โกล ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนอ่านว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่านายใหญ่จอมแท็คติคคนปัจจุบันของ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ทำให้"ต่างดาว"บาร์เซโลน่ากลายเป็นทีมที่น่าตื่นเต้นขึ้นหรือไม่จากสมัยที่เขาคุมทีมในถิ่นคัมป์ นู

คำตอบที่ออกมาก็คือ"ใช่" 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้อ่านเห็นด้วยและเสียงส่วนมากยังมองว่าบาร์เซโลน่าของกวาร์ดิโอล่าเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยเห็นในเกมลูกหนัง

"ผมเชื่อว่าในด้านเทคนิคแล้วพวกเขาสุดยอดกว่ามิลานของผมเพราะพวกเขาดูน่าตื่นเต้นกว่าอีก"อาร์ริโก้ ซาคคี่ที่นำ"รอสโซเนรี่"ผงาดคว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัยกล่าว



มันเป็นจุดสูงสุดของการทำงานนานกว่า 3 ทศวรรต ความเข้าใจในความฝันที่โยฮัน ครัฟฟ์นำมาสู่สโมสรโดยเริ่มจากการเป็นนักเตะเมื่อปี 1973 และเป็นโค้ชชุด"ดรีมทีม"เมื่อปี 1998

"โยฮัน ครัฟฟ์สร้างปรัชญาของทีมเมื่อ 30 ปีก่อนและจากนั้นมาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"ชาบีกล่าว

"กวาร์ดิโอล่าเข้าถึงมันได้อย่างเพอร์เฟค"

ขณะเดียวกันอดีตเพื่อนร่วมทีมของกวาร์ดิโอล่าใน"ดรีมทีม"ของครัฟฟ์อย่างโรนัลด์ คูมันก็แสดงความคิดเห็นว่า"เมื่อเขาเป็นผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า ผมได้เห็นทีมบาร์ซ่าที่ดีที่สุดในทุกแง่มุมของฟุตบอล"

"มันมีมาตรฐานสูงอยู่เสมอแต่เขาทำให้มันดีขึ้น 200 เปอร์เซ็นต์ในทุกแง่มุม"



ความสำเร็จที่น่าทึ่งของเขาคือการคว้าแชมป์ 14 รายการจากการแข่งขันทั้งสิ้น 19 รายการ เขากลายเป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวที่คว้า 6 แชมป์ได้ในรอบปีปฏิทิน(ปี 2009 : ลา ลีกา,สแปนิช คัพ,แชมเปี้ยนส์ ลีก,สแปนิช ซูเปอร์ คัพ,ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพและฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ)

มันมีถึง 9 ครั้งที่บาร์เซโลน่าของเขายิงได้ 6 ประตูหรือมากกว่านั้นในเกมเดียว แอตเลติโก มาดริดและเรอัล มาดริดต่างถูกยิง 6 ลูกมาแล้ว ส่วนอัลเมเรียและโอซาซูน่าก็พ่ายแพ้ย่อยยับ 8-0

เป๊ปยังทำให้โลกได้รู้สึกลิโอเนล เมสซี่ในแบบฉบับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

"เขาเก่งกว่าเปเล่"กวาร์ดิโอล่ากล่าว

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากการโทรศัพท์ในช่วงกลางดึกไปหาดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ของกวาร์ดิโอล่า

"ลิโอ นี่เป๊ป เราได้เห็นบางอย่างที่สำคัญมากๆ มันสำคัญจริงๆ ทำไมนายไม่ออกมาหน่อยละ ในตอนนี้เลยนะ ขอร้องละ"มาร์ตี้ เปราร์นูเปิดเผยความลับของกวาร์ดิโอล่า



"วันพรุ่งนี้ที่มาดริด เราต้องการให้นายลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกเหมือนปกติแต่เมื่อใดก็ตามที่เราให้สัญญาณกับนาย เราต้องการให้นายเคลื่อนที่ออกจากแผงมิดฟิลด์และไปยังพื้นที่ว่างที่เราชี้ให้นายเห็น นาทีที่ชาบีหรืออิเนียสต้าตัดบอลได้และส่งให้นาย เราต้องการให้นายทุ่มหน้าไปหากาซีญาสเพื่อทำประตู"

"วันนั้นเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2009 แผนการเล่นประสบความสำเร็จอย่างไร้ที่ติและบาร์ซ่าก็ไล่ถล่มเรอัล มาดริด 6-2 เมสซี่ได้กลายมาเป็นกองหน้าตัวต่ำ"

เขาคว้าแชมป์ลา ลีกา 3 สมัย,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย,ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัยและเวิลด์ คลับ คัพ 2 สมัย บวกกับฟีฟ่าบัลลงดอร์อีก 4 สมัยของเมสซี่และการทำลายทุกสถิติการทำประตูที่เป็นไปได้



ทว่าสื่งที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือกวาร์ดิโอล่าได้สร้างยุคแห่งประวัติศาสตร์ของฟุตบอลซึ่งทำให้เกิดผลกระทบตามมาในภายหลังเมื่อฟุตบอลระดับท็อปคลาสของโลกค่อยๆพัฒนาอย่างกว้างขวางถึงการเล่นเพรสซิ่งและการจะครอบบอลหรือไม่ครองบอล

"เขาเป็นผู้จัดการทีมที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง"อัลเบิร์ต แฟร์เรร์อดีตเพื่อนร่วมทีมของกวาร์ดิโอล่ากล่าว

ทุกอย่างเดินหน้าเปลี่ยนแปลงไปเพราะเป๊ปและเกมฟุตบอลเองก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นแต่บาร์เซโลน่ายังคงมีบางอย่างที่พิเศษ

"พวกเขาเป็นทีมที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในช่วงเวลาของการเป็นผู้จัดการทีม"เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกล่าว

"คงไม่มีใครเจอทีมที่ดีกว่านี้อีกแล้ว"

อืม...โหดกว่ายุคเป๊บมั้ย คิดว่าไม่ครับ แต่จริงๆมันวัดกันลำบาก 1เลยคือติโต้ได้มีโอกาสคุมทีมแค่ปีเดียวเท่านั้นเวลาแกมีเท่านี้โชคไม่ดีครับโรคร้ายพรากเขาไปก่อนเวลาอันควร อีกอย่างก็คือจุดอ่อนสำคัญของบาร์ซ่ายุคติโต้ที่แฟนๆบ่นกันเยอะพอสมควรก็คือเสียประตูเยอะมากๆ เผลอๆจะเยอะกว่ายุคเป๊บร่วมๆ2-3เท่าได้เลย

จากยุคเป๊บที่แนวทางการทำทีมคือ บุกไปและอย่าให้อีกฝั่งได้(แม้แต่)มีโอกาสบุกกลับ>> ใช้กฎ6วิ

เปลี่ยนเป็นยุคติโต้ บุกมาบุกกลับ ติโต้ทำเกมเพลสซิ่งได้ไม่ละเอียดเท่าเป๊บเลย คือเรียกว่าคนละระดับกันเลยก็ได้ แต่ก็แลกมากับการได้โอกาสยิงมากขึ้น เรียกว่าได้อย่างเสียอย่าง จุดด่างพร้อยอีกอย่างก็คือ7-0(รวมไปกลับ)ที่แพ้บาเยิร์นในucl มันเป็นการบ่งบอกได้ดีพอสมควรถึงจุดอ่อนของการใช้เพลสซิ่งที่ไม่ละเอียด แต่ก็ถือว่าติโต้เป็นโค้ชที่ดีและเหมาะสมกับบาร์ซ่าทุกประการ แค่สไตล์ต่างกับเป๊บ > ยังเน้นดันเด็ก/ให้โอกาสเด็กๆกันทั้งคู่ ยังเน้นเล่นเกมบุกสวยงามกันทั้งคู่ แค่รายละเอียดลึกๆต่างกัน แค่แกมีเวลาน้อยเกินไป

ถ้าติโต้มีเวลามากกว่านี้แกอาจจะแก้ไขเรื่องเพลสซิ่งให้ดีขึ้นหรืออาจจะแก้ไม่ได้ ไม่มีใครรู้เพราะเวลาแกมีแค่นั้น แต่ส่วนตัวผมมองว่ายุคของเป๊บโหดที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด แถมตรงตามปรัญชาของปู่ครัฟฟ์ทุกประการ >> บอลมีแค่ลูกเดียว ดังนั้นจงไปเอามาครองซะ หลักง่ายๆแค่นี้เองครับ ถ้าเราครองบอลอยู่เราก็ได้บุก และอีกฝั่งก็บุกไม่ได้ บอลของเป๊บมันโคตรน่ากลัวตรงนี้ละ

อีกฝั่งนึงจะมีนักเตะที่ค่าตัวแพงๆโหดๆ ยิงได้ถล่มทลายหรอ แล้วไงละ ดาบจะคมขนาดไหนก็ไร้ค่าถ้าไม่มีโอกาสได้ชักออกมา นี่แหละครับปรัชญาการทำทีมของเป๊บ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเข้าขั้นเพอร์เฟค ระบบยิ่งละเอียดก็ยิ่งใช้เวลาติดตั้งนาน เหมือนอย่างที่เป็นอยู่กับซิตี้ตอนนี้ หรือที่บาเยิร์นที่กว่าระบบแกจะเริ่มลงตัวก็ซัดไปเกือบครึ่งซีซั่น กว่าจะปรับให้หลอมรวมกับสไตล์เยอรมันได้ก็ร่วมๆ1ซีซั่นเต็มๆ

อีดิทแก้คำผิด

ก็ไม่ใช่แฟนบาซ่านะ แต่เคยฟังแฟนๆบาซ่าเล่าว่าบาซ่ายุต ตีโต้ โหดกว่ายุคเปปซะอีก

โหดกว่าตรงที่ไม่ได้ตะบี้ตะบันบุค ครองบอลอย่างเดียว แต่มีการผ่อนเกมส์เพื่อลวงให้ฝั่งตรงข้ามเข้ามาลึกในแดนกลางและมีพื้นที่ว่างในเกมส์รับให้ทำช่องและเจาะเข้าไปยิงประตู

เปปเป็นผู้สร้างระบบในอุดมคติของโยฮัน ครัฟ ให้เป็นจริง แต่ติโต้เป็นผู้ต่อยอดระบบให้มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์มากขึ้น

ฟังเค้ามา ผิดถูกขออภัย

อืม...โหดกว่ายุคเป๊บมั้ย คิดว่าไม่ครับ แต่จริงๆมันวัดกันลำบาก 1เลยคือติโต้ได้มีโอกาสคุมทีมแค่ปีเดียวเท่านั้นเวลาแกมีเท่านี้โชคไม่ดีครับโรคร้ายพรากเขาไปก่อนเวลาอันควร อีกอย่างก็คือจุดอ่อนสำคัญของบาร์ซ่ายุคติโต้ที่แฟนๆบ่นกันเยอะพอสมควรก็คือเสียประตูเยอะมากๆ เผลอๆจะเยอะกว่ายุคเป๊บร่วมๆ2-3เท่าได้เลย

จากยุคเป๊บที่แนวทางการทำทีมคือ บุกไปและอย่าให้อีกฝั่งได้(แม้แต่)มีโอกาสบุกกลับ>> ใช้กฎ6วิ

เปลี่ยนเป็นยุคติโต้ บุกมาบุกกลับ ติโต้ทำเกมเพลสซิ่งได้ไม่ละเอียดเท่าเป๊บเลย คือเรียกว่าคนละระดับกันเลยก็ได้ แต่ก็แลกมากับการได้โอกาสยิงมากขึ้น เรียกว่าได้อย่างเสียอย่าง จุดด่างพร้อยอีกอย่างก็คือ7-0(รวมไปกลับ)ที่แพ้บาเยิร์นในucl มันเป็นการบ่งบอกได้ดีพอสมควรถึงจุดอ่อนของการใช้เพลสซิ่งที่ไม่ละเอียด แต่ก็ถือว่าติโต้เป็นโค้ชที่ดีและเหมาะสมกับบาร์ซ่าทุกประการ แค่สไตล์ต่างกับเป๊บ > ยังเน้นดันเด็ก/ให้โอกาสเด็กๆกันทั้งคู่ ยังเน้นเล่นเกมบุกสวยงามกันทั้งคู่ แค่รายละเอียดลึกๆต่างกัน แค่แกมีเวลาน้อยเกินไป

ถ้าติโต้มีเวลามากกว่านี้แกอาจจะแก้ไขเรื่องเพลสซิ่งให้ดีขึ้นหรืออาจจะแก้ไม่ได้ ไม่มีใครรู้เพราะเวลาแกมีแค่นั้น แต่ส่วนตัวผมมองว่ายุคของเป๊บโหดที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด แถมตรงตามปรัญชาของปู่ครัฟฟ์ทุกประการ >> บอลมีแค่ลูกเดียว ดังนั้นจงไปเอามาครองซะ หลักง่ายๆแค่นี้เองครับ ถ้าเราครองบอลอยู่เราก็ได้บุก และอีกฝั่งก็บุกไม่ได้ บอลของเป๊บมันโคตรน่ากลัวตรงนี้ละ

อีกฝั่งนึงจะมีนักเตะที่ค่าตัวแพงๆโหดๆ ยิงได้ถล่มทลายหรอ แล้วไงละ ดาบจะคมขนาดไหนก็ไร้ค่าถ้าไม่มีโอกาสได้ชักออกมา นี่แหละครับปรัชญาการทำทีมของเป๊บ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเข้าขั้นเพอร์เฟค ระบบยิ่งละเอียดก็ยิ่งใช้เวลาติดตั้งนาน เหมือนอย่างที่เป็นอยู่กับซิตี้ตอนนี้ หรือที่บาเยิร์นที่กว่าระบบแกจะเริ่มลงตัวก็ซัดไปเกือบครึ่งซีซั่น กว่าจะปรับให้หลอมรวมกับสไตล์เยอรมันได้ก็ร่วมๆ1ซีซั่นเต็มๆ

อีดิทแก้คำผิด

ฟังดูแล้วเหมือนเป๊ปไร้เทียมทานจริงๆนะ

ยุคเป๊บ เมสซี่เป็น คีย์แมนเลย สำคัญมากๆ มีส่วนให้ได้แชมป์ทุกรายการ

เป๊ป+เมซซี่ = เป๊ปซี่

นักเตะที่เป็นฟันเฟืองและหัวใจในยุคของเป๊ปคือ ชาบี้ อิเนสต้า และ บุตเกต นี่แหละ

ส่วนเมสซี่ ถ้าพวกที่กล่าวมาทำเกมส์ไม่ได้ตามแผน ก็ลำบาก แต่พอบอลถึงเท้าเมสซี่ได้ละก็ 80-90% มีประตูเกิดขึ้นแน่นอน และเป็นแบบนี้มาตลอด จังหวะสุดท้ายเมสซี่คือคนที่ทีมไว้ใจที่สุดละ

แต่เมสซี่ยุคปัจจุบัน กำลังจะกลายเป็นร่างเงาชาบี้ขึ้นเรื่อย ๆ

แกทำทีมได้น่ากลัวจริงแหละ มาคุมเรือก็ยังน่ากลัวเหมือนเดิม

ยุคเป๊ปมันไร้เทียมทานด้วยนักเตะกำลังพีครวมๆกันด้วย
เช่น เมสซี่ ชาบี้ อิเนสต้า อัลเวน บุสเกส มาเช ปูโยล ปิเก้ บีย่า พวกนี้กำลังท๊อปสุดๆ
หรือขนาดพวกสำรองอย่าง เปโดรตอนนั้นยังท๊อปเลย ลงมาเป็นยิงแหลก
ระดับเป๊ปไปคุมทีมไหนก็ทำให้ทีมแข็งแกร่งอยู่แล้ว ละดันไปรวมกันนักเตะเกือบทั้งทีมกำลังพีคเลยสุดยอดไปใหญ่เลย

คล้ายๆกันบาเยินปีก่อนเป๊ปไปคุมอันนั้นก็นักเตะโคตรพีค+ผจกเก่ง

ฟุตบอลในยุคใหม่สำหรับผมเท่าที่เห็น

คือ เป๊ป คล๊อป และอาจจะมีคอนเต้อีกคน

ก็ต้องให้เครดิตเค้าแหละ

ตื่นเต้นซิ กองหลังเล่นลิงกันหน้าประตูต้วเอง มิดฟิลตัวรับ หรือเซนเตอร์ ล็อกหลบกองหน้าแถวหัวกะโหลก

ตอน 7-0 ติโต้ป่วยแล้วครับ

ผมว่าระบบเป๊ปถ้าใช้ในบอลอังกฤษนะ ควรตัดการเล่นบอลด้วยเท้าในแดนหลังทิ้งจะโหดมาก ๆ เพราะนักเตะในลีคอังกฤษเหมือนไม่เคยเล่นแบบนี้กันเลย

อันนี้ที่เห็นเลยคือหลายเกมไปเล่นลิงชิงบอลหน้าประตูคือถ้าดีมันดีแต่ถ้าพลาดแล้วมันเสียประตูเลย นี่ละปัญหา

ป่วยแล้วแต่หายกลับมาพอคุมไหวครับ ถ้าจำไม่ผิด