นักข่าวโทรมาสัมภาษณ์ ว่าการสอบแบบนี้มันไม่ดีอย่างไร
....................
คำตอบของผม คือ
" คุณลองตอบผมสิ ว่าเมืองหลวงอัฟกานิสถาน ชื่ออะไร
ก ................
ข ..................
ค..................
ง.....................
ถ้าคุณตอบไม่ได้
."งั้นผมสรุปว่าคุณ โง่ ได้ไหม เพราะคุณเป็นนักข่าว แล้วตอบไม่ได้ "
นั่นคือ คำตอบว่าระบบการสอบแบบนี้ไม่ดีอย่างไร

ความจริงก็แค่หยิบโทรศัพท์มากดสองทีก็รู้แล้ว ใช่ไหมครับ
เด็กปอหนึ่งก็ตอบได้ เพราะถนัดเล่นโทรศัพท์
นั่นแหละครับ คือ โลกมันเปลี่ยน
เราจะให้เด็กท่องเนื้อหามากมายไปสอบทำไม
เราต้องฝึกเขาหาข้อมูลครับ
ให้เขาแยกแยะ ระหว่างความคิดเห็น กับข้อมูลจริง
ให้เขาสามารถวิเคราะห์ ข้อมูลได้ว่าอันไหนน่าเชื่อ
อันไหน น่าจะมั่ว
และเวลาสอบ เราก็แค่ให้เขาหาข้อมูลมาแก้ปัญหา
ให้เขาค้น และนำวิชาความรู้มาใช้ ได้จริง
ใครใช้ข้อมูลดี
ใช้ความรู้มาแก้ปัญหา
ก็ได้คะแนนดี
ใครมีแต่ดราม่า ก็ไม่ได้คะแนนในเรื่องการวัดความรู้
..............................
รายละเอียดการสอนและการสอบ แบบนี้หาอ่านได้ครับในเพจนี้
การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน
อบรมครู อาจารย์มาแล้ว เกือบร้อยรุ่น
หลายคณะ หลาย รร. ก็ใช้สอนกันแล้วครับ
มาติดขัดกันบ้างก็ตรง กฏระเบียบโบราณ จากส่วนกลางนี่แหละครับ

https://www.facebook.com/ajWiriya/photos/a.109418075746852.10885.109357035752956/1055817481106902/?type=3&theater



คิดเห็นยังไงกันครับ

งานบางอย่างมันต้องใช้ความสามารถ

และปูเป็นความรู้พืน้ฐานไป



วิศวกรจะสร้างตึก แต่ไม่รู้สูตรผสมปูน เดี๋ยวไปตรวจหน้างานก็เปิดเน็ตเอา
วาดแบบร่างเดี๋ยวหา ทฤษฎีมาอิง เอา งานมันจะช้าและไม่ทันการใช้

ซึ่งความรู้นี้ต้องปูไปเรื่อยๆให้เราพัฒนาความรู้ไปเรื่อยๆ



ปล.เด็กจะท่องสูตรคูณไม่ได้ไม่ว่า แต่ต้องคูณเลขเป็น

คิดถึง บรรยากาศ ตะหมัยก่อน
ก่อนเลิกเรียน ต้องนั่งท่องสูตรคูณ อาขยาน ทุกวัน

แปลกใหม่ดี เข้ากับปัจจุบัน

ตรรกโคตรป่วยอ่ะ

แม่งเป็นการหาที่ยืนของคนโง่เท่านั้นแหละ

คนเราเวลาคิด เวลาสร้างสรรค์อะไรก็แล้วแต่ มันก็กลั่นออกมาจากสมองที่มีความรู้อยู่เต็มเปี่ยมทั้งนั้น

จะมาอ้างว่าความรู้มีอยู่แล้วแค่กดหาเวลาที่อยากรู้ คือแม่งโง่แล้วก็ไม่คิดที่จะหาความรู้ด้วยนะ

ถ้าไม่มีเครื่องคิดเลขล่ะ ?

ท่องไปเด๋วก็ลืม สอนให้คิดเป็นดีกว่า

พวกการสอนคูณเลขนี่ถ้าไม่ต้องท่องสูตรคูณเลย+ไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขช่วย เค้าทำกันยังไงครับ

ผมเห็นด้วยนะ สำหรับวิชาที่มันมีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว วิชาท่องจำ ใครๆก็เปิดหาได้ (สังคม พระพุทธ)

แต่อย่างวิชาคำนวณ ,วิทยาศาสตร์ คงไม่ได้ วิชาพวกนี้มันวัดผลที่กระบวนการคิดอยู่แล้ว

ไอเรื่องสูตรคูณนี่จริงๆมันเป็นผลดีนะ ใครจะท่องก็ท่อง ไม่ท่องก็ไม่เป็นไรน่าจะดีกว่า

แต่ก็อย่างว่า แวบแรกในความคิดของคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อเจอโจทย์การคูณ

ใช้ความจำมาตอบทั้งนั้น คือถ้าเลข>12ถึงจะใช้หลักการคูณจริงๆ

ถ้าสั่งการบ้านในปัญหาที่ให้เขียนบรรยายกับนักเรียน 30 คน

แล้วเด็กเขียนมาเหมือนกัน 25 คน

แล้วคุณครูจะวัดผลได้จากอะไรล่ะ

บางอย่างมันก็จำเป็นต้องท่องจำนะ

อย่างสูตรคูณมันก็นำไปใช้ได้กับชีวิตจริง เช่นแม่ 2 ถึง แม่ 9 เนี่ย จพเป็นเลยล่ะ

ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เข้าจะสื่อ 100% อะ

แต่ถ้าอ่านแค่ที่เค้าจั่วหัวบอกได้เลยว่าผมคัดค้านเต็มที่

มีคนไปถามว่าคูณเลขไม่เป็นแล้วทำไง เค้าก้บอกว่า สอนให้คูณเลขเป็นโดยไม่ต้องท่องสูตรคูณ แล้ว 9*7 จะทำไงอ่ะครับ โดยไม่ต้องท่องสูตรคูณ เอา 9 + กัน 7 ครั้งหรอ คือการทำเป็นโดยไม่ต้องท่องสูตรคูณ กรณีที่เค้าพิมอะ ผมว่ามันควรใช้สำหรับ 17*13 ที่แบบไม่ใช่คุณตอบได้เลยว่า 17*13 ได้เท่าไหร่เพราะท่องแม่17ได้ แต่ต้องคิดได้

แต่ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าจะสื่อ คือต้องสอนคิดมากกว่านี้ ให้คิดเป็น อาจจะลดพวก ดริฟ ตรีโกณทิ้งก็ได้ ไม่ก็เรียนแค่พื่้นฐานจริงๆ ไอประเภทกระจายสูตรกัน 7-8 ชั้นกว่าจะออกมาได้คำตอบ แล้วคำตอบเป็น 0,1,2,4 แบบนี้ผมเห็นด้วยว่าไร้สาระ ค่อยไปเรียนตอนมหาลัยดีกว่า แยกเฉพาะทางที่ใช้ไป

แต่ถ้าไม่สอนท่องสูตรคูณ ผมไม่เห็นด้วยอะ

บางวิชาก็ต้องจำนะ ถ้าจำไม่ได้ จะทำข้อสอบได้ไง


บางทีข้ออ้างที่บอกว่า

ควรแก้นักเรียนด้านการเรียนแบบท่องจำ มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุของนักวิชาการหอคอยงาช้างทั้งหลาย

ไม่ได้สนับสนุนให้ท่องจำนะ แต่เรียนแบบมีหลัการ บางส่วนจำเป็นก็ท่อง บางส่วนก็ใช้วิธิการจับหลัการ บาวส่วนใช้การอ่านทำความเข้าใจ

ไม่ใช่ไม่ให้ท่องเลย

เมืองนอกเขาไม่ท่องก็จริง แต่ถามว่า เขาจำได้ไหม ก็จำได้.....ดังนั้นเอาพวกไม่เข้าใจ มาแก้ก็งี้แหละ


เหมือนภาษาอังกฤษ นอกใช้วิธีธรรมชาติแล้ว หายไม่ได้เริ่มมาจากแบบนั้น บางที่ต้องใช้การท่องบ้าง เข้าใจบ้างผสมผสาน


เหมือนแก้ไม่ให้เรียนพิเศษมาก ให้สนใจในห้อง เลยใช้เกรด กับ โอเน็ตมาวัด สรุป........ติวหนักกว่าเก่ากวดวิชาเพิ่ม......เหมือนคนแก้มันเข้าใจปัญหาจริงๆหรือปล่าว เหมือนเอาคอมไปโรงเรียนไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเน็ตนั่นแหละ ไม่นับ ให้เรียนโดยตัวเป็นศูนย์กลาง สรุป เรียนเอาเอง รายงานเยอะๆ การบ้านเยอะๆ



ปล....ไม่ให้ท่องสูตรคูณ เวลาสอบถามหน่อย เปิดดูได้ไหม หรือเปิดดูได้ ในโรงเรียน พอสอบแข่งกับโรงเรียนห้ามดู มาก็จบเห่อยู่ดี

จริงๆสูตรคูณมันเป็นคณิตศาสตร์ไม่กี่อย่าง ที่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกวัน

มันคือพื้นฐานการเรียนเปล่าวะ ใช้ไม่ใช้ก็อีกเรื่อง

นึกถึงตอนเริมเรียนภาษา เยอรมัน

ต้องจำเพศ ของคำนาม -_- ทำไมมันเป็นชายว่ะ ทำไมมันเป็นหญิง งงเลย

พยายามคิดเชื่อมโยง แล้วก็ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องจำ

อย่าเด็กผู้หญิง ยังไม่ใช่เพศหญิงเลย Das Mädchen

ค้นหาเป็นอย่างเดียว แต่คิดริเริ่มไม่เป็นก็เท่านั้นแหละ

ปล.ผมว่าท่องสูตรคุณมีประโยชน์นะ ทุกวันนี้ผมยังใช้เลย

บางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้ครับตามความเหมาะสม แต่อย่าลืม!!!!ที่นี่ประเทศไทย งานวิจัยเรื่องทักษะการคิด ผลการวัดนี่เด็กไทยนี่ต่ำติดดินเลย ชีวิตเราไม่ได้กดเครื่องคิดเลข ใช้อินเตอรเนตแก้ปัญหาได้ทุกเรื่องนะครับ แต่ทุกเรื่องต้องใช้ทักษะการคิดแล้วค่อยค้นข้อมูลมาสนับสนุน งานวิจัยมีสนับสนุนทั่วโลกเรื่องนี้เนี่ย

ผมไม่รู้ว่าเด็กพวกนี้โตไปมันจะไปทางไหนนะ
แต่ถ้ามาทางสายวิจัยบอกเลย ทักษระการค้น
คว้าเมิงต้องอยู่ระดับสูงเลยล่ะ แต่ความจำเมิง
ต้องมีสูงกว่านั้นอัก และสุยท้ายคือความเข้าใจ
ที่ต้องมีสูงสุด ถ้ามีปัญญาแค่ค้นหา ก็เชิญนั่ง
หน้าห้องเป็นเลขาไปนะ

งั้นเราไม่ต้องท่องศัพท์เวลาเรียนวิชาภาษาก็ได้ครับ
เวลาจะใช้ค่อยเปิดหาเอา 5555 ตลกดี

บางเรื่องผมก็เห็นด้วยนะ ว่าไม่รู้จะสอนให้จำทำไม
แต่ไม่ได้แปลว่า ทุกเรื่องห้ามจำ คือมันก็ต้องดูแล้วแต่กรณีไป

อย่างสูตรคูณ... ถ้าจากอดีต + อนาคตไปอีกหลายสิบปี
ถ้าคิดจะทำข้อสอบ entทุกที่ ทุกโครงการ ของไทย
ไม่มีทางที่จะไม่จำสูตรคูณแล้วทำทันอ่าคับ อาจจะทำได้ แต่มันไม่ทันกิน

อย่าว่าแต่เรื่องสูตรคูณเลย เอาเรื่อง "ภาคตัดกรวย" ก็ได้ (ม.4 มั้ง)
สมการ วงรี / Hyperbola งี้ จะไม่จำสมการมัน
แล้วไปพิสูจน์เอาในห้องสอบนี่เดี้ยงทันทีนะครับ

พูดตรงๆนะ ไอวิชาคณิตม.ปลาย ส่วนใหญ่ มันก็ต้อง "จำ" ส่วนนึง (ย้ำว่า ส่วนนึง)
สูตรตรีโกณ / สูตรเวกเตอร์ ... มันก็ต้องจำอ่ะ
ทั้งๆที่คณิตมันเป็นวิชาเน้นฝึกกระบวนการคิดด้วยซ้ำ แต่ก็เลี่ยงจะไม่จำไรเลย ไม่ได้หรอก
แต่จำหมดเลยประยุกต์ไม่ได้ พิสูจน์ไม่เป็น อันนี้ก็เดี้ยงเหมือนกัน

หรือฟิสิกส์ก็ได้ จำเพียบ ทั้งๆที่เป็นวิชาคำนวณ
เพราะไม่มีใครไปพิสูจน์ กฎการเคลื่อนที่ทั้งหลายแหล่ เส้นตรง วงกลม
ในห้องสอบแน่ๆ



มีทางเดียว คือ เอาคอมพิวเตอร์เข้าห้องสอบเลย
แล้วค้นหาข้อมูล แล้วคิดวิธีแก้โจทย์
ซึ่งถ้าจำนวนปริมาณข้อสอบเท่านี้ แม่งก็ยังไม่น่าทันหรอก กว่าจะ search เจอ

ลองทำโจทย์แบบจำไรไม่ได้เลยดิ ข้อนึงทำเป็นชาติ นิดๆหน่อยๆก้อต้องเปิด
แต่แมท ม.ปลายแม่งก้อเกินไป ตรีโกณจำทำดวกไร 30-40 สูตร ไม่ได้มีความจำเป็นเลย บางคนความจำไม่ดีแต่คำนวณเก่งชิบหายก้อมี ส่วนบางคนจำกระทั่งวิธีทำ เจอพลิกแพลงเอ๋อแดกก้อเคยเจอ
ถ้าอย่างประวัติศาสตร์ สังคม พวกนี้ว่าไปอย่าง
ส่วนเม้นบนที่มีคนพูดถึงการปูพื้นฐานผมเห็นด้วยนะ เพราะโรงเรียนเดี๋ยวนี้แยกเด็กที่เก่งคำนวณไปติวเพิ่ม ส่วนที่เหลือปล่อยตามยถากรรม ทั้งๆที่เค้าก้อมีมุมเก่งที่มันไม่เหมือนเด็กคำนวณ

ก่อนจะใช้เครื่องคิดเลข exel เป็น ก็ต้องรู้ว่าคูณมันคืออะไร
สิ่งเล็กๆแบบนี้แหละมันทำให้เกิดนวัตกรมมใหม่ๆขึ้นมา
แค่อะไรง่ายๆแบบนี้ยังไม่รู้แจ้ง
ก็เหมือนพวกซื้อคอม ซื้อรถมาใช้อย่างเดียว
กว่าจะรู้ว่ามันพังต้องซ่อมก็ตอนมันใช้การไม่ได้แล้วเท่านั้น

เราว่าบางอย่างก็ต้องจำต้องมีพื้นฐานที่จะเอาไปต่อยอดอย่างอื่น

อันไหนไม่สำคัญไม่ต้องท่องก็ได้ แค่ขอให้รู้ว่าคุณจะไปค้นไปหาreferenceที่ไหนก็พอ

มันค่อนข้างชัด ว่าประเทศจะไปทางไหน
ยุคนี้สอนกันไม่ได้ ไม่อยากฟังไม่อยากเรียนรู้

อยากเล่นอย่างเดียว
ดูจาก Trend ความเกรียน

อนาคต น่าจะเจริญแน่นอน

มี สตีฟจอบ บิลเกตต์ แจ๊คหม่าเป็นไอดอล
อยากมีเงิน ล้าน

ทักษะพื้นฐาน ไม่เอา

ยิ่งอ่านยิ่งงง อยากรู้เหมือนกันว่าการคิดแบบไม่ใช้สูตรคูณเป็นยังไง

ไม่มีวัตถุดิบ จะเอาไปต่อยอดได้ยังไง

การไม่อยากท่องจำ เป็นข้ออ้างของคนขี้เกียจเท่านั้นแหละ
โดยเฉพาะพวกเลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะเนี่ย การท่องจำคือการ installข้อมูล เอาไปใช้ apply ต่อทั้งนั้น ถ้าไม่มีข้อมูล จะเอาอะไรมาคิด มาต่อยอด เหอะๆๆๆ

เด็กสมัยนี้ อ่อนแอจริง


เสริมอีกนิด เด่วพอเข้ามหาลัยจะได้เจอ โจทย์ที่ ไม่มีสูตรไหนสามารถแก้ได้ ให้มาพิสูจน์เอาเองในห้องสอบ
ถึงเวลานั้นอย่ามาร้องไห้หาสูตรนะจ๊ะะ

สูตรคูณนี่มันก็จำเป็นปะวะสำหรับชีวิตประจำวัน ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นการท่องจำนะผมมองว่ามันคือสูตรมาตรฐานตายตัวเพื่อให้เราไปถึงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ผมไม่เห็นผลเสียในการท่องเลย

ส่วนเรื่องสอนให้แต่เซิร์ซข้อมูลถ้าพรุ่งนี้เน็ตล่มทั่วโลกไม่ชิบหายหมดเหรอ ถ้าข้อมูลต่างๆไม่มีในgoogleจะทำยังไง ให้วิเคราะห์ว่าอันไหนน่าจะจริงอันไหนมั่วแต่คนวิเคราะห์ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยมันจะวิเคราะห์ได้ไง สรุปคือบอกว่าการเรียนแบบเก่าไม่ดีแต่สอนให้เด็กรุ่นใหม่ไปก๊อปปี้คำตอบจากพวกรุ่นเก่าทำไว้คำตอบมันก็ได้แบบเดิมปะมันย้อนแย้งยังไงไม่รู้ สอนมุมมอง วิธีการคิดแบบใหม่ๆมันจะดูเวิร์คกว่ามั้ยอะเผื่อจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ผมตอบข้อเมืองหลวงอัฟกานิสถาน ว่า คาปูล ครับ

ลองคิดดูสิครับ เวลาเราคุยในวงสนทนากับเพื่อนก็ดี หรือคู่ค้านักธุรกิจก็ดี ถ้าเราหยิบมือถือมาหาข้อมูลตลอดคงดูไม่ดีแน่ครับ แต่กลับกัน ถ้าเราจำได้จะเป็นจุดประเด็นเปิดเข้าสู่การสนทนาได้ เผลอๆจะสร้างความประทับใจให้คู่สนทนาเราจบประสบความสำเร็จในการสนทนาครั้งนั้นได้เลยนะครับ

+ ผมโคตรเบื่อเลยพวกอยากรวย
แล้วอ้างไม่มีทุน
อยากรวยแต่ไม่เรียนอ้างสตีบ จ๊อบ บิลเกต ตัน เถ้าแก่น้อย
ไอ้พวกนี้จริงๆมันเก่งนะ
และที่สำคัญเขารู้ตัวเองแต่เด็ก
และที่สำคัญสุดๆก็คือพวกนี้เขาลงมือทำจริงๆ
ไม่ใช่พูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อย

อยากทำไรแล้วเจริญพื้นฐานมันต้องแน่น