17 February 2017 11:50 AM by jedi
1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”


สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ย้ายที่ทำการใหม่ไปอยู่ภายใน การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการฉลองครบรอบ 1 ปีที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถูกเลือกเป็นนายกสมาคมฯพอดิบพอดี

การย้ายบ้านจากที่เดิมที่เคยอยู่มาหลายสิบปีจากใต้ถุนสนามศุภชลาศัยไปอยู่่ที่แห่งใหม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนอีกเรื่องของฟุตบอลไทยหลังเหตุการณ์ “ฟ้าเปลี่ยนสี” จากผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559

ฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด” เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ดีขึ้น แย่ลง หรือไม่แตกต่าง ตรงนี้ถือเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆหลายๆอย่าง “ไม่เหมือนเดิม” อะไรที่เคยปฏิบัติกันมาหรืออยู่กันมาตั้งแต่อดีตได้แปรเปลี่ยนไปเยอะเลย

1 ปีที่ผ่านไปการทำงานของ “บิ๊กอ๊อด” และทีมงานถือว่ามีหลายรสชาติ เสียงชื่นชมมากมาย แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์และก่นด่าก็มีไม่น้อย ถือเป็นเรื่องปกติของการทำงานอีกนั้นละที่ไม่มีใครดีหรือแย่ไปเสียทั้งหมด

มุมมองส่วนตัวแบบไม่ได้ “โคตรเชลียร์” และไม่ได้เป็น “ฝั่งตรงข้าม” ถือว่าการบริหารของ “บิ๊กอ๊อด” มีทั้งที่ “สอบผ่าน” และ “สอบตก” ไม่ใช่ว่าสมราคาคุยทุกเรื่องแต่ก็ไม่ใช่ว่าดีแต่โม้ไปซะทุกเรื่อง

ภาพรวมฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด” มีทั้งแบบเข้ามาซ่อม สร้าง และต่อยอด เพราะถือเป็นรอยต่อสำคัญของฟุตบอลไทยจากยุคของคนที่คลุกคลีอยู่วงการมาเนิ่นนานกลายเปลี่ยนมาเป็นคนรุ่นใหม่และหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่วงการได้ไม่กี่ปี

ป่วยการที่จะมองกลับหลังไปด่าหรือต่อว่าการบริหารงานของทีมงานชุดเก่า ทำใจให้เป็นกลางต้องยอมรับด้วยว่าหากไม่เริ่มนับ 1 ตั้งแต่เมื่อวันวานก็คงไม่สามารถนับ 2 3 4 ต่อไปได้อีก

สุภาษาจีนบอกไว้ประมาณว่า “ดื่มน้ำจากลำธาร อย่าลืมคิดถึงต้นลำธาร”

ฟุตบอลไทยยุคเฟื่องฟูเริ่มตั้งไข่มาได้หลายปีพอสมควรแล้วครับ จากที่ไม่ค่อยมีใครสนอกสนใจก็กลายเป็นของระดับห้างที่ใครๆก็สน ไม่งั้นคงไม่มีการเปิดเกมแย่งชิงอำนาจกันแบบลุ้นมาหลายปีอย่างที่เห็นแน่ๆ

การเข้ามาของ “บิ๊กอ๊อด” ถ้าจะถือว่าเป็นการเข้ามาต่อยอดจากสิ่งที่มีการเริ่มต้นเอาไว้ก็ได้เหมือนกัน เพราะฟุตบอลไทยได้รับความสนใจในระดับขึ้นหม้อไปแล้ว

เอาตรงๆคือคำว่า “มูลค่า” ได้ถูกสร้างขึ้นมาในยุคก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนว่าฟุตบอลไทยมีมูลค่าในตัวเอง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องมีการปรุงแต่งเพื่อเพิ่มมูลค่าขึ้นมาด้วย

เมื่อมีของดีอยู่ในมือก็อยู่ที่ฝีมือการบริหารจัดการละครับว่าจะต่อยอดไปได้ขนาดไหน เท่าที่เห็นในช่วงขวบปีที่ผ่านมาถือว่าการทำงานของ สมาคมฯ ยุคใหม่โอเคในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

มูลค่าของฟุตบอลไทยยังอยู่ในระดับที่ “ขายได้” และมียอดตัวเลขเพิ่มขึ้น ดูจากเรื่อง “สิทธิประโยชน์” จากฝ่ายต่างๆน่าจะเห็นได้ชัดว่าอะไรเป็นอะไรเพราะตัวเลขไม่เคยโกหกใคร

นี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดมาจากการบริหารของทีมงานชุดเดิมๆ แต่ทั้งนี้ “บิ๊กอ๊อด” ก็เข้ามาซ่อมและสร้างในหลายๆอย่างให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งการบริหารจัดการและหลายๆอย่างที่เป็นรูปธรรม

การซ่อมที่เห็นๆคงเป็นเรื่องเงินๆทองๆที่มีข่าวต้องจ่ายภาษีย้อนหลังกันบาน รวมถึงการบริหารจัดการอีกหลายๆอย่างที่ต้องรื้อกันใหม่และสร้างกันใหม่ให้ยกระดับดีกว่าขึ้นกว่าเดิม

ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบการทำงานใหม่ ดึงเอาคนรุ่นใหม่ที่ฝีมือเข้ามาทำงาน จัดระเบียบการทำงานภายในองค์กร เน้นข่าวสารให้หมุนทันโลกในยุคโซเชียลครองมาก การสื่อสารกับฟุตบอลในยุค “บิ๊กอ๊อด” จึงค่อนข้างได้รับคำชื่นชม

สิ่งที่เป็นรูปธรรมที่เห็นชัดๆคือการย้ายที่ทำการใหม่มาปักหลักถาวรอยู่ที่กกท. หัวหมาก รวมถึงการเดินหน้าสร้าง “ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ” ที่เป็นจริงเป็นจังเสียที ตรงนี้อาจจะยังสำเร็จในเร็ววันแต่ดูทิศทางแล้วน่าจะมีขึ้นจริงๆ

ภาพรวมการบริหารงานของสมาคมฯยุค “บิ๊กอ๊อด” จึงค่อนข้างดูดี แต่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องไม่เข้าท่า หลายๆอย่างสร้างความละเหี่ยใจให้กับการฟุตบอลไทยไม่น้อยเหมือนกัน

ตั้งแต่การเปิดตัวด้วยการให้แฟนบอลบริจาคเงินช่วยทีมชาติไทยผ่านร้านสะดวกซื้อที่ถูกวิพากษ์ยับ การเลือกบริษัทที่มือไม่ถึงเข้ามาขายตั๋วบอลไทยจนล้มไม่เป็นท่า รวมถึงการยุติการแข่งขันทุกลีกที่หลายคนมองว่าเป็นการ “ตัดปัญหา” มากกว่าแก้ปัญหา

ส่วนหลายๆเรื่องมีรายละเอียดปลีกย่อยที่มีทั้งเสียงชมและเสียงด่าต้องถือเป็นมุมมองของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะอยู่ที่มุมมองของ “สโมสรสมาชิก” ที่รวมใจกันเลือก “บิ๊กอ๊อด” และทีมงานเข้ามาบริหารงาน

หลายๆเรื่องที่ “บิ๊กอ๊อด” และสภากรรมการได้มีการตัดสินใจล่วงหน้าไปแล้ว แต่ทั้งนี้ยังต้องรอการรับรองจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ หวังใจว่าสโมสรสมาชิกจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างหนักแน่นว่าจะให้ “ผ่าน” หรือ “ตก”

ว่ากันว่ามีบางอย่างละครับทีี่ “บิ๊กอ๊อด” ยังทำไม่ได้เหมือนตอนที่หาเสียง ไหนๆครบรอบ 1ปีแล้วก็เตรียมไปทวงคำสัญญากันเอาเองในการประชุมแล้วกันนะครับ สโมสรติดใจหรือคาใจอะไรคุยกันทีเดียวให้เสร็จๆไป

ส่วนแฟนบอลไทยที่คาดหวังอะไรจากการเข้ามาของ “บิ๊กอ๊อด” คงได้แต่ดูอยู่ห่างๆและสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามช่องทางต่างๆที่สมาคมฯมีช่องทางเอาไว้

1 ปีของ “บิ๊กอ๊อด” ผ่านไปแล้ว แต่ยังเหลืออีก 3 ปีในวาระการทำงาน ฟุตบอลไทยจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร…..โปรดติดตาม

“บับเบิ้ล”
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2274
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 12:19 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ภาพรวมยังไงก็ดีบังยีแน่นวล
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 329
ที่อยู่: สโมสร พรน้ำมนต์
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 12:51 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ยีคือก้อนเนื้อร้ายของวงการฟุตบอลไทย
0
0
เข้าร่วม: 03 Nov 2014
ตอบ: 788
ที่อยู่: Lodon
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 12:53 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ดีหมด เสียตรง ตัดจบไทยลีก แบบดื้อๆ
เข้าร่วม: 22 Mar 2009
ตอบ: 5304
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 12:55 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ดีกว่าบังยี แต่อยากให้เลิกนิสัยแบบดันทุรังตัดสินใจผิดพลาดไปแล้วแทนที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง กลับดึงดันยืนยันในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ต่อไปแบบไม่ฟังใคร เพราะมันไม่เป็นผลดีกับใคร

เรื่องเดียวที่ยอมรับไม่ได้คือการยืนยันจะให้ชัยนาทกับอาร์มี่เป็นเครื่องสังเวยแชมป์ AFF ทั้งๆที่หลายฝ่ายบอกมาแล้วว่าจัดเตะต่อได้ ถ้าจะไม่จัดเตะ ทีมที่แต้มยังไม่ขาดไม่ควรจะมีตกชั้น ยอมเสียสละเล่น 20 ทีมสักปีทำกันไม่ได้เหรอ ตอนหยุดเราก็ทำเพื่อชาติ แต่สิ่งที่ถูกต้องอย่างชัยนาทกับอาร์มี่ต้องเล่น T1 ไม่มีใครยอมเสียสละเพื่อสิ่งที่ถูกต้องเลย ไม่แฟร์ตามท่านว่ส
1
0
เข้าร่วม: 01 Dec 2013
ตอบ: 24462
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 12:57 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
มรดกที่ยีวางไว้ทำให้สมยศทำงานง่ายขึ้น
เข้าร่วม: 04 Jul 2009
ตอบ: 9279
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 1:54 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
นี้ขนาดโดนขัดขาจากสื่อฝั่งนู่น แถมโดนขัดขาด้วยเรื่องเงิน ที่ไม่ใครบางคนกินเข้าไปไม่คืนสมาคมด้วยนะ
0
0
เบื่อจริงๆพวกแฟนบอลโจร
เข้าร่วม: 15 Dec 2006
ตอบ: 8396
ที่อยู่: Hotspur Way, Enfield.
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 1:57 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ดูมีแผนระยะยาวที่น่าสนใจหลายๆเรื่อง เรื่องที่ไม่ดีก็มีอย่างที่รู้ๆกัน
0
0
“ชนชั้นใดร่างกฎหมายก็เพื่อชนชั้นนั้น”
Cr คาร์ล มากซ์
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 9844
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 4:18 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
สำหรับผมผลงานที่แย่ของสมาคมยุคสมยศมีแค่ การปิดลีคตอนในหลวงสวรรคตนั่นแหละ

ถึงจะมาแก้เกี้ยวในตอนหลังด้วยการเปิดประชุมขอคะแนนเสียงฉุกเฉินเพราะโดนตั้งคำถามจากการประกาศ "ตัดปัญหา" แบบที่เขาว่า

อีกเรื่องที่ผมมองว่าไม่เป็นมืออาชีพคือ การเลื่อนโปรแกรมเพื่อทีมชาติของซิโก้นี่แหละ

แต่เรื่องอื่นๆผมเฉยๆนะ อย่างเรื่องบริจาคอันนี้อยู่ทีมุมมอง บางคนมองเหมือนขอทานก็มี แต่ผมกลับมองว่าปกติองค์กรหรืออะไรเขาก็มีรับบริจาคอยู่แล้ว พรรคการเมืองยังรับบริจาคเลย วัดเองก็รับบริจาค โรงพยาบาลก็รับ


เพียงแค่สมยศอาจทำโจ่งแจ้งแบบว่าผ่านเซเว่นก็ได้นะ อะไรแบบนั้นเลยเกิดอาการกับกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย แต่บางคนก็เห็นด้วยเพราะอยากมีส่วนร่วม


ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นที่จะมาถือว่าละเหี่ยใจหรือเป็นผลงานที่ไม่ดี







ส่วนประเด็นขายตั๋วบอล ผมว่ามันไม่ใช่ความผิดของสมาคมฟุตบอลหรอก ในเมื่อเขาจะเปิดประมูลเพื่อหาผู้รับผิดชอบคนใหม่เข้ามาเพราะคนเก่ามันหมดสัญญาหรือยกเลิกสัญญากันไปแล้ว

และบังเอิญ บุญเติม ก็ดันให้เงินเยอะ

มันก็เหมือนกับ วาริค ให้เงินเยอะกว่าเจ้าอื่น


จุดแตกต่างคือ...บุญเติม ทำไม่ได้ตามที่แจ้งไว้

ในขณะที่....วาริค ทำได้ตามที่ตกลงสัญญาประมูล


ของแบบนี้สมาคมจะผิดหรือถูกได้ไง สมาคมฟุตบอลมีหน้าที่เปิดประมูลและเลือกผู้เสนอราคาที่ให้ผลประโยชน์สูงที่สุด......ถ้าดันเลือกเจ้าที่ให้เงินน้อย(เส้นสาย)ทั้งๆที่มีคนให้ราคาสูง ไอ้นั่นแหละถึงเป็นปัญหาใหญ่


เพราะงั้นในมุมมองของผมสมาคมฟุตบอลยุคนี้ถือว่าสอบผ่านเกือบทุกอย่างในรอบ 1 ปี

1. ปัญหาผู้ตัดสิน ก็มีแนวทางและดำเนินการพัฒนาอยู่
2. ปัญหาคุณภาพโค้ช ก็ดำเนินการพัฒนาจัดอบรม
3. ปัญหาการเงินที่หมกเม็ดไม่โปร่งใส ตอนนี้ถามเมื่อไหร่ก็มีเอกสารโชว์เมื่อนั้น
4. กลุ่มผู้บริการก็มีการกระจายตัว มีตำแหน่งหน้าที่ ไม่ใช่อะไรๆก็ต้องรอคนๆเดียว
5. มีการพลักดันทีมงานเข้าสู่ระดับ AFC โดยไม่ต้องพึ่งบารมีของคนเดียว
6. มีการพยายามสร้างโครสร้างเยาวชนที่ชัดเจน ekkono เหลือแค่รอเซ็น
7. มีการปรับโครงสร้างลีคใหม่ และจัดการลีคแบบสากล คือสโมสรต่างๆเป็นผู้ถือหุ้นไม่ใช่กลุ่มบุคคลหรือผู้บริหารสมาคมฟุตบอล


ผมว่าในช่วง 1 ปีเขาทำเรื่องพวกนี้ได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วนะ บางอย่างสำเร็จแล้ว บางอย่างยังดำเนินการ

จะมีผิดพลาดในมุมมองผมก็แค่เรื่องเดียวที่กล่าวไปด้านบนเท่านั้นอะ
เข้าร่วม: 03 Oct 2013
ตอบ: 16005
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 11:13 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
มันต้องสะอาดหมดจด
0
0


เข้าร่วม: 10 Jan 2011
ตอบ: 4904
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 17, 2017 11:18 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ผมรู้แค่ว่า ดีกว่า บัง หลายร้อยเท่า ไม่รู้มานนั่งมาได้ยังไงนานขนาดนั้น


ถามว่า สมยศ กินบุญเก่า บัง เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ข้างในเน่า เหม็น ไม่โปร่งใส


สมยศแทบจะทุบสมาคมเก่าๆทิ้งทั้งหลัง แล้วสร้างขึ้นมาใหม่เองเลย ด้วยการบริหาร


แบบมืออาชีพ โปร่งใส รวดเร็ว อยากได้หลักฐานอะไรมีให้ดูทันที ทำให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว


สิ่งที่ควรแก้ของ สมยศ คือ ความคิดที่ดันทุรัง โดยการยุติลีคดื้อๆ นี้ฟุตบอลอาชีพนะครับ


จะยุติได้อย่างไร นักเตะต้องทำมาหากิน เลี้ยงครอบครัว สโมสรต้องจ่ายค่าเหนือย


เป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงมาก ไม่คิดว่าจะเป็นความคิดของคนที่มีตำแหน่ง นายกบอลไทย
0
0
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 29119
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Sat Feb 18, 2017 11:52 am
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
มีทั้งดีและแย่อย่างที่หลายๆคนว่า แต่ส่วนตัวผมยังคงชอบแนวทางนี้เพราะมันชัดเจนเห็นภาพและลงมือทำจริงๆมากกว่าโม้น้ำลายฟูมแล้วไม่เห็นอะไรที่จับต้องได้แบบสมัยบัง
0
0
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 28
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Feb 19, 2017 2:27 am
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ผมว่าต้องดูยาวๆ คับ ภาพออกมาเยอะมากกว่า "แฟร์" จริงรึป่าว แฟนๆ คงตัดสินกันเองคับแล้วแต่มุมมอง

เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้มรดก ไทยลีก มานิ จะไหว แค่ไหน คงต้องถามคนบริหาร ภายในจริงๆ มากกว่า ว่าที่เราเห็นภายนอก กับการบริหารภายใน มันเป็นยังไง

ก่อนหน้านี้ ถ้าพูดกันอย่างตรงๆ ถ้า ไทยลีก ไม่มีมูลค่าเป็น พันล้าน คงไม่มีใครสน เพราะ FIFA subsidy ก่อนหน้านี้ ก็น้อยกว่าปัจจุบัน

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดๆ คงมีแค่ เปลี่ยนโลโก้ไทยลีก ไปดูงานต่างประเทศมากขึ้น PR และมีพนักงานที่ยังไม่มีประสบการณ์ มากขึ้น สร้างออฟฟิสใหม่ (แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายฟุตซอล) มีบริษัทที่เป็นมืออาชีดเข้ามาดูแลสิทธิประโยชน์

อื่นๆ ยังไม่เห็นเพราะเป็นแค่เพียงนโยบาย ทำได้ไม่ได้ยังไม่รู้

สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือ ยังไม่มีการสนับสนุนฟุตซอล อย่างจริงจังเหมือนสมาคมชุดเก่า ทั้งๆ ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่า "ฟุตซอล ไม่สามารถทำเงิน ได้เหมือนฟุตบอล" หากทำเงินได้มากพอ สมาคมคงจะให้ความสนใจมากกว่านี้ โชคดีที่วงการฟุตซอลไทย มี บิ๊กป๋อม "Mr.Futsal"

แฟนบอลก็คือแฟนบอล การเสพสื่อ ต้องระวังมากคับ ทุกด้าน ทุกวงการ
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 9844
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 11:15 am
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
Spoil
SuperOakes พิมพ์ว่า:
ผมว่าต้องดูยาวๆ คับ ภาพออกมาเยอะมากกว่า "แฟร์" จริงรึป่าว แฟนๆ คงตัดสินกันเองคับแล้วแต่มุมมอง

เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้มรดก ไทยลีก มานิ จะไหว แค่ไหน คงต้องถามคนบริหาร ภายในจริงๆ มากกว่า ว่าที่เราเห็นภายนอก กับการบริหารภายใน มันเป็นยังไง

ก่อนหน้านี้ ถ้าพูดกันอย่างตรงๆ ถ้า ไทยลีก ไม่มีมูลค่าเป็น พันล้าน คงไม่มีใครสน เพราะ FIFA subsidy ก่อนหน้านี้ ก็น้อยกว่าปัจจุบัน

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดๆ คงมีแค่ เปลี่ยนโลโก้ไทยลีก ไปดูงานต่างประเทศมากขึ้น PR และมีพนักงานที่ยังไม่มีประสบการณ์ มากขึ้น สร้างออฟฟิสใหม่ (แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายฟุตซอล) มีบริษัทที่เป็นมืออาชีดเข้ามาดูแลสิทธิประโยชน์

อื่นๆ ยังไม่เห็นเพราะเป็นแค่เพียงนโยบาย ทำได้ไม่ได้ยังไม่รู้

สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือ ยังไม่มีการสนับสนุนฟุตซอล อย่างจริงจังเหมือนสมาคมชุดเก่า ทั้งๆ ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่า "ฟุตซอล ไม่สามารถทำเงิน ได้เหมือนฟุตบอล" หากทำเงินได้มากพอ สมาคมคงจะให้ความสนใจมากกว่านี้ โชคดีที่วงการฟุตซอลไทย มี บิ๊กป๋อม "Mr.Futsal"

แฟนบอลก็คือแฟนบอล การเสพสื่อ ต้องระวังมากคับ ทุกด้าน ทุกวงการ  
 



เรื่องฟุตซอลนี่สมยศเขาไม่ยุ่งหรอกครับ เท่าที่ผมดูๆข่่าว ถ้าไม่ใช่เรื่องการวางโครงสร้างใหญ่จะไม่ลงไปยุ่งกับฝ่ายไหนเลย ยกเว้นทีมชาติที่เป็นงานของสมาคมโดยตรง

แต่ฟุตซอลกับบอลชายหาดมันไม่ใช่ฟุตบอลโดยตรง สมยศแกเลยแบ่งแยกออกชัดเจนมาก

มีสมาคมฟุตซอล สมาคมฟุตบอลชายหาด

ซึ่งทั้ง 2 สมาคมนี้จะได้รับการแชร์ผลประโยชน์เรื่องเงินกับฟุตบอลหลักก็จริง แต่ด้านการบริหารให้ไปทำกันเอง

เรื่องเงินที่แชร์กันหลักๆก็พวกเงินจากวาริค แพลนบี การขายแบรนด์ภายในนามทีมชาติ

สปอร์เซอร์ก็ของสมาคมของใครของมัน บิ๊กป๋อมแกก็เป็นหัวหน้าสมาคมฟุตซอล แต่เวลาประชุมถ้าไม่มีหัวข้อเรื่องฟุตซอลสมยศก็ไมไ่ด้เรียกแกมาร่วม

แต่ถ้าเป็นแผนภาพใหญ่แบบตอน ekkono ซึ่งผมเข้าใจว่าสมาคมฟุตบอลไทยพยายามรวมฟุตบอลและฟุตซอลเข้าด้วยกัน เพราะผมเคยดูคลิปของมิเกล แกเคยพูดถึงเรื่องที่แกเสนอให้ฟุตซอลและฟุตบอลหาจุดร่วมด้วยกัน แกบอกว่ามันรวมกันได้นักเตะระดับโลกต่างก็เคยผ่านการเล่นฟุตบอลสนามเล็กหรือสตรีทฟุตบอล

และในการประชุมที่มี ekkono ทั้งบิ๊กป๋อมกับมิเกลแกก็ถูกเรียกตัวไปร่วมนะครับ

เคยมีบทความของมิเกลที่แปลในไทยแลนด์สู้สู้ แกบอกว่าแกอาจคุมทีมไทยอีกสัก 5 ปีถ้าแกยังไหวแกอาจคุมสักบอลโลก 2 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นบางทีแกอาจไปทำงานบริหารเพราะที่นี่(ประเทศไทย)มีแผนจะพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลด้วยกัน และเขา(มิเกล)ก็ถูกทาบทามให้ร่วมเป็นหนึ่งในทีมงานที่น่าตื่นเต้น


ส่วนบอลชายหาดผมว่าเราอาจไม่เห็นความชัดเจนเท่าไหร่เพราะมันเป็นกีฬาใหม่ด้วยหากเทียบกับฟุตบอลและฟุตซอล
0
0
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 4582
ที่อยู่: Ashburton Grove
โพสเมื่อ: Wed Feb 22, 2017 8:44 am
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
ถ้าเข้ามาแล้วดีกว่าคนเก่า ก็ต้องสนับสนุนกันต่อไป หรือในอนาคตถ้ามีใครสักคนเข้ามาแทนท่านสมยศ แล้วดีกว่า ก็ต้องเลือกคนที่ดีกว่าทำเพื่อส่วนรวมประเทศชาติ โดยไม่ต้องเห็นแก่ใครหน้าไหนทั้งนั้น
0
0
เข้าร่วม: 08 Sep 2013
ตอบ: 709
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Fri Feb 24, 2017 11:05 pm
[RE: 1 ปีฟุตบอลไทยยุค “บิ๊กอ๊อด”]
อย่างน้อยๆ คือประทับใจใน แนวทาง และ ความพยายาม ที่แสดงให้เห็น
0
0