“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกบอลไทย สั่งเดินหน้าวางแผนพัฒนาวงการลูกหนังไทย 20 ปี ต้องพัฒนาขั้นสูงสุดให้ได้ พร้อมตั้งเป้าอีก 10 ปี ไปฟุตบอลโลก

"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานในการประชุมสภาปฏิรูป และพัฒนากีฬาฟุตบอลแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 ที่ห้องประชุมบุณยะจินดา 1-2 สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 16 ม.ค.

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านวงการฟุตบอลไทยมีการพัฒนา แต่ไม่มีรูปแบบวิธีการที่ชัดเจน และไม่ได้บอกกล่าวว่าต่อไปจะทำอย่างไร จึงจำเป็นจะต้องมีกรอบแนวทาง และรูปแบบวิธีการที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเหตุผลให้เกิดสภาปฏิรูป และพัฒนากีฬาฟุตบอลแห่งชาติขึ้นมาโดยเชิญผู้มีความรู้ประสบการณ์ และผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยกันระดมความคิดในการพัฒนาร่วมกัน เพราะทุกคนเป็นเจ้าของกีฬาฟุตบอล และทีมชาติไทย ทั้งนี้ทุกคนจะช่วยกันเขียนแผนแม่บทฟุตบอลแห่งชาติระยะยาว 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) เพื่อในอนาคตจะได้มีแผนนโยบายให้ทำงานต่อไปได้

“เราจะมีแผนแม่บททั้งแผนระยะสั้น, ระยะกลาง และระยะยาว ที่จะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อจากนี้อีก 20 ปีหลังจากที่ผ่านมากว่า 100 ปีฟุตบอลไทยพัฒนามาอย่างลุ่มๆ ดอนๆ และไม่มีแบบแผน ทั้งนี้ หลังจากตัวเองเข้ามาเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อปีก่อน ซึ่งปีที่ผ่านมาเป็นปีของการซ่อมแซม และปีต่อไปจะเป็นการพัฒนาด้วยแผนแม่บทนี้ที่จะเป็นเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการก้าวสู้วัตถุประสงค์ และความฝันของทีมชาติไทยในการผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะมีการเพิ่มทีมเป็น 48 ทีม ทำให้มีโอกาสมากขึ้น”

ด้าน นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวว่า แนวทางการพัฒนามีอยู่ 4 ข้อ คือ 1.สร้าง และพัฒนาทรัพยากร ทั้งด้านบุคลากร, ทักษะ, ความรู้, การเงิน, เทคโนโลยี และสาธารณูปโภค 2.การแข่งขันที่มีคุณภาพ ทั้งลีกที่มีมาตรฐาน, ผลงานของทีมชาติที่เป็นไปตามเป้าหมาย และแผนพัฒนาเยาวชนที่มีคุณภาพ 3.ก้าวสู้เป้าหมายในเวทีโลก และ 4.รักษามาตรฐานเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะอยู่ในแผนแม่บทพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติระยะยาว 20 ปี

หวังว่าถ้าสมมุติ ว่าเปลี่ยนขั้วอำนาจขึ้นมา เป็นฝั่งพอยี โครงการยังอยู่นะ อย่าทำเสียหมาแบบแต่ก่อนอีกละ

กลัวว่าถ้าเปลี่ยนขั้วแล้วมันจะไม่ต่อเนื่องนี่ละ จริงๆเรื่องพวกนี้ถ้าทำกันมาตั้งแต่ยุควีเจต่อมาวีวี น่าจะดีเนาะ

เห็นการจับฉลากหาแชมป์แล้ว ผมนี้ไม่มั่นใจเลยว่าจะไปได้ไกลขนาดไหน


เด๋วอยู่ๆ สั่งยกเลิกลีค ดื้อๆ ขึ้นมาอีก ทำให้มันเป็นสากลให้ได้ก่อน

มีอย่างหนึ่งที่ผมชอบใจมาก คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ แกได้บอกไว้ชัดเจนคือเรื่องของการปั้นโค้ช

ใน 3 ปีคาดหวังให้มีโค้ชไทยไม่น้อยกว่า 72 คนที่มีความรู้ในระดับโปรไลนเซ็นต์ และมีไม่น้อยกว่า 432 คนสำหรับเอไลเซ็นต์

แสดงว่าเราคงจะได้เห็นการจัดอบรมโค้ชอีกมากมายในอนาคต (แค่ได้ยินว่ามีเอไลเซ็นต์ 4 ร้อยกว่าคนก็น้ำตาจิไหล แบบนี้บีไลเซ็นต์ต้องมีเป็นพันแล้วมั้ง)

เรื่องการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ผมว่าคนที่รักฟุตบอลจริงๆ ทำทีมฟุตบอลเพื่อความก้าวหน้า อยากให้บอลก้าวหน้าทันอารยประเทศแล้ว เขาคงคิดได้และตัดสินใจได้ว่าจะเลือก ทีมใหนเข้ามาทำงาน สมัยแต่ก่อน สโมสรอื่นอีกจำนวณมาก เขาก็อยากเปลี่ยนมาเป็นยุคใหม่แบบนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเพราะอะไร