Star Trek Beyond (สตาร์ เทร็ค: ข้ามขอบจักรวาล)

แปบๆ ก็ภาค 3 แล้วสำหรับหนังตะลุยอวกาศ ภาคนี้ได้ ผกก. คนใหม่ จัสติน ลิน (จากหนังตระกูล Fast Furious) ที่ตอนแรกก็เสียวๆว่าจะพายานเอ็นเตอร์ไพรส์ดริฟต์ออกทะเลรึเปล่า แต่ผลลัพธ์ออกมาถือว่าสอบผ่านทีเดียว
**
ภาคนี้นอกจากจะเป็นการทำภารกิจสำรวจและค้นหาดวงดาวรวมถึงสิ่งมีชีวิตใหม่ๆของลูกเรือเอ็นเตอร์ไพรส์แล้ว ยังเป็นการค้นหาตัวตนของ กัปตันเคิร์ก อีกด้วยว่าสิ่งที่ตนเองอยากทำคืออะไรกันแน่ หนังสโลว์สตาร์ตช่วงแรกนิดหน่อย แต่หลังจากเปิดตัวศัตรู หนังก็ค่อยๆเร่งสปีดเดินหน้าจนผ่านพ้น 2 ชั่วโมงไปแบบไม่ทันรู้ตัว
**
เนื้อหาและบทภาคนี้ไม่มีอะไรมาก เจอดาวใหม่ เจอศัตรูใหม่ เอาตัวรอด เอาคืน ที่ชอบในภาคนี้คือหนังได้มีโอกาสถ่ายทอดถึงชีวิตของลูกเรือสำคัญๆบางคนเพิ่มเติม รวมทั้งการให้เกียรติต้นฉบับจากฉากเก่าๆ ยานสมัยเก่า และที่อาจจะเรียกน้ำตาแฟนๆเทร็กกี้ คือการใส่บทไว้อาลัยให้กับ Leonard Nimoy เจ้าของบทสป็อคในภาคต้นฉบับที่เสียชีวิตไปแล้ว เอามาผูกกับบทสป๊อคในหนังได้แบบเหมาะเจาะพอดี
**
ทีมนักแสดงคือจุดแข็งอย่างนึงของ Star Trek ยิ่งเล่นกันมา 3 ภาคการรับส่งมุกการต่อบทเลยสบายหายห่วง แถมตัวเอกกัปตันเคิร์กก็หล่อเท่ขึ้นกล้องสุดๆ, สป๊อคจากที่นิ่งๆซีเรียสจะกลายเป็นตลกหน้าตายไปซะละ (ใครไม่เคยเห็นสป๊อคหัวเราะก็ได้เห็นในภาคนี้ล่ะ)
แต่จุดที่ไม่ชอบก็มี คือตัวร้ายภาคนี้ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าภาค 2 ซึ่งต้องยอมรับว่าบท ข่าน ของเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบช ในภาคสองเล่นได้น่าสะพรึงจนแทบจะกลับบทตัวเอกไปหมด ภาคนี้ตัวร้ายเลยดูดร็อปลงไปถนัดตา ส่วนฉากเอาคืนศัตรูส่วนตัวคิดว่ามันคิดง่ายไปนิดนะ
**
แม้ภาคนี้จะไม่ได้ดีได้โล่ห์ แต่ก็ไม่ผิดหวังล่ะนะ สาวกเทร็กกี้รุ่นเก่าน่าจะชอบมากกว่าเพราะมีฉากที่คนที่ดูภาคก่อนๆมาแล้วจะอินได้กว่า ส่วนคนไม่เคยดูก็เข้าไปดูแบบเอาสนุกพอได้อยู่

*****************************
จริงๆไม่ชอบให้คะแนนหนัง แต่เดี๋ยวท่าน Barcelonistu คงจะถามเพื่อไปสรุปคะแนนหนังน่าดู ให้ไป 7.5/10 ละกันครับ
[/b]

งั้นลงคะแนนตรงนี้เลย 7.5 เช่นกัน
ดูสนุก ชอบ ชุดพระเอก


หักคะแนนตรง กองทัพครับมาจากไหน ทำไมเก่งจัง แล้วสกิลพระเอกทำให้บังเอิญไม่แพ้เสมอ


งงตรงสาวที่หักหลัง กับสาวที่เก็บของไป คืออะไร

ผมไม่ชอบเหมือนท่านเลยตรงตัวร้ายมันเฉลผิดจังหวะกับเส้นเรื่องที่มันตรงไปหน่อย แต่ยังรู้สึกดีที่ผู้กำกับไม่พยายามทำแบบภาคหนึ่งกะสอง ไม่งั้นอึนแน่เพราะช่วงแรกมันอึนเหมือนกันดีที่มันตัดมาเรื่องภารกิจเร็ว

ค่อนข้างชอบ และก็เห้นด้วยว่า พี่คิวคัมเบอร์ในภาค 2 เป็นตัวร้ายที่สุดยอดมากจนดึงซีนแถมตราตรึงใจสุดๆจริงๆ ทำให้มันรู้สึกตัวร้ายมันดรอปๆลงหน่อย

ภาคหน้าสงสัยต้องทำฉากเชคอฟตายด้วยมั๊ยเนี่ย

เชคอฟ

มาเก็บค่าแชร์ครับ

ผมให้เต็มก่อนแล้วค่อยหักที่ผิดพลาด
-1 ขาดนักแสดงสาวผมบ๊อบสีทอง ในภาคสองไปได้อย่างไร
-1 ตอนสู้กับตอนจบ ปูมาแบบพี่ผิวสีฟังพระเอกอธิบายสิ่งที่เปลี่ยนแปลง และพระเอกแสดงให้เห็นว่ายอมตายเพื่อคนหมู่มากได้ และเรียกสติพี่มืด พระเอกลอยไปปิดคัยโยกสี่จุดขาดไปหนึ่งเปิดไม่ออก ตัวร้ายครุ่นคิดและลอยตามขึ้นมา

หนังควรจะจบแบบว่า
แทนที่ตัวร้ายลอยขึ้นมาเห็นเศษกระจกสะท้อนเห็นหน้าตัวเอง แล้วสำนึก ได้สติ ว่าเราเสียความเปนคนไป และ ช่วยพระเอกเปิดคันโยกและสละชีพแทน

แต่


-1 เมืองยอกทาวน์ ใหญ่ขนาดนั้นส่งยาน รปภ มาสองลำแถมไม่มีประสิทธิภาพตามยานผู้ร้ายอีก และตอนผู้ร้ายจะออกยาน uss แฟรงกริ้น พระเอกสั่งให้คนในเมืองกักบริเวณยาน แต่ไหงไม่มีการกักบริเวณเลยผ่านลูกเรือวิิ่งออกมาเฉย อย่าน้อยน่าจะมีช่วยพยุงคนเจ็บไปรักษาแต่นี่คนเจ็บเดินโขยงไปถึงที่ฟอกอากาศเฉย ไม่มีใครสังเกตหรือช่วยเลย
+1 หนังเคารพ โรเบิต นิมมอย และสตาร์วอ พอสมควร


8/10

น่าจะเป็นลูกน้องของครัล อะครับ

อาจจะข้ามบทไปเลย เหมือนลูกสาวนายพลผมทองจากภาคก่อน ภาคนี้หายจ้อยเพราะนางไม่มาเล่นต่อซะงั้น

สาวผมทอง นางไม่เล่นต่อครับ หนังเลยตัดบทด้วยการไม่พูดถึง ไอ้เราก็นึกว่ากัปตันจะได้ฟาดนางในภาคนี้

ส่วนฉากตอนท้ายเห็นด้วยเลย เมิงจะใส่กระจกมาเพื่อออออ

ภาคนี้ผมว่าเฉยๆมากนะ


ปูเรื่องตรงๆ ง่ายๆ ดูแล้วคอนฟลิคต์น้อยไปหน่อย Mood and tone ต่างจากภาคที่แล้วลิบลับ