อ่านตอนแรกได้ที่นี่ครับ
"วันนี้ดีใจมาก ๆ ที่ได้โอกาสมาในวันนี้"
"บางทีลืมไปแล้วว่าเคยชอบร้องเพลงมากแค่ไหน"
"ขอบคุณทุกคนที่ชอบเพลงที่หนูร้อง หนูมีความสุขมากจริง ๆ"
คำพูดที่หล่นมาจากศิลปินหน้ากากท่านหนึ่งที่ถูกเปิดเผยตัวตน
แม้จะมีน้ำตา แต่ก็พอเข้าใจได้ว่ามันไหลรินมาจากเหตุผลอะไร
อย่างที่บอกไปครั้งก่อนครับว่า รายการดังกล่าวได้สร้างปรากฏการณ์ให้วงการบันเทิงบ้านเราอย่างรุนแรงระดับ 8.0 มาตราริกเตอร์
ไม่ว่าจะเป็นเรตติ้งสูงสุด การเข้าถึงผู้คนเป็นวงกว้าง รวมถึงการเล่นกับนิสัยการใช้สังคมออนไลน์ของคนสมัยใหม่
แต่หากคิดว่ารายการนี้มีดีแค่นั้น แปลว่าคุณยังเห็นมันไม่หมดครับ
นอกจากจะสร้างแรงกระเพื่อมให้วงการทีวีไทยแล้ว รายการนี้ยังบอกเราเกี่ยวกับทัศนคติของที่เราใช้ตัดสินคนอื่นอีกด้วย
หากวันนึง ผมเปิดวิดีโอของ
คุณชมพู่ก่อนบ่าย บอกคุณว่าแม้เธอจะประกอบอาชีพเป็นตลก แต่จริง ๆ เธอร้องเพลงดีมากเลยนะ
คุณจะรู้สึกอะไรอย่างไรครับ คุณก็คงคิดว่า เออ ใช่ เราเคยได้ยินมาเหมือนกัน
แล้วยังไงต่อครับ คุณก็คงปล่อยความจริงนี้ผ่านไปเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ
แต่วันนึง ผมจับคุณชมพู่สวม
หน้ากากเกอิชา และเปิดการแสดงของเธอให้คุณรับชม คุณก็คงตั้งใจฟังมากกว่า สังเกตเทคนิคการร้อง
การยืน การเดิน อารมณ์ขันในการตอบคำถาม เก็บทุกกระเบียด และคงคาดเดาว่านี่เป็นนักร้องอาชีพที่เก่งหาตัวจับยากคนหนึ่ง
อีกแง่มุมนึง สำหรับ
หน้ากากทุเรียน และ
หน้ากากอีกา หากตามการคาดการของผู้คนถูกต้อง คุณจะได้พบกับ
คุณทอม room39 และ
คุณเอ๊ะ จิรากร
ผมเชื่อว่าทุกคนทราบดีครับ ว่าทั้งคู่เป็นนักร้องที่มีความสามารถสูง มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผลงานเพลงมากมาย
ส่วนตัวชอบทั้งสองท่านเป็นทุนเดิม ร้องเพลงของ room39 ได้เกือบหมด และเล่นกีตาร์เพลงของพี่เอ๊ะอยู่บ่อย ๆ
แต่หากพวกเขาไม่สวมหน้ากากไว้ ผมก็คงรับฟัง มันคงเพราะเหมือนเพลงก่อน ๆ แต่คงไม่พิเศษขนาดนั้น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร พวกเขามีความสามารถมากแค่ไหน
แต่ทันทีที่พวกเขาสวมหน้ากาก เราไม่เห็นคุณทอม หรือคุณเอ๊ะ เราเห็นสุดยอดนักร้องที่เก่งมาก ๆ ฟังเพลงที่เขาร้องใต้หน้ากากเป็น 10 รอบได้ไม่มีเบื่อ และคงบอกตัวเองทำไมมันถึงเพราะมากขนาดนี้ คนพวกนี้เป็นใครกันนะ
อีกด้านนึง เวลาเรามองเหล่าสาว ๆ เกิร์ลกรุ๊ปของไทย แวบแรกเราคงคิดถึงวัยรุ่นหน้าตาดี จับมากรุ๊ป 4-5 คน ร้องเพลงไปเต้นไป และคงไม่คาดหวังอะไรที่พิเศษมากกว่านั้น บางคนไม่คิดจะเปิดใจฟังของพวกเธอด้วยซ้ำ
แต่วันนึง ผมจับ
แปม ไกอามาสวม
หน้ากากโพนี่ คุณเห็นอะไรครับ ระหว่างเกิร์ลกรุ๊ปหน้าตาดี ความสามารถงั้น ๆ เน้นขายหน้าตาเป็นหลัก หรือคุณเห็นนักร้องหญิงที่ความสามารถจัดจ้าน ร้องเพลงระดับดีว่าส์ เทคนิคขั้นสูง เต้นเก่ง จริตจะก้านน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ว่าคุณจะเห็นอะไร สิ่งที่คุณคิดว่าเห็นมันคือคนเดียวกันนั่นแหละ
หน้ากากที่สวมในรายการนั้น นอกจากเป็นอาภรณ์ที่ปกปิดอัตลักษณ์ของตัวผู้สวมใส่แล้ว
มันยังลบ "
มายาคติ" ของบุคคลที่เราต่างมีภาพในใจเมื่อก่อน
ช่วยให้เรารับฟังความสามารถ และตัวตนของเขาแบบที่เขามี และเขาเป็น แบบที่เขาอยากให้เห็น ไม่ใช่แบบที่เราคิดว่าเราเห็น
ว่าไปแล้วมันก็สะท้อนมาหาความจริงที่เราดำรงชีวิตอยู่ทุกวันนี้ สังคมที่อยู่รอบตัวเรามีคนมากมาย ต่างคนต่างมีหน้ากากของตัวเอง หนึ่งคนมีหน้ากากมากมาย หน้ากากความเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง เป็นเพื่อน เป็นพี่ แล้วแต่บริบทที่เราอยู่ว่าเขาสวมอะไรให้เราเห็น
เวลาทำงานคุณอาจเห็นเขาสวมหน้ากากเจ้านายที่เคร่งครัด แต่ช่วงเย็นคุณอาจจะเห็นเขาเป็นพี่ชายใจดีที่เลี้ยงข้าวพวกลูกน้อง ไม่ว่าคุณจะเห็นอะไร ที่จริงมันก็คือผู้ชายคนเดียวกัน
เพราะในชีวิตจริง ๆ มันไม่มีการเฉลยแบบในรายการ ดังนั้นมันคงดีมากถ้าเราเปิดใจเรียนรู้ว่าใครเป็นอย่างไร เนื้อแท้เขาเป็นคนแบบไหน ก่อนที่เราจะตัดสินเขาดีกว่านะครับ
ฝากเพจสำหรับพูดคุย ถ้าชอบฝากกดไลค์ กดแชร์ด้วยนะครับ
เพจ : โตแล้วคุยอะไรก็ได้
https://www.facebook.com/TalksWithKaowPong/