“นิวศุภวุฒิ” มูฮัมหมัด อุสมานมูซา!!
ย้อนกลับไปหลัง ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ผงาดคว้าแชมป์อาเซียน ปี 2008 ด้วยทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี จนทำให้กำเกิดเจเนเรชั่นใหม่แห่งวงการโต๊ะเล็กอย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน, กฤษดา วงษ์แก้ว และคนอื่นๆ ทว่าหลังจากนั้นต้องบอกเลยว่า แทบยังไม่มีใครจะทำผลงานได้พุ่งปรี๊ดก้าวมาเป็นเจนใหม่แบบพร้อมๆ กัน เพราะเราไม่เคยปั้นแบบยกชุดแบบนี้อีก.
สำหรับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 ที่จะฟาดแข้งกันระหว่างวันที่ 23-29 ม.ค.นี้ ณ อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ถือเป็นโอกาสดีไม่น้อยที่เราจะมีโอกาสเห็นแข้งฟุตซอลแห่งอนาคตลงทำการแข่งขันเพื่อป้องกันแชมป์ หลัง “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ เปิดโอกาสให้ มิเกล โรดริโก้ กุนซือชาวสเปนปั้นเด็กชุดใหม่ขึ้นมารอการทดแทนรุ่นพี่
มูฮัมหมัด อุสมานมูซา คือหนึ่งในนักเตะเหล่านั้น
“เหม็ด” กองหน้าดาวจรัสแสงที่เพิ่งจะอายุ 19 ปีบริบูรณ์ ไปเมื่อวันที่19 ม.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งนักเตะที่ทำผลงานในระดับเยาวชนได้อย่างยอดเยี่ยม จนก้าวกระโดดมาเป็นที่จับตามองเลยทีเดียวว่า เขาคนนี้แหละ จะแปลงร่างกลายไปเป็น “นิวศุภวุฒิ” (ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง) ซึ่งถูกสถาปนาเป็นพ่อมดฟุตซอลของเมืองไทยรายที่ 2 ต่อจากรุ่นพี่อย่าง “พี่บัง” อนุชา มั่นเจริญ
จุดเริ่มต้น....
มูฮัมหมัด อุสมานมูซา หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าหนุ่มน้อยรายนี้คือลูกครึ่ง โดยพ่อของ “เหม็ด” เป็นชาวกาน่า ส่วนคุณแม่เป็นคนไทย และเหม็ดเองก็เกิดที่ประเทศไทย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าตัวพลาดโอกาสมาตลอด คือการไม่เคยได้เห็นหน้าคุณพ่อของเขาเองแบบเป็นๆ สักครั้ง จนช่วงอายุ 4 ขวบ เขาก็ทราบข่าวว่าท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเหม็ดเองก็อาศัยอยู่กับยายมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้
“เหม็ด” เริ่มการเรียนรู้โดยเข้าเรียนอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนกิ่งเพชร ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดแรกที่เขาได้เรื่มรู้จักการเล่นฟุตซอล แม้ว่าจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จริงจังนัก ก่อนที่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร และที่นี่เองสอนให้เขาเริ่มจริงจังกับเกมโต๊ะเล็ก จากนั้นในช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เขาเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนราชวินิต บางเขน
จากเด็กน้อยที่เกิดมาไร้ความอบอุ่นจากพ่อแม่ แต่เขาเองกลับทำให้สิ่งที่น่านับถือ เพราะเขาเองไม่ได้ท้อถอยต่อโชคชะตาของตัวเองเลยแม้แต่น้อย และที่โรงเรียนราชวินิต บางเขน นี่เอง มันเปรียบเสมือนการสร้างชื่อให้ตัวเขาเองกลายเป็นที่รู้จัก หลังโชว์ฟอร์มการยิงประตูเป็นว่าเล่น พาทีมไล่กวาดแชมป์ชนิดเก็บเรียบแทบไม่แบ่งให้ใคร
ด้วยผลงานที่ชัดเจนในวัย 18 ปี มูฮัมหมัด อุสมานมูซา เลยถูก แบงค็อก บีทีเอส จับเซ็นสัญญาเข้ารังร่วมสู้ศึกฟุตซอลลีก และเพียงเกมแรกก็มีชื่อลงสนามทันที จากนั้นผ่านไปอีก 3 นัดเจ้าตัวก็สามารถปลดล็อกทำประตูแรกในสีเสื้อสโมสรได้ในเกมกับ นนทบุรี และผลงานของ “เหม็ด” ก็ค่อยๆ พัฒนา ยิงได้ 3 ประตูในฤดูกาลที่ผ่านมา จนถูกเรียกมาติดทีมชาติไทย เพื่อเตรียมป้องกันแชมป์อาเซียน ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว
ในส่วนของผลงานกับเกมระดับทีมชาติ “เหม็ด” มีโอกาสลงสนามในช่วงอุ่นเครื่องกับสโมสรคิตะ คิวชู ทีมจากลีกญี่ปุ่น และเจ้าตัวก็สามารถเปิดสกอร์แรกในเสื้อทีมชาติไทยได้เป็นเรียบร้อยแล้ว จนต่อเนื่องมาถึงการเรียกตัวรอบสอง มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ก็ไม่พลาดจะมีชื่อ และล่าสุดก็ติดอยู่ในทีม 14 คนสุดท้ายที่จะลงแข่งในเดือนนี้ด้วย
แน่นอนว่าด้วยวัยเพียงเท่านี้ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ยังมีเวลาพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ หากเขาเองได้โอกาส ซึ่งเจ้าตัวเองก็เผยว่า จากการถูกเรียกมาเก็บตัวกับทีมชาติ ทำให้ตนเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งความแข็งแกร่งของร่างกาย การเคลื่อนตัวที่คล่องขึ้น รวมถึงได้เรียนรู้อะไรใหม่จากโค้ชและพวกรุ่นพี่ ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวก็มีเป้าหมายชัดเจน นั่นคือการยิงประตูให้ได้เยอะๆ และพาทีมชาติไทย คว้าแชมป์ให้ได้
ขณะเดียวกัน มิเกล โรดริโก้ เฮดโค้ชชาวสเปน พูดถึง “เหม็ด” ว่า สไตล์ของเหม็ดต่างไปจาก ศุภวุฒิ เหม็ดเป็นกองหน้าตัวบังบอลคล้ายๆ “เบเตา” ของบราซิล หรือในฟุตซอลโลกก็เป็น “ลิมา” ของรัสเซีย ศุภวุฒิเป็นกองหน้าวันทัชโป้งปิดบัญชี แต่เหม็ดคือหน้าเป้าที่บังบอล เก็บบอลได้ ซึ่งหาได้ยากในเมืองไทย จากที่ดู หากเขาเพิ่มประสบการณ์ และพัฒนาไปเรื่อยๆ อีก 2-3 ปี เขาจะเป็นยอดกองหน้าระดับเอเชีย
ก็ต้องมาติดตามและจับตากันนะครับว่า มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ดาวยิงลูกครึ่งกาน่า ในวัย 19 ปี ผู้นี้ จะสร้างสรรค์ผลงานการยิงประตูได้มากน้อยแค่ไหนกับการเป็นกองหน้าตัวความหวังจบสกอร์ในศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้ รวมถึงเจ้าตัวจะพัฒนาไปเป็น “นิวศุภวุฒิ” เหมือนอย่างที่ใครหลายคนตั้งความหวังได้หรือไม่ อีกไม่นานเราคงได้รู้กันครับ
เรื่อง...อ้น กันตัง (AK7)
http://ftlofficial.com/news-detail.php?article_id=20170121192305111
