การบริหารแบบหลุยส์ ฟาน กัล
นับจากการวางมือของ ป๋า การรุกไล่และเล่นบอลแบบสู้ให้ตายกันไปข้างของทีมปีศาจแดงก็หมดไป และการก้าวเข้ามาของ มอย และ ฟานกัล ก็ทำให้ ฉายา ปีศาจแดง ผู้ฆ่าไม่ตาย ถ้าเวลาไม่หมด เปลี่ยนเป็น ถ้าโดนสักเม็ด ปิดไฟนอนกันเถอะพี่น้อง
สิ่งที่ หลุยส์ ฟานกัล ทำไว้กับ "แมนยู" ก่อนจากไปนั้นเรียกว่าทำให้แฟนปีศาจแดงคลั่งกันแทบจะบ้าตาย กับการบริหารงานแบบ "ปรัชญา" ที่นอกจากเจ้าตัวแล้ว ก็ไม่รู้ว่ายังมีใครเข้าใจด้วยอีกหรือไม่
แต่ถ้านับไปถึงอดีตที่หลุยฟานกัลทำไว้กับทีมอย่างบาร์เยิน มิวนิค ก็ต้องยอมรับว่าแกทำได้ดีจริงๆ หรือว่าที่ผ่านมาแฟนแมนยู ยังไม่เข้าใจวิธีการบริหารงานของแกกันแน่........
และนี่คือ บทความที่ผมไปเจอในระหว่างการหาบทความงานวิจัยเพื่อจะเรียนให้จบ
การบริหารแบบหลุยส์ ฟาน กัล
ใจชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อบาเยิร์นมิวนิค (เยอรมัน) ทีมฟุตบอลทีมโปรดของผมเริ่มเข้าที่เข้าทางหลังจากหลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาคุมทีมในปีนี้ เมื่อถล่มจูเวนตุสถึงเมืองตูริน (อิตาลี) ไป 4-1 ทั้ง ๆ ที่โดนออกนำก่อน ทำให้ชิงตัดหน้าเข้าไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ และสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ถล่มโบคุ่ม (เยอรมัน) 5-1 เป็นชัยชนะนัดที่ห้าติดต่อกัน ทำให้แต้มที่เคยตามจ่าฝูงอยู่ถึง 8 แต้มตอนนี้เหลือเพียง 2 แต้ม ทำให้สต๊าฟทั้งทีมเริ่มรู้สึกดีขึ้นกันทั่วหน้า แต่ทีมจะไปได้ไกลแค่ไหนในฤดูกาลนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ ก็ถือโอกาสช่วงนี้ได้โอกาสชื่นชมยินดีและสรรเสริญหลุยส์ ฟาน กัล รวมทั้งศึกษาวิธีการบริหารของเขา
?ผมเป็นโค้ชที่มีปรัชญา เป็นปรัชญาที่นักเตะต้องค่อย ๆ ใช้เวลาทำความเข้าใจ?
หลุยส์ ฟาน กัล กล่าวในการสัมภาษณ์กับเว็ปไซต์ของบาเยิร์นมิวนิค ผมก็สงสัยจังว่าปรัชญาที่ว่านี่มันยังไง ทำไมกว่าจะเข้าใจก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งฤดูกาล เราก็ค่อย ๆ ลองแกะรอยกันต่อไปจากคำให้สัมภาษณ์ของคนอื่น ๆ ในทีม ซึ่งได้ความว่า
1. การเล่นต้องเป็นทีม ทุกคนต้องรู้สึกว่าสู้เพื่อทีม
2. เทคนิคการเล่นคือ พยายามกดดันฝ่ายตรงข้ามที่กำลังครองบอลอยู่ บีบพื้นที่ให้เหลือน้อยลง และเมื่อได้บอลคืนมาให้พยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ให้คนที่ไม่มีบอลวิ่งไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดช่องว่างที่จะสามารถจ่ายบอลเข้าทำประตูได้ ซึ่งเทคนิคแบบนี้ต้องช่วยกันเล่นถึงจะทำได้ (และต้องมีแรง)
3. พยายามครองบอลให้มาก เพราะโอกาสในการเข้าทำประตูก็จะมากตามไปด้วย
4. ก่อนการเล่นทุกนัดจะมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีด้วยการชมเทปของคู่แข่ง วางแผนว่าจะเอาชนะผู้เล่นแต่ละคนของคู่แข่งอย่างไร ใครจะว่าเว่อร์แต่เขาทำงานละเอียดอย่างนี้จริง ๆ
5. เมื่อจบการแข่งขันมีการวิเคราะห์หลังเกมส์อย่างละเอียด
6. เยาวชนที่มีฝีมือดีดึงมาติดทีมชุดใหญ่ และปกป้องเมื่อทำผิดพลาดไปบ้าง
7. ทีมสำคัญกว่าตัวบุคคล คนที่เล่นไม่เข้าพวก ถึงจะฝีมือดี ก็ไม่ให้ลงเล่น เช่น ลูก้า โทนี่ ศูนย์หน้าค่าตัวแพงชาวอิตาลี
8. ทีมที่เล่นเข้าขากันดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ซึ่งตอนนี้ผู้เล่นตัวจริงไม่ได้เปลี่ยนมาห้านัดแล้ว และชนะติดต่อกันทั้งหมด
9. การลงเล่นแต่ละนัด ต้องนำสองอย่างลงสนาม หนึ่ง สปิริตความเป็นทีม และสอง แทคติคสำหรับใช้ในเกมส์นั้น
น่าแปลกใจที่ เจอร์เก้น คลิ้นส์มัน (แกว) ก็คุมทีมบาเยิร์นทำนองนี้เหมือนกันแต่ปรากฎว่าเอาดาราดัง ๆ ไม่อยู่ ทำให้นักเตะเหล่านั้นก่อหวอด ไม่ว่าลูก้า โทนี่ และฟร้องต์ ริแบรี่ จนทำให้ทีมป่วนไปหมด ผลงานแย่ลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายคลิ้นส์มันก็ต้องลาออกไป ท่ามกลางความสะใจของนักเตะจอมป่วนเหล่านั้น
หลุยส์ ฟานกัล โชคดีที่ได้นักเตะใหม่เข้ามาแทนสามคน คือ มาริโอ โกเมซ (กองหน้า) อิวิก้า โอลิช (กองหน้าและกองกลาง) และอาร์เยน ร็อบเบน (ปีก) ทำให้พี่ลูก้า โทนี่ จอมแสบทำอะไรไม่ได้มากอีกต่อไปเพราะมีคนอื่นเข้ามาเสียบแทน ฟร้องต์ ริแบรี่ ก็ซ่าไม่ออกเหมือนกัน ตอนแรกก็ทำท่าระหองระแหงกับเขาแต่พักหลังก็เริ่มสยบ เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไม่ได้เล่น นาน ๆ เข้าจะอดไปฟุตบอลโลก
?ผมไม่รู้สึกว่านักเตะเพียงคนใดคนหนึ่งจะทำให้ทีมชนะ แต่เป็นทั้งทีมที่ร่วมพลังกัน ให้จำไว้ว่า ฟุตบอลคือเกมส์ที่ต้องเล่นเป็นทีม?
หลุยส์ ฟานกัล กล่าวหลังจากได้ชัยชนะเหนือจูเวนตุส
แฮร์มัน แกร์ลันด์ ผู้ช่วยของหลุยส์ ฟาน กัล ทำงานมา 25 ปี เคยเป็นโค้ชมาก่อนด้วย แต่พอนักข่าวถามว่า คุณมีประสบการณ์ 25 ปี แต่ยังต้องเรียนรู้จากหลุยส์ ฟาน กัล อยู่หรือ เขาตอบว่า ?ผมรู้ว่านักเตะคนไหนดี ผมรู้จักพวกเขามาตั้งแต่เด็ก ผมรู้ว่าการเล่นวันนี้ควรจะส่งคนไหนลงสนาม แต่ผมทำให้พวกเขาเล่นเป็นทีมที่ดีได้อย่างที่หลุยส์ ฟาน กัล ทำนั้นไม่ได้
เขาเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษกว่าใครจริง ๆ
สงสารคลิ้นส์มันเหมือนกัน เขาทำอะไรไม่ได้มากกับนักเตะที่เป็นดารา เพราะตอนนั้นถ้าเขาไม่ให้ลูก้า โทนี่ กับฟร้องต์ ริแบรี่ ลงเล่น ทีมก็จะเสียสมดุลทันทีและไม่มีเวลามาสร้างทีมใหม่ ดังนั้นนักเตะทั้งสองจึงค่อนข้างถือไพ่ที่เหนือกว่า หลุยส์ ฟาน กัล ก่อนมารับงานที่บาเยิร์นก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วก็เลยบอกว่าเราต้องมีนักเตะใหม่มาแทนพวกเขา ไม่งั้นทีมเราไม่รอด
เราจึงได้บทเรียนจากหลุยส์ ฟาน กัลว่า ผู้จัดการทีมที่เข้ามาใหม่โดยไม่มีทีมงานของตัวเองเข้ามาด้วย หรือไม่มีเลือดใหม่มาถ่ายในองค์กร ย่อมจะคุมบังเหียนทีมงานที่เคยอยู่กันแบบเดิม ๆ ไว้ไม่ได้ ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหนก็ตาม สรุปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเข้าไปแบบมือเปล่า แล้วตอนออกมาก็อย่าออกมาแบบมือเปล่า ให้หยิบถาดแชมป์บุนเดสลีกาติดมือกลับมาด้วยนะครับ หลุยส์ ฟาน กัล
คมสัน สุริยะ
15 ธันวาคม 2552