พูดก็พูดเลยว่า เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้น่าจะเป็น “ศึกแดงเดือด” ที่มีความดุดันและเผ็ดมันส์มากที่สุดเกมนึงในรอบหลายปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้

ตามปกติแล้วเกมการดวลกันระหว่างสองคู่ปรับตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลในช่วงปีหลังๆ มักจะเน้นความแน่นอน เอาชัวร์ไว้ก่อนหรือกระทั่งตอนที่ยิงกันด้วยจำนวนประตูที่มากกว่าผลเสมอ 1-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเกมนี้ แต่มันก็มักจะเกิดขึ้นจากช่องว่างระหว่างฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมในช่วงเวลาดังกล่าวเสียมากกว่า ไม่ใช่บดบี้ แลกหมัดกันเท่าที่จะทำได้แบบนี้

ส่วนตัวผมมองว่ามันเป็นเพราะความ “ไม่พร้อม” ทางด้านตัวผู้เล่นของ “หงส์แดง” ด้วยที่ขาดอาวุธหนักอย่างซาดิโอ มาเน่ไปเพราะรับใช้ชาติ ส่วนเฟลิปเป้ คูติญโญ่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพเต็มร้อย ทำให้เจอร์เก้น คล็อปต้องเน้นความละเอียดของเกมให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเล่น “เกเก้น เพลสซิ่ง” และการได้ประตูขึ้นนำก่อนค่อนข้างเร็วตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ก็ทำให้ทีมเยือนเล่นง่ายขึ้น มีพื้นที่เปิดมากขึ้นเวลาเล่นเกมสวนกลับ

ขณะเดียวกันทาง แมนฯยูไนเต็ด เองสภาพทีมพร้อมกว่า แถมเล่นในบ้าน แน่นอนว่าต้องใช้เกมบุกเป็นหลักอยู่แล้ว ยิ่งโดนนำไปก่อน ก็ไม่ต้องมองทางเลือกอื่นใดเลยนอกต้องเดินหน้าอย่างเดียว ก่อนจะเข้าสู่บทสรุปของเกมที่พวกเขาต้องการด้วยการทำประตูตีเสมอได้จากซลาตัน อิบราฮิโมวิชในช่วงท้าย(แม้ว่าจังหวะก่อนหน้าที่อันโตนิโอ วาเลนเซียจะเปิดนั้นล้ำหน้า แต่ไลน์แมนไม่ตีธงก็ตาม)

ด้วยฟอร์มการเล่น สภาพนักเตะและแท็คติกที่มีแล้วนั้น ผมมองว่าการแบ่งกันไปทีมละแต้มก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจะยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย แม้ว่าทางลิเวอร์พูลอาจจะรู้สึกเสียดายมากกว่า แต่สำหรับเกมบิ๊กทีมที่ต้องออกมาเยือนแล้วนั้น มีแต้มติดไม้ติดมือก็ไม่ได้แย่ แน่นอนว่า “ปีศาจแดง” เองก็เช่นกัน

แต่ในระดับของความ “โอเค” ดังกล่าวของทางแมนฯยูไนเต็ดแล้วนั้น มันมีปัญหาที่ย้อนกลับมาให้ได้เห็นอีกครั้ง

ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่อะไรหรือใครที่ไหน แต่เป็นปอล ป็อกบานั่นเอง

เกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมกล้าพูดว่านักเตะของทั้งสองทีมเล่นได้ดีกันเกือบทุกคน เด่นกันคนละด้านคนละแบบหรือบางคนอย่างไมเคิ่ล คาร์ริคอาจจะไม่ใช่เกมของเขา แต่มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ผิดกับดาวเตะเฟร้นช์แมน

ป็อกบาเริ่มต้นเกมด้วยทรงผมใหม่(อีกแล้ว)พร้อมย้อมสีสะท้อนแสง โดดเด่นเป็นสง่า ตามสไตล์ที่ชอบเป็นที่สนใจและถูกจับจ้องของเจ้าตัว ถ้าให้วิเคราะห์จากคาแร็คเตอร์ที่เด่นชัดของเขาแล้วนั้น เชื่อว่า ป็อกบา คงจะคิดภาพเอาไว้ว่าเกมนี้ตัวเองจะต้องโชว์ฟอร์มสะเด่าออกมาให้ทุกคนได้เห็น ให้มันสมกับทรงผมใหม่

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามกลับไม่ใช่แบบนั้น !

แข้งค่าตัวแพงสุดในโลกถูกการเพรสซิ่งกดดันอย่างรวดเร็วของบรรดานักเตะลิเวอร์พูลจนทำให้เกิดความผิดพลาดบ่อยครั้ง แม้กระทั่งการจ่ายในระยะสั้นโดยไม่ต้องพูดถึงลูกโยนจากแนวลึกที่เจ้าตัวมักจะทำได้ดีก่อนหน้านี้ อันนี้ต้องชมทางคล็อปป์ว่าวางแผนมาเป็นอย่างดีในการบีบกดดันกองกลางของแมนฯยูไนเต็ดที่ต้องการเวลาและพื้นที่ในการเซ็ตบอล

ปกติแล้ว ป็อกบา จะเล่นได้ง่ายกว่านี้เวลาเจอกับทีมอื่นเพราะไม่ได้โดนเพรสซิ่งด้วยความเร็วสูงและแม่นยำในเรื่องของการบีบพื้นที่มากขนาดนี้ เพราะจะได้เอร์เรร่าเป็นตัววิ่งไล่เปิดช่องและคาร์ริคคอยคุมจังหวะให้ แต่เกมนี้แกนกลางตัวหลักอย่างคาร์ริคสู้สปีดของทางทีมเยือนไม่ไหว ป็อกบาเลยแผงฤทธิ์ไม่ออกไปด้วย

มิหนำซ้ำพอเล่นไม่ออกก็ยิ่งกดดันตัวเอง แล้วฝืนเล่นยากในหลายๆจังหวะจนสุดท้ายทำให้ทีมค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะเมื่อตัวทำเกมจังหวะรวน เกมในสนามมันก็จะรวนไปด้วย

ไม่ใช่แค่โชว์ฟอร์มไม่ออก แต่เจ้าตัวดันพลาดแบบ “เสียหมา” ในจังหวะที่ไปทำแฮนด์บอลจนทีมเสียจุดโทษและขึ้นนำไปก่อน ลูกนั้นเชื่อว่าแฟนแมนฯยูฯหลายคนเองก็คงงงเหมือนกันว่า “มึงทำเพื่อ?”

บวกด้วยจังหวะหัวร้อน เหนี่ยวล็อคคอจนจอร์แดน เฮนเดอร์สันล้มหน้าคะมำ แต่ดีไม่โดนคาดโทษอะไร บ่งบอกได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่เกมของเขา

จริงๆแล้วช่วงก่อนหน้าเกมนี้ ป็อกบา ถือว่าเล่นได้ค่อนข้างดีต่อเนื่อง มีส่วนกับการทำประตูทั้งยิงเองและจ่ายให้เพื่อน แต่ก็อย่างที่บอกไปว่ามันมีปัจจัยของเกมกลางสนามจากเพื่อนร่วมทีมด้วย

และนอกเหนือจากนั้น ผมมองว่าเขามีอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งผมมองว่ามันเป็นปัญหาของนักฟุตบอลสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเตะที่มีอุปนิสัย ลักษณะคล้ายคลึงกับป็อกบาและมันส่งผลค่อนข้างมากต่อผลงานในสนามและจะเห็นได้เด่นชัดในเกมใหญ่ๆที่มีความกดดันสูง นั่นคือเรื่องของ “สมาธิ”

ว่ากันตามตรง แข้งเฟร้นช์แมนดูจะไม่ได้สนใจแค่เรื่องฟอร์มการเล่นของตัวเองในสนามเท่านั้น ผมไม่ได้จะบอกว่าเขาสนใจเรื่องนอกสนามมากกว่าฟอร์มการเล่น เพราะนักเตะที่มั่นใจในตัวเองและเกลียดการพ่ายแพ้อย่างเขาชอบที่จะพิสูจน์ตัวเองในระดับที่สูงขึ้นไปมากกว่า เพียงแต่บางครั้งเวลาที่มีเรื่องอื่นให้สนใจ มันย่อมทำให้สมาธิในสนามลดลงไปหรือไม่ได้แน่วแน่มากพอในยามที่ต้องบีบเค้นโฟกัสให้อยู่ในจุดๆเดียว

และบางทีมันอาจจะเป็นเส้นบางๆระหว่างนักเตะที่เก่งกับโคตรนักเตะ เส้นบางๆที่นักฟุตบอลหลายคนไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ เพราะไม่ได้มีสมาธิและความแน่วแน่ในเกมการแข่งขันที่มากพอ

ด้วยทักษะ รูปร่าง ความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองของ ป็อกบา ผมเชื่อว่าเขามีของมากพอที่จะทำให้ไปไกลได้สุดขอบเส้นทางของเขาต้องการ แต่มันจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาต้องรีบทำความเข้าใจกับเกมการเล่นของตัวเองและตั้งสมาธิให้อยู่กับร่องกับรอย ไม่ใช่สามวันดีสี่วันไข้

ระดับความคาดหวังของเม็ดเงินที่ทุ่มไปเป็นสถิติโลกของแมนฯยูไนเต็ดนั้น คงไม่ได้คิดแค่ให้ ป็อกบา มาจ่ายแอสซิสต์สามสี่เกมครั้ง เล่นดีบ้างแย่บ้างปะปนกันไปแน่นอน เรียกง่ายๆเลยว่า ต้องเป็นที่พึ่งหรือความหวังของทีมได้

บางคนอาจจะบอกว่าตัว ป็อกบา เองเพิ่งจะอายุแค่ 23 ปี จะให้แบกทีมอะไรนักหนา แต่รู้ไหมครับว่า ช่วงวัยนี้นี่แหละจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเล่นในระยะเวลาที่เหลือของนักฟุตบอลจนถึงจุดพีคว่า เขาจะแน่วแน่อยู่กับการเล่นของตัวเองหรือแฉลบออกซ้ายขวา ไม่ก็ถอยหลังลงคลองไปเลยอย่างที่มีให้เห็นหลายต่อหลายคนมาแล้ว

ปัญหาของ ป็อกบา อยู่ที่สมาธิ ไม่ได้อยู่ที่ทัศนคติในการเล่นเหมือนอย่างกรณีของหลุยส์ นานี่อดีตแข้งรุ่นพี่ในทีม "ปีศาจแดง" หรือ ริคาร์โด้ กวาเรสม่าที่สกิลแพรวพราวมากที่สุดนนึงในโลก แต่ใช้ไม่ถูกจังหวะ จนสุดท้ายออกทะเล กว่าจะกลับมาได้อายุอานามก็ปาไป 30 กว่าแล้ว กรณีนี้ของ ป็อกบา ถือว่าไม่ได้เลวร้าย แก้ไขได้ แค่ต้องรีบทำ

ฉะนั้นก็ได้แต่หวังครับว่า ป็อกบา จะหาจุดที่ตัวเองบมเพาะสมาธิให้อยู่ในเกมได้อย่างมั่นคงและก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะที่ดีกว่าเดิมให้ได้ ไม่ได้หวังแค่เล่นให้ดีพอประมาณแล้วแอ็คอาร์ตโชว์เท่ซะเต็มที่

เพราะเมื่อถึงเวลาที่ก้าวขึ้นไปเป็นโคตรแข้งระดับแนวหน้าของโลกได้เมื่อไหร่

ตอนนั้นจะตัดผมทรงไหน ทำสีผมอะไร ทำตัวน่าหมั่นไส้แค่ไหน ...

ก็เรื่องของเอ็งเห๊อะ !


-------------------------------------------------------------------



ปล.ติชมได้เช่นเคยครับ ขอบคุณครับ

เขียนได้ดีครับ

เห็นด้วยเลยเรื่องนี้ นักฟุตบอลฟอร์มจะดีบ้างฟอร์มตกบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่กรณีป๊อกนี่ฟอร์มอาจจะตกเพราะสนใจเรื่องภาพลักษณ์มากพอๆ กับเรื่องในสนาม

อ่านแล้วนึกถึงโด้เพราะต่อให้มันจะหล่อ/จะรักษาภาพลักษณ์ยังไง เรื่องฟุตบอล
ก็มาเป็นอันดับที่ 1 อยู่ดี อยากให้ป็อกเห็นความผิดพลาดแล้วปรับปรุงตัวเองได้
ยังไงก็มีดีติดตัวอยู่แล้ว

ผมเห็นด้วยกับที่ว่าป็อกบาเสียสมาธิทั้งในสนาม และเรื่องนอกสนามครับ

ตั้งแต่เริ่มเกม ผมคิดว่าป็อกบาดูเหมือนจะกดดันตัวเองรนๆล่กๆ อาจเพราะเป็นเกมสำคัญ เลยอยากทำผลงานให้ดี แต่ผลดันกลับกัน

พอทำเสียจุดโทษ ณ ตอนนั้นผมมั่นใจเลยว่าป็อกบาเป๋ไปตลอดเกมแน่ๆ ซึ่งก็ค่อนข้างจริง

ปัญหาของป็อกบาคือการควบคุมสมาธิ ควบคุมอารม และสภาพจิตใจให้นิ่งๆยังไม่ได้ครับ

ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อป็อกบาทำพลาด หรือทำอะไรได้ไม่ดี เขาจะพยายามแก้ตัวให้ได้เร็วๆ ซึ่งมันกลายเป็นความกดดันแทน ยิ่งโฟกัสกับเรื่องนี้มาก ก็จะรบกวนการเล่นแบบปกติๆ

ของแบบนี้คงต้องใช้เวลาช่วยครับ พอเขาอายุมากขึ้นมันน่าจะดีขึ้นนะ

จากเหตุการณ์นั้น ทำให้สติขาดไปเลย สมาธิเลยเสียไปด้วย
เป๋ทั้งเกมเลย จริงๆหลายนัดที่ผ่านมาผีแดง มีป็อกบาเป็นกลางตัวสำคัญ
ทั้งผ่านบอล เชื่อมเกม ยิงไกล นัดแดงเดือดเป็นแบบนั้นทำให้ประสิทธิภาพเกมรุก
ลดลง เสียดายถ้าไม่สมาธิหลุด เกมรุกจะดีกว่านี้ อันตรายและมีโอกาสได้ประตู
หลากหลายขึ้น ยิงจากแถวสอง ลูกส่งอันตรายก็หายไป

จับมาอยู่ทีมเดียวกันกับ เอ็มเร ชาน ละคงจะเข้าขากันน่าดู คงมองตาก็รู้ใจกันนะ ไอ้พวกยึกยักโชว์ออฟ แอ็คอาร์ต จนทำทีมเสียจังหวะนี่

ผมว่าที่เขียนมามันก็ดูคล้ายๆกับเคสของเกรียนโอ้นะ

แฮนด์บอลลูกนั้น สีผมมันแยงตา ป้อกบาเลยยกมือบังแสง ตอนกำลังขึ้นโหม่งพอดี

ไปปรึกษาพี่เบ็คเลยครับน้องป็อก

อายุแค่ 23
แต่แบก
- ความกดดันกับค่าตัวสถิติโลก
- ความคาดหวังแฟนบอล
- ความคาดหวังจากโค้ช / ทีม
- ความกดดันจากสื่อ
- ฯลฯ

มันก็หนักหนาอยู่นะ สำหรับคนอายุ 23

ตอนเรา 23 นี่ แบกความกดดันได้เท่านี้หรือเปล่าล่ะ ???

มันคงต้องการเวลาอยู่บ้าง นี่แค่ยังไม่ถึงปีเลย

ปล. ผมเด็กหงส์ยังเห็นใจป็อกมันเลย ทำดีเสมอตัว ทำชั่วโดนเละ

นี่แหละข้อเสียของป๊อกเลย

ด้วยความคิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ สตาร์มันเลยอยากโชว์ อยากเล่น

ถ้าทำได้แบบไอ้โด้ไม่ว่าเลย หมอนั้นเลือดซุปตาร์แรง แต่สามารถเอาตัวรอดได้ เข้าใจทิศทางการเล่นมากกว่า

ซึ่งแน่นอนป๊อกมีทักษะที่ดี แต่ต้องใช้ให้ถูกทาง ไม่มั่นใจในตัวเองเกินไป

แต่ก็ไม่แน่หรอก เพราะอิเนสต้าเมื่อก่อนเคยได้ยินกลายๆ ว่าเป็น นิว ซาบี้ แต่ก็มีสกิลแพรวพราวขึ้นมาจนเล่นไปได้อีกแบบ แต่ของแบบนี้มันต้องฝึกฝน

สู้ๆ อายุยังน้อย ยังปรับเปลี่ยนได้

อยู่ที่โคชและนักเตะตรงๆแล้วหล่ะ

ด้วยความท่าเยอะ ท่ายาก ดึงจังหวะ เลยเสียท่าให้กับการรุมเพรสทั้งเกม

จริง ๆ เจ้าตัวก็น่าจะรู้ว่าจะต้องเจอแบบนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นถ่ายบอลเร็ว
พอเล่นไม่ออกก็หัวร้อน ต้องแก้ไข

บทความเขียนได้โดนใจเลยทีเดียวครับ

อยากให้มีคนอย่างลูกพี่คีนอยู่ในทีมด้วยจิง
มาล่กๆ งงๆ แบบนี้ เจอตะหวาดทีสติกลับหมด

ผมว่า ป๊อกเป็นคนดันทุรัง อันนี้ไม่ได้ว่าเพราะ มันคือส่วนที่ต้องแก้ไข

เขาอาจจะสติสตังหลุดหรือไม่ ไม่ทราบได้ แต่ ดูแล้ว เขาพยายามจะ

ครองบอลและมันใจว่าจะครองบอลได้ หรือตั้งใจจะ แก้ไขสิ่งผิดพลาดที่ทำให้เสียไป

แต่แทคติคของลิเวอร์พูลในเกมส์นั้น เล่น 3+1 ตลอดเวลา ป๊อกได้บอลปั๊ป

เข้า 2 รอง 1 ซ้อน 1 ไม่เฉพาะป๊อกที่โดน มาเที่ยว และ มาคิทายาน ก็โดน

แต่สองคนหลังความคล่องตัว และเล่นบอล 1 2 ได้ดีกว่า

ป๊อก เป็นตัวปั้น และ ช้ากว่าในบางจังหวะ และพยายาม จะเปิดบอลเกิดทีเด็ดทีขาด

จึงทำให้ นักเตะลิเวอร์พูลที่มีความคล่องตัว สูง และ เดินแผนอุดและโต้กลับเข้าทาง

ทำให้เสียบอลบ่อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ป๊อกควรรีบปรับ เพราะ ผจก. หัวหมอหลายๆ คน

คงจะเล่นจุดนี้ ทีนี้อยู่ที่ป๊อก ว่า จะครองบอลได้ขนาดไหนแล้ว

เห็นภาพมากเลยครับ หากคีนอยู่นี่คงโดนหลายดอก ฮาๆๆๆๆ

23 นีผมว่าไม่แค่ 23 แล้วนะครับ ทำงานอื่นก้ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญๆ แล้วล่ะครับ แต่ตัวป๊อกกลับไม่ได้โฟกัสกับฟุตบอลที่เป็นหน้าที่สำคัญเท่าที่ควรจะเป็น ไปให้ความสำคัญกับการเป็นจุดสนใจ โฟกัสกับเรื่องนอกสนาม มากกว่า เรื่องความกดดันที่ว่ามันเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ค่าตัวแพง แฟนบอลก็ต้องคาดหวังอยุ่แล้ว โคชกับทีมก็ต้องคาดหวังการยกระดับทีมขึ้น ส่วนเรื่องสื่อ ผมมองว่ามันเลือกได้ครับ มีสมาธิกับฟุตบอลไปก็จบ นี่ทำตัวให้สื่อจับตาตลอดเรียกว่าทำตัวเองมากกว่าครับ

ps.เรื่องฟุตบอลไม่ใช่ปัญหาที่แก้ยากเพราะตัวป๊อกบ้าเองก็มีครบทั้งทักษะ และสภาพร่างกาย ถ้าพัฒนาเกมของตัวเองได้ รู้ว่าจังหวะไหนควรจะทำอะไร ระดับโลกก็อยุ่ไม่ไกล แต่ถ้าก้าวข้ามอิโก้ตัวเองไม่ได้ ติดแอค ติดกับการต้องเป็นจุดสนใจตลอดเวลาไม่ได้ ก็คงไปถึงจัดสูงสุดยากล่ะครับ

ผมว่ามันแค่จังหวะของเกมส์นะที่ป๊อกมันเสียไปวันนั้น คนอื่นๆก็เคยเป็นแต่เดี๋ยวป๊อกมันก็กลับมาได้คุณสมบัติโคตรพร้อมเป็นระดับโลกจริงๆนะตัวนี้

แมนย๒คงต้องตามหานิวรอยคีนกันต่อไปครับ นักเตะที่จะเก๋าเกมส์และมีอิทธิพลกับเพื่อนร่วมทีมอย่างรอยคีน ไม่ได้หากันง่ายๆครับ ถ้าลูกเพ่รอยคีนยังเล่นอยู่น่ะ พวกชอบโชว์ชอบแอ็คโดนเตะขาหักกระจายแน่นอนครับ

อยู่ที่ทัศนคติล้วนๆ ถ้าไม่ติดว่าอยากโชว์เล่นท่ายาก ออกบอลวันทรูง่ายๆ ลึกบ้างขวางบ้าง จะเติมเกมส์ลงต่ำก็ทำได้ง่าย แค่นี้ก็เทพแล้ว

อย่าบ้าโชว์แค่นั้นแหละ

ปล.จงทำและคิดเพื่อทีมก่อนแล้วจะเก่งเอง

บางจังหวะก็ไม่เข้าใจว่ามันจะยากไปทำไม

จะรับมือกับทีมที่เพรสซิง แนวนี้ได้ยังไง

ไม่แบกได้งัยอ่ะ ฝีมือก่อนมา ท็อปฟอร์มนะ
แล้วค่าจ้างละ ก็ไม่น้อย
ตอนอายุ 23 ไม่ได้กดดันขนาดนี้ เพราะไม่ได้ค่าตอบแทนมากขนาดนี้
ค่าจ้างป็อกบา ระดับ CEO บริษัทเลยนะครัช