สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน วันนี้เพื่อเป็นการตอนรับ มหากาพย์ภาพยนตร์ เรื่อง 300 : Rise of an Empire หรือ " ขุนศึก 300 ภาค 2 " ที่กำลังจะเข้าฉายอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ ผมจึงอยากขอมาเล่าเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ ของอดีตผ่านกาลเวลา มาประกอบกับสถานที่ จริงๆ ในปัจจุบัน ที่ ๆ ซึ่งเหล่า วีรชนในอดีต ได้เคยเหยียบหย่ำ เคยอาศัย และเคยสู้ศึก มา ที่ ๆ มีประวัติยาวนานมานับพันๆปี ผ่านรุ่นหนึ่งมาสู่รุ่นหนึ่ง บางสถานที่หลายคนคงรู้จักดี หรือหลายคนเคยไปมาแล้ว แต่บางที่หลายคนยังไม่รู้จัก หรือไม่ทราบด้วยซ้ำว่า เห้ย... มันมีอยู่จริงเหรอ มันอยู่ส่วนไหนของโลก ? ซึ่งกระทู้นี้ อาจมีผิดพลาดไปบ้าง ข้อมูลอาจต่างไปบ้าง แต่ยังไงก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
** จะบอกว่า เนื้อเรื่องของภาค 2 ของเรื่อง 300 จขกท ยังไม่เคยอ่านหรือ ทราบมาจากที่ไหนก่อนเลย เรื่องราวทั้งหมดขอเล่าแบบอิงประวัติศาสตร์ หากแตกต่างไปจากในภาพยนต์ก็ขอ อภัยไว้ก่อนครับ
สดุดี ทหารกล้า ที่เกิดมา เพื่อชาติชน
หลั่งเลือด ดังห่าฝน เปียกปอนปน พสุธา
กี่ปี จะเลยผ่าน ถึงเนิ่นนาน จงรู้ว่า
ที่เจ้า ได้อยู่มา เพราะว่าข้า หลั่งเลือดไป
สดุดี ทหารหาญ แม้วันวาน ผ่านเพียงไหน
แม้ตัว ท่านจากไป ไกลแสนไกล หลาย ร้อยปี
ชื่อท่าน ยังคงอยู่ จะเข้าสู่ ทรงจำนี้
ถึงแม้ แสนล้านปี ก็ยังมี ซึ่ง ตำนาน
ก่อนอื่นขอมอบบทกลอนบทนี้ให้แก่ ทหารกรีก เปอร์เซีย และทหารทุกคน ที่เสียสละพลีชีพไป เพื่อลูกหลาน อย่างเราๆ ท่านๆ ทุกคนได้อยู่มาถึงทุกวันนี้ครับ
เรื่องราวทั้งหมดที่จะเล่านี้ เกิดเมื่อ 2 พันกว่าปีที่แล้ว ณ. ดินแดนที่คนสมัยก่อนเรียกว่า ใจกลางหรือจุดศูนย์กลางของโลก ถ้าเปรียบกับสมัยนี้ ก็คงเป็นดินแดนที่ทันสมัย และเป็นที่ ที่ มีทุกสิ่งทุกอย่าง มากกว่าที่อื่น หรือพูดง่ายๆ ว่าเจริญมากกว่าชาวบ้านนั้นเอง ถ้าตอนนี้ ก็คงเปรียบได้ กับ อเมริกา หรือ ยุโรปตะวันตกสมัยนี้ นี้เอง ดินแดนที่กล่าวถึง แล้วเกี่ยวพันกับเรื่อง 300 ได้แก่
- เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ( ตะวันออกกลาง ) ได้แก่ ประเทศ อิหร่าน อีรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ไปจนถึงเอเชียกลาง แถวเทือกเขาคอเคซัส
- พื้นที่ปัจจุบัน ที่เป็นที่ตั้งของประเทศตุรกี ทั้งฝั่งยุโรป และเอเชีย ( ที่เมื่อก่อนเรียกว่า อนาโตเลีย )
- ยุโรป ได้แก่ ประเทศกรีซ มาเซโดเนีย อาร์เมเนีย และบัลแกเรีย
- แอฟริกา ได้แก่ ประเทศอียิปต์ ในบางส่วน
ในอดีต เมื่อ สองพันกว่าปีที่แล้ว พื้นที่บริเวณนี้ คือ จุดที่เจริญที่สุดของโลก
เข้าใจความเป็นกรีก
กรีกโบราณมีรูปแบบการเมืองการปกครองเป็นนครรัฐ นครรัฐกรีกเป็นหน่วยทางการเมืองที่มีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่ละหน่วยคือ รัฐอิสระที่ดำเนินนโยบายและตัดสินเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง ( สมัยนีก็น่าจะเป็นการปกครองแบบ สมาพันธรัฐ ) กรีกเรียกหน่วยเหล่านี้ว่า โปลิส ( รัฐต่าง ๆ ) กรีกประกอบด้วยโปลิสจำนวนมากมาย แต่โปลิสที่สำคัญและมีบทบาทมากในอารยธรรมยุคนั้น ได้แก่ เอเธนส์และสปาร์ตา
สภาพภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ของแต่ละโปลิส เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้ กรีกแบ่งแยกอำนาจจากกัน ซึ่งเทือกเขา และแม่น้ำ ก็เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการติดต่อระหว่างคนที่ในนครรัฐด้วยกัน ดังนั้น แต่ละรัฐจึงคิดและดำเนิน วิธีการปกครองตนเอง โดยวิธี ปกครองตนเองเป็นอิสระ คนในแต่ละท้องที่จะจงรักภักดีแต่เฉพาะในเขตของตน
เหตุผล ที่นครรัฐของกรีกกำเนิด ( มีการรวมตัวของหลาย เมือง หลายรัฐ เป็น นครรัฐ ) ขึ้นเพราะความจำเป็นต้องร่วมกันในการป้องกันภัยจากศัตรู ซึ่งขั้นตอน การปกครองแต่ละในนครรัฐนั้น ใช้วิธีให้ ราษฎรเลือกหัวหน้าหมู่ขึ้นปกครองดำรงตำแหน่งกษัตริย์ และมีคณะขุนนางอันได้แก่ ราษฎรชั้นสูงเป็นที่ปรึกษา และต่อมา พวกขุนนางก็ชิงอำนาจการปกครองมาไว้ในคณะของตน พอนานวันไปเมื่อราษฎรไม่พอใจในการปกครองของขุนนาง ก็ได้ชิงอำนาจปกครองมาอยู่ที่ตนเอง และลักษณะเป็นการปกครอง และเป็นที่มา ของรูป แบบประชาธิปไตยที่ราษฎรทุกคนมีส่วนในการปกครองนั้น
ซึ่งมี รัฐใหญ่ๆ อยู่ 2 รัฐได้แก่
นครรัฐสปาร์ตา
นครรัฐสปาร์ตา เป็นนครที่ใหญ่และทรงอำนาจแห่งหนึ่ง ในบรรดานครรัฐกรีกทั้งหลาย มีความชำนาญด้านการทหาร การทหาร เนื่องจากมีกองทัพที่มีระเบียบวินัยสูง และอดทนดีเยี่ยม สปาร์ตามีศูนย์กลางอยู่ที่ลาโอเนีย ( ซึ่งปัจจุบัน อยู่ทางใต้ ของประเทศ กรีซ ) และมีจุดเด่นที่เน้นการฝึกทหาร จนอาจจะกล่าวได้ว่าสปาร์ตาเป็นรัฐทางทหาร ที่เป็นที่เข้มแข็งที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรีกโบราณ
สปาร์ตา คือบริเวณ ทางตอนใต้ของ ประเทศกรีซใน ปัจจุบัน
อดีต ของ สปาร์ตา ที่เหลือมาถึงปัจจุบัน
อนุสาวรีย์กษัตริย์ ลีโอนีดาส ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
นครรัฐเอเธนส์
นครรัฐเอเธนส์ประกอบด้วยบริเวณที่สำคัญ 2 บริเวณ คือ อโครโปลิส และ อกอรา อโครโปลิสเป็นเนินเขาสูงเป็นที่ประดิษฐานวัดวาอารามและสถานที่สำคัญทางราชการ เนินนี้อาจดัดแปลงเป็น ที่ให้ผู้คนพลเมืองเข้ามาลี้ภัย และตั้งรับศัตรูได้ในยามที่ถูกรุกราน ใต้บริเวณอโครโปลิส ลงมาเป็นร้านค้าและที่อยู่อาศัยของพลเมืองเรียกว่า อกอรา
** อะโครโพลิส (Acropolis) คือ ป้อมปราการที่อยู่บนเทือกเขาสูง มีรากศัพท์คือ Acro มาจาก Akros แปลว่าสูง และ Polis แปลว่าเมือง ซึ่งมีอยู่หลายจุดในประเทศกรีซ และประเทศที่เคย เป็นเมืองในอาณาเขตของ อาณาจักร กรีก โบราณ โดยทั่วไปจะมีวิหารสำหรับเทพผู้พิทักษ์เมือง อะโครโพลิสที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์
แผนที่ นครรัฐเอเธนส์ ซึ่งอยู่ ในประเทศกรีซใน ปัจจุปัน
อโครโปลิส ในอดีต
อโครโปลิส ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ กรุงเอเธนส์ ประเทศ กรีซ นั้นเอง
เมืองเอเธนส์ ในมุมสูง
นครรัฐเอเธนส์เป็นนครรัฐเล็ก กว่า นครรัฐสปาร์ตา มีพลเมืองเพียง 50,000 คน นอกนั้น จะเป็นทาส และแรงงานซะส่วนใหญ่
ทำไม สปาร์ตา ใหญ่กว่า คนเยอะกว่า รบเก่งกว่า แต่ไม่เป็นผู้นำของกรีก ?
แม้ สปาร์ตา จะเก่งในด้านการรบ การทหาร แต่กลับกันก็มัก ไม่ค่อยสนใจ กับศิลปวิทยาการ หรือไม่ให้ความสำคัญ ต่อความเจริญ ก้าวหน้าของบ้านเมือง ซึ่ง นักปราญสมัยนั้น มักชื่นชม ผู้ที่ใช้สมองกว่าผู้ใช้กำลัง คนใช้สมองคือปราญ ส่วนแรงงานคือทาส ดังนั้น ศิลปวิทยาการใหม่ๆ มักเกิดขึ้นและมีอยุ่ใน เอเธนส์ ไม่ใช่สปาร์ตา ดังนั้น สปาร์ตา จึงสูญเสียฐานะผู้นำทางอารยธรรมไปให้กับ นครรัฐเอเธนส์ ที่แม้ พลเมืองน้อยกว่า เล็กกว่า แต่ค่อนข้างเจริญกว่า ไป
มารู้จักสงคราม กรีก กับเปอร์เซีย กันดีกว่า
เปอร์เชียเป็นอาณาจักร ที่ปกครองในบริเวณที่ราบสูงอิหร่าน กินพื้นที่ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (ตะวันออกกลาง ) จรดไปยัง เอเชียกลาง บริเวณคอเคซัส กินไปถึง ประเทศอียิปต์และอินเดียบางส่วน จักรวรรดิเปอร์เชีย รุ่งเรืองที่สุดในรัชสมัยของพระเจ้าดาไรอัสมหาราช และ พระเจ้าเซอร์ซีสมหาราช ( กษัตริย์เปอร์เซีย ในเรื่องขุนศึก 300 )
พระเจ้าเซอร์ซีส ในเรื่อง ขุนศึก 300
แต่คิดว่า หน้าตาจริงๆ ของ พระเจ้าเซอร์ซีส น่าจะประมาณนี้มากกว่า
ซึ่งใจกลางอาณาจักร เปอร์เชีย ในอดีตได้แก่ จังหวัดพาร์ส ประเทศ อีหร่าน ในปัจจุบัน
https://f.ptcdn.info/148/016/000/1393495310-3-o.jpg
จังหวัดพาร์ส ประเทศ อีหร่าน
ภาพ ปัจจุบัน ของ อาณาจักรเปอร์เชีย ที่ยิ่งใหญ่
เปอร์เซีย ขยายการปกครอง ไปทั่วพื้นที่เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (ตะวันออกกลาง ) และ รวมไปถึงภาคพื้นตะวันตกในบางส่วน ( ยุโรป ) ซึ่งในขณะนั้น เปอร์เซียได้พิชิตอนาโตเลีย (ส่วนหนึ่งของประเทศตุรกี ปัจจุบัน ) รวมกับอาณานิคมกรีกจำนวนมาก ชาวกรีกที่โดนเปอร์เซียยึด บางพวกไม่เห็นด้วยกับการปกครองของเปอร์เซีย เอเธนส์จึงได้ส่งเรือและทหารไปช่วยเหลือพวกเขา แต่ก็ล้มเหลวไม่สามารถเรียกร้องเอกราชจาก เปอร์เซียได้แต่อย่างใด กลับยิ่งทำให้ เปอร์เซียโกรธมาก เลยส่งทัพไปตี เอเธนส์ เอเธนส์ จึงส่งคนส่งข่าวไปขอร้องให้สปาร์ตามาช่วยเหลือ แต่ชาวสปาร์ตามาสายเกินไป ( ซึ่งเอเธนส์ ก็ชนะศึกครั้งนี้ได้ ) ศึกครั้งนี้เรียกว่า ศึกมาราธอน ( เนื่องจากทำการรบ ณ. ที่ราบ มาราธอน )
ภาพพื้นที่ อ่าว มาราธอนในอดีต
ภาพอ่าว มาราธอนในปัจจุบัน อ่าวมาราธอน ห่างจากกรุงเอเธนส์ประมาณ 30 กม มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม จากชายฝั่งเป็นที่ราบไปถึงเชิงเขา ระยะทางประมาณ 6 ไมล์ สองข้างกระหนาบด้วย ลำน้ำ ภูเขา และหนองน้ำ รอบทุ่งราบนี้เป็นป่าสน และต้นมะกอก
อาณาจักรกรีก ก็ คือประเทศกรีซ ในปัจจุบัน
เมื่อ เปอร์เซียแพ้ศึกกลับไป ความแค้นนี้ ก็ฝังใจชาวเปอร์เซียไปยันรุ่นลูกรุ่นหลาน หลังจาก พระเจ้าดาริอุส พระบิดาของ เซอร์เซส ( ผู้ทำศึก มาราธอน กับกรีก ) สวรรคต เมื่อ 481 ก่อน ค.ศ พระเจ้าเซอร์ซีส ทรงหมายจะครอบครองดินแดนกรีก และแก้หน้าพระบิดาให้ได้ พระองค์จึงระดมไพร่พลเป็นไม่รู้กี่แสน ( บางคนก็บอก แสนต้นๆ บางคนก็บอกเป็น ล้าน ) แบ่งเป็นทัพบกและทัพเรือโดยทรงนำทัพมาด้วยพระองค์เอง กองทัพของพระเจ้าเซอร์ซีสได้ยาตรามาถึงเอเชียไมเนอร์และสร้างสะพานข้ามช่องแคบ Hellespont ( เป็นอีกหนึ่งช่องแคบ ที่แบ่งยุโรปกับเอเชีย อยู่ประเทศ ตุรกี ) เพื่อใช้สำหรับยกทัพข้ามฟากมา เพื่อตีกรีก
ช่องแคบ Hellespont
กองทัพเปอร์เซียของกษัตริย์เซอร์ซิส เดินทัพมาเรื่อยเพื่อมาตีกรีก จนมาถึง ช่องเขาแห่งหนึ่งชื่อว่า ช่องเขาเธอร์โมไพลี (Thermopylae) ซึ่งเป็นทางที่ ทัพของ กษัตริย์เซอร์ซิสต้องผ่าน แต่ กองทัพของกษัตริย์เซอร์ซิส เป็นแสนเป็นล้าน .... กลับต้องเจอการต่อต้าน และความสูญเสีย ที่ช่องแคบแห่งนี้โดย ทหาร ภายใต้การนำของ กษัตริย์ลีโอนีดาสแห่งสปาตา เพียง 6000 คน
ช่องเขาเธอร์โมไพลี ในหนังเรื่อง ขุนศึก 300
ช่องเขาเธอร์โมไพลี ของจริง ในประเทศ กรีซ
ทำไมทหาร ของสปาร์ตามี 6000 ไม่ใช่ 300 เหมือนในหนัง ?
เพราะ แม้กองกำลังผสมของทหาร เอเธนส์ สปาร์ตา และพันธมิตร มีอยู่ ถึง 6000 คนก็จริง แต่ ทหารที่เป็นทหาร อาชีพชาว สปาร์ตานั้นมีเพียงแค่หลักร้อย และมีอีกเหตุผลว่าทำไมในหนัง ถึงบอกว่าทหาร 300 สู้กับ ทหารเปอร์เซียเป็นแสน เพราะเนื่องจากว่า ลีโอนีดาส หวังว่าจะยันทัพเปอร์เซียให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกว่าบรรดาพันธมิตรของพระองค์จะ รวมพล และเตรียมกองทัพบกและทัพเรือเสร็จ เซอร์ซีส ให้เวลา ลีโอนีดาส ไม่เกิน 4 - 5 วัน ให้ถอนทหารออกจาก ช่องเขาเธอร์โมไพลี แต่ .... เมื่อครบกำหนด ลีโอนีดาส ไม่ยอมแต่ประการใด เซอร์ซีส เลยยกกองทหาร กองแล้วกองเล่าเข้ามาตีทัพของ ลีโอนีดาส แต่ก็ไม่สามารถตี กองทหารเพียงหยิบมือของ ลีโอนีดาส ได้ ทหารกรีก 6,000 คน สามารถป้องกันช่องเขาเอาไว้ได้จนถึงวันที่สอง โดยหลังจากวันนั้น ได้มีชาวกรีกผู้หนึ่งนามว่า เอฟิอัลตีส ไปติดต่อกับชาวเปอร์เซียและเข้าเฝ้ากราบทูลพระเจ้าเซอร์ซีสว่า ยังมีช่องทางที่จะผ่านเทอร์โมไพลี ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งช่องเขาที่ว่านั้นถูกปกป้องโดยทหารกรีกเพียงไม่กี่นาย อย่างไรก็ตามพวกนักรบกรีก ไม่คาดคิดว่าพวกตนจะต้องมาต่อสู้กับทหารเปอร์เซีย ดังนั้นเมื่อกองทหารของเปอร์เซียบุกไปที่นั่น แบบกระทันหัน จึงแพ้และแตกหนีไป และชาวเปอร์เซียก็สามารถเคลื่อนกำลังข้ามเข้าไปได้ เมื่อ ลีโอนีดาส รู้ว่า ทางเข้าที่ทหารกรีก รักษาอยู่ ได้เสียให้แก่ทัพเปอร์เซียแล้ว ลีโอนีดาส ก็ตระหนักว่าการปักหลักสู้รบที่เทอร์โมไพลี ต่อไปนั้นคงไร้ผล ลีโอนีดาส จึงสั่งเลิกทัพทั้งหมด ยกเว้นแต่นักรบสปาร์ตาจำนวน 300 นาย โดยสู้จนตัวตาย ณ. ช่องเขา เธอร์โมไพลี เพื่อที่จะถ่วงเวลา ทัพของเปอร์เซีย จนนาทีสุดท้าย ลีโอนีดาส และทหารกล้าสู้กับเปอร์เซียได้อย่างไม่กล้วตายได้อยู่ระยะนึงสุดท้ายก็ต้านทาน กองทหารจำนวนมหาศาล ของเซอร์ซีสไม่ได้ ในที่สุด กษัตริย์ลีโอนีดาสก็ถูกสังหารพร้อมด้วยทหารสปาตา 300 นาย โดยในช่วงเวลาก่อนที่การรบจะสิ้นสุด นักรบสปาร์ตาได้ถูกบีบให้เข้าไป ในส่วนที่แคบที่สุดของช่องเขา ทหารชาวสปาร์ตาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ได้พยายามต่อสู้เพื่อแย่งชิงพระศพกษัตริย์ ลีโอนีดาส ของพวกเขากลับคืนมา ก่อนที่ทหารผู้นั้นจะถูกสังหารโดยทหารเปอร์เซีย
ชุดนักรบ เปอร์เซีย ที่คิดว่าน่าจะใส่กันแบบนี้
ชุดนักรบ สปาร์ตา ** แต่มีบางคนบอกว่า ยุคกรีก เครื่องแบบทหารไม่น่าเป็นแบบ อลังการแบบนี้ หรือไม่ก็ว่า ถึงขนาด แก้ผ้ารบกันเลย ทีเดียว
กษัตริย์ลีโอนีดาส ในเรื่องขุนศึก 300
อนุสาวรีย์ กษัตริย์ลีโอนีดาส ในประเทศกรีซ
แล้ว เรื่องราวต่อจากนี้ ( ขุนศึก 300 ตาย ) จะเป็นไงต่อ ?
หลังจากทัพเปอร์เซียผ่านช่องเขาเทอร์โมไพลี ไปได้ เซอร์ซีสก็ทรงให้กองทัพเข้าโจมตีนครเอเธนส์และเผาเอเธนส์ พร้อมกับนครต่าง ๆ ซึ่งช่วงแรก ชาวกรีกได้พ่ายแพ้แต่ .... ยังมีชาวกรีกที่เหลืออีกจำนวนหนึ่ง รวบรวมพลและรอวันสู้อยู่
จนกระทั่งวันนึง กองทัพเรือของเอเธนส์ที่นำโดยเธมิสโตเคิล นำทัพเรือโดยชาวกรีก ก็เอาชนะทัพเรือเปอร์เซียได้ที่ซาลามีส และจมเรือเปอร์เซียได้กว่า 200 ลำ ขณะที่กำลังทางบกของฝ่ายกรีกซึ่งนำโดยกองทหารสปาร์ตาก็เอาชนะกองทัพเปอร์เซียได้ในการรบครั้งใหญ่ที่พลาเทีย ทำให้เซอร์ซีสต้องถอยทัพกลับไปพร้อมกับความปราชัยอย่างย่อยยับ ในสงครามครั้งนี้ วีรกรรมของลีโอนีดาสและเหล่าผู้กล้าทั้งสามร้อยนายที่สละชีวิตในช่องเทอร์โมไพลีได้กลายเป็นตำนานและยังคงเป็นที่เล่าขานกันมาจนตราบทุกวันนี้
รูป กองเรือ และแผนที่ Salamis ในอดีต
Salamis หรือ Salamina ณ.ปัจจุบัน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ไปแล้ว
ข้อมูล แหล่งที่มา และรูปภาพทั้งหมด มาจาก
http://www.panoramio.com
http://edsitement.neh.gov/edsitements-persian-wars-resource-pages
http://joseph_berrigan.tripod.com/ancientbabylon/id28.html
http://www.britannica.com/EBchecked/topic/591707/Thermopylae
http://writer.dek-d.com/churocker/story/viewlongc.php?id=648832&chapter=5
ขอบคุณกระทู้ของคุณ
มิลานน้อย จาก
Pantip
ชอบก็แผล่บ + โหวตให้หน่อยนะครับ