#พรีเมียร์ลีกที่สนุกที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา ?
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่สนุกที่สุดของหลาย ๆ คน อาจตอบไม่เหมือนกัน
ของ "เด็กชายผีแดง" อาจตอบว่าฤดูกาลที่พวกเขาครองแชมป์ลีกแบบทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น ไล่อัดทีมต่าง ๆ อย่างสนุกเท้าอยู่แค่ฝ่ายเดียว
"เด็กหญิงปืนโต" อาจตอบว่าฤดูกาลที่พวกเขาได้แชมป์แบบไร้พ่าย และไร้เทียมทาน
"นายสิงโตน้ำเงินคราม" ก็บอกว่าซีซั่น 2004/05 และ 2005/06 ที่พวกเขาเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น ภายใต้เม็ดเงินของโรมัน อับราโมวิช และมันสมองของมูรินโญ่ สนุกที่สุด
"นางสาวเรือใบสีฟ้า" ก็ต้องเล่าขานถึงปีที่พวกเขาเถลิงแชมป์ลีกในนาทีสุดท้าย ด้วยประตูนาทีสุดท้ายของ กุน อเกวโร่ ไปยันลูก ยันหลาน ยันเหลน
และ "พันตำรวจโท ด็อกเตอร์ เลสเตอร์ ซิตี้" ก็จะให้พูดถึงฤดูกาลไหนได้ล่ะ นอกจาก "เทพนิยายจิ้งจอก 2015/16" ภายใต้กลุ่มทุนไทย และฝีไม้ลายมือของกุนซือที่เคยถูกสบประมาทว่า "จอมสับสน" อย่างรานิเอรี่
คุณ และผม คงมีฤดูกาลที่ "สนุก" หรือ "ติดตา ตรึงใจ" ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้แว่นสลักตราสโมสรไหน นั่งดูพรีเมียร์ลีก
แฟนผีไม่สนุกกับฤดูกาลที่พวกซิตี้ได้แชมป์ฉันท์ใด แฟนอาร์เซน่อลก็ไม่ปลื้ม ไม่สนุกเลยที่เห็นถ้วยในมืออริร่วมเมืองอย่างเชลซีฉันท์นั้น
แต่ถ้าผมจะบอกคุณว่า ฤดูกาล 2016/17 ที่กำลังจะมาถึงจะ "สนุกที่สุด" เท่าที่คุณเคยดูบอลพรีเมียร์ลีกมาล่ะ ?
มันมีแนวโน้มให้เชื่อจริง ๆ ว่า..... "เป็นไปได้สูง !"
คงไม่มีปีไหนอีกแล้วที่ 3 ทีมยักษ์ใหญ่เปลี่ยนกุนซือพร้อมกัน และชื่อของ 3 กุนซือที่เข้ามาใหม่ เปรียบได้ดั่ง "มวยแถวหน้า - มวยแม่เหล็ก" ของวงการทั้ง 3 คนขนาดนี้
แมนฯ ซิตี้ ที่ 4 จากฤดูกาลก่อน ได้เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาสมใจอยาก
แมนฯ ยูไนเต็ด อันดับที่ 5 ก็ตกลงปลงใจจดทะเบียนกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เสียที หลังเฉียดกันไป คลาดกันมาอยู่หลายหน
เชลซี ที่ฟอร์มหลุดจนไม่เหลือลายแชมป์เก่า จบที่ 10 ยกเครื่องใหม่อีกครั้ง ด้วยอันโตนิโอ คอนเต้ เมคานิค แมนจากดินแดนมะกะโรนี
3 ทีมใหญ่ที่ทำผลงานได้ดี เลือกไว้ใจ "เครื่องยนต์เดิม" ที่วิ่งฉิวอยู่แล้ว เลสเตอร์ "ฐานะแชมป์ทีมล่าสุด" ไม่มีทางใช้คนอื่นนอกจาก เคลาดิโอ รานิเอรี่
"รองแชมป์" อาร์เซน่อล คงไม่มีรายการพลิกล็อค ยังคงไว้ใจอย่างเข้มข้น กับคนคุ้นเคยอย่าง อาร์เซน เวนเกอร์ เป็นปีที่ 20 ติดต่อกันต่อไป
อันดับที่ 3 สเปอร์ส ลงตัวแล้วกับฟุตบอลของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์ดาวรุ่งที่ทำผลงานได้ดีเกินขนาดชื่อเสียงของตัวเอง และชื่อชั้นของท็อตแน่ม
และอีก 1 ทีมที่สอดแทรก ลุ้นแชมป์ทุกปีทั้งทางทฤษฎี และปฏิบัติอย่างลิเวอร์พูล กับคนที่พวกเขาเลือกฝากอนาคตแล้วอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เพิ่งต่อสัญญายาวไปยันปี 2022 เลยทีเดียว
7 ทีม 4 กุนซือเดิม 3 กุนซือใหม่ จะเข้ามาโรมรันกันเพื่อถ้วยรางวัลเพียงถ้วยเดียว และแน่นอนว่าจะมีเพียงทีมเดียวที่สมหวัง
ที่เหลืออีก 6 ทีมจะต้องผิดหวัง อยู่ที่จะอยู่ในขั้นที่พวกเขา "ยอมรับได้" หรือไม่ ?
แม้เป้าหมายเริ่มตันของทุกทีมจะคือ "แชมเปี้ยน" แต่มาตราชั่ง - ตวง - วัด จะอยู่ระหว่างบรรทัดของฤดูกาล ว่าจะนำพา "เป้าหมาย" ที่แท้จริงของทีม ไปในทิศทางไหน ?
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คงเป็นอีกฤดูกาลที่เข้มข้น - ตื่นเต้น - มันส์มหากาฬ อีกฤดูกาลหนึ่งแน่นอน
เพราะแบบ "ธรรมดา" ก็หวดกันไฟแทบแลบผ่านสนับแข้งออกมาอยู่เเล้วในแต่ละเกม ด้วยมาตรฐานของทีมรอง ๆ ลงมา ที่พร้อมจะเป็นแจ๊คเพื่อมา "ล้มยักษ์" ได้ทุกสัปดาห์
มาตรฐานของ "ยักษ์" ที่พัฒนาไซส์ของตัวเองให้ใหญ่จนเป็นที่น่าเกรงขามของยักษ์ด้วยกัน และแจ๊คตัวเล็กจิ๋ว
แต่ฤดูกาลนี้นี่คือมันมาแบบแบบ "พิเศษใส่ไข่" 3 ฟอง กับสถานการณ์ที่บีบให้ทีมใหญ่ไม่น้อยกว่า 3 ทีม "มือเปล่า" ไม่ได้อีกต่อไป
วัดได้เลยจากการ "เสริมทีม" ที่ทีมใหญ่ ๆ ขยับขับเคลื่อนตัวตั้งแต่ไก่โห่ และไม่ลังเลที่จะทุ่มกันหลัก 20 - 30 ล้านปอนด์กันตั้งแต่ม่านฉากเปิด ไม่ต้องรอวันท้าย ๆ เหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา
เพราะต้องการให้นักเตะใหม่ "จูนเข้ากับทีม" ให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะฤดูกาลนี้ เดิมพันมันสูง จากการยอมทุ่มไม่อั้นกับกุนซือใหม่ และการเสริมทัพ ที่จ่ายกันชนิดกระเป๋าตังค์เลื่อมหมับ นับแบงค์กันจนดอกยางนิ้วสึก ก็ยินดี
เชลซี ภายใต้เจ้าของผู้คลั่งฟุตบอลอย่าง "เสี่ยหมี" คงรับไม่ได้หากทีมจะมือเปล่าเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ลิเวอร์พูล "ยักษ์หลับ" ที่แฟนบอลใฝ่ฝันว่าจะถึงวันที่ได้กลับมาลืมตา อ้าปาก ได้ทัดเทียมทีมอื่น ๆ เขาสักที แค่โควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีก คง "เล็ก" เกินไปที่พวกเขาจะหวัง เมื่อต้นเดือนสิงหามาถึง
แมนฯ ยูไนเต็ด ร้างแชมป์ลีกมา 3 ปีติดต่อกัน นานที่สุดนับตั้งแต่บอลอังกฤษรีแบรนด์ตัวเองมาในชื่อ พรีเมียร์ลีก มันนานไปแล้วสำหรับทีมยักษ์ใหญ่ที่ "แชมป์" เปรียบเสมือนออกซิเจนที่หล่อเลี้ยงหัวใจแฟนบอลของพวกเขา
แมนฯ ซิตี้ ที่ทุ่มงบทะลุ 100 ล้านปอนด์ทุกปี ด้วยกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงอาหรับที่พร้อมจ่ายไม่อั้น เพื่อแชมป์เมเจอร์ ฤดูกาลละใบ รวมถึง "ถ้วยใหญ่ยุโรป" ที่หมายมั่นปั้นมือมาทุกปี การจบฤดูกาลแบบ "กระเป๋าว่าง" คงไม่ใช่เรื่องดีของตัวกุนซือใหม่
สเปอร์ส แม้จะมาไกลเกินฝันด้วยที่ 3 และโควต้า UCL ในปีนี้ แต่ในเมื่อประธานสโมสรอย่าง แดเนี่ยล เลวี่ ก็ทุ่มทุนไปไม่น้อย คงไม่หวังเห็นทีมถอยหลังกลับไปที่ 4, 5, 6 หรือ 7 อีกครั้งเป็นแน่ และมันต้องดีขึ้น
อาร์เซน่อล 12 ปี กับถ้วยพรีเมียร์ลีกที่ห่างหาย นานเกินไปแล้ว และมันคงเกินที่แฟนบอลจะรับ "ความอับอาย" จากการถูกกระทบ กระแทกได้ไหวจากแฟนบอลคู่อริได้อีก หากปีนี้ของเวนเกอร์ ทำให้พวกเขาต้องรอไปอีกปี อีกปี และอีกปี ไม่จบสิ้น และมันอาจเป็นปีสุดท้ายของ "เวนเกอร์" ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะได้แชมป์ หรือไม่ได้ ในท้ายที่สุด
เลสเตอร์ ซิตี้ "แชมป์เก่า" เรียกได้ว่าคำพูดที่ว่า "เป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การรักษาแชมป์ยิ่งยากกว่า" มันบ่งบอกขวบปีที่กำลังจะเริ่มนี้ของพลพรรค "บลูส์ ฟ็อกซ์" ได้เป็นอย่างดี การเสีย เอ็นโกโล ก็องเต้ไป กระทบกับแกนกลางของทีมแน่ ๆ และการจะรั้งริยาด มาห์เรซ และเจมี่ วาร์ดี้ เอาไว้ก็เป็นภารกิจที่สำคัญ หากเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่ "40 แต้ม" ตามที่รานิเอรี่ ได้ถ่อมตัวเอาไว้
ไม่ว่าผลสรุปจะจบอย่างไร ?
ไม่ว่าภาพถ่ายตัดสินใบสุดท้ายของทีมที่เอา "ศรีษะ" เข้าแตะริบบิ้นเส้นชัยได้จะเป็นภาพของใคร ?
ไม่ว่าคุณจะเลือกเชียร์ทีมไหน ?
เรื่องราวระหว่างทาง ทุกโค้ง ทุกทางตรง ทุกกรวยซิกแซก เนินเขา อุปสรรคที่ขวางกั้น ที่จะวัดกันของทีมที่เข้าชิงชัยในปีนี้ของศึกพรีเมียร์ลีก 2016/17 จะเข้มข้น และชวนติดตามที่สุดปีหนึ่ง
และแน่นอนว่าคนดู ๆ อย่างพวกเราก็หวังจะเห็น "ฟุตบอลมันส์ ๆ" ให้สมกับการถ่างตารอดู รอชม ไม่ว่ามันจะดึกเวลาสยามขนาดไหน แต่เพื่อเกมส์ที่เราหวัง "กำไร" จากความสนุก เราก็หวังให้ฤดูกาลนี้ขับเคี่ยวกันดุเดือดทุกทีม
สุดท้ายไม่ว่า "โทรฟี่" จะไปอยู่ในอุ้งมือทีมไหน ฤดูกาลนี้จะน่าติดตามตั้งแต่นัดแรก จนนัดสุดท้ายแน่นอน
ไม่ต้องใช้จิตสัมผัส แต่ใช้ใจของคนดูบอล มองดูอาวุธในมือที่แต่ละทีมหามาถือเพื่อเข้าสู่สมรภูมิห้ำหั่นชิงชัย ก็พอจะเดาได้ว่า..... "มันส์ถึงใจพระเดช พระคุณพะยะค่ะ แน่นอน"
#ดูบอลให้เป็น