19 ปกภาพยนตร์สุดงามโดย Criterion
เมื่อไหร่ก็ตามที่ภาพยนตร์คลาสสิกหลายเรื่อง ถูก Criterion นำไปทำเป็นดีวีดีขาย นอกจากจะทำให้หนังเรื่องนั้นถูกรีมาสเตอร์ใหม่แล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายทำแผ่นแห่งนี้ก็คือ การดีไซน์ปกกล่องโปสเตอร์อย่างสวยสดงดงาม และสร้างสรรค์จนน่าสะสมเก็บมาก แม้ว่าประเทศเราจะไม่มีการนำแผ่นลิขสิทธิ์ของค่ายนี้เข้ามาขาย แต่แค่เราได้เห็นปกโปสเตอร์ก็ช่วยกระตุ้นให้อยากดูหนังเรื่องนั้นเป็นกอง และเห็นทาง Indiewire รวบรวมปกสวยๆ 19 เรื่องพอดี จึงขอรวบรวมเก็บไว้เป็นอัลบั้มแบ่งปันให้แฟน Surcines ได้ดูกันบ้างแล้วกัน
จะสวยแค่ไหนลองไปชมได้เลย
19. "Diabolique" (Henri-Georges Clouzot, 1955)
ภาพที่รุนแรงสื่อถึงความปวดร้าวไปตั้งแต่ต้นจนจบ ตารางคว่ำด้านบนชี้ให้เห็นการหักมุมชวนช็อคและธีมว่าด้วยการแก้แค้น
18. "The Ice Storm" (Ang Lee, 1997)
การออกแบบเรียบง่าย, แข็งๆ ให้ความรู้สึกเหงาและน่าเบื่อที่แผ่ไปทั่วภาพยนตร์ การสะสมของน้ำแข็งสื่อนัยถึงความตึงเครียดที่ก่อให้เกิดจุดไคล์แม็กซ์ในภาพยนตร์
17. "Eyes Without a Face" (Georges Franju, 1960)
นี่เป็นเพชรเม็ดงามของภาพยนตร์สยองขวัญผสมไปกับภาพที่สร้างความน่ารำคาญด้วยความงามแบบพิลึก ปกหน้าสนใจแสดงให้เห็นถึงผลจากหน้ากากที่สวมใส่โดยตัวละครหลัก
16. "Blind Chance" (Krzysztof Kieslowski, 1987)
ด้วยภาพวาดแบบตารางรถไฟที่แบ่งหน้าคน ปกบ่งบอกไปถึงพล็อตหนังโดยตรง ชายคนหนึ่งวิ่งไปขึ้นรถไฟซึ่งท้ายที่สุดจะชี้ชาดทิศทางในชีวิตของเขา
15. "Breaking the Waves" (Lars Von Trier, 1996)
ท้องฟ้าสันนิษฐานถึงก่อนยุคสิ้นโลกอันหลอกหลอน จุดเล็กๆเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ต่อสู้ดิ้นรนกับชะตากรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้
14. "Days of Heaven" (Terrence Malick, 1978)
เป็นปกที่ทำให้เห็นภาพ “จิตรกรรมสัจนิยมแบบภาพถ่าย” (photorealist) พาเข้าไปสู่หัวใจของภาพยนตร์ในภาพเดียว
13. "Breathless" (Jean-Luc Godard, 1960)
นี่เป็นโปสเตอร์มินิมอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Criterion อิทธิพลอันลึกซึ้งของภาพยนตร์และผู้กำกับภาพยนตร์พูดในตัวของมันเอง
12. "Fear and Loathing in Las Vegas" (Terry Gilliam, 1998)
น่าแปลกใจที่ปกกระตุ้นให้อยากดูมากกว่าตัวหนังซะอีก ศิลปะของปกนี้เสริมต่อภาษาของภาพยนตร์และโปสเตอร์ทางการขึ้นมาอย่างเชี่ยวชาญ เติมเต็มไปด้วยค้างคาว คนที่กำลังเป็นสัตว์ และเส้นขอบฟ้า
11. "World on a Wire" (Rainer Werner Fassbinder, 1973)
นอกจากการมองเป็นศิลปะเพียวๆ วงกลมตรงกลางยังควบทั้งตัวละครและโลกที่สอง (Dual world) และ ความจริงและความจริงเสมือน ที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ ปกยังใช้ประโยชน์จากตัวอักษรจากโปสเตอร์ทางการของภาพยนตร์
10. "The Honeymoon Killers" (Leonard Kastle, 1969)
ทุกๆโฆษณาที่แสดงอยู่แสดงให้เห็นถึงเค้าเรื่องในภาพยนตร์ ซึ่งมาจากเหตุการณ์จริงชวนช็อค
9. "Head" (Bob Rafelson, 1968)
ปกเต็มไปด้วยบริบททางวัฒนธรรม ในโลกของศิลปะป๊อบอาร์ตและเพลงป๊อบ มันยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สำหรับธีมหลักในภาพยนตร์ นั่นคือข้อเสียของการมีชื่อเสียง
8. "The Man Who Knew Too Much" (Alfred Hitchcock, 1956)
อาจจะเป็นปกสำหรับภาพยนตร์ของฮิทช์ค็อกค์ได้ (มีส่วนผสมของคนสูบบุหรี่, ผ้าม่าน และควันปืน) แต่การออกแบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเข้าไปยังหัวใจของฉากความขัดแย้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาพยนตร์
7. "Scanners" (David Cronenberg, 1981)
ด้วยการรื้อและจัดเรียงภาพของสองตัวละครหลัก การออกแบบเข้าใจอำนาจของการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบในภาพยนตร์
6. "Belle de Jour" (Luis Buñuel, 1967)
ไอเดียภาพแคทเธอรีน เดอนิฟ เย้ายวนอันมีชื่อเสียงของภาพยนตร์ ดีไซน์นี้ใช้ภาพร่างที่บ้าระห่ำที่จะวาดภาพความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นของตัวนางเอกและชี้แนะให้เห็นการคลี่คลายของเขตแดนระหว่างความจริงและแฟนตาซี
5. "In the Mood for Love" (Wong Kar Wai, 2000)
ภาพนี้เหมือนจะเป็นภาพสกรีนช็อตจากตัวภาพยนตร์เอง มันจับโทนภาพอันมืดมัว เกือบจะทุกช็อตเล่นกับสไตล์ภาพเงาสีแดงและความรู้สึกลึกซึ้งของความปรารถนา
4. "The Great Dictator" (Charlie Chaplin, 1940)
โดยการล้อเลียนหนวดทั้งฮิตเลอร์และแชปลิน และความคาดหวังที่กลับหัวกลับหาง ปกนี้ส่งข้อความอันเหน็บแนมที่มีอยู่ในภาพยนตร์
3. "F for Fake" (Orson Welles, 1975)
การท้าทายของเวลส์กับการสืบสวนเข้าไปในความจริงและความลวง ซึ่งปรากฏอย่างสมบูรณ์ในการดีไซน์ภาพนี้ ซึ่งเน้นคุณลักษณะที่ยากจะอธิบายได้ของภาพยนตร์เช่นเดียวกับในฐานะผู้สร้างที่ซึ่งหลอกลวงไปมา
2. "The Royal Tenenbaums" (Wes Anderson, 2001)
ใครจะสามารถจับภาพจิตวิญญาณภาพยนตร์ของเวส แอนเดอร์สันได้ดีกว่าน้องชายของเขาเอง ผู้ซึ่งเป็นนักวาดภาพประกอบ Criterion แต่งตั้งให้ อีริค เชส แอนเดอร์สัน วาดภาพปกของพี่ชายของเขาเอง เขาจึงทำให้เป็นการ์ตูนที่ยังเต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์ที่มีรายละเอียดและสลสวย
1. "House" (Nobuhiko Obayashi, 1977)
หนึ่งในภาพยนตร์ที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมา ภาพยนตร์คัลท์ญี่ปุ่น สยองขวัญ-คอเมดี เรื่องนี้ ติดตามกลุ่มเด็กผู้หญิงไปบ้านสุดหลอนอันห่างไกลที่เต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้ายที่ต้องการกินพวกเธอ นั่นคือแมวบ้าเหนือธรรมชาติ ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเข้าไปอเมริกาครั้งแรกในการฉายเป็นซีรีส์กลางคืน และดีไซน์เนอร์ แซม สมิธคิดค้นใบหน้าอันน่ากลัวเพื่อโปรโมตในโรงภาพยนตร์ท้องถิ่น จน Criterion เพิ่มรายละเอียดภาพ ซึ่งตอนนี้ก็ตรงกับตัวภาพยนตร์
Spoil
ที่มา www.facebook.com/surcines