ออฟฟิศ สุดแนว !!! สวยได้ด้วยการ คิดนอกกรอบ
BEYOND THE (BLACK) BOX นอก “กรอบ” ด้วย “แก่น”
/ เราเล่นกับการทำงานของสมองมนุษย์
ถ้าคนอื่นเข้าไปในบ้านหลังใหญ่แล้วเห็นแบบนี้อาจมองว่ามันธรรมดา
แต่ถ้าเข้ามาในบ้านทาวน์เฮ้าส์ เขาจะรู้สึกได้ว่าที่นี่พิเศษเกินกว่าที่เขาคิดไว้ /
บ้านกล่องเหล็กสีดำแทรกตัวอยู่ท่ามกลางทิวแถวทาวน์เฮ้าส์หน้าตาละม้ายคล้ายกันที่เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง แม้รูปลักษณ์ความเเตกต่างจะทำให้บ้านนี้ดูโดดเด่นจนอาจเรียกว่าแปลกแยกจากบริบทโดยรอบ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ภายในสิ่งที่เราคิดว่าแปลกแยกนั้น กลับสร้างความแปลกใจได้อย่างไม่จบสิ้น สเปซที่ลื่นไหลเชื่อมต่อกันอย่างมีชั้นเชิง สื่อนัยทั้งด้านความงามและประโยชน์ใช้สอย จึงทำให้ที่นี่นำเสนอความเป็น “บ้าน” ในรูปแบบนอกกรอบ จนไม่น่าเชื่อว่าจะซ่อนตัวอยู่ภายในทาวน์เฮ้าส์ขนาด 64 ตารางเมตรย่านชานเมือง
“แต่ก่อนผมอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกับพี่สาว และพอดีบ้านฝั่งนี้เขาขาย เราก็เลยซื้อเพื่อใช้เป็นออฟฟิศก่อน ตอนนั้นผมก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าได้อีกหลังต่อกันด้านหลังจะดีมาก แต่เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีน้อย ยกเว้นจะซื้อไว้ตั้งแต่แรก เเต่สุดท้ายเราก็โชคดีที่เขาขาย ทุกอย่างเลยลงตัว”
แทนที่จะเลือกขยับขยายด้วยการซื้อพื้นที่ด้านข้างเพื่อเพิ่มหน้ากว้างให้ตัวบ้าน คุณสุริยะ อัมพันศิริรัตน์ สถาปนิกรางวัลศิลปาธรและเจ้าของบริษัทออกแบบ Walllasia กลับเลือกก้าวข้ามข้อจำกัดของบ้านทาวน์เฮ้าส์ด้วยการต่อเติมบ้านให้ “ลึก” เป็นสองเท่า โดยยังคงโครงสร้างเดิมของบ้านเอาไว้ด้านหนึ่งใช้เป็นพื้นที่สตูดิโอสำหรับพนักงานกว่าสิบชีวิต ในขณะที่อีกด้านใช้เป็นพื้นที่เวิร์คชอปงานช่างและพื้นที่ส่วนตัว ทั้งสองส่วนเชื่อมกันด้วยคอร์ตกลางที่เกิดจากการทุบรวมพื้นที่ครัวด้านหลังของบ้านทั้งสองหลังเข้าด้วยกัน ส่วนการต่อเติมนั้นไม่ได้เพิ่มเพียงพื้นที่ใช้สอยเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ หากแต่ยังเพิ่มการเปิดรับธรรมชาติให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในภูมิอากาศเมืองร้อนได้เป็นอย่างดี
“ผมรู้สึกว่าสเปซในแนวยาวแบบนี้สร้างภาวะที่อยู่สบาย บ้านทาวน์เฮ้าส์มีข้อจำกัดคือผนังสองด้านที่ค่อนข้างแคบ พอเราเอาบ้านสองหลังมาต่อกัน แล้วเปิดคอร์ตตรงกลางให้แดดส่องลงมา มีบ่อน้ำ และมีช่องให้ลมพัดผ่าน เหมือนเราเอาบ้านคนเมืองมาเจาะรูช่วยระบายอากาศได้มากขึ้น”
ในฐานะสถาปนิกผู้หลงรักงานภูมิสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ ทุกมุมของบ้านจึงสอดแทรกพรรณไม้นานาชนิด ทั้งต้นไม้ใหญ่ใช้เป็นร่มเงาหลักให้แก่บ้าน ไม้แขวนช่วยเติมเต็มสเปซ ไปจนถึงไม้น้ำดูแลง่าย โดยเขาได้สร้างระบบน้ำหยดเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ทุกต้น นอกจากช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำแล้ว ยังประหยัดเวลาการดูแลสวนได้มากทีเดียว
“ผมเสียดายน้ำที่รดต้นไม้ รู้สึกว่าอยากให้น้ำมีประโยชน์อีกสัก 3 – 4 ต่อ ดังนั้นผมจึงปลูกต้นไม้ไล่จากที่สูงลงมา เวลาผมเปิดน้ำ น้ำก็จะไหลลงในบ่อ แล้วไหลล้นต่อลงไปเป็นทอด ๆ เกิดการถ่ายเทน้ำตลอดเวลา อย่างในบ่อปลาผมไม่มีบ่อกรอง มีแต่ระบบออกซิเจน ใช้รากต้นไม้เป็นตัวจับฝุ่นเหมือนในธรรมชาติ น้ำจึงใสตลอดเวลา”
ความดิบกระด้างของเหล็กและความอ่อนโยนของธรรมชาติคือความขัดแย้งที่คุณสุริยะให้ความสนใจ แต่นอกเหนือจากนั้น เหล็กคือวัสดุหลักที่เหมาะนำมาต่อเติมทาวน์เฮ้าส์ เพราะขนส่งสะดวกและนำมาก่อสร้างได้ง่ายกว่าการใช้คอนกรีตซึ่งเป็นวัสดุที่ต้องใช้น้ำเป็นตัวผสม ทำให้เปียกเปรอะเปื้อนง่าย อีกทั้งราคาก็ยังถูกกว่าการใช้ไม้คุณภาพสูง และที่สำคัญ เขามีช่างเหล็กประจำ พร้อมช่วยถ่ายทอดไอเดียการออกแบบให้ออกมาเป็นรูปธรรม บ้านเหล็กสีดำนี้จึงเป็นการผสมผสาน งานสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน และการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว ภายใต้เงื่อนไขของความงามและประโยชน์ใช้สอย สะท้อนแนวคิดส่วนตัวของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน
บ้านเหล็กที่เหมือนจะดูหนัก เเต่กลับโปร่งเบาในความรู้สึก แม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรายละเอียด
“เราพยายามออกแบบให้ดูเรียบง่าย เพรียวบางที่สุด ไม่ดูเป็นการยึดติดกับวัตถุมากเกินไป แค่พอให้เราอยู่ได้อย่างสบาย ไม่ถึงกับเป็นการสั่งสมหรือโชว์ว่าเราใช้วัสดุตัวนั้นตัวนี้ ผมว่าไม่จำเป็น เหมือนเราใช้พื้นเพื่อเดิน ใช้หลังคาเพื่อกันฝนแต่ไม่ได้ใช้หลังคาเพื่อจะบอกว่าเรามีเงินถึงสร้างหลังคาแบบนี้ได้ เพราะการออกแบบเราต้องดึงหัวใจของการใช้สอยออกมา”
เมื่อบ้านสร้างขึ้นเพื่อการอยู่อาศัย “แก่น” ของบ้านก็คงหนีไม่พ้น “ความสุข” ของเจ้าของ และบางครั้ง “กรอบ” ก็อาจเป็นเพียงขีดจำกัดที่เราต้องก้าวข้าม เพื่อให้การออกแบบเกิดจาก “แก่น” จริง ๆ
ด้านหน้าออฟฟิศ Walllasia ซ่อนตัวอยู่หลังแมกไม้สีเขียว บานประตูเหล็กฉีกช่วยให้บ้านสีดำเคร่งขรึมดูโปร่งเบาและเป็นมิตรขึ้น
สวนเล็ก ๆ บนดาดฟ้าเต็มไปด้วยต้นฝาดขาวที่กำลังผลิใบเขียวขจีแซมกับต้นไม้เล็ก ๆ ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ
พื้นที่ห้องนอนไม่ได้มีลักษณะเป็นห้องอย่างชัดเจนเพราะออกแบบพื้นที่กิจกรรมให้แยกออกไปต่างหากเพื่อเปิดรับธรรมชาติเอ๊าต์ดอร์ ส่วนห้องนอนจริง ๆ เป็นเพียงห้องเล็ก ๆ ติดเครื่องปรับอากาศ
ด้านบนของส่วนเวิร์คชอปโปร่งโล่งไม่มีหลังคา ต่อเติมโครงสร้างเหล็กโดยไม่ไปแตะต้องกับโครงสร้างเดิมของตัวบ้าน
ความดิบกระด้างของวัสดุเหล็กสีดำแซมสีสนิมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นฉากหลัง ช่วยขับความเขียวชอุ่มของสวนแขวนอย่างชายผ้าสีดาและเฟินชนิดต่าง ๆ ให้ยิ่งงดงาม
ทางเชื่อมเอ๊าต์ดอร์บนคอร์ตกลางเชื่อมระหว่างชานพักผ่อนฝั่งออฟฟิศกับพื้นที่ส่วนตัวที่อยู่หลังบ้าน
งานศิลปะบางส่วนของคุณสุริยะติดตั้งอยู่บนต้นไม้กลมกลืนไปกับโครงสร้างเหล็กและธรรมชาติโดยรอบ รูพรุนที่เจาะบนแผ่นโลหะเลียนแบบใบไม้ที่ถูกหนอนแมลงกัดกิน แม้จะเป็นแผ่นเหล็กดิบกระด้าง แต่เมื่อแสงลอดผ่านกลับให้ความรู้สึกละเอียดอ่อน และสร้างอารมณ์การพักผ่อนเหมือนอยู่ใต้ร่มไม้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ชานพักผ่อนบนชั้นสองนำเสนอการสอดประสานของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติอย่างกลมกลืน เสาโครงสร้างของส่วนต่อเติมล้อไปกับลำต้นของไม้ใหญ่ที่พุ่งทะลุขึ้นไปเหนือหลังคาให้ร่มเงาได้ดี เหมือนอยู่บนบ้านต้นไม้อย่างไรอย่างนั้น
“อีกด้านของบ้านเป็นประตูทึบ คนเขาจะบอกว่าเราเหมือนกับโรงสีข้าวรับซื้อข้าวเปลือก แต่พอเราใส่ดอกไม้ที่ประตู ภาพดอกไม้จะเด่นสดใสกว่าปกติ ทำให้เพื่อนบ้านเขาอยากคุยกับเราเรื่องดอกไม้นี่แหละ”
ส่วนเวิร์คชอปอีกด้านเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นแบบแมน ๆ ของคุณสุริยะ เพราะเป็นทั้งอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์คันโปรด ทั้งยังเป็นที่ทำงานช่างซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบ
พื้นที่ห้องประชุมอยู่ในโทนสีดำเข้มขรึม โคมไฟตั้งโต๊ะ ช่วยสร้างความสว่างเฉพาะจุด
...
Spoil
เรื่อง Monosoda
ภาพ จิระศักดิ์, นันทิยา
คอลัมน์ : Room To Room
เล่ม : March 2015 No.145