#### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน soccersuck.com####

21 August 2016 10:55 PM by jedi

“ช้างศึก” ออกรบ

ยกทัพเคลื่อนพลบุกสมรภูมิลูกหนังที่ดินแดนอาหรับแล้วสำหรับ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่มีภารกิจทั้งเก็บตัวฝึกซ้อมช่วงโค้งสุดท้ายและประเดิมสนามนัดแรกใน “ฟุตบอลโลก 2018” รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย

นี่คือครั้งที่ 2 ของประวัติศาสตร์ลูกหนังไทยที่นักเตะจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาขยับถึง “รอบสุดท้าย” ของรอบคัดเลือก โซนเอเชีย หลังจากครั้งแรกเคยมาถึงเมื่อ “ฟุตบอลโลก 2002” ที่สมัยนั้นเป็นรอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย

นับจากรอบคัดเลือกครั้งนั้นจนมาถึงครั้งนี้เป็นระยะเวลาที่ห่างกันกว่า 16 ปี หลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฟุตบอลไทยวันนี้เป็น “อาชีพ” มากกว่าสมัยวันวานแบบบานตะไท

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปคือ “ความหวัง” ของแฟนบอลไทยที่อยากจะเห็นทีมชาติไทยขยับเข้าใกล้ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แน่นอนว่าเกมที่รออยู่เบื้องหน้า 10 นัดเป็นอะไรที่สาหัสสากรรจ์เอามากๆ ความหวังในการเข้ารอบของแต่ละคนจะมากหรือน้อยคงต้องแล้วแต่มุมมอง แต่สิ่งที่บอกได้แน่ๆคือฟุตบอลไทยวันนี้ “ยังไม่แพ้ตั้งแต่ก่อนแข่ง”

มาตรฐานของทีมชาติไทยเป็นรองหลายๆทีมในรอบ 12 ทีมสุดท้ายอยู่แล้ว แต่การออกศึกครั้งนี้นักเตะไทยได้รับการวางแผนเตรียมทีมที่ค่อนข้างดีทีเดียว ต่างจากยุคก่อนๆที่มักได้ยินคำว่า “แพ้ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่อง”

หากจำกันได้สมัย ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก รอบ 10 ทีมสุดท้าย ทีมชาติไทยประเดิมสนามบุกพ่าย อิรัก 0-4 แบบมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามว่ามีเหตุ “บินอ้อมโลก” กว่าจะเดินทางถึงอิรักเล่นเอาซะงอมพระรามเลยทีเดียว !!!

แต่ครั้งนี้การเตรียมทีมดีกว่าเดิมเยอะ ทีมชาติไทยบินล่วงหน้าไปปรับสภาพที่ถิ่น “อาหรับ” เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ โดยจะปักหลักฝึกซ้อมอยู่ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ และมีคิวอุ่นเครื่อง 1 เกมกับ “สิงห์ทะเลทราย” กาตาร์ ในวันที่ 25 สิงหาคม

เกมอุ่นเครื่องกับ กาตาร์ อาจจะเป็นการเล่นแบบ “สนามปิด” คือไร้คนดู ไร้การถ่ายทอดสด แต่นี่คือเกมอย่างเป็นทางการที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยืนยันว่ามีเก็บแต้มสำหรับ “อันดับโลก” ของ “ฟีฟ่า” ด้วย

นัดนี้ กาตาร์ เป็นฝ่ายเชิญทีมชาติไทยไปอุ่นเครื่อง โดยออกค่าใช้จ่ายให้ส่วนหนึ่ง แต่ทาง กาตาร์ ต้องการเล่นแบบสนามปิด คือเตะกันเอง แต่ไม่ให้ใครดู ไม่อยากออกสื่อ อนุญาตให้คนเข้าสนามได้เฉพาะบางกรณีเท่านั้น

กาตาร์ เป็นประเทศร่ำรวย เตะเกมนี้แบบไม่สนรายรับจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทดสด หรือบัตรเข้าชม แค่ต้องการเพื่อให้ทีมชาติได้อุ่นเครื่องได้ทดสอบเกมจริงๆเท่านั้น ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดๆที่ทีมชาติไทยจะต้องคิดมาก เพราะได้ประโยชน์เหมือนกัน

เชื่อว่าระยะเวลาที่เก็บตัวฝึกซ้อมและอุ่นเครื่องที่ กาตาร์ น่าจะทำให้ทัพ “ช้างศึก” ได้รับประโยชน์มหาศาล ทั้งการปรับตัวให้คุ้นชินกับความเป็นตะวันออกกลาง รวมถึงประกอบร่างรวมทีมนักเตะให้เป็น 1 เดียวก่อนจะเข้าสู่สนามจริง

ทีมชาติไทยจะเข้าแคมป์อยู่ที่ กาตาร์ จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม จากนั้นวันที่ 29 สิงหาคมเคลื่อนทัพสู่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย เตรียมประเดิม ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชียกับ “เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 1 กันยายน

นี่คือเกมที่มีความสำคัญสำหรับความหวังของทีมชาติไทยในรอบนี้ไม่น้อย หากเริ่มต้นดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งอย่างที่ว่ากันนั้นละ แต่นัดนี้ไม่ง่ายเลย ซาอุดิอาระเบีย กับ ไทย เจอกันสมัยวันวานนี่ถือว่า “งูกับเชือกกล้วย” ด้วยซ้ำ

แต่มองบวก คิดบวก ต้องบอกว่า “ฟุตบอลลูกกลมๆอะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น” เกมยังไม่เตะย่อมต้องมีความหวัง หากไม่คิดจะสู้หรือยอมแพ้ก็ไม่ต้องลำบากไปแข่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสู้ให้สมศักดิ์ศรี แพ้หรือชนะเป็นเรื่องของเกมกีฬา

ทีมชาติไทยชุดนี้ออกเดินทางไปด้วยความมั่นใจ แรงสนับสนุนก็ถือว่าพร้อม ที่เหลือจากนี้เป็นหน้าที่ของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนและทีมงาน รวมถึงนักเตะทุกคนที่ต้องพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด

สำหรับ 23 นักเตะทีมชาติไทยนั้นคงไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันมาก เพราะถ้าจะให้ถูกใจทุกคนคงต้องเรียกมาติดทั้งลีก เอาเป็นว่าแต่ละคนเป็นนักเตะที่ “ซิโก้” เชื่อมั่นในการเรียกมาทำหน้าที่ตัวแทนของคนไทยก็แล้วกัน

บางคนอาจจะฟอร์มไม่ดีหรือลงสนามในลีกน้อยไปนิด แต่สำหรับ “ลูกทีม” ที่อยู่กับ “ซิโก้” มานานจนแทบไม่ต้องทายเลยว่าใครจะติดบ้างนั้นก็ต้องเชื่อในเรื่อง “โชค” ด้วย เอาตรงๆต้องบอกว่าบางคน “ดวงถูกโฉลกกัน”

ถ้าเอาแบบหล่อๆหน่อยคิดเสียว่า “ซิโก้” มี “คู่มือการใช้” บางคนเล่นสโมสรไม่ดี แต่พอถึงทีมชาติไทยแล้วฟอร์มดีมีให้เห็นกันถมไป ถึงตรงนี้แล้วป่วยการจะไป “กวนน้ำให้ขุ่น” ให้กำลังใจกันดีกว่า

การศึกหนนี้คนไทยทุกคนต้องทำหน้าที่ “นักเตะคนที่ 12” ให้สุดๆไปเลย “ไทยไม่เชียรไทยแล้วใครจะเชียร์เรา” ไทยแลนด์……สู้โว้ยยยยยยยย

“บับเบิ้ล”