จับตา บอร์ธวิค-แจ็คสัน : ไอหนู.. “คลาส ออฟ 16”
ในยุคที่ทุนนิยมกำลังครอบครองโลกลูกหนัง ท่ามกลางหายนะของเหล่าบรรดาลูกหม้อรุ่นพี่ที่มิอาจต้านทานอำนาจเงิน ทว่าในอีกหนึ่งมุมมืดเล็กๆที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้สาวกผู้สวามิภักดิ์ต่อซาตานได้ชื่นใจอยู่..
ชื่อของ “คาเมอรอน บอร์ธวิค-แจ็คสัน” กลายเป็นชื่อที่โลกไซเบอร์ถวิลหามากที่สุด ฉับพลันที่เสียงนกหวีดสิ้นสุดลง สาวกโลกลูกหนังต่างสดุดีแซ่ซ้องต่อฟอร์มการเล่นของเจ้าหนุ่มร่างโย่งรายนี้
ในขณะที่ ลุค ชอว์ กำลังบาดเจ็บมาร์กอส โรโฮ่ ก็เข้า-ออกเป็นว่าเล่นกับโรงพยาบาล ข้ามมาที่ดาวรุ่ง บอร์ธวิค-แจ็คสัน กลับเริ่มฉายแววเจิดจรัสมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟอร์มการเล่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้ชม ต่อให้ช็อตสุดท้ายของเกมจะจบลงไม่สวยหรูหลังเจ้าตัวทำพลาดท่าเช็คล้ำหน้าพลาดปล่อยให้ ดิเอโก้ คอสต้า หลุดไปแปส่งบอลซุกตาข่าย ทว่าอย่างน้อยเหล่าสาวก “อสูรกาย” ทั้งหลายก็น่าจะเบาใจ และ นอนตายตาหลับ ..
ตัวแทน “ปาทริค เอฟร่า” ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว !
ก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่ขายวิญญาณให้ปีศาจ .. บอร์ธวิค-แจ็คสัน เติบโตขึ้นในฐานะ “แมนคูเนี่ยน” เต็มตัว ด้วยการที่เป็นชาวแมนเชสเตอร์แต่กำเนิด ทำให้ดาวเตะผู้มีชื่อแซ่ที่ยาวที่สุดในลีกเข้าศึกษาต่อที่ เซนต์ แอนโธนี่ คาทอลิก โรงเรียนฝึกปรือวิชาลูกหนังชื่อดังในเวลาต่อมา ..
หากใครจะล่วงรู้ .. นี่คือโรงเรียนเดียวกับ ราเวน มอร์ริสัน อดีตดาวรุ่งมากพรสวรรค์ นี่คือสถาบันที่ ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ ได้จบหลักสูตรมา ก็แน่นอนว่ากับ บอร์ธวิค-แจ็คสัน เองก็เช่นกัน เจ้าตัวใช้เวลาถึงปี 2013 ก่อนจะก้าวกระโดดด้วยการคว้าแชมป์ มิลค์ คัพ พร้อมเลื่อนขั้นสู่ทีมชุดยู-21 ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี !
ดีกรีเจ้าตัวย่อมไม่ธรรมดา เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจาก “เควิน สเวน” อดีตโค้ชเยาวชนเจ้าตัวผู้ค้นพบเม็ดงามรายนี้ด้วยตนเอง ..
“ สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชอบในตัว บอร์ธวิค คือ ทัศนคติของเขา เพราะ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสนาม, บนม้านั่งสำรอง หรือ กระทั่งนั่งรถบัสของทีม เขาก็มักจะยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ”
อย่างไรก็ตาม .. แม้โค้ชข้างกายผู้เคยบ่มเพาะจะการันตีความยอดเยี่ยมของเจ้าตัวด้วยตนเองทว่าด้วยวัยแค่ 19 ปี กับการต้องลงเผชิญกับเหล่าหมู่มารอย่างบรรดาผู้เล่นเชลซีคงจะเป็นอะไรที่เกินตัวไปหน่อย ..
เป็นไปตามคาดครับ ‘บอร์ธวิค’ โดนเกมรุก “สิงห์บลูส์” ฉีกเป็นชิ้นๆโดยเฉพาะกับครึ่งเวลาแรกที่โดน วิลเลี่ยน แข้งหัวฟูเจาะทะลวงอย่างเมามันส์ กราบซ้ายของแมนฯ ยู กลายเป็นช่องโหว่ให้แฟนบอลทีมรักได้สั่นสะท้านหัวใจพลางลุ้นตัวโก่งกถึงหายนะที่กำลังจะตามมา
ทว่าฉับพลันเมื่อเริ่มครึ่งเวลาหลัง .. ราวกับเป็นคนละคน ฟูลแบ็คผู้มีตัวย่อว่า “ซีบีจี” ตามชื่อเต็มของตนกลับฉายฟอร์มเก่งเมื่อครั้งสมัยเยาวชน
โอเคว่ากับเกมรับเจ้าตัวอาจไม่ใช่ดั่งภูผาหินที่พร้อมสกัดกั้นทุกหนทาง ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างโย่ง และ กระดูกบอลที่ยังเปราะทำให้มีเป๋เล็กน้อย คงลำบากหากจะหยุดยั้งความพลิ้วของบรรดาตัวรุก เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด ทั้งหลาย
แต่กับเกมรุกนี่แหละที่น่าทำให้เจ้าตัว “ได้ใจ” แฟนๆ
กับ 'เจสซี่ ลินการ์ด' อีกหนึ่งดาวโรจน์
มีรายงานจาก เทเลกราฟ สื่อจอมขุดคุ้ยแดนผู้ดีว่า ตลอดทุกนาทีในครึ่งเวลาหลัง แบ็คซ้ายวันเดอร์คิดสามารถลุยขึ้นไปเติมเกมพร้อมครอสบอลเข้าเขตโทษได้ถึง 4 ครั้ง
ไม่เพียงแต่เปิดทว่าตลอด 45 นาทีหลัง บอร์ธวิค-แจ็คสัน กลับยืนจังก้าอยู่แต่ในแดนฝ่ายตรงข้ามมากกว่าฟากตนเอง เส้นกราฟที่เทเลกราฟเผยให้เห็นหลังเกมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงธรรมชาติในเกมบุกที่เจ้าตัวฉายฟอร์มให้เห็นว่า “มีของ”
ตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม ดาวเตะวัยกระเดาะประสานงานกับ “อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล” อย่างรู้ใจ อาจไม่ถึงขั้นหายใจออกเป็นกันและกันอย่าง กิ๊กส์-เอฟร่า ทว่าก็รับ-ส่ง กันแบบรู้งาน ..
นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทัพ “ปีศาจแดง” ห่างหายไปนานนับตั้งแต่หมดยุค “ท่านเซอร์” เป็นต้นมา ..
ถึงตรงนี้ ก็แน่นอนว่า มันคงเร็วไปที่จะกล่าวว่า ฟูลแบ็คร่างโย่งจะประสบความสำเร็จ กับเส้นทางข้างหน้าที่ต้องประสบยังมีขวากหนามอีกไกลให้ฝ่าฟัน ..
แต่อย่างน้อยกับฟอร์มการเล่นในเกมล่าสุด ในบททดสอบที่ต้องดวลกับเหล่ายอดแข้ง .. บอร์ธวิค-แจ็คสัน ก็แสดงให้เราทั้งหลายได้เห็นแล้วว่า “ผ่านฉลุย”
หากไม่หลงระเริงไปกับชื่อเสียง หากไม่เสียคนไปแบบดาวเตะรุ่นพี่อย่าง ราเวล มอร์ริสัน หรือ โจชัว คิง เชื่อเหลือเกินว่าเจ้าตัวยังมีอะไรที่ทำให้เราต้อง ‘ประหลาดใจ’ ..
ก็นานมาแล้วที่นับตั้งแต่หมดยุค “คลาส ออฟ 92” ที่นำทัพโดย เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์, ไรอัน กิ๊กส์, สองพี่น้องเนวิลล์ รวมถึง พอล สโคลล์ เหล่า “แมนคูเนี่ยน” ทั้งหลายต่างโหยหาดาวจรัสดวงใหม่ที่พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นทายาท และ ที่เชิดหน้าชูตาของพลพรรคอสูร
บรรดา “วันเดอร์คิด” หลายรายต่างเสนอตนขึ้นมาเทียบเคียงดาวเตะรุ่นพี่ ทว่าแทบทุกครั้งที่ต้องจบลงด้วยการ “คว้าน้ำเหลว”
ดาวโรจน์อย่าง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ราเวล มอร์ริสัน , โจชัว คิง ต่างต้องยุติเส้นทางแห่งความฝันพร้อมระเห็ดระเหินไปหาความท้าทายใหม่อันเนื่องมาจากพื้นที่ล้นของสโมสรบ้านเกิดตนเอง
กระทั่ง แดเนี่ยล เวลเบ็ค ที่ว่าแน่ และ มีของ .. ท้ายที่สุดก็ไม่พ้นเงื้อมมือ “มัจจุราช” ที่จัดการกระชากวิญญาณปีศาจออกจากอกพร้อมหนีไปชุบตัวกับอาร์เซน่อล ..
12 ปีผ่านไปนับตั้งแต่ ‘คลาส ออฟ 92’ สิ้นสุดลง เข้าสู่ศักราช 2016 ดูเหมือนว่าสาวก “ปีศาจแดง” จะมีความหวังใหม่แล้ว ..
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น มันคงเร็วเกินไปจริงๆหาก บอร์นวิค-แจ็คสัน รวมถึง เจสซี่ ลินการ์ด จะก้าวมาทาบรอยเท้ารุ่นพี่ ในยุคเงินเป็นใหญ่เช่นนี้ หากเวลาล่วงเลยไปซัก 2-3 ปี แข้งลูกหม้อคงแพ้อำนาจเงินตราพร้อมไม่แคล้วถูกโละทิ้ง ..
ทว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ถือเป็น “ประกายเล็กๆ” บนความสิ้นหวังของแฟนๆ ด้วยสภาพทีมที่มีขุนพลแมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้มิได้ต้องการสตาร์ดัง หรือ ผู้เล่นที่มีคลาสอะไรมากมาย ...
หากแต่เป็นใครซักคนที่ “สู้ด้วยใจ” พร้อมถวายหัวเพื่อสโมสรดั่งแข้งเยาวชนของทีม ..
สุดท้ายนี้คงได้แต่บอกว่า สู้เขา “คลาส ออฟ 16” ...
'ผมเชื่อว่า “เร้ด เดวิลส์” ทุกคนเอาใจช่วยพวกคุณอยู่'
- มาสเตอร์ ริท -
***************[/img]