บอกเล่าเรื่องราว คนทำไฟตึกมหานคร คนไทยก็เก่งไม่แพ้ชาติอื่น
ผมได้อ่านมาเฟสป๋าเต็ดนะครับ
อ่านแล้วเห็นอีกมุมดีเลยอยากเอามาแชร์ เพราะเราเห็นแต่ไฟสวยๆที่ทำให้ตึกสวยเลยอยากมารู้จักคนทำไฟบ้าง
Yuthana Boonorm
ร่วมงานกับต้นครั้งแรกตั้งแต่ยุดแฟตเรดิโอ ตอนนั้นเขาทำงานด้านภาพ ที่พีคมากๆคือตอนร่วมกันทำหนังแบบ360องศาให้AISด้วยกัน ต้นและทีมคิดค้นวิธีถ่ายหนัง360องศาโดยใช้กล้องวิดีโอบวกทัพพีตักแกง ได้ผลออกมาดีมาก ในยุคที่ยังไม่มีอุปกรณ์ทันสมัยอย่างทุกวันนี้
ต่อมาก็มีโอกาสร่วมงานกันในคอนเสิร์ตทำเป็นเล่นไปของนิสิตเก่าสถาปัตย์จุฬา ต้นเปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นไลท์ติ้งดีไซเนอร์ ผมถามว่าทำเป็นด้วยเหรอวะ เขาบอกว่าจะเอาจริงทางนี้แล้ว ผลออกมาก็ดีมาก ใครได้ดูคอนเสิร์ตนั้นจะรู้ว่าไฟออกมาไม่เหมือนคอนเสิร์ตไหนที่เคยดูมาก่อน
หลังจากนั้นก็ร่วมงานกันมาตลอดในฐานะคนทำไฟเต็มตัว ต้นมาช่วยงานใน BMMF ตั้งแต่ครั้งแรก นั่งตากยุงรับผิดชอบเวทีเล็กที่สุดของงานชื่อ Circus Stage ทั้งเวทีใช้ไฟปิงปองอย่างเดียว แต่สวยอย่างมหัศจรรย์ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาช่วยจิโร่ทำไฟที่เวทีชิงช้าสวรรค์ จนเมื่อปีที่แล้วผมจึงมอบหมายหน้าที่ให้ทำทั้งโปรดักชั่นดีไซน์และไลท์ติ้งดีไซน์ของเวทีนี้ไปเลย
สามปีก่อนชวนเขามาทำไฟให้กับงานG16 งานโคตรยากที่สุดงานหนึ่งในชีวิต อุปสรรคเยอะมาก เพราะจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งในหน้าฝน และไม่ได้ออกแบบเวทีไว้เพื่อกันฝน ทั้งพายุทั้งฝนกระหน่ำยับในช่วงเซ็ทอัพ ต้นโปรแกรมไฟไว้ละเอียดยิบเพื่อให้คอมพิวเตอร์ซิ้งกับเพลง แต่ในที่สุดก็ต้องเล่นไฟสดทุกเพลงเพราะพายุฝนทำลายทุกอย่างที่โปรแกรมไว้ในคืนก่อนการแสดงจริง ผลออกมาก็ยังดีเยี่ยม จนผมพูดไว้ที่นี่ว่าต้นคืออนาคตคนำไฟแนวหน้าของวงการเรา
ผลงานที่ตึกมหานครวันนั้นคงบอกได้แล้วต้นไม่ใช่คนทำไฟในงานแนวๆอย่างเดียว(แบบที่เขากลัวมาตลอด)แล้วล่ะ เรื่องที่ต้องกลัวอย่างเดียวสำหรับผมหลังจากนี้ไปก็คือ "มึงจะว่างมาทำให้กูไหมล่ะคราวนี้"
ยินดีด้วยครับน้อง เป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจจริงๆ อย่าลืมกูนะ
เครดิตเรื่องราว จากFacebokk Yuthana Boonorm
เครดิตภาพ Rueangrith Suntisuk
ปล.ขนาดภาพที่พี่แกถ่ายธรรมดาตึกยังสวยอ่า สุดยอดจริงๆ เก่งแบบไม่แพ้ชาติใดในโลกเลย