตะทิ้งแบบปัจจุบันก็แสดงว่าสามารถจะครองบอลได้แล้ว) ถ้าอยากรู้ว่าแทคติคสายครองบอลมันชนะทางพวกสาดยาวได้จริงเปล่าก็ต้องรอดูตอนที่ซิตี้ครองบอลได้จริงๆอย่างที่ผมบอกแหละครับ แต่ถ้าขี้เกียจรอดูก็ลองไปหาดูบาร์ซ่า-บาเยิร์นตอนเป๊บคุมดูเฉพาะในuclก็ได้ที่เจอพวกนอกลีกหลายๆทีมก็มาสาดยาวเหมือนกัน

ส่วนศาสตร์ฟุตบอลมันงูกินหางมั้ยก็คิดว่าใช่ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะร่วมๆ10กว่าปีแล้วที่กระแสโมเดิร์นฟุตบอลมาแรงแล้วก็ไม่เคยแผ่วลงเลย แล้วทุกวันนี้ทุกทีมและทุกลีกก็พยามจะปรับมาเล่นโมเดิร์นฟุตบอลกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เชลซีเอง คอนเต้ก็พยามจะผสมโมเดิร์นฟุตบอลลงไป แล้วผมก็ยังหาทีมใหญ่ๆทีมไหนไม่เจอเลยแม้แต่ทีมเดียวที่ไม่ตามกระแสโมเดิร์นฟุตบอล....

คาดเดาได้ลำบากจริงๆ

1.เชลซีเป็นช่วงกำลังสร้างทีม
เป็นสถานการณ์เหมือนกับตอนที่คอนเต้เข้าไปคุมยูเวนตุสมาก
รุ่นใหญ่ของเชลซีกำลังทะยอยออกจากทีม พวกอายุกลางๆก็กำลังเริ่มเก๋า แล้วก็เริ่มมีเด็กๆเข้าทีม ทีมที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ บางทีมันอาจจะขาดๆเกินๆไปมั่ง ขณะที่ในบอลยุโรปนั้น ต้องไม่มีคำว่าผิดพลาด

2.ขุมกำลังปีหน้า ยังไม่แน่นอน
นี่ยังไม่รวมว่าปีหน้า ใครจะออกจากทีมไปบ้าง ปีนี้หลายคนอาจจนใจ อาจทำใจ ช่วยกันสู้ให้จบปีไปก่อน ช่วยกันลุ้นแชมป์ก่อน แต่จากสถานการณ์ในปีที่ผ่านมา ผู้เล่นหลายๆคนได้รู้ถึงนิสัยใจคอของโค้ชและทีมสตาฟฟ์ + ได้รู้ถึงทัศนคติ แนวทางการทำงาน การตัดสินใจ การประเมินผู้เล่นของโค้ช + ความเข้มข้นในการฝึกซ้อม บางคนอาจจะไม่เลือกอยู่ต่อก็ได้
คนที่เข้าข่ายลิสต์นี้ ถ้าให้ประเมินเอง ก็จะมี
เบโกวิช / เชส / วิลเลี่ยน / คอสต้า ส่วนเทอร์รี่ มองว่าคงไม่อยู่แน่ๆ
ถ้าเสียผู้เล่นที่ว่ามา เชลซีก็ต้องหาขุมกำลังมาทดแทน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะออกมาหน้าไหน

3.ดาวรุ่ง
ทีมที่เริ่มมีส่วนผสมของดาวรุ่งเยอะๆ คงจะไปคาดหวังความสมบูรณ์แบบได้ยาก
เราจะไม่รู้เลยว่า ใครจะพัฒนาได้มากน้อยแค่ไหน

4.ทีมกำลังพัฒนา
ผู้เล่นในทีม ถึงแม้จะมีจุดแข็งบางด้านที่เด่นชัด แต่ก็มีจุดอ่อนบางด้านที่เด่นชัดเช่นกัน
บางคนมีจุดอ่อนที่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับตำแหน่งนั้นๆเสียด้วย จุดอ่อนบางเรื่องพัฒนาได้ แต่จุดอ่อนบางเรื่องก็แก้ไขไม่ได้
อาทิ อลอนโซ่ ยืนตำแหน่งดี คุมโซนดี แต่ช้า ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มาก
หรืออย่าง กองเต้ ตัดบอลเยี่ยม อ่านเกมดี แต่ทักษะเกมรุกยังไม่ดี เรื่องนี้พัฒนาได้ แต่จะได้แค่ไหนก็ไม่รู้
ทีมที่กำลังพัฒนา ก็คล้ายๆทีมที่มีส่วนผสมของดาวรุ่ง คือ ไม่รู้จะพัฒนาได้แค่ไหน และเมื่อไหร่ที่จะพัฒนาได้

แล้วในบางตำแหน่ง เดาเลยว่า ถ้าเล่นด้วยฟอร์มปัจจุบัน ถึงแม้จะมีจุดอ่อน คอนเต้ก็จะยังคงใช้งาน (ยกเว้นมีปัญหากันเอง)

5.หน้าใหม่
ไม่รู้จริงๆว่าเชลซีจะได้ใครเด็ดๆมาหรือเปล่า การที่จะเป็นทีมเกรด S นั้น คุณภาพผู้เล่นมีผลมาก

ตลาดซื้อขายปีหน้า + ผลงานทีมในปีหน้า จะสำคัญมาก ว่าเชลซีจะออกมาหน้าไหน

ผมว่าแมนยูอาจจะตกรอบแบ่งกลุ่มครับ ผลงานช่วงแถวๆนั้นยังกากมากเกือบตก UEL ด้วยซ้ำ

อันนั้นไม่รู้เหมือนกัน

แต่ที่อยากบอกคือผมชอบชื่อท่านมาก

ตอนเค้าโหวตเลือกชื่อยูสสร้างสรรค์ผมโหวตท่านด้วย


ไอเด้าผมเลย

ได้ครับ เชลซีมีคุณสมบัติเป็นทีมเกรด S อยู่แล้ว
ผมมองเชลซีเป็นทีมเกรด S ตั้งแต่มูยุคแรกแล้ว

พลังเงินมี ได้กุนซือแจ่มยืดหยุ่นแทคติค ลองบ้าซื้อสตาร์แบบมาดริดดู
ผลงานอาจจะไม่เท่าไหร่แต่ค่าการตลาดพุ่งกระจาย ยิ่งมาแล้วผลงานทะลุโลกแบบโด้นี่
ติดลมบนยาวๆ