เข้าร่วม: 08 Aug 2009
ตอบ: 17883
ที่อยู่: Architecture : KMITL
โพสเมื่อ: Sat Feb 06, 2016 6:41 pm
Bob Marley & The Football
นอกจากกัญชาและดนตรีเรกเก้ มีอีกสิ่งหนึ่งที่บ็อบ มาร์เลย์หลงไหลไม่แพ้กันนั่นก็คือ "ฟุตบอล" บ็อบหลงไหลการเตะฟุตบอลมากถึงขนาดที่ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า หากเขาเจอฟุตบอลก่อนดนตรี เขาคงเป็นนักฟุตบอลอาชีพไปแล้ว แม้สมัยเขาจะไม่ได้เล่นฟุตบอลเป็นอาชีพ แต่สมัยยังเป็นเด็กนักเรียน บ็อบกับเพื่อนสามารถนำทุกอย่างมาเตะแทนลูกฟุตบอลได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกระป๋องน้ำอัดลมไปจนถึงเปลือกส้ม
มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งเขากลับบ้านมาตอนค่ำหลังจากเตะฟุตบอลกับเพื่อนในสภาพรองเท้าขาดวิ่น แม่ของเขาจึงทำโทษด้วยการนำเข็มขัดมาฟาด เด็กชายบ็อบวิ่งหนีแม่จ้าล่ะหวั่นและตะโกนร้องให้ลุงช่วยห้ามแม่ลั่นบ้าน สุดท้ายเขาก็ชดใช้ความผิดด้วยการทำความสะอาดบ้านและซ่อมแซมโต๊ะเพื่อให้แม่อารมณ์ดี
ทุกครั้งก่อนที่บ็อบ มาร์เลย์จะขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ต เขาและสหายวง The Wailers ต้องวอร์มอัพด้วยการเล่นฟุตบอลเสมอ บางครั้งพวกเขาก็เล่นระหว่างกำลังซาวด์เช็ค หรือหากเรี่ยวแรงยังเหลือ พวกเขาก็ดวลฟุตบอลกันต่อหลังแสดงดนตรีจบ
หลังเสร็จทัวร์คอนเสิร์ต ก่อนที่เขาจะกลับบ้านเกิดในจาเมก้า บ็อบมักซื้อรองเท้าสตั๊ดและลูกฟุตบอลจำนวนมากกลับไปฝากเด็กๆเสมอ และเขาชักชวนเพื่อนสนิทในละแวกนั้นไม่ว่าจะเป็นวิศวกรหรือพ่อค้าขายกล้วยมารวมตัวกันเพื่อเล่นฟุตบอลนั่นเอง บ็อบถือเป็นผู้เล่นเทคนิคจัดจ้านและแข็งแรงมากคนหนึ่ง นั่นเพราะเขาได้รับการฝึกฝนจากอลัน โคล เพื่อนสนิทและนักฟุตบอลทีมชาติจาเมก้าชื่อดัง โดยบ็อบกับอลันมักวิ่งไปตามชายหาดและฝึกซ้อมด้วยกันเป็นประจำ
ไม่เพียงทีมชาติจาเมก้าแล้ว บ็อบ มาร์เลย์ยังชื่นชมทีมจากอเมริกาใต้อื่นๆโดยเฉพาะทีมชาติอาร์เจนติน่า ทราบหรือไม่ว่า Kaya Tour ในปี 1978 ถูกวางแผนตารางการแสดงเพื่อไม่ให้ชนกับวันที่อาร์เจนติน่าลงแข่ง เพื่อที่จะให้บ็อบได้ชมการแข่งขันบนรถทัวร์ แต่เขามีนิสัยประหลาดเวลาชมการถ่ายทอดสดอยู่อย่างหนึ่งคือ เขาจะไม่เปิดเสียงโทรทัศน์เลยเพราะไม่อยากฟังนักพากษ์นั่นเอง
ด้วยการเป็นนักดนตรีชื่อดังมักมีนักข่าวรุมล้อมรอสัมภาษณ์เสมอ แต่บ็อบมักหาขออ้างเลี่ยงช่วงเวลาอันน่าเบื่อนั้นด้วยการตอบว่า "หากคุณอยากรู้จักผม งั้นคุณก็มาเล่นฟุตบอลแข่งกับผมสิ" ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักข่าว, นักดนตรีหรือกระทั่งนักฟุตบอลอาชีพชื่อดังต่างก็เคยได้รับคำเชิญจากบ็อบ มาร์เลย์มาแล้วทั้งนั้น เขาเล่นฟุตบอลได้ทุกที่และกับทุกคน เพราะสำหรับเขา "Football Is Freedom" ไม่จำกัดสีผิว, เชื้อชาติและศาสนาเช่นเดียวกับดนตรี
ในปี 1977 บ็อบ มาร์เลย์ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าขณะเล่นฟุตบอล อาการบาดเจ็บนั้นสาหัสกว่าที่คิดจนต้องถึงมือแพทย์ ซึ่งนั่นทำให้ตรวจพบว่าเขามีโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma) ที่ข้อเท้า แพทย์จึงเสนอให้ตัดขาเพื่อรักษาชีวิต แต่บ็อบปฏิเสธโดยให้เหตุผลตามความเชื่อของลัทธิ Rastafari เขายังคงฝืนเล่นฟุตบอลและแสดงดนตรีที่ตัวเองรักเหมือนปกติ กระทั่งในปี 1981 มะเร็งร้ายลุกลามไปทั่วทั้งร่าง ขณะรักษาตัวในประเทศเยอรมัน บ็อบรู้ตัวว่าลมหายใจของตนสั้นลงทุกขณะ เขาจึงสั่งให้คนใกล้ชิดให้ส่งเขากลับจาไมก้าเพื่อขอเสียชีวิตในแผ่นดินเกิด แต่ระหว่างเดินทาง อาการของเขาทรุดหนักจนเครื่องต้องจอดพักที่ไมอามี่ สหรัฐฯและเสียชีวิตที่นั่น
แม้คำขอสุดท้ายของบ็อบ มาร์เลย์จะไม่สำเร็จ แต่ครอบครัวและมิตรสหายก็ไม่ลืมของโปรดของบ็อบ โดยพวกเขานำ Gibson Les Paul ตัวโปรด, คัมภีร์ไบเบิ้ล, กัญชาและลูกฟุตบอล ฝั่งร่วมกับศพของราชาเรกเก้ในหลุมศพที่บ้านเกิดของเขา
credit: Clash Magazine, thewailingwailers.free.fr
แปลโดย อ่าน-เพลง
หาก Bob Marley ยังมีชีวิตอยู่ วันนี้เขาจะอายุ 71 ปีครับ
Happy birth day
Arsenal
France national football team
Chicago Bulls , Bears , Blackhawks , Cubs
Rock Alternative & Jazz music
It wasn't just a dream, you ARE a dream, Christina! We'll never forget you! #RIPChristina