29 November 2015 12:02 PM by Zaine_R
ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?

เกมที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี๊ยมเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยเรื่องราวให้พูดถึงไม่ว่าจะเป็นการคัมแบ็คสุดหลอนอีกครั้งสำหรับแผน 3-5-2 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหรือการทำลายสถิติการยิงประตูติดต่อกันเป็นนัดที่ 11 ของเจมี่ วาร์ดี้หอกตัวจี๊ดของเลสเตอร์และอีกมากมายหลายเรื่อง

ก่อนเกมการแข่งขันนัดนี้นั้นน่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ขุนพล “ปีศาจแดง” เดินทางไปเยือกถ้ำจิ้งจอกด้วยภาษีที่ดูแล้วพูดได้เลยว่า “ด้อยกว่า” ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นหรือคะแนนบนตารางพรีเมียร์ ลีก ยังไม่นับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บก่อนเกม(และถ้าจะรวมแผนการทำทีมของหลุยส์ ฟาน ฮาลเข้าไปด้วยก็ไม่ว่ากัน)

ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นมีการประกาศผู้เล่นตัวจริงและแผนที่จะใช้ในเกมนี้ แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็พากันอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเห็นว่าทีมรักเลือกใช้แผน 3-5-2 ที่เคยทำให้พวกเขาเกือบเอาตัวไม่รอดมาแล้วเมื่อซีซั่นก่อนกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ก่อนกุนซือจอมปรัชญาจะออกมาแจงหลังเกมว่า เพราะมีตัวผู้เล่นบาดเจ็บเยอะ โดยเฉพาะในรายของมาร์กอส โรโฮที่เจ็บก่อนเกม ทำให้ต้องปรับมาใช้กองหลัง 3 ตัว

ถึงแม้ว่าตัวผู้เล่นที่มีอยู่ในมืออย่างดาลี่ย์ บลินด์, แพดดี้ แม็คแนร์, คริส สมอลลิ่งและมัตเตโอ ดาเมี่ยนจะจัดกองหลัง 4 ตัวได้ก็เถอะ …

เรื่องชองเหตุผลที่ไม่ต้องการความเข้าใจจากตัวฟาน ฮาลนั้นมีมานานแล้ว ฉะนั้นเราก็อย่าไปคิดเยอะกับเรื่องให้สัมภาษณ์ของเขาดีกว่า เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ต้องคิดมากก็คือ ฟอร์มการเล่นของนักเตะที่มีในเกมนี้ต่างหาก

ตลอดเวลา 45 นาทีแรก บอกได้เลยว่าเกมของแมนฯยูไนเต็ด “มั่ว” แบบชัดเจน ดูแล้วเข้าใจได้ทันทีเลยว่านักเตะไม่ได้ “เก็ต” กับแผนการเล่นที่กุนซือจอมปรัชญาวางหมากมาให้ ทำให้เกมรุกของ “ปีศาจแดง” ตายด้านทุกมิติ ได้แต่ถ่ายบอลไปมาแบบไร้จุดหมายเพื่อรอเวลาที่จะเสียบอลให้กับ “จิ้งจอกสยาม” สวนไปลุ้นยิง

คู่กลางอย่างบาสเตียน ชไวสไตเกอร์และไมเคิ่ล คาร์ริคไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ เพราะเจอการเพรสซิ่งวิ่งกดดันของนักเตะเจ้าบ้าน รายแรกยังพอเอาตัวรอดได้ แต่รายหลังนี่จ่ายบอลเปะปะอยู่หลายครั้ง จนผมเองก็ยังนึกแปลกใจสงสัยว่ามีหลายเกมที่ฟาน ฮาลส่งทั้งคู่ลงพร้อมกันแล้วมันไม่เวิร์ค เพราะทั้งคู่อายุเยอะแล้ว ต้องใช้บอลเคลื่อนที่แทนทั้งคู่ ทำให้ช่องการทำเกมแคบกว่าการที่มีคู่หูอีกคนคอยวิ่งขยับทำทางให้ แต่ทำไมเมื่อวานนี้ยังได้เห็นภาพเดิมแบบนั้นอยู่

แต่คนที่ดูจะมีปัญหากับแผนการเล่นนี้ที่สุดดูเหมือนจะเป็นดาเมี่ยนในตำแหน่งวิงแบ็คทางขวา ดาวเตะชาวอิตาเลี่ยนวิ่งขึ้นลงในจังหวะที่ไม่เป็นธรรมชาติและไม่ได้สอดรับกับจังหวะการบุก นั่นอาจจะเป็นเพราะโดยปกติแล้วในตำแหน่งผู้เล่นด้านข้างของแบ็คโฟร์ จะมีตัวรุกอีกคนยืนอยู่ข้างหน้าทำให้มีจังหวะประสานงานหรือวิ่งสอดตามช่องได้มากกว่า แต่ในเมื่อเกมนี้เขาเป็นผู้เล่นด้านข้างคนเดียวที่มีระหว่างพื้นที่ด้านหลังจนเกือบจะถึงโซนสุดท้ายของเลสเตอร์ ทำให้จังหวะบุกดาเมี่ยนพาตัวเองขึ้นไปรอบอลอยู่สูงจนโดนประกบหนึบ เกมครึ่งแรกของแมนฯยูไนเต็ดจึงขึ้นทางด้านซ้ายกับทางแอชลี่ย์ ยังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

จนแล้วจนรอดแมนฯยูไนเต็ดที่เน้นเกมชัวร์ก็มาพลาดโดนจังหวะโต้กลับของเลสเตอร์ ซิตี้เล่นงาน เริ่มจากแคสเปอร์ ชไมเคิ่ลลูกชายของตำนานทีม “ปีศาจแดง” อย่างปีเตอร์ ชไมเคิ่ลออกบอลเร็วให้ฟลุ๊กซ์ก่อนที่จะจ่ายบอลตัดแนวรับของทีมเยือน และเป็นวาร์ดี้ที่สานต่อความฮ็อตด้วยการโฉบเข้าไปยิงสวนดาบิด เด เกอาเข้าไปเป็นการทำประตูติดต่อกัน 11 เกมของแข้งอิงลิชรายนี้ ทำลายสถิติที่รุด ฟาน นิสเตอรอยอดีตดาวยิงหน้าม้าที่ทำไว้ที่ 10 เกมเป็นที่เรียบร้อย

มาถึงจุดนี้แฟนบอล “ปีศาจแดง” รู้สึกคุ้นไหมครับว่าการเข้าทำในลักษณะนี้นั้นมันเหมือนที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อนแทบทุกสัปดาห์เมื่อนานมาแล้ว …

กลับมาที่เกม “ปีศาจแดง” มักจะลงเอยแบบนี้มาเสมอ ด้วยแผนการเล่นที่เน้นความแน่นอนไว้ก่อน จนทำให้ไม่สามารถสร้างโอกาสบุกได้อย่างเต็มที่ จนสุดท้ายทำให้คู่แข่งมีโอกาสหาช่องทางสวนกลับและทำประตูได้ ก่อนจะมาลุ้นวัดดวงเพื่อที่จะพยายามทำประตูคืนให้ได้ ซึ่งเกมนี้ถือว่าโชคดีที่ได้จังหวะการเบียดเข้าทำของชไวสไตเกอร์ที่หลุดการประกบของชินจิ โอกาซากิเข้าไปทำประตูตีเสมอได้ก่อนหมดเวลาไม่ถึงนาที

นี่เป็นประตูที่สำคัญมากสำหรับเกมนี้ของทางแมนฯยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่ประตูเปิดซิงของแข้งเยอรมัน แต่มันยังเป็นประตูที่ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ที่กำลังได้ใจถึงกับต้องผงะไป ไม่ว่าจะเป็นทีมเล็กหรือทีมใหญ่ การเสียประตูในช่วงก่อนที่จะหมดเวลาครึ่งแรกเพียงไม่กี่นาทีนั้น ส่งผลอย่างยิ่งต่อการกลับมาลงเล่นในครึ่งหลัง

ด้วยเหตุผลนี้เองครึ่งหลังเกมของทั้งคู่จึงตึงใส่กัน เลสเตอร์เน้นรับลึกและไม่ได้บีบแดนกลางสูงเหมือนอย่างในครึ่งแรก ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเล่นได้ง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นสไตล์บอล “ติ๊ดชึ่ง” ก็ไม่ได้สร้างความอันตรายให้กับเจ้าบ้านสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากการถ่ายบอลออกซ้ายขวาและฝากบอลไปที่อ็องโตนี่ มาร์กซิยาลซึ่งผมกล้าพูดว่าเป็นนักเตะ “ปีศาจแดง” คนเดียวในทีมนี้ที่กล้าพาบอลจี้เข้าหาคู่แข่งและพยายามสร้างโอกาสได้เองแล้วนั้น ลูกทีมของฟาน ฮาลไม่มีอะไรเลย โดยเฉพาะพื้นที่ก่อนโซนสุดท้ายของเลสเตอร์นั้น ผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ดเชื่อมกันไม่ติดเลยแม้แต่นิดเดียว

ส่วนทาง “จิ้งจอกสนาม” แอบเสียดายแทนเล็กน้อยที่เลโอนาร์โด้ อูญัวซึ่งลงมาแทนโอกาซากิที่ครึ่งแรกวิ่งไล่บีบในแดนหน้าจนหมดแรงไปแล้วนั้น ไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับแผงหลังของ “ปีศาจแดง” สักเท่าไหร่ ทั้งที่มีโอกาสเข้าทำจากจังหวะบุกสวนกลับได้ 2-3 ที เพราะทางวาร์ดี้พอกลับมาเล่นในครึ่งหลังก็ดูเหมือนจะโดนประกบติดมากกว่าเดิมจนทำอะไรไม่ได้ถนัดมากนัก

ขณะเดียวกันแมนฯยูไนเต็ดก็ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายในแนวรุกอย่างเม็มฟิส เดปายลงสนามมา แต่ก็ไม่ได้คลายพิษสงอะไรมากหนัก แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามวิ่งส่ายขอบอลและหาตำแหน่งเข้าทำในแดนหน้ามากกว่าคนที่เขาลงมาเล่นแทนก็ตาม ถ้าใครสังเกตจะเห็นได้เลยว่าเดปายดูตัวหนาขึ้นกว่าเมื่อตอนต้นฤดูกาลเยอะมากและดูเหมือนว่าจะหนาจนเกินไปจนผมคิดว่ามันเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี เพราะเจ้าตัวเป็นผู้เล่นที่เน้นความคล่องตัวและความเร็ว เมื่อน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นจุดเด่นที่เคยมีก็เลยดูจะลดน้อยถอยลงไป งานนี้ทีมสต๊าฟของ “ปีศาจแดง” ต้องเข้ามาพิจารณาโดยด่วน

เกมที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี๊ยมจบลงด้วยสกอร์ 1-1 พูดกันตามเนื้อผ้าแล้วนั้นก็น่าเป็นที่พอใจของทั้งสองทีมเพราะยังเกาะกลุ่มอยู่ในหัวตารางด้วยกันทั้งคู่ แม้ว่าเจ้าบ้านจะเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปก็ตาม

แต่เชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคงรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก แน่นอนผลลัพธ์ของเกมนี้ไม่ได้ย่ำแย่ แต่รูปเกมต่างหากที่เป็นปัญหา เพราะจนถึงตอนนี้ยากจะบอกได้ว่าอะไรคืออาวุธสำคัญในการเข้าทำของแมนฯยูไนเต็ดชุดนี้ ? เกมด้านข้าง ? ตรงกลาง ? หรือแค่ฝากบอลไว้ที่มาร์กซิยาลและถ้าสถานการณ์ตามหลังก็ส่งมารูยาน เฟลไลนี่ลงไปยืนหน้า ?

การเล่นแบบไร้ทิศทางและอนาคตแบบนี้คงทำให้แฟนบอลของทีมปวดใจไม่น้อย เพราะจากทีมที่เคยเล่นเกมรุกได้อย่างมีสีสันและดุดัน กลับกลายเป็นเพียงทีมที่เน้นเล่นแน่นอน ไม่เสี่ยงและส่งบอลขึ้นหน้านับครั้งได้ในแต่ละเกม

มันคงเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็น “ปีศาจแดง” กลับมามีจิตวิญญาณในการที่จะพิฆาตคู่แข่งและเล่นอย่างมีแรงกระตุ้นเหมือนเดิม ในเมื่อคนเป็นกุนซือนั้นได้กำหนดทิศทางของทีมไว้อย่างชัดเจนว่าให้ต่อบอลเพื่อเน้นความแน่นอนไว้ก่อน

ใช่ครับ การต่อบอลและครองเกมคือการสร้างโอกาสที่ดีที่สุดให้กับทีมและตัดโอกาสในการทำเกมของคู่แข่งไปในตัวถือว่าเป็นกลวิธีที่ดีในการที่จะกรุยทางไปสู่การทำประตู

แต่นั่นควรมีแบบแผน มีวิธีการเข้าทำ มากกว่าการครองบอลเพื่อหาจังหวะหรือช่องที่คู่แข่งจะเปิดให้ ทีมระดับนี้ควร “สร้าง” โอกาสให้กับตัวเองได้มากกว่าการที่จะรอให้คู่แข่ง “ปล่อย” โอกาสนั้นมาให้

เพราะสุดท้ายถ้ามัวแต่ครองบอลต่อบอลกันประดุจเหมือนสามารถเอาจำนวนครั้งในการส่งหรือเปอร์เซ็นต์การครองบอลไปแลกแต้มได้แล้วนั้น เมื่อพลาดพลั้งขึ้นมาสุดท้ายก็ต้องมาคอยเร่งเกมทีหลังและด้วยรูปแบบการเล่นของทีมในชุดนี้แล้วพูดได้เลยว่าแฟนบอล “ปีศาจแดง” น่าจะได้ลุ้นกันหืดขึ้นคอทุกนัดไปจนจบฤดูกาลนี้แน่นอน

จริงอยู่ที่ทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมนำมาซึ่งความขัดแย้งทางด้านความรู้สึกหรืออารมณ์ เราไม่อาจจะหวนนึกถึงแต่อดีตหรือสิ่งที่เคยทำได้ตลอด หลายคนอาจจะบอกให้ใจเย็นเพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงความเปลี่ยนแปลงจากช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่กับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมาจนถึงเวลาผลัดใบ

แต่หากความเปลี่ยนแปลงนั้นมันชัดเจนจนเกินไปว่ายากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีแล้วนั้น

การออกมาแสดงความรู้สึกผิดหวังต่อทีมรักตัวเองของแฟนบอลแมนฯยูไนเต็ดในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมากเลยครับ

อย่างน้อยๆก็ง่ายกว่าปรัชญาการทำทีมของคนบางคนแน่นอน …

ปล.บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่พูดถึงเวย์น รูนี่ย์กัปตันทีมค่าตัว 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ในเกมนี้เลย ผมคงต้องสารภาพตามตรงว่าผมไม่รู้จะพูดถึงเขายังไง เพราะเกือบ 70 นาทีที่อยู่ในสนาม ผมแทบไม่เห็นเขาทำประโยชน์หรือทำอะไรให้ต้องพูดถึงเลยนั่นแหละครับ
เข้าร่วม: 03 Mar 2008
ตอบ: 1002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 12:14 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
LVG เราว่านายไม่เหมาะกับแมนยูเลยว่ะ
เข้าร่วม: 13 Dec 2007
ตอบ: 3074
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 12:21 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
เน้นครองบอล ไม่เน้นทำประตู
0
0


เข้าร่วม: 30 Nov 2014
ตอบ: 5460
ที่อยู่: ไม่เสือกดิ...
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 12:23 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]




น่าให้น้ากิกส์ขมับแม่มสักที

ปรัชญาอ่อนจริงๆเลยว่ะลุง






เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 2111
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 12:37 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมกัลต้องใจตุ๊ดขนาดนี้ จริงๆจะทำทีมให้บุก

แกก็ทำได้นะ แล้วทำได้ดีด้วย ชนะสวยงาม แต่ก็มีแพ้บ้างเพราะโดน

โต้กลับ แพ้ 3-0 แพ้ 5-3 แต่เกมที่แพ้ขาดแบบนี้ก็มีไม่กี่นัด ทำไมถึง

ต้องไปกลัวแพ้จนต้องมาเพลเซฟขนาดนี้ หลังๆมาแทบไม่แพ้เลยแต่

เสมอไปเกินครึ่ง แบบนี้มันดีแล้วหรอ? ถ้าลุงไม่คุมทีมเพื่อชัยชนะผม

ก็ไม่สนับสนุนอะ ออกไปเถอะ มีโค้ชฝีมือดีว่างงานอยู่


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 15650
ที่อยู่: hakodate ,Japan
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:06 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ปล.บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่พูดถึงเวย์น รูนี่ย์กัปตันทีมค่าตัว 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ในเกมนี้เลย ผมคงต้องสารภาพตามตรงว่าผมไม่รู้จะพูดถึงเขายังไง เพราะเกือบ 70 นาทีที่อยู่ในสนาม ผมแทบไม่เห็นเขาทำประโยชน์หรือทำอะไรให้ต้องพูดถึงเลยนั่นแหละครับ

ตามนี้ไป
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 452
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:19 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
มีคนเดียวจริงๆที่จี้เข้าใส่กองหลังของฝั่งตรงข้าม มาร์กซิอัล มันเป็นที่แผนกับแทคติกแน่นอนกับการที่ไม่ขยับเพื่อรับบอลจะเห็นว่าถ้าไม่โดนนำก่อน การขึ้นบอล+มูฟเมนต์ของทีมจะเป็นทรงเดียวแทบทั้งสิ้น แล้วพอโดนนำก็จะมีไม่กี่คนที่รู้ว่าในจังหวะนี้ทีมต้องการอะไรที่สุดมากกว่าที่ปรัชญาที่ถูกฝังอยู่ในสมอง หนึ่งในนั้นแน่นอนคือบาสเตียนซึ่งจะออกท่าทางชัดเจนมากในการบอกเพื่อน และขยับตัวเองไปอยู่ในจุดที่ควรจะไป และพอบอลขึ้นไปถึงแดนหน้าส่วนใหญ่ก็จะฝากความหวังไว้กับเจ้าหนูมาร์กซิอัล ซึ่งแน่นอนเค้าไม่ใช่ร๊อบเบน ด้วยประสบการณ์และความสามารถ ยังไม่ถึงขั้นที่จะชี้ขาดเกมได้ แต่ก็เข้าใจว่าไม่มีใครทำได้ดีกว่าเจ้าหนูนี่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อหันไปหากัปตันซึ่งเป็นศุนย์หน้าที่ทำได้เพียงเคาะบอลไปมา ทำให้มาร์กซิอัลนั้นแสนจะโดดเดี่ยว มาต้าก็เริ่มจะโดนปรัชญากลืนกินจนทำให้ความสามารถที่เค้ามีต้องเอามาใช้เพียงเคาะบอลเท่านั้น

Glory Glory United!!


เข้าร่วม: 13 Jul 2009
ตอบ: 190
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:31 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
มันคือสไตการทำทีมแบบปรัชยาไงที่เขากล่าวไว้
เขาก้อเลยมโนว่านักเตะจำทำได้ตามที่ตนเองคิดแต่เอาเข้าจริง
นักเตะก้อไม่ได้เก็ตกับสิ่งที่จะให้ทำ
โดยความสามารถของนักเตะกับแนวทางมันไปไม่ได้ก้อยังดันทุรัง

เหมือนแบบว่าเปปทำบาซ่าต่อบอลแล้วไปใช้ที่บาเยิน แต่แปปเขารู้ว่านักเตะควรเล่นแบบใหนเขาก้อไม่ได้
เอาไปใช้ทั้งหมดแค่ปรับใช้ให้การเล่นมันใหลลื่มมีมิติ เลยจะเอาบ้างแนวกรูต้องได้


แต่พี่แกคนนี้ บ้าไปหน่อยเชื่อมั่นในตนเองไปหน่อยไม่ฟังใครกุจะเอาแบบนี้
กับไอ้แค่โกลคนนึงยังไม่ให้เข้าสนามนี่มันก้อบ้าอำนาจไปละ

สักพักคงมีเตะไล่โค้ช
0
0
chuwap
เข้าร่วม: 12 Feb 2009
ตอบ: 5491
ที่อยู่: วัน เวลา ผ่านไป อะไรหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไปตาม---คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก---
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:48 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ตัวที่เปลี่ยนลงมาแทนรูนีย์ ก็คล้ายๆรูนีย์ ทำอะไรไม่ได้เลย
0
0
บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง ฉะนั้น จึงไม่ควรตัดสินการกระทำของคนอื่น
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 33535
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 2:23 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ตรงใจหมดเลยนะเนี่ย ถ้าให้ผมร่ายยาวของแมนยูก็จะออกมาประมาณนี้เลย
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6339
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 2:29 pm
[RE]ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?
สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ คนนี้ ยังไม่ดีพอ ที่จะพาแมนยู ประสบความสำเร็จ แบบ เซอร์อเล็ก
0
0
เข้าร่วม: 19 Oct 2013
ตอบ: 1159
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 2:51 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
โดนใจ
0
0
เข้าร่วม: 25 Sep 2006
ตอบ: 289
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 4:17 pm
[RE]ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?
ส่วนตัวพอใจ LVG นะ
รูปเกมส์การครองบอลดีกว่าไอ่มอยส์
อนาคตก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนไป ถือว่าให้มันมาวางรากฐานก็โอเครละ
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 291
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 4:36 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ผมเป็นเด็กผี ผมมองเห็น 2 จุด ที่ดูแล้ว อาจถึงแพ้ได้
จุดที่1 ทุกครั้งที่คู่นี้ลงพร้อมกัน บรรลัยทุกที ชไวนี่ คู่กลางกะคาริก วิ่งช้าทั้งคู่ พอดูแล้วน่าจะเห็นว่า เลสเตอร์ตรงกลางเร็วขนาดไหน จะเอาคนแก่ลงมาทำไม(คาริกจ่ายเสียและตามคืนไม่ทันบ่อยมาก)
จุดที่2 กองหลัง3คน แถบเป็นแมคแนร์กะบลินอีก ซ้าย-ขวาบ่อน้ำมัน ไม่แพ้ก็ดีเท่าไรแล้ว

คิดได้ไง เจอทีมเล่นเร็ว ใช้หลัง3 เหมือนรอแพ้
0
0
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 803
ที่อยู่: เชียงใหม่ เมืองหลวงแห่ง หมูกะทะ กาแฟ modern art และ พวก wannabe
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 4:42 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
เชียร์แมนยู ดูมาแต่เด็ก

แต่จะขอเว้นไว้ จนกว่าจะเปลี่ยนผู้จัดการทีม

อีหรอบเดิมๆ

คหสต
0
0
เข้าร่วม: 01 Aug 2008
ตอบ: 115
ที่อยู่: อาภัพ อพาร์ทเมนท์
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 5:08 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ตรงประเด็น ตรงใจ
0
0
[img]http://upic.me/i/hs/dimaria.jpg[ /img]
อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตร ระวังวาจา
เข้าร่วม: 15 Dec 2009
ตอบ: 1313
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 5:47 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
เบื่อพวกโค้ชหน้าคอม........มันต้องมีคนคิดอย่างนี้แน่นอน

ปัญหาแม่มเต็มทีมไปหมด พวกดูแต่ตารางคะแนน

เดี๋ยวก็จะมีอีกพวกคือ..........พวกแฟนพันธ์แท้ด่าแฟนพลาสติก

พวกถูกด่าแฟนพลาสติกผมเห็นแม่มดูทุกนัด กระทู้liveมาตลอด สังเกตุทุกจังหวะในสนาม ยังกะพวกทำเกมฟีฟ่าที่เอาจอยมานั่งเก็บข้อมูลการเคลื่อนที่นักกีฬา
0
0
เข้าร่วม: 03 Sep 2006
ตอบ: 525
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 7:40 pm
[RE]ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?
เบื่อสไตล์ต่อบอลชัวร์ ทำทีมยังไงให้ทีมไร้ passion ในการชนะได้ขนาดนี้ วิเคราะห์แต่คู่ต่อสู้ เคยสำเนียกต้วเองไหมกัลเอ่ย
0
0
เห่าเลยตามสบายไม่ตอบโต้
เข้าร่วม: 30 Jan 2009
ตอบ: 3136
ที่อยู่: ในรูเมื่อยามคับขัน
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 8:05 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ผมดูการบรรยายของอังกฤษ พักครึ่งโชว์กราฟฟิกขึ้นเลยว่า คาริกคนเดียวทำบอลพลาดเยอะมากๆ และไม่เคลื่อนที่เลย
0
0
เข้าร่วม: 09 May 2007
ตอบ: 3804
ที่อยู่: MUTV
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 8:40 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ปัญหาตอนนี้คือ

1.คนครอสบอลสวยๆ ไม่มี
2.คนคอยวิ่งสอด ไม่มี
3.สไตล์และเทคนิคของนักเตะที่มี ไม่เข้ากับปรัชญา


สุดท้ายเปลี่ยนโค้ช ค่อยมาว่ากัน
0
0

ภาพจังหว่ะ De Gea โคตร 3 เซฟ วันที่ 5 ต.ค.57 ผล Man Utd 2-1 Everton
เข้าร่วม: 05 Aug 2010
ตอบ: 1414
ที่อยู่: อยู่ได้ทั่วไทย
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 9:28 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ตกลงเกมนี้ผีแพ้เหรอ...???

0
0
ลูกหลานก็จะให้เชียร์หงส์ต่อไป
เข้าร่วม: 02 Jan 2007
ตอบ: 4835
ที่อยู่: Girls' Generation,소녀시대,SNSD,MANU
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 9:57 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ผมค่อนข้างชอบบทความนี้นะ เพราะค่อนข้างตรงกับความคิดของตัวเองในการวิจารณ์การเล่นรายตัว เป็นการวิจารณ์ที่ใช้คำว่า "วิจารณ์การเล่น" อย่างแท้จริงไม่ใช่การด่าตามอารมณ์หรือตามอคติแบบนัก(ที่คิดว่าตัวเอง)วิจารณ์บางคนในสมัยนี้ที่ชอบทำกัน

ระบบ 3-5-2 ของฟานกัล คาริก ชไวนี่ ดาเมี่ยน รูนี่ย์ มาธิร์อัล คือสิ่งที่ผมเห็นด้วยกับบทความนี้นะ รวมถึงเดปายด้วย แต่ที่ตรงใจมากคือเรื่องจังหวะการต่อบอลเพื่อมุ่งไปสู่การเข้าทำ ผมไม่เถียงเรื่องการครองบอลเป็นสิ่งที่ดีและเชื่อว่าแฟนๆหลายคนอยากเห็นในยุคป๋าที่เราสามารถครองบอลแบบเป็นต่อและได้เห็นแล้วในยุคนี้ที่เราค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเองและทำมันได้

แต่หลังๆจากระบบทีเ่ปลี่ยนไปมา และกับระบบ 3-5-2 ที่ดูแล้วว่าผู้เล่นออกจะงงๆกับระบบนี้พอควรเหมือนจับปลาไปเดินบนดินแทนที่จะให้มันแหวกว่ายอยู่ในน้ำตามธรรมชาติ มันเลยเกิดอาการพะงาบๆเจียนอยู่เจียนไปอย่างที่เห็น ทำอะไรแทบไม่ได้นอกจากประคองตัวเอาตัวรอดในแต่ละแมตท์

ข้อความในบทความช่วงท้ายๆคือสิ่งที่ผมชอบและคิดอยู่ตลอดจากการดูเกมหลังๆของยูไนเต็ด คือ "ใช่ครับ การต่อบอลและครองเกมคือการสร้างโอกาสที่ดีที่สุดให้กับทีมและตัดโอกาสในการทำเกมของคู่แข่งไปในตัวถือว่าเป็นกลวิธีที่ดีในการที่จะกรุยทางไปสู่การทำประตู แต่นั่นควรมีแบบแผน มีวิธีการเข้าทำ มากกว่าการครองบอลเพื่อหาจังหวะหรือช่องที่คู่แข่งจะเปิดให้ ทีมระดับนี้ควร “สร้าง” โอกาสให้กับตัวเองได้มากกว่าการที่จะรอให้คู่แข่ง “ปล่อย” โอกาสนั้นมาให้"

นี่คือสิ่งที่ผมอยากสื่อ ไม่อยากให้บางคนเข้าใจผิดว่าแฟนบอลบางคนไม่พอใจในการครองบอล ผมพอใจและเชื่อว่าหลายคนพอใจเพราะการมีบอลอยู่กับทีมมันคือการคุมจังหวะเกมและคือการเซฟที่ดีที่สุด แต่มันควรเป็นการครองบอลที่หาโอกาส หรือฉกฉวยการทำประตูอย่างหลากหลายมากกว่าครองเรื่อยๆแล้วก็อย่างที่เห็น "การครองบอลเพื่อเข้าทำ" นี่แหละครับคือจุดใหญ่ที่ผู้จัดการทีมควรจะปรับและผมยังหวังว่าเขาจะทำได้นะครับ
1
0
เข้าร่วม: 07 Nov 2006
ตอบ: 341
ที่อยู่: ท่ามกลางศัตรู
โพสเมื่อ: Mon Nov 30, 2015 8:51 am
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
santaJL พิมพ์ว่า:
เบื่อพวกโค้ชหน้าคอม........มันต้องมีคนคิดอย่างนี้แน่นอน

ปัญหาแม่มเต็มทีมไปหมด พวกดูแต่ตารางคะแนน

เดี๋ยวก็จะมีอีกพวกคือ..........พวกแฟนพันธ์แท้ด่าแฟนพลาสติก

พวกถูกด่าแฟนพลาสติกผมเห็นแม่มดูทุกนัด กระทู้liveมาตลอด สังเกตุทุกจังหวะในสนาม ยังกะพวกทำเกมฟีฟ่าที่เอาจอยมานั่งเก็บข้อมูลการเคลื่อนที่นักกีฬา  



เห็นด้วยคับ
0
0
"ยอมรับผลการแข่งขัน คือ สปิริตของนักกีฬาและกองเชียร์"
เข้าร่วม: 23 Sep 2010
ตอบ: 65
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Nov 30, 2015 12:15 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
บอกตามตรงนะครับ ชม นี้ใครเจอเลสเตอร์ก็เหนื่อยหมดเเหละ
ฟานกัลคงคิดว่าถ้าไปบุกเเลก คงเละกลับออกมาเหมือนปีที่เเล้ว
ได้ 1 คะเเนนยังดีกว่าได้ 0 คะเเนนนะครับ

ผมเข้าใจนะว่าเเฟนผีเเดงอยากให้ทีมกลับมาเล่นสนุกเหมือนยุคโรนัลโด้, สโคลส์ หรือ RVP
เเต่สภาพทีมตอนนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทำเเบบนั้นครับ เเมนยูไม่ได้มีตัวเก่งกาจเเบบนั้นสักคนเลย
มาต้ากับรูนี่ก็ขาลงเเล้ว ชไวนี่ถึงจะเก่ง เเต่ก็อายุเยอะ จะให้พีคทุกนัดคงยาก
มาเที่ยวอาจจะเก่ง เเต่ยังไม่เทียบชั้นโรนัลโด้ตอนพีคๆได้เลย คือโด้ตอนรุ่งๆประกบ 2-3 คนยังเอาไม่อยู่เลย


นักเตะที่มีอยู่ตอนนี้ กับสิ่งที่ฟานกัลทำให้ ก็สมเหตุสมผลนะครับ
เเมนยูยังอยู่ในหัวตาราง สอดเเทรกขึ้นไปลุ้นเเชมป์ได้
ต่อให้รูปเกมน่าเบื่อ เเต่มันก็ดีกว่ายุคมอยส์นะครับที่ทั้งเล่นน่าเบื่อ เเละไม่ได้ผลการเเข่งขัน
เข้าร่วม: 12 Feb 2009
ตอบ: 1696
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Nov 30, 2015 5:00 pm
[RE: ผีบุกยันจิ้งจอกสยาม … เอาเรื่องไหนก่อนดี ?]
ผมว่าเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากการถอดรูนออก

แต่ก็ยังมีเรื่องเล่นหลัง 3 มาให้ขุ่นเคืองใจอยู่
0
0