รีวิว : Arrival ผู้มาเยือน
[No Spoil นอกตัวอย่างหนัง]

เพราะคาดหวังไว้สูง จึงผิดหวังมาก
จากรีวิว และพล็อตที่ได้อ่านตอนแรก
หวังว่าจะเป็นหนังที่ชอบที่สุดเรื่องหนึ่งของตัวเองเลย..
แต่ต้องบอกว่าผิดหวังแรง !!
(ดูมาสัปดาห์กว่าพึ่งมีอารมณ์รีวิว)

ออกตัวก่อนเลยว่า.
ไม่ได้หวังฉากสู้รบมันส์ๆ ไม่ได้หวังว่าจะเห็นอะไรอลังการตามหนัง Sci-fi
เป็นคนชอบดูหนังแนวปรัชญา แนวตีความพอสมควร

รู้แนวทางหนังทุกอย่างก่อนเขาไปดู
และเข้าใจสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อครับ..
แต่เหตุผลที่ไม่ชอบคือ... ตามบทความข้างล่างต่อไปนี้

.
.

คุณเคยคิดไหมว่า...
ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวบุกโลกมาจริงๆ
แล้วเราไม่มีวุ้นแปลภาษาของโดราเอมอน
เราจะสื่อสารกันได้อย่างไร ??

ถึงคราวที่โลกเผชิญกับ "ผู้มาเยือน"
ซึ่งมาเป็นจำนวนถึง 12 ลำทั่วโลกด้วยกัน
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการอะไร
เพวกเราเป็น "มิตร" หรือ "ศัตรู"

แน่นอนว่าโลกของเราไม่ใช่ระบบผู้นำเดียว
ไม่มีประเทศใดสามารถฟันธงได้ว่า
เราจะทำอย่างไรกับพวกเขา
จึงมีความคิดเห็นที่แตกต่าง
ทั้ง "รอดูท่าที" หรือ "โจมตี"





นางเอกของเรา ซึ่งเป็นนักภาษาศาสตร์
ระดับหัวกะทิของโลก ก็เลยต้องรับภารกิจ
พยายามสื่อสารกับผู้มาเยือนให้ได้
ก่อนที่ประเทศต่างๆจะเปิดการโจมตี
และนำไปสู่สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์

ชอบพล็อตเรื่องตรงที่ว่า..
มนุษย์พยายามสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว
หนังทำออกมาสมจริง และชวนให้ติดตามมากๆ

แม้ว่าการดำเนินเรื่องจะดูเรียบๆ นิ่งๆ แต่ทรงพลัง
แต่ชวนให้ลุ้นและละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ
ให้อารมณ์เหมือนเราเป็นหนึ่งในทีมที่เข้าเจรจาด้วย
จุดนี้ชอบมากๆๆๆๆ

การตัดภาพเล่าเรื่อง สลับภาพไปมา
ทำออกมาได้น่าสนใจ และปูบททุกอย่างมาดีมากครับ

แต่มาเกลียดตรงที่ !!!
วิธีจบ จุดลงของเรื่องทั้งหมด
ไม่ถูกใจ และถูกจริต อย่างแรง
มันดูขัดกับที่หนังทำดีมาตลอดตั้งแต่ต้น
(มันก็อาจจะมีคนชอบมาก แต่ไม่ใช่ทางของเรา)

นั่งดูแล้วรู้สึก..
ไม่นะ จะเล่นประเด็นนี้จริงๆเหรอ
จะจบแบบนี้จริงๆใช่ไหม

ถึงแม้ว่าสิ่งที่หนังตั้งใจจะสื่อมันจะโอเค
แปลกใหม่ ดีและลึกซึ้ง ปูมาบทมาก็ดีด้วย
แต่เราไม่โอเคคคค ไม่ชอบมากๆเลย

เอาจริงๆถ้าเราเป็นผู้กำกับก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
ว่าจะให้จบแบบไหนถึงจะดี ถึงจะถูกใจเรา
แต่แอบคาดหวังว่ามันจะไม่เล่นประเด็นอะไรแบบนี้..

สรุป... ชอบครึ่ง ไม่ชอบครึ่ง
แต่จุดที่ไม่ชอบมันอิมแพคต่อจิตใจ
ความคาดหวังเหลือเกิน..

อ่อ ถึงคนที่อยากเข้าไปดู
เรื่องนี้เป็นหนัง Sci-fi แต่ไม่ใช่แนวเอเลี่ยนบุกโลก ยิงกันตู้มต้าม แบบไม่มีเหตุผล
ออกแนวหนังปรัชญา หนังภาษาศาสตร์เลย
ใครไม่ชอบหนังที่ต้องคิดตามเยอะๆ หลับครับ..

#ไม่ใช่นักวิจารณ์
#ก็แค่คนชอบดูหนัง
#อนึ่งรสนิยมการดูหนังเป็นเรื่องส่วนบุคคล
#หนังโปรดของผมอาจจะไม่ใช่หนังโปรดของคุณ

แต่ถูกจริตผมเหลือเกิน

เด่วต้องลองไปดู

เป็นหนังดีอีกหนึ่งเรื่องที่คุ้มกับค่าตั๋วสุดๆ

โชคดีที่ได้ดู

ถึงบอกว่าที่ไปดูเพราะมันแบบนี้แหละครับ เป็นหนังที่คะแนนสุดโต่ง ไม่ห่วยสุดก็ดีสุดไปเลย แทบไม่เจอคนให้คะแนนแบบกึ่งกลางเลยครับ



แต่ผมชอบนะ

ดีกว่า ลา ลา แลนด์เยอะ

เอาจริงๆผมชอบทุกอย่างเลย ยกเว้นประเด็นที่ใช้จบเรื่อง 55555

คือดีนะ แต่ไม่ชอบเฉยๆ 5555555

ผมโคตรชอบ เมื่อคืนดูเสร็จออกมาปลื้มปลิ่มมาก หาหนังไซไฟแบบบทดีๆแบบนี้ยากนะ

จนวันนี้ก็ยังสงสัยมาตลอด


สนุกและดีงามมากสำหรับผม

ชื่อหนังอ่านว่า อาไรว้าล์

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีตังค์เรื่องนี้รอออกแผ่นละกัน

ตอนแรกผมก็คิดว่าจบไม่ค่อยดีครับ แต่หลังจากอ่านบทความนี้ผมก็คิดได้ใหม่

http://minimore.com/b/b6hiK/6

ทุกอย่างมีเฉลยไว้ในหนังแล้วครับ แต่แค่บางจุดหนังอธิบายไว้แค่สั้นๆ (สั้นมากก) จนเราไม่คิดว่าเป็นประเด็น

ชอบกว่าลาลาแลนด์ด้วยคน

ตลอดการดูหนังคือได้ขบคิด หัวจะแตกแข่งกะพวกนางเอกอยู่แล้ว จนถึงตอนเฉลยความจริงละมาบทสรุป ชอบมากกก จริง ๆ พอย้อนกลับไปคิดเหมือนหนังมันใบ้ว่าจะจบทางนี้มาตลอด แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันสอนเรื่องชีวิตด้วยอะ และที่นึกไม่ถึงคือแฝงเรื่องความรักเอาไว้แบบเนียนกริ๊บเลย ไม่คิดว่า Denis Villeneuve จะทำหนังได้ชวนอบอุ่นปนขมขนาดนี้ เห็นหนังที่ผ่านมาแกโคตรหดหู่แต่ละเรื่อง มาเจอเรื่องนี้อยากลุกขึ้นปรบมือให้ในโรง

Amy Adams ปีนี้สวยมาก ๆ ทั้งใน Arrival กะ Nocturnal Animals เป็นนักแสดงที่ฝีมือดีแล้วเลือกงานเก่งมาก ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้เห็นบ่อย ๆ แต่มาทีทำให้คนพูดถึงได้ตลอด ปลื้มมาก ส่วน Jeremy Renner บทอาจเป็นรองแต่เข้ากะเอมี่จริง ๆ ช่วยเสริมให้ฝ่ายหญิงโดดเด่นด้วย ปกติชอบแกในบทพระรอง พอขึ้นเป็นพระเอกทีไรไม่ค่อยอิน มาเรื่องนี้นี่เออออออ มันต้องอย่างนี้สักที

ผมก็เหมือนกัน สงสัยคาดหวังมากเกินไป

คือหนังมันเล่าท่ายาก ท่ายากจนหวังว่ามันจะมีอะไรให้เรา

พอตอนเฉลยนี่ไม่ impact เลย ถึงแม้ว่ามันค่อนข้างน่าสนใจ แต่ไม่ได้อึ้งขนาดนั้น



แต่ยังไงประเด็นของหนังก็ยังเจ๋งอยู่ดี

รวมถึงตัว Renner ที่ผมชอบคาแรกเตอร์มาก

ที่สุดคือ Amy Adams นี่เจ๋งมาก มีหนังเจ๋งๆ สองเรื่องในปีเดียว

Ost. ก็เพราะดี

เจ็บใจที่มาแนวsci fi จบแนวไสย 555

ผมชอบมากครับ ไม่ได้สงสัยอะไรมาก หนังพูดไรก็เชื่อ

ดูจบรู้สึกโดนใจดีครับ

หนังแนะนำ

ผมชอบที่เขาเหตุผลนี้เชื่อมโยงครับ แต่ไม่ชอบที่เอามาใช้ในหนังเรื่องนี้ 55555

คือแอบอยากให้มันจบแบบ



คือเห็นด้วยว่าหนังทำดี แต่ไม่ชอบ 5555555555

เหมือนรู้ว่าเมสซ๊่ กับซัวเรสเก่งแต่ผมก็ไม่ค่อยชอบ

ใส่ Spoil แนวจบก็ดีครับ

ถ้าแบบผมมาเจอนี่คือตัดอารมณ์ลุ้นพอสมควร 5555

เป็นหนังที่ทุเรศมากสำหรับผม คือไม่ได้ดูตัวอย่าง รู้ว่าไม่ใช่แอคชั่น ละก็ไม่คิดจะดูโรงแต่ดันต้องดู ดูจบคือผมว่าผมเข้าใจนะ อินด้วยเลยโคตรไม่ชอบ

กดไลค์เพราะคนลายเซ็นเท่านั้นเลย

เท่าที่ดูมาแล้ว ชอบที่สุดคือระหว่างทางที่เราดู

ส่วนเรื่องประเด็นที่หนังจะพูดทั้งหมด มันดูเป็นเรื่องที่จับต้องลำบาก

คล้าย ๆ กับที่พลเมืองของโลกจะต้องคิดและวิตกต่อสิ่งที่เรายังไม่รู้นั่นหล่ะ

แต่ไม่แนะนำสำหรับคนหัวช้านะครับ เข้าไปดูเรื่องแบบนี้ หัวช้านี่ร่วงกลางทางแนะนอน

แบ่งๆกันน่ารักเกิ๊น

ผู้กำกับคนนี้ ทำแต่แนวดั่งเข้าจิตใจมนุษย์ได้ดีเลยนะผมว่า Sicario ก็จิกเบาๆ แต่ก็แสบใช่เล่น แต่ผมชอบ Prisoner ที่สุด ที่เกลียดคือเรื่อง Enemy ค่อนข้างผิดหวัง

ส่วนเรื่องนี้ก็ถือว่าชอบนะ บางคนว่าดีกว่า Interstellar
แต่ผมยังชอบ Interstellar มากกว่า Arrival นะ

ปล.รอดู Blade Runner 2049 งานแกอีกเรื่อง น่าจะแจ่มอยู่ ชอบไรอัน กอสลิ่ง