“ฟุตบอลโลก 2018” รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ประเดิมสนามนัดแรกไปแล้ว ไม่มีผลการแข่งขันคู่ไหนที่จบด้วยผลเสมอหรือไม่มีสกอร์

ทีมตัวเต็งพาเหรดคว้าชัยกันเกือบถ้วนหน้า ยกเว้น “ซามูไร บูลส์” ญี่ปุ่น ที่เปิดสนามไซตามะแพ้ “ยูเออี” สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หน้าตาเฉย 1-2 !!!

ญี่ปุ่น เป็น “เจ้าบ้าน” ทีมเดียวที่แพ้ในนัดแรก และดันอยู่ “กลุ่มบี” ร่วมกับไทย แถมนัดต่อไปมีคิวเดินทางมาเยือนแดนสยามด้วย

แน่นอนว่ามาตรฐานของฟุตบอลไทยกับญี่ปุ่นห่างกันค่อนข้างมาก แข้ง “ช้างศึก” อยู่อันดับ 120 ของโลก ส่วน “ซามูไร บูลส์” อันดับ 49

แต่ถ้า “มองบวก” วัดจากผลงานในเกมแรกที่เพิ่งผ่านพ้นไป รวมถึงอิงความเป็น “ชาตินิยม” ต้องบอกว่าเราเองพอมีโอกาสลุ้นเหมือนกัน

ญี่ปุ่นดูจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง การแพ้คาบ้านแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็น “ยอดมนุษย์” มาจากไหน

ขณะที่นักเตะ “ช้างศึก” ทำผลงานได้ค่อนข้างดีเอามากๆในเกมแรก แม้จะบุกไปแพ้ “เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดิอาระเบีย 0-1 แต่ได้รับคำชมอื้อซ่า

นักเตะทุกคนช่วยกันเล่นและทำผลงานต่อกรกับอดีตยักษ์ใหญ่ของเอเชียได้ดีทีเดียว ตามรูปเกมแล้วไทยควรจะมีอย่างน้อย 1 แต้มกลับออกมา

จากสมัยวันวานฟุตบอลไทยเจอกับซาอุดิอาระเบียมักจะถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “งูกับเชือกกล้วย” แต่วันนี้ “เศรษฐีน้ำมัน” ชนะเราได้เพียงแค่ได้ประตูจากลูกจุดโทษ

แม้ “ช้างศึก” จะไม่ได้แต้มที่กรุงริยาด แต่ไม่ใช่นักเตะไทยจะกลับบ้านมือเปล่า สิ่งที่ได้กลับมามีทั้งคำว่า “ศรัทธา” และ “ความมั่นใจ”

การเล่นกับ ซาอุดิอาระเบีย แบบสูสีขนาดนั้นทำให้ได้รับพลังศรัทธามหาศาล แทบจะไม่มีใครที่ตำหนิผลงานของนักเตะไทยเลย ทั้งที่ผลการแข่งขันคือแพ้

ถึงจะไม่ชนะผลการแข่งขันแต่ถือว่า “ชนะใจคนดู”

นอกจากนี้นักเตะไทยยังจะได้ความมั่นใจกลับมาอีกมากโข เหมือนกับว่าเรา “อัพเลเวล” ไปเล่นกับทีมแถวหน้าของเอเชียได้สนุกสูสีมากขึ้น

ดังนั้นเกมต่อๆไปก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่นักเตะไทยจะต้องหวาดเกรงใคร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมุ่งมั่นและทุ่มเทแบบเกินร้อยต่อไปเหมือนเดิม

ป่วยการที่จะไปมัวโทษนั่นโทษนี่กับเกมที่ผ่านมาแล้ว แต่ต้องมุ่งสมาธิไปที่เกมต่อไปกับงานหนักที่รออยู่คือการเจอกับ ญี่ปุ่น

แม้ “ซามูไร บูลส์” จะเริ่มต้นไม่ดี แต่ฟุตบอลแบบญี่ปุ่นยิ่งเล่นยิ่งดี บ่อยครั้งที่จะเห็นว่าเริ่มทัวนาเมนต์ไม่ดีแต่สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จทุกที

ดังนั้นทุกคนต้องอยู่ใน “โลกแห่งความเป็นจริง” ด้วย เราต้องยอมรับว่าเป็นรองญี่ปุ่นอยู่ เป้าหมายขอมีสักแต้มน่าจะถือว่าโอเคแล้ว

สำคัญที่สุดนี่คือเกมบนแผ่นดินไทย ใครอยากได้แต้มกลับไปต้องใช้ฝีมือหน่อย แถมสถิติตั้งแต่รอบคัดเลือกที่ผ่านมา “ช้างศึก” ยังไม่เคยแพ้ใครในบ้านแม้แต่นัดเดียว

ว่ากันว่าเล่นในบ้าน “แมวยังกลายเป็นเสือได้” แล้วจะไปเกรงกลัวอะไรกับ ญี่ปุ่น ที่ก็แพ้เป็นเหมือนกัน

รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยเชียร์ “ช้างศึก” สู้ต่อไปกับเกมนัดสำคัญซัดกับ “ซามูไร บูลส์” วันที่ 6 ก.ย.นี้

ญี่ปุ่นจะชนะใครที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับทีมไทยที่ประเทศไทย

“บับเบิ้ล”

ตามนั้น พัฒนาและยกระดับเรื่อย ๆ

จะเอาแต้มจากไทย ก็ต้องใช้ฝีมือกันหน่อย

ทีมชาติไทยของเรามาถูกทางแล้วครับ

ที่เหลืออยู่คือความแน่นอน

ผมเห็นการต่อบอล ความกล้าที่จะเล่น การทำชิ่ง

โดยเฉพาะการเล่น 3เหลี่ยม พื้นที่ แคปๆ ทำได้ดีมากๆ

เล่นดีกว่าทีมในพรีทีมเมียร์ลีกบางทีมเยอะ และมากกว่า 10 ทีม

อยากให้คงรูปแบบการเล่นแบบนี้ไว้ บอลโลกไม่ไกลเกินฝันแล้วครับ

ผมว่าอย่าอวยมากดีกว่าพลีเมียร์มันไม่ง่ายหรอกครับ ผมว่ายังด้อยกว่าแต่ไม่ถึงกับห่างชั้นมาก ความแน่นอนยังไม่มี จังหว่ะตัดสินใจพื้นที่สุดท้ายยังไม่ดี การเข้าทำยังไม่เป็นรูปร่าง แต่ก็ดูดีกว่าแต่ก่อนมาถูกทางแล้วครับ

ผมไม่ได้ดูนัดนี้นะ
แต่ผมว่าสิ่งที่ทีมชาติไทยขาดไปคือ ความเด็ดขาดในการเข้าทำ จังหวะที่ควรได้ ทำไม่ได้เอง บ่อยมาก ถ้าแก้จุดนี้ได้ จะน่ากลัวมากกว่านี้ แต่เท่าที่ติดตามมา รู้สึกว่าทีมชาติไทยจะเล่นบอลมีทรง เป็นรูปแบบ และมีระเบียบวินัยมากขึ้นตั้งแต่ ซิโก้ เข้ามาทำ
สู้ต่อไป ผมก็จะเชียร์ต่อไปในฐานะคนชอบฟุตบอลและรักในชาติของตนเอง

สู้ต่อไปช้างศึกทั้งหลาย

ถ้าฝีมือไม่มีก็คงต้องใช้ บ่อน้ำมง บ่อน้ำมัน กันบ้างล่ะ

ดูวันเจอซาอุที่ผมไม่ชอบอย่างนึงคือชอบเล่นหน้าโกล

ดีว่าวันนั้นซาอุไม่มีอะไรเลยนะนอกจากกรรมการเลยไม่ค่อยได้เสียว
คือกองหลังต้องวางบอลยาวให้แม่นกว่านี้ไม่ก็ทำยังไงก็ได้ให้บอลออกจากจุดอันตรายก่อนแล้วยังเป็นประโยชน์กับเรา

แต่ภาพรวมทั้งหมดดูดีมีอนาคตครับ

อ่ออีกอย่างคือเวลาโดนบอมใส่นี้เสียวจริง

พัฒนากันต่อไป สู้ๆช้างศึก

สู้ครับ

เห็นต่างเกมกับญี่ปุ่นจ่ายบอลเสียเยอะ
ขาดความแน่นอนเมือเจอเกมเพรสซิ่ง
บอลตามแต่ยังคงตั้งรับลึก ยิ่งเล่นยิ่งไม่มีลุ้น
มีคนเดียวที่กล้าเล่นมากๆ คือ ชนาธิป
การตัดสินใจเคลียร์บอลของแผงหลัง เมื่อเจอบีบตัดสินได้แย่
มาถูกทางครับ แต่มาตรฐานฟุตบอลโลกต้องระดับญี่ปุ่น วินัยเกมรับต้องมี
การตัดสินใจต้องเด็ดขาด ถ้าไม่ได้กวิน คงโดนเยอะกว่านี้