ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:36 am
..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ
..ผมแปลกใหมที่ไม่ชอบหนังซุปเปอร์ฮีโร่สไตล์ Marvel พวกไอรอนแมน กัปตันอเมริกา คือพอดูได้ ดูเป็นหนังแผ่นผมจะดูแบบข้ามๆ ดูแบบพอเอาไปคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง ยิ่ง Avengers นี่ผมดูแล้วเข้าขั้นตลกไงไม่รู้ ในความรู้สึกคือมันไม่สมจริง เทพเจ้า คน หุ่นยนต์ คือมันไม่น่าจะรวมกันได้ อีกอย่างคือมันดูโอเว่อร์เกินไปมากๆ

..ส่วนตัวชอบแบบแบทแมนของโนแลน หรือพวกฮีโร่แบบคิ๊กแอส คือที่มันออกจเรียลหน่อย ไม่เก่งแบบโอเว่อร์มากๆ

..แฟนคลับอย่าถล่มผมนะ
1
0
เข้าร่วม: 04 Nov 2006
ตอบ: 5173
ที่อยู่: ตามสำเนาทะเบียนบ้าน
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:39 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไม่แปลก

ต่างแนวกันไปแล้วแต่คนชอบ มันถึงยังอยู่ยั้งยืนยงกันได้ทั้ง 2 ค่าย
0
0
เข้าร่วม: 01 Aug 2010
ตอบ: 16173
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:41 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
แล้วแต่คนชอบแหละ
0
0
เข้าร่วม: 09 Jan 2010
ตอบ: 4307
ที่อยู่: ฝั่งตรงข้ามแอนฟิลด์
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:41 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
มันเล่นมุกจนเกร่อไปหมดอ่ะ บางทีก็ไม่อินถ้าเจอฉากเล่นมุกเรื่อยๆ
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7616
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:41 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมชอบนะ

แต่เริ่มหมั่นไส้นิดๆแล้ว มันดูทิ้งห่างจากดีซีเกินไป

อยากให้ดีซีมีหนังชุดออกมาตีคู่กันบ้าง
0
0
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 1703
ที่อยู่: SCRUBB
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:41 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ต่างคนต่างเข้าใจ ต่างกับคนทั่วไป
0
0






เข้าร่วม: 31 Oct 2006
ตอบ: 615
ที่อยู่: SWEET HOME
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:41 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมไม่ถึงกับไม่ชอบนะหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ไม่เคยติดตามดู

แต่อยากฝากเจ้าของกระทู้ไว้หน่อยนะครับว่า
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

หนังพวกนี้เค้าสร้างมาจากจินตนาการส่วนนึง
0
0
เข้าร่วม: 04 May 2009
ตอบ: 12253
ที่อยู่: s o m e w h e r e
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:42 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ตามนั้นฮ่ะ

ผมดูเอามันส์ ถึงแม้จะแปลกๆ กับเนื้อเรื่องแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
ชอบแบบดาร์คๆ ดูแล้วอินมากกว่า
0
0
just give me a reason, to keep my heart beating

เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 3015
ที่อยู่: Santiago Bernabeu
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:44 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
แล้วแต่ความชอบ
0
0
เข้าร่วม: 08 Jan 2015
ตอบ: 2015
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:45 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
เจ้าของมู้ชอบแบบเรียลๆไปถูกใจ Batman ก็ไม่แปลก ไม่ชอบพวก Avenger ก็ไม่แปลกอีก

แต่อย่างผมนี่ดูหมดนะ ชอบหมดด้วย มากน้อยก็ว่ากันอีกที อย่างเจ้าของมู้ต้องไปดูฮีโร่สายสตรีทครับ พวก Daredevil, Jessica Jones หรือ Arrow อะไรพวกนี้
0
0

เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 5228
ที่อยู่: soccersuck.com
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:46 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมไม่ชอบ มาร์เวล ทั้งเซ็ต
ไม่ชอบ ฟาส
ไม่ชอบ MI

เเต่ก็ดูหมดได้นะ หนังพวกนี้ดูเอามันส์ฆ่าเวลา
ไม่ถูกจริต ไม่ชอบ เเต่ถ้ว่างๆก็ไปดู เล่นๆขำๆไป ไม่ถึงขนาดดิ้นรนต้องดูให้ได้

ตอนนี้อยากดู Lobster มากกว่า
The Intern ก็เจือกไมม่เข้า ขอกนเเก่นอีก
0
0


เข้าร่วม: 24 Jul 2010
ตอบ: 963
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:52 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมดูแต่แนวหนังถ้วย จนแบบพอมาดูแนวตลาดพวกนี้ ผมหลับ
0
0
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 10:58 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ดึกดำบรรพ์ พิมพ์ว่า:
ผมไม่ถึงกับไม่ชอบนะหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ไม่เคยติดตามดู

แต่อยากฝากเจ้าของกระทู้ไว้หน่อยนะครับว่า
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

หนังพวกนี้เค้าสร้างมาจากจินตนาการส่วนนึง  


..สำหรับผม จินตนาการต้องควบคู่ไปกับความรู้ครับ ไม่มีอันไหนสำคัญไปกว่ากัน
0
0
เข้าร่วม: 27 Jan 2015
ตอบ: 7068
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:00 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
แล้วแต่คนชอบครับถ้าหนังมาร์เวลบางเรื่องแย่ผมก็ด่าเหมือนกัน
0
0
เข้าร่วม: 01 Apr 2009
ตอบ: 8328
ที่อยู่: S.S. LAZIO THAILAND
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:00 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไม่แปลกหรอกครับ

ขนาดผมเองก็ไม่ดูหนังแนวไซไฟ แบบ สตาร์เทค รึสตาร์วอร์ ท่านว่าแปลกมั้ยละ
0
0
เข้าร่วม: 18 May 2011
ตอบ: 2496
ที่อยู่: surin
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:00 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ดูเพื่อความจรรโลงใจครับ ก็แค่หนังเรื่องนึง ดูเอาความเรียล สมจริง ไปดูสารคดีโน่นน
0
0

INFORMATION TECHNOLOGY
KASETSART UNIVERSITY
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:02 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
GackDevil พิมพ์ว่า:
ไม่แปลกหรอกครับ

ขนาดผมเองก็ไม่ดูหนังแนวไซไฟ แบบ สตาร์เทค รึสตาร์วอร์ ท่านว่าแปลกมั้ยละ  


..อันนี้เหมือนผมเลย สตาร์วอส์ผมดูไม่เคยจบสักภาคครับ อีกเรื่องก็ฮังเกอร์เกมส์ อันนี้ก็ยังดูไม่เคยจบสักที
เข้าร่วม: 14 Feb 2008
ตอบ: 5634
ที่อยู่: โรงเรียนเซย์บุ
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:03 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมคนนึงแหละ ที่ไม่ค่อยชอบแนวนี้ แต่พวกสไปเดอร์แมน ชอบมาก

ไม่รู้สิ มาร์เวล พวกไอร่อนแมน ไรงี้ มันรู้สึกดูแล้วไม่หนุก
0
0



เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:04 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
TsP-T พิมพ์ว่า:
ดูเพื่อความจรรโลงใจครับ ก็แค่หนังเรื่องนึง ดูเอาความเรียล สมจริง ไปดูสารคดีโน่นน  


..มาอีกล่ะ สไตล์นี้ จะดูหนังเว้ยเฮ้ย ไม่ได้อยากดูสารคดี
0
0
เข้าร่วม: 11 Jul 2010
ตอบ: 30601
ที่อยู่: C05
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:06 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไม่แปลกครับ อยู่ที่รสนิยม ขนาดหนัง av ที่พวกท่านชอบดูกัน ผมยังไม่ชอบเลย
0
0



เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 9254
ที่อยู่: นครดาวตก
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:07 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
0
0
                               I want to kill everybody in the world ! 
                                           I   want   to  kill   every    body    in   the   world   ! 


Spoil
░░░░█▒▒▒▒░░░░▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒█
░░░░█▒▒▄▀▀▀▀▀▄▄▒▒▒▒▒▒▒▒▒▄▄▀▀▀▀▀▀▄
░░▄▀▒▒▒▄█████▄▒█▒▒▒▒▒▒▒█▒▄█████▄▒█
░█▒▒▒▒▐██▄████▌▒█▒▒▒▒▒█▒▐██▄████▌▒█
▀▒▒▒▒▒▒▀█████▀▒▒█▒░▄▒▄█▒▒▀█████▀▒▒▒█
▒▒▐▒▒▒░░░░▒▒▒▒▒█▒░▒▒▀▒▒█▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒█
▒▌▒▒▒░░░▒▒▒▒▒▄▀▒░▒▄█▄█▄▒▀▄▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▌
▒▌▒▒▒▒░▒▒▒▒▒▒▀▄▒▒█▌▌▌▌▌█▄▀▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▐
▒▐▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▌▒▒▀███▀▒▌▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▌
▀▀▄▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▌▒▒▒▒▒▒▒▒▒▐▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒█
▀▄▒▀▄▒▒▒▒▒▒▒▒▐▒▒▒▒▒▒▒▒▒▄▄▄▄▒▒▒▒▒▒▄▄▀
▒▒▀▄▒▀▄▀▀▀▄▀▀▀▀▄▄▄▄▄▄▄▀░░░░▀▀▀▀▀▀
▒▒▒▒▀▄▐▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▒▐
▒█▀▀▄ █▀▀█ █▀▀█ █▀▀█   ▀▀█▀▀ █░░█ █▀▀   ▒█▀▀█ █▀▀█ █▀▀ █▀▀
▒█░▒█ █▄▄▀ █░░█ █░░█   ░▒█░░ █▀▀█ █▀▀   ▒█▀▀▄ █▄▄█ ▀▀█ ▀▀█
▒█▄▄▀ ▀░▀▀ ▀▀▀▀ █▀▀▀   ░▒█░░ ▀░░▀ ▀▀▀   ▒█▄▄█ ▀░░▀ ▀▀▀ ▀▀▀  

Spoil
███████████████████████████
███████▀▀▀░░░░░░░▀▀▀███████
████▀░░░░░░░░░░░░░░░░░▀████
███│░░░░░░░░░░░░░░░░░░░│███
██▌│░░░░░░░░░░░░░░░░░░░│▐██
██░└┐░░░░░░░░░░░░░░░░░┌┘░██
██░░└┐░░░░░░░░░░░░░░░┌┘░░██
██░░┌┘▄▄▄▄▄░░░░░▄▄▄▄▄└┐░░██
██▌░│██████▌░░░▐██████│░▐██
███░│▐███▀▀░░▄░░▀▀███▌│░███
██▀─┘░░░░░░░▐█▌░░░░░░░└─▀██
██▄░░░▄▄▄▓░░▀█▀░░▓▄▄▄░░░▄██
████▄─┘██▌░░░░░░░▐██└─▄████
█████░░▐█─┬┬┬┬┬┬┬─█▌░░█████
████▌░░░▀┬┼┼┼┼┼┼┼┬▀░░░▐████
█████▄░░░└┴┴┴┴┴┴┴┘░░░▄█████
███████▄░░░░░░░░░░░▄███████
██████████▄▄▄▄▄▄▄██████████  
เข้าร่วม: 27 Jan 2015
ตอบ: 7068
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:08 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
Barcelonistu พิมพ์ว่า:
ไม่แปลกครับ อยู่ที่รสนิยม ขนาดหนัง av ที่พวกท่านชอบดูกัน ผมยังไม่ชอบเลย  
แสดงว่าที่อยู่ใน locker เป็นหนังคุณธรรมสินะ
0
0
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:08 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
Barcelonistu พิมพ์ว่า:
ไม่แปลกครับ อยู่ที่รสนิยม ขนาดหนัง av ที่พวกท่านชอบดูกัน ผมยังไม่ชอบเลย  


..อื้อหืออออ ท่านคือยอดชายจริงๆ
0
0
เข้าร่วม: 23 Jan 2011
ตอบ: 2093
ที่อยู่: BSAA
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:10 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู คือเค้าทำมาเพื่อขาย ไม่ใช่เพื่อการกุศล ธีมมันเลยออกมาแนวสดใส อยากได้แบบเรียลๆ ดูซีรี่ย์ครับ
0
0
เข้าร่วม: 17 Feb 2009
ตอบ: 6733
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:11 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับความเป็นจริงมันก็ต้องเวอร์อยู่แล้วครับ แต่หนังพวกนี้เหมือนมันสร้างจักรวาลของอีกโลกหนึ่งขึ้นมาใหม่เพื่อสนองความต้องการที่โลกเราไม่สามารถทำได้
เอามาเปรียบเทียบกับโลกเราจริง ๆ ไม่ได้หรอกครับ อีกอย่างหนังมันก็บอกอยู่แล้วว่าแฟนตาซี
0
0

เข้าร่วม: 11 Jul 2010
ตอบ: 30601
ที่อยู่: C05
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:11 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
deawdai1412 พิมพ์ว่า:
Barcelonistu พิมพ์ว่า:
ไม่แปลกครับ อยู่ที่รสนิยม ขนาดหนัง av ที่พวกท่านชอบดูกัน ผมยังไม่ชอบเลย  
แสดงว่าที่อยู่ใน locker เป็นหนังคุณธรรมสินะ  


ก๊อปๆเค้ามา



RedhotZ พิมพ์ว่า:
Barcelonistu พิมพ์ว่า:
ไม่แปลกครับ อยู่ที่รสนิยม ขนาดหนัง av ที่พวกท่านชอบดูกัน ผมยังไม่ชอบเลย  


..อื้อหืออออ ท่านคือยอดชายจริงๆ  


0
0



เข้าร่วม: 18 May 2011
ตอบ: 2496
ที่อยู่: surin
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:12 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
TsP-T พิมพ์ว่า:
ดูเพื่อความจรรโลงใจครับ ก็แค่หนังเรื่องนึง ดูเอาความเรียล สมจริง ไปดูสารคดีโน่นน  


..มาอีกล่ะ สไตล์นี้ จะดูหนังเว้ยเฮ้ย ไม่ได้อยากดูสารคดี  


ย้อเย้นนน
0
0

INFORMATION TECHNOLOGY
KASETSART UNIVERSITY
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 51323
ที่อยู่: สเปอร์ส&ชมรมคนรักหนัง&เนย
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:18 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
อเวนเจอร์ แนวหนังมันก็ Sci-Fi ก็ยังไปหาความสมจริงกับมันเนอะ

ที่จริงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะไม่ชอบหรือเฉยๆ แนวใครแนวมันอยู่แหล่ว
0
0

โดย whitehunter เมื่อวันที่ 30 April 2019 20.04 [เหตุผล]
เข้าร่วม: 31 Jan 2009
ตอบ: 7423
ที่อยู่: ♛
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:21 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมว่าถ้าใครยังเล่นเกมส์ยังอ่านการ์ตูนยังมีความเป็นเด็กในตัว ยังไงก็ยังน่าจะชอบหนังแนวนี้...
0
0
เข้าร่วม: 14 Mar 2010
ตอบ: 9167
ที่อยู่: ทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์!!!
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:31 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
หนังฮีโร่พวกนี้ส่วนใหญ่พล็อตเรื่องเดิมๆ จบตามสคริป อย่างว่าเค้าไม่ได้เน้นเนื้อเรื่อง คนเสพเนื้อเรื่องก็ไม่ชอบไป
ผมชอบหนังที่ดำเนินเรื่องเท่ๆ หักมุม คิดตามไม่ทัน พวกinceptionนี้ก็หลุดมาจากจินตนาการ แต่มันดูมีเหตุ มีผล
0
0
ขอบคุณภาพจาก arsenal-gunners.tumblr.com

เข้าร่วม: 03 May 2009
ตอบ: 11112
ที่อยู่: 3rd Knight of Round table
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:39 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
เพื่อนผมคนหนึ่งไม่ชอบดูหนังแนว Nolan หรือพวกหนังฝร้่งดังๆเลย
กลับชอบดูพวกหน้งไทยตลกๆ มันบอกว่าดูหนังเพื่อนคลายเครียดเลยดูหนังตลก
0
0

Man U - Dortmund - Valencia - Inter Milan - CR United
Thai - Germany
เข้าร่วม: 12 Jan 2008
ตอบ: 4348
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:51 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี
0
0

13/9/2012-16/11/2014
เข้าร่วม: 02 Dec 2008
ตอบ: 253
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:54 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ก่อน เขียนบท
ก่อน วางตัวนักแสดง
ก่อน ทำงบประมาณ
ก่อน จะจ้าง ผกก

เค้าทำการตลาดมาหมดแล้ว ว่าจะขายใคร ขายยังไง ขายเท่าไหร่ ทำยังไงถึงขายดี

ซึ่งวงการหนัง US ณ ปัจจุบัน มันก็มี Target ไม่กี่ประเภทเอง และยิ่ง Target ที่เป็นตัวทำเงิน ยิ่งเหลือน้อย

หลักๆ คือ 1. หนังเด็ก 2.หนังผู้ใหญ่ ซึ่งก็แตกแขนงออกไปอีกพอสมควร

ยกตัวอย่างหนังยอดมนุษย์

Marvel กลุ่มเป้าหมายเค้าชัดเจน คือ หนังเด็ก หนังกลุ่มทำเงิน เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ต้องชอบก็ดูได้ ไม่ต้องรู้จักก็ดูได้ ไม่มีเนื้อเรื่อง ไม่มีความซับซ้อน คำว่าหนังเด็กไม่ใช่ ว่าต้องเป็นเด็ก แต่ชอบแนวเด็กๆ จินตนาการ สร้างฝัน จรรโลงใจ ดูแล้วสบายใจ ครายเครียด

DC กลุ่มเป้าหมายเค้าคือ ผู้ใหญ่ แน่นอน คนที่คาดหวังอะไรแบบเด็กๆ มักจะไม่ชอบอยู่แล้ว ไม่มีการยิงกันสนั่นเมือง ไม่มีมุมกล้องเก๊กหล่อชวนฝัน ไม่มีวีรกรรมฮาๆเปิ่นๆ ของตัวเอก แต่เน้นความเข้มข้น ของบท การแสดง สีหน้า ถ้าทาง แววตา ของนักแสดง การต่อสู้ที่อยู่ในหลักความเป็นจริง ทำให้เกิดรูปธรรม มีหลักการรองรับ


"ไม่แปลกที่จะชอบไม่เหมือนกัน แต่จะแปลกที่บอกว่าคนที่ชอบต่างกันนั้นผิด"

เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดใจ ให้กว้างๆ โลกนี้มันจะได้น่าอยู่ขึ้นนะครับ

เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 1340
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 11:58 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
น่าจะไม่แปลกอ่ะครับ แล้วแต่เรื่อง แล้วแต่แนว แล้วแต่คนครับ

หนังล้ำๆอย่างสตาร์วอร์ ผมไม่เคยดู เห็นแล้วก็ไม่อยากดูเลย เฉยๆ แต่ผมดันชอบแนว avatar ซะงั้น
0
0
เข้าร่วม: 20 Dec 2005
ตอบ: 4732
ที่อยู่: Säbener Straße
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:01 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
หนังของมาร์เวลผมชอบ The Avengers 1 กับ Cap 2 : Winter Soldier

ส่วนเรื่องอื่นๆเฉยๆ ทั้ง Iron man ทั้ง 3 ภาค หรือ Guardians of the Galaxy ที่เค้าว่าฮาๆ ผมก็ไม่หนุก



Deutscher Meister wird nur der FCB U17-Mädels
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:01 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย
0
0
เข้าร่วม: 12 Jan 2008
ตอบ: 4348
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:17 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


เท่าที่จำได้นะ เรื่องไอรอนแมนแล้วมันบูมมากๆ หลังจากนั้นก็น่าจะเริ่มโครงการต่อเนื่องกันนี่ละ เพราะเรื่องแรกที่มีฉากหลังเอนเครดิตน่าจะเรื่องฮัคนะ ที่ไอรอนแมนโผล่มาหานายพลรอส แล้วเรื่องต่อๆมาก็จะมีฉากหลังเอนเครดิตปูทางไปเรื่องต่อไปหรือภาคอื่นๆ ส่วนเนื้อเรื่องกับการเชื่อมโยงมันสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาแหละครับ เช่นอยากเพิ่มฮีโร่ตัวไหน มันก้สามารถทำเรื่องใหม่แทรก แล้วหาจุดเชื่อมกันไปหาสักเรื่องได้อยู่ดี แต่โครงการทำหนังเชื่อมอย่างที่บอกมันเริ่มมานานแล้ว
0
0

13/9/2012-16/11/2014
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 1467
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:26 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


เท่าที่จำได้นะ เรื่องไอรอนแมนแล้วมันบูมมากๆ หลังจากนั้นก็น่าจะเริ่มโครงการต่อเนื่องกันนี่ละ เพราะเรื่องแรกที่มีฉากหลังเอนเครดิตน่าจะเรื่องฮัคนะ ที่ไอรอนแมนโผล่มาหานายพลรอส แล้วเรื่องต่อๆมาก็จะมีฉากหลังเอนเครดิตปูทางไปเรื่องต่อไปหรือภาคอื่นๆ ส่วนเนื้อเรื่องกับการเชื่อมโยงมันสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาแหละครับ เช่นอยากเพิ่มฮีโร่ตัวไหน มันก้สามารถทำเรื่องใหม่แทรก แล้วหาจุดเชื่อมกันไปหาสักเรื่องได้อยู่ดี แต่โครงการทำหนังเชื่อมอย่างที่บอกมันเริ่มมานานแล้ว  

End Credit เรื่องเเรกก็ Iron Man 1 น่ะเเหละครับ ตอนดูครั้งเเรกเห็น Nick โพล่มา คิดเลย Avenger มาเเน่

เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 4007
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:28 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


มันวางโครงเรื่องใหญ่ๆไว้แต่แรกแล้วว่าในแต่ละปีแต่ละช่วงจะมีเรื่องในบ้าง แล้วก็จะใส่พวกต้วละครบางตัวไว้เพื่อที่จะเชื่อมไปเรื่องต่อๆไป อย่างโคลสัน หรือนิคฟิวรี่ แบลกวิโดวถ้าจำไม่ผิดก็มาโผล่ในไออ้อนแมนก่อน พวกเรื่องเก่าที่เคยออกมาถึงถูกนำมารีบูทใหม่เพื่อที่จะได้เชื่อมเข้าไปอยู่กับพวกปัจจุบันอย่างสไปเดอแมน
0
0
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:29 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


เท่าที่จำได้นะ เรื่องไอรอนแมนแล้วมันบูมมากๆ หลังจากนั้นก็น่าจะเริ่มโครงการต่อเนื่องกันนี่ละ เพราะเรื่องแรกที่มีฉากหลังเอนเครดิตน่าจะเรื่องฮัคนะ ที่ไอรอนแมนโผล่มาหานายพลรอส แล้วเรื่องต่อๆมาก็จะมีฉากหลังเอนเครดิตปูทางไปเรื่องต่อไปหรือภาคอื่นๆ ส่วนเนื้อเรื่องกับการเชื่อมโยงมันสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาแหละครับ เช่นอยากเพิ่มฮีโร่ตัวไหน มันก้สามารถทำเรื่องใหม่แทรก แล้วหาจุดเชื่อมกันไปหาสักเรื่องได้อยู่ดี แต่โครงการทำหนังเชื่อมอย่างที่บอกมันเริ่มมานานแล้ว  


..ส่วนตัวผมคิดว่าเพราะจุดนี้ด้วยครับทำให้ผมดูแล้วมันรู้สึกติดแปลกๆ เพราะมันไม่ได้ทำมาให้เชื่อมโยงกันตั้งแต่แรก ถ้ามีการวางเรื่องตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่องแรกมาผมว่ามันจะดูลื่นไหลกว่านี้ โดยเฉพาะตัวธอร์นี่ผมจะขัดความรู้สึกมาก เป็นเทพเจ้าเลยนะเฮ้ย
0
0
เข้าร่วม: 06 May 2009
ตอบ: 3500
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:32 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
matique พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


มันวางโครงเรื่องใหญ่ๆไว้แต่แรกแล้วว่าในแต่ละปีแต่ละช่วงจะมีเรื่องในบ้าง แล้วก็จะใส่พวกต้วละครบางตัวไว้เพื่อที่จะเชื่อมไปเรื่องต่อๆไป อย่างโคลสัน หรือนิคฟิวรี่ แบลกวิโดวถ้าจำไม่ผิดก็มาโผล่ในไออ้อนแมนก่อน พวกเรื่องเก่าที่เคยออกมาถึงถูกนำมารีบูทใหม่เพื่อที่จะได้เชื่อมเข้าไปอยู่กับพวกปัจจุบันอย่างสไปเดอแมน  


..พวกนี้ผมคิดว่าเค้าเริ่มวางตอนเอามาทำหนังนะ อันนี้รอผู้รู้จริงอีกที คือมันไม่น่าจะวางมาตั้งแต่ตอนเป็นการ์ตูนรึปล่าว คือพอหนังมันบูมมาก การจะขายตัวละครแต่ละตัวไปกับหนัง 1 เรื่อง สักวันมันก็หมด เค้าเลยเริ่มเขียนให้มันเชื่อมโยงกันเพื่อขายไปได้อีกนาน

..อันนี้คือความรู้สึกผมล้วนๆนะ แต่เรื่องจริงเค้าอาจจะเขียนเชื่อมกันตั้งแต่เป็นการ์ตูนแล้วรึปล่าว ผู้รู้ช่วยบอกผมหน่อย
0
0
เข้าร่วม: 12 Jun 2010
ตอบ: 1207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:33 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัวด้วย ผมดูได้หมดไม่อคติกับค่ายไหนหรือหนังแนวไหน

ทั้ง DC Marvel มีทั้งชอบทั้งเฉยๆ อย่างMan of Steel ที่เขาไม่ชอบกันแต่ผมกับชอบนะ ของมาเวลที่ชอบก็มี Guardians of the Galaxy กับตัน2 แต่อเวนเจอร์ผมกับเฉยๆ

แต่ที่ชอบมากๆก็ watchman อยากไห้ แซ็ค ชไนเดอร์ ทำBatman v Superman: Dawn of Justice ออกมาได้อย่างเรื่องนี้จะดีมาก แต่คงขายไม่ออกแน่
0
0
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 1467
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:51 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
matique พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


มันวางโครงเรื่องใหญ่ๆไว้แต่แรกแล้วว่าในแต่ละปีแต่ละช่วงจะมีเรื่องในบ้าง แล้วก็จะใส่พวกต้วละครบางตัวไว้เพื่อที่จะเชื่อมไปเรื่องต่อๆไป อย่างโคลสัน หรือนิคฟิวรี่ แบลกวิโดวถ้าจำไม่ผิดก็มาโผล่ในไออ้อนแมนก่อน พวกเรื่องเก่าที่เคยออกมาถึงถูกนำมารีบูทใหม่เพื่อที่จะได้เชื่อมเข้าไปอยู่กับพวกปัจจุบันอย่างสไปเดอแมน  


..พวกนี้ผมคิดว่าเค้าเริ่มวางตอนเอามาทำหนังนะ อันนี้รอผู้รู้จริงอีกที คือมันไม่น่าจะวางมาตั้งแต่ตอนเป็นการ์ตูนรึปล่าว คือพอหนังมันบูมมาก การจะขายตัวละครแต่ละตัวไปกับหนัง 1 เรื่อง สักวันมันก็หมด เค้าเลยเริ่มเขียนให้มันเชื่อมโยงกันเพื่อขายไปได้อีกนาน

..อันนี้คือความรู้สึกผมล้วนๆนะ แต่เรื่องจริงเค้าอาจจะเขียนเชื่อมกันตั้งแต่เป็นการ์ตูนแล้วรึปล่าว ผู้รู้ช่วยบอกผมหน่อย  

คอมมิคฮีโร่ฝรั่ง พวกฮีโร่มันอยู่ในจักวาลเดียวกันอยู่เเล้วครับ อย่างพวก X-Men Thor Spider-Man Avenger นี่ก็อยู่ในจักวาลเดียวกัน มาเจอกันก็บ่อย คอมมิคมีทั้งเทพเจ้า เอเลี่ยน เวทย์มนต์ อยู่ในโลกเดียวกัน หนังฮีโร่ของมาเวลก็เอาเเนวทางนี้มาทำเป็นหนังครับ เเละมาเวลก็ตั้งใจให้มันเชื่อมโยงกับฮีโร่คนอื่นๆมาตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้ว เพราะตอนที่กู้มา Iron Man 1 กู้มาหลายร้อยล้านเลย กู้มาเผื่อสร้างเรื่องอื่นด้วย

0
0
เข้าร่วม: 12 Jan 2008
ตอบ: 4348
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:54 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
Spoil
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


เท่าที่จำได้นะ เรื่องไอรอนแมนแล้วมันบูมมากๆ หลังจากนั้นก็น่าจะเริ่มโครงการต่อเนื่องกันนี่ละ เพราะเรื่องแรกที่มีฉากหลังเอนเครดิตน่าจะเรื่องฮัคนะ ที่ไอรอนแมนโผล่มาหานายพลรอส แล้วเรื่องต่อๆมาก็จะมีฉากหลังเอนเครดิตปูทางไปเรื่องต่อไปหรือภาคอื่นๆ ส่วนเนื้อเรื่องกับการเชื่อมโยงมันสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาแหละครับ เช่นอยากเพิ่มฮีโร่ตัวไหน มันก้สามารถทำเรื่องใหม่แทรก แล้วหาจุดเชื่อมกันไปหาสักเรื่องได้อยู่ดี แต่โครงการทำหนังเชื่อมอย่างที่บอกมันเริ่มมานานแล้ว  


..ส่วนตัวผมคิดว่าเพราะจุดนี้ด้วยครับทำให้ผมดูแล้วมันรู้สึกติดแปลกๆ เพราะมันไม่ได้ทำมาให้เชื่อมโยงกันตั้งแต่แรก ถ้ามีการวางเรื่องตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่องแรกมาผมว่ามันจะดูลื่นไหลกว่านี้ โดยเฉพาะตัวธอร์นี่ผมจะขัดความรู้สึกมาก เป็นเทพเจ้าเลยนะเฮ้ย  
 


หนังฮีโร่ก็งี้แหละท่าน คำว่าเทพเจ้าจริงๆมันก็แค่คำเรียก สำหรับผมทอร์แกก็แค่มนุษย์ต่างดาวแค่นั้นเอง เหมือนพี่ซุปที่มาจากดาวอื่นนั่นแหละ

ส่วนเนื้อเรื่องแน่นอนครับคงไม่มีใครวางเนื้อเรื่องละเอียดทุกเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบจักรวาลของมาเวลได้แน่นอน เพราะมันมีปัจจัยเยอะท่าน ง่ายๆก็นักแสดงทั้งเรื่องสัญญา ทั้งอายุนักแสดงเอง แต่มันวางเนื้อเรื่องหลักๆได้ แล้วก็ค่อยๆคิดใส่รายละเอียดกันไป ซึ่งตรงนี้มันทำให้ใส่ลูกเล่นกันได้ตลอดหรืออยากจะเพิ่มหนังฮีโร่ตัวอื่นๆก้ทำได้ เช่นสไปเดอร์แมนที่กำลังจะตามมา ผมว่ามาเวลยังดีนะ แต่ที่มั่วมากจริงๆต้องพวก x-menนั่นแหละครับ ยำจนตอนนี้เล่นรีเซ็ทเนื้อเรื่องเลย ซึ่งผมว่ามันฉลาดโคตรๆทำให้ที่ผ่านมามั่วๆลบหายไปหมด
0
0

13/9/2012-16/11/2014
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 4007
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 12:58 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
matique พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


มันวางโครงเรื่องใหญ่ๆไว้แต่แรกแล้วว่าในแต่ละปีแต่ละช่วงจะมีเรื่องในบ้าง แล้วก็จะใส่พวกต้วละครบางตัวไว้เพื่อที่จะเชื่อมไปเรื่องต่อๆไป อย่างโคลสัน หรือนิคฟิวรี่ แบลกวิโดวถ้าจำไม่ผิดก็มาโผล่ในไออ้อนแมนก่อน พวกเรื่องเก่าที่เคยออกมาถึงถูกนำมารีบูทใหม่เพื่อที่จะได้เชื่อมเข้าไปอยู่กับพวกปัจจุบันอย่างสไปเดอแมน  


..พวกนี้ผมคิดว่าเค้าเริ่มวางตอนเอามาทำหนังนะ อันนี้รอผู้รู้จริงอีกที คือมันไม่น่าจะวางมาตั้งแต่ตอนเป็นการ์ตูนรึปล่าว คือพอหนังมันบูมมาก การจะขายตัวละครแต่ละตัวไปกับหนัง 1 เรื่อง สักวันมันก็หมด เค้าเลยเริ่มเขียนให้มันเชื่อมโยงกันเพื่อขายไปได้อีกนาน

..อันนี้คือความรู้สึกผมล้วนๆนะ แต่เรื่องจริงเค้าอาจจะเขียนเชื่อมกันตั้งแต่เป็นการ์ตูนแล้วรึปล่าว ผู้รู้ช่วยบอกผมหน่อย  


ในการ์ตูนมันอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมารวมตอนเป็นหนัง ทุกๆช่วงปีทางมาเวลมันจะออกมาประกาศตลอดว่ามันจะทำเซทใหญ่มีเรื่องอะไรบ้าง ไม่ได้ขายทีละตัวละครแล้วคอยมาขยายทีหลัง
0
0
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 3299
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 1:07 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
มันมีความสมจริงมีรายละเอียดของมันอยู่ครับ อยู่ที่เราจะดูละเอียดพอรึเปล่า เช่น

-ธอร์ไม่ใช่พระเจ้า เป็นมนุษย์ต่างดาวที่พลังเยอะและอายุยืนกว่าชาวโลกแค่นั้น มีเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน แต่เคยลงมาโลกสมัยไวกิ้งแล้วคนคิดว่าเป็นพระเจ้า โอดินเคยด่าโลกิว่าอย่าคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าจริงๆ

-พวกแอสการ์ก็เคยใช้คอมพิวเตอร์แบบบ้านเราเมื่อนานมาแล้ว ตรงนี้เขาคงพยายามสื่อว่าพวกแอสการ์ดแค่มีวิทยาการล้ำหน้ากว่าเราเท่านั้น

จริงๆมีอีกเยอะพิมพ์ในมือถือไม่ถนัดเอาแค่นี้ก่อน แต่ความลึกของเนื้อเรื่องไม่ต่างจาก dc แน่นอน แค่วิธีดำเนินเรื่องเบากว่า อันนี้การตลาดล้วนๆ
0
0
เข้าร่วม: 26 Oct 2010
ตอบ: 18568
ที่อยู่: Bangkok,San Francisco
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 1:12 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไม่ชอบเหมือนกัน
0
0


เข้าร่วม: 28 Sep 2005
ตอบ: 8154
ที่อยู่: Paradise
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 1:12 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
อยู่ในระดับพอดูได้อ่ะ
0
0


เข้าร่วม: 14 Feb 2014
ตอบ: 873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 1:43 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ดูได้รอบเดียวจริงๆ หนังแนวแบบนี้
0
0


เข้าร่วม: 03 Jul 2010
ตอบ: 701
ที่อยู่: Bkk,Thailand
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 1:53 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไม่ชอบอะ พระเอกแม่งชนะตัวร้ายตลอด รุ้เนื้อเรื่องแบบไม่ต้องดูอยุ่แล้ว

ชอบดูหนังดราม่า หนังชีวิต หนังวิทยาศาสตร์ มากกว่า
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 19000
ที่อยู่: เนินเขา keyakizaka
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 2:21 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ไปดูแดร์เดวิ้วสิ ไม่เวอรอะไรมากนะหนุกดีด้วย

//ซี่รี่ย์นะไม่ใช่หนัง
0
0
I'm chelsea Fan ♥
Keyakizaka46 ,nogizaka46 - Techi,Ozeki,Nagasawakun,sugai, Ikuchan ~

เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 20618
ที่อยู่: Liverpool News Active
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 2:40 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
ผมชอบนะ เพราะดูพวหนังเรียลแล้วบางทีก็คิดมาก เช่น วอชแมน

ดูหนังซีจีบึ้มๆ แบบเบาหัว สบายดีเหมือนกัน

0
0
#YNWA#KLOPP#ANFIELD#OWEN#
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 6265
ที่อยู่: Spion Kop
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 3:14 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
Spoil
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


เท่าที่จำได้นะ เรื่องไอรอนแมนแล้วมันบูมมากๆ หลังจากนั้นก็น่าจะเริ่มโครงการต่อเนื่องกันนี่ละ เพราะเรื่องแรกที่มีฉากหลังเอนเครดิตน่าจะเรื่องฮัคนะ ที่ไอรอนแมนโผล่มาหานายพลรอส แล้วเรื่องต่อๆมาก็จะมีฉากหลังเอนเครดิตปูทางไปเรื่องต่อไปหรือภาคอื่นๆ ส่วนเนื้อเรื่องกับการเชื่อมโยงมันสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาแหละครับ เช่นอยากเพิ่มฮีโร่ตัวไหน มันก้สามารถทำเรื่องใหม่แทรก แล้วหาจุดเชื่อมกันไปหาสักเรื่องได้อยู่ดี แต่โครงการทำหนังเชื่อมอย่างที่บอกมันเริ่มมานานแล้ว  


..ส่วนตัวผมคิดว่าเพราะจุดนี้ด้วยครับทำให้ผมดูแล้วมันรู้สึกติดแปลกๆ เพราะมันไม่ได้ทำมาให้เชื่อมโยงกันตั้งแต่แรก ถ้ามีการวางเรื่องตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่องแรกมาผมว่ามันจะดูลื่นไหลกว่านี้ โดยเฉพาะตัวธอร์นี่ผมจะขัดความรู้สึกมาก เป็นเทพเจ้าเลยนะเฮ้ย  
 


หนังฮีโร่ก็งี้แหละท่าน คำว่าเทพเจ้าจริงๆมันก็แค่คำเรียก สำหรับผมทอร์แกก็แค่มนุษย์ต่างดาวแค่นั้นเอง เหมือนพี่ซุปที่มาจากดาวอื่นนั่นแหละ

ส่วนเนื้อเรื่องแน่นอนครับคงไม่มีใครวางเนื้อเรื่องละเอียดทุกเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบจักรวาลของมาเวลได้แน่นอน เพราะมันมีปัจจัยเยอะท่าน ง่ายๆก็นักแสดงทั้งเรื่องสัญญา ทั้งอายุนักแสดงเอง แต่มันวางเนื้อเรื่องหลักๆได้ แล้วก็ค่อยๆคิดใส่รายละเอียดกันไป ซึ่งตรงนี้มันทำให้ใส่ลูกเล่นกันได้ตลอดหรืออยากจะเพิ่มหนังฮีโร่ตัวอื่นๆก้ทำได้ เช่นสไปเดอร์แมนที่กำลังจะตามมา ผมว่ามาเวลยังดีนะ แต่ที่มั่วมากจริงๆต้องพวก x-menนั่นแหละครับ ยำจนตอนนี้เล่นรีเซ็ทเนื้อเรื่องเลย ซึ่งผมว่ามันฉลาดโคตรๆทำให้ที่ผ่านมามั่วๆลบหายไปหมด  



ผมเห็นด้วย FOX (ใช่ป่ะ) แม่งฉลาดจัด เขียนบทให้ 1-2-3-wolf1,2 หายเรียบ

เปลี่ยนจักรวาลใหม่แบบง่ายๆเลย แน่นอนสุดๆ
0
0
I choose to live, not just exist.

เข้าร่วม: 02 Dec 2010
ตอบ: 26
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 3:19 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
แบทแมนนี่เกือบดีมากแล้วนะ เสียตรงฉากที่ภาค rise ยกพลกันมาเต็มถนนถือปืนด้วยฝั่งตัวร้ายก็ถือปืน ตัดมาอีกทีมาตะลุมบอลต่อยกัน คือก็เข้าใจอยากให้ตัวเอกต่อยกันแต่ตัวประกอบน่าทำให้สมจริงหน่อย ฉากนี้สะเทือนใจมากอารมณ์ดูวัยเป้งนังเลงขาสั้น
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 362
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 4:29 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
matique พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
เอ๋อคุง พิมพ์ว่า:
ผมชอบตรงที่มันวางโครงเรื่องให้เชื่อมกันไปเรื่อยๆ มันสนุกที่ได้ค้นหาความเชื่อมโยงกันนะ

เนื้อเรื่องมันไม่มีไรมาก รู้ๆอยู่ตอนจบเป็นไง ดูเอามันพอ ส่วนพวกแบทแมนของโนแลนผมก็ชอบมากนะ จัดว่ามากสุดในหนังฮีโร่ทุกเรื่องเลย รวมถึงพวกของ dc ที่กำลังทำตามมาผมก็ชอบเช่นกัน สรุปผมชอบหมดแหละ มันบันเทิงดี  


..เอาจริงๆผมกลับคิดว่าการเชื่อมโยงกันของแต่ละตัวมันมาเขียนเพิ่มเอาทีหลัง ผมไม่รู้นะ ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนมาเวลหรือดีซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเมื่อก่อนเค้าคงแค่เขียนแต่ละเรื่องออกมา ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา ฮัค ธอร์ จนมันโด่งดังแล้วถึงมาเขียนเนื้อเรื่องการเชื่อมต่อของแต่ละตัวเอาทีหลังอีกที อันนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะ ถ้าไม่ใช่ท่านใดเป็นผู้รู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย  


มันวางโครงเรื่องใหญ่ๆไว้แต่แรกแล้วว่าในแต่ละปีแต่ละช่วงจะมีเรื่องในบ้าง แล้วก็จะใส่พวกต้วละครบางตัวไว้เพื่อที่จะเชื่อมไปเรื่องต่อๆไป อย่างโคลสัน หรือนิคฟิวรี่ แบลกวิโดวถ้าจำไม่ผิดก็มาโผล่ในไออ้อนแมนก่อน พวกเรื่องเก่าที่เคยออกมาถึงถูกนำมารีบูทใหม่เพื่อที่จะได้เชื่อมเข้าไปอยู่กับพวกปัจจุบันอย่างสไปเดอแมน  


..พวกนี้ผมคิดว่าเค้าเริ่มวางตอนเอามาทำหนังนะ อันนี้รอผู้รู้จริงอีกที คือมันไม่น่าจะวางมาตั้งแต่ตอนเป็นการ์ตูนรึปล่าว คือพอหนังมันบูมมาก การจะขายตัวละครแต่ละตัวไปกับหนัง 1 เรื่อง สักวันมันก็หมด เค้าเลยเริ่มเขียนให้มันเชื่อมโยงกันเพื่อขายไปได้อีกนาน

..อันนี้คือความรู้สึกผมล้วนๆนะ แต่เรื่องจริงเค้าอาจจะเขียนเชื่อมกันตั้งแต่เป็นการ์ตูนแล้วรึปล่าว ผู้รู้ช่วยบอกผมหน่อย  


เชื่อมตั้งแต่การ์ตูนละครับ มาร์เวลเขาวางแพลนเชื่อมไว้ตั้งแต่IRM1 และวางหนังเรื่องสุดท้าย ณ ตอนนี้คือ Inhuman ปี 2019 นู้นแหละ (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)

เขาจะเชื่อมเล็กเชื่อมน้อยใส่ความลับ จุดสังเกตต่างๆไว้ในหนัง อย่าง IRM1 ก็นิคฟิวรี่โผล่เชื่อมไปAVG1,IRM2 มีการพูดถึงเหตุการณ์ที่มีสิ่งประหลาดตกลงบนโลกซึ่งก็คือธอร์มันโดนไล่ตกลงมาเชื่อมไปThor1 AVG1มีธานอสซึ่งกว่าจะโผล่เต็มๆก็ปี 2018 หรืออย่างInhuman ก็ปูทางมาเรื่อยๆตั้งแต่ Agent of Shield SS2 ทั้งที่หนังกว่าจะเข้าอีกสี่ห้าปี ที่เหนือการคาดการณ์ อยู่นอกแผน ผมว่ามีแค่สไปเดอร์แมนแค่นั้นแหละจู่ๆก็ได้คืน
0
0



เข้าร่วม: 26 Dec 2009
ตอบ: 20762
ที่อยู่: ʕ•̫͡•ʔ ʕ•̫͡•ʔ เมืองปีศาจ, ประเทศค้างคาว ♥ City of Evil, Bat Country ʕ•͓͡•ʔ•̫͡•ʔ
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 4:32 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]

ไม่ชอบแล้วจะดูทำม้ายย มันก็สนุกดีนะ แต่จริงๆมันก็คือการ์ตูนอ่ะแหละ พอไปดูการ์ตูนแล้วจะติดภาพว่ามันเป็นอะไรที่ดูสำหรับเด็กๆไปเลย ฮัลคทุบทุกอย่างกระจาย กัปตันเมกาวิ่งปาโล่แง้งๆไปมา
0
0
เข้าร่วม: 15 Sep 2009
ตอบ: 1850
ที่อยู่: ทู่อยี่
โพสเมื่อ: Sat Nov 28, 2015 5:21 pm
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
หนังมาร์เวลตอนนี้ผมเฉยๆละ จากที่เคยชอบบ้าง
ตอนนี้ที่อยากดูมีแค่ OnePunchMan อย่างเดียวเลย
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 6709
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:10 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
kalakasong พิมพ์ว่า:
อเวนเจอร์ แนวหนังมันก็ Sci-Fi ก็ยังไปหาความสมจริงกับมันเนอะ

ที่จริงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะไม่ชอบหรือเฉยๆ แนวใครแนวมันอยู่แหล่ว  


Sci-fi ?????
Scientce-fiction มันต้องเบสมาจากความสมจริงอยู่แล้ว
บ้าจะเอาแบบ Marvel นี่ต้องเรียกว่า action fantasy นะ
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 51323
ที่อยู่: สเปอร์ส&ชมรมคนรักหนัง&เนย
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:17 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
DONDA พิมพ์ว่า:
kalakasong พิมพ์ว่า:
อเวนเจอร์ แนวหนังมันก็ Sci-Fi ก็ยังไปหาความสมจริงกับมันเนอะ

ที่จริงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะไม่ชอบหรือเฉยๆ แนวใครแนวมันอยู่แหล่ว  


Sci-fi ?????
Scientce-fiction มันต้องเบสมาจากความสมจริงอยู่แล้ว
บ้าจะเอาแบบ Marvel นี่ต้องเรียกว่า action fantasy นะ  


ไซไฟมันมีหลายแนวครับ อเวนเจอร์อยู่ในไซไฟแฟนซี เช่นเดียวกับหนังก๊อตซีล่า (ก๊อตซีล่ายังไซไฟ มันจะสมจริงยังไงครับ ลองเช็ค imdb ดู)
http://www.nextwider.com/2014/05/23/sci-fi-movies/

“ไซ-ไฟ” หรือ บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ “Science fiction” หรือย่อๆ “Sci-Fi” นั่นเองโดยภาพกว้างๆ ก็คือ เรื่องที่จินตนาการขึ้นมาไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบสื่อใดๆก็ตาม จะเป็น นวนิยาย ภาพยนตร์ การ์ตูน หรือสื่อบันเทิงอื่นๆ ฯลฯ โดยเน้นการนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ วิทยาการ หรือเทคโนโลยีก้าวล้ำ อันส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือต่อสังคมโลก หลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่า สื่อบันเทิงนั้นๆ มีความเป็นไซ-ไฟ หรือไม่ ? โดยกว้างๆแล้วถ้าหากมีส่วนผสมขององค์ประกอบเชิงวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี อย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 หัวข้อล่างนี้แล้ว ก็พอจะจัดได้เป็น ไซ-ไฟ (แต่จะเป็นไซ-ไฟเข้มข้น หรืออย่างอ่อนๆ ก็เป็นอีกกรณี)

1.วิทยาการ-เทคโนโลยีสุดล้ำ

ได้แก่การมีสิ่งประดิษฐ์หรือ อุปกรณ์เทคโนโลยี-นวัตกรรมล้ำสมัย อาทิระบบคอมพิวเตอร์,หุ่นยนต์, อาวุธยุทโธปกรณ์ ฯลฯ หรือองค์ความรู้วิทยาการล้ำยุคอย่างนาโนเทคโนโลยี พันธุวิศวกรรม การโคลนิ่ง ปัญญาประดิษฐ(A.I.) เป็นต้น

2.สิ่งมีชีวิตพิเศษเหนือธรรมดาหรือลี้ลับ

อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดนอกโลก อาทิ มนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาดต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เกิดขึ้นภายในโลกเอง ซึ่งมักเกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือการกลายพันธุ์วิวัฒนาการตามธรรมชาติ อันอาจมีพลังอิทธิฤทธิ์พิเศษ หรือแม้ทำนองเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับมองไม่เห็นตัวตนแต่เป็นรูปแบบพลังงาน หรือวิญญาณ ไปจนถึงกรณีของ พระเจ้า!

3.การเดินทางท่องอวกาศ-ท่องกาลเวลา

การเดินทางออกนอกโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง หรือการสำรวจอวกาศยังต่างดาวอื่นๆหรือแม้กระทั้งการเดินทางผ่านกาลเวลาแบบ ย้อนอดีต ท่องอนาคต หรือมิติคู่ขนาน

4. ระบบสังคม-สิ่งแวดล้อมใหม่แห่งโลกอนาคต

ผลกระทบจากวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีต่อวิถีผู้คนในสังคมหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเชิงสิ่งแวดล้อม/ภัยธรรมชาติ ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง หรือแม้แต่ประเด็นทางศาสนา-ลัทธิความเชื่อ ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นโลกใหม่อันศิวิไลซ์สวยงาม หรือ โลกหม่นหมอง สังคมอันเลวร้ายจากสงคราม โรคภัย ก็สุดแท้แต่

และถ้าหากจะแบ่งประเภทของไซ-ไฟต่างๆแล้ว ในเชิงวิชาการย่อมมีวิธีแบ่งกันได้หลากหลายหมวดหมู่ ก็แล้วแต่ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง แต่ในที่นี้จะสรุปแบบรวบรัดเข้าใจง่ายที่สุด ขอจัดเป็น 3 ประเภทกว้างๆ โดยพิจารณาจาก กรณีความเข้มข้นของการคำนึงหรือการอ้างอิงหลักความเป็นจริงเชิงวิทยาศาสตร์ ในเรื่องราวของสื่อไซ-ไฟนั้นๆมาเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ดังนี้

1. Hard Sci-Fi หรือ ไซ-ไฟหนักๆ

เป็น Sci-Fi ที่มีองค์ประกอบรวมทั้งบรรยากาศต่างๆ ออกมาค่อนข้างสมจริงสมเหตุสมผล ให้ความสำคัญกับการอ้างอิงในหลักการหรือทฤษฎีเชิงวิทยาศาสตร์ตามความเป็นจริงค่อนข้างเคร่งครัดมากเป็นพิเศษ เทคโนโลยีหรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่ประกอบในเรื่องจึงน่าเชื่อถือ ทั้งมีแนวโน้มสามารถเป็นไปได้จริงสูง อาทิ เครื่องมือ อุปกรณ์ ยานอวกาศ ยานพาหนะต่างๆ ฯลฯ (แต่กระนั้นต้องไม่ลืมว่า สมจริงยังไงก็ยังเพียงเรื่องที่จินตนาการแต่งขึ้นอยู่นั่นเอง)Hard Sci-Fi โดยมากอาจไม่เน้นการบู๊แอคชั่นมากนัก มักจะออกแนวดราม่ามากกว่า ทั้งอาจไม่มีนวัตกรรมล้ำหลุดโลกรูปแบบแฟนตาซีตื่นตาตื่นใจ หรือกระทั่งอาจจะไม่มีการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตสัตว์ประหลาดใดๆเลย แต่จะไปเน้นที่การนำเสนอแนวคิค การตั้งข้อสังเกต หรือการสะท้อนนัยยะหนักๆ อันเป็นการกระตุ้นความคิดให้ผู้เสพได้ไปจินตนาการต่อเอง ทั้งบางเรื่องอาจมีการนำเสนอที่ออกมาดูล้ำลึกจนเข้าใจยาก เลยเรียกอีกอย่างว่าเป็น “ไซ-ไฟ ปรัชญา” ตัวอย่างภาพยนตร์ไซ-ไฟ ที่นับว่าพอเป็น Hard Sci-Fi อาทิ Metropolis, 2001: A Space Odyssey, Apollo 18, Contact, Moon, Gravity เป็นต้น Hard Sci-Fi จึงอาจเป็นยาขมสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นที่ถูกอกถูกใจต่อกลุ่มคนรักแนวไซ-ไฟ จริงๆ

2. Soft Sci-Fi หรือ ไซ-ไฟกลางๆ กึ่งๆแฟนตาซี

ประเภทนี้จินตนาการอาจมีความเป็นไปได้จริงเชิงทฤษฎีวิทยาศาสตร์อยู่พอควร แต่ก็มีความเป็นแฟนตาซีมากขึ้นกว่า Hard Sci-Fi ไปอีกระดับSoft Sci-Fiจึงมีความยืดหยุ่นของบรรยากาศ เนื้อเรื่อง และตัวละคร สามารถใส่ลูกเล่นจินตนาการเพ้อฝันได้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงอย่างเคร่งครัดเกินไป ตัวอย่างภาพยนตร์ อาทิ Star Gate, Star Trek, Blade Runner,Gattaca, Alien, The Matrix, Inception, Prometheus เป็นต้น ซึ่งมักจะต้องมีฉากแอคชั่น ผจญภัย หรือการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตประหลาด กระทั้งเทคโนโลยีรูปแบบหลุดโลกประกอบด้วยบ้างในระดับหนึ่ง อันเป็นสีสันดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี จึงเป็นธรรมดาที่ Soft Sci-Fiค่อนข้างเป็นที่นิยมกว่า Hard Sci-Fi ด้วยมีความสนุกสนานมากกว่า และเข้าใจง่ายกว่านั่นเอง ทั้งบางเรื่องก็ยังคงมีแฝงความลุ่มลึก ให้แง่คิดหนักๆ มีความเป็น ไซ-ไฟปรัชญา อยู่บ้างด้วยเช่นกัน

3. Sci-Fi Fantasy หรือ ไซ-ไฟเพ้อฝันเต็มขั้น

ไซ-ไฟแฟนตาซี เป็นไซ-ไฟที่ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความถูกต้อง หรือต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้จริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์มากนัก หรือแทบไม่ต้องคำนึงถึงเลยก็ได้ เรียกว่ามโนกันไปได้เต็มที่ แต่กระนั้นถึงเรียกว่าเพ้อฝัน ในความเป็นไซ-ไฟ ก็ย่อมมีความสมเหตุสมผลในบริบทของเรื่องหรือกฏเกณฑ์ที่อุปโลกน์ขึ้นมาในท้องเรื่องอยู่นั่นเอง (ไม่งั้นก็จะหลุดไปเป็นเประเภทแฟนตาซี เชิงเทพนิยายเวนมนตร์คาถาไป) และก็ไม่ได้หมายความว่าแค่เพ้อฝัน มิอาจเป็นไปได้จริงเลยซะทีเดียว เพราะวิสัยทัศน์ไอเดียหลายๆอย่างในไซ-ไฟแฟนตาซี ก็แปลกใหม่ให้แรงบันดาลใจต่อวิทยาศาสตร์ ส่งผลเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมในโลกความเป็นจริงในเวลาต่อมาได้มากมาย ไม่แพ้ Hard Sci-Fi หรือSoft Sci-Fi แต่ด้วยความเป็น ไซ-ไฟแฟนตาซี จึงไปเน้นที่การสร้างเรื่องให้สนุกสนานชวนติดตาม ตัวละครมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งเน้นฉากบู๊แอคชั่นผจญภัยอลังการเป็นหลักมากกว่า โดยใช้องค์ประกอบ-บรรยากาศของความเป็นวิทยาศาสตร์เป็นเพียงส่วนส่งเสริม ให้มีความโดดเด่นน่าสนใจยิ่งขึ้นเท่านั้น ภาพยนตร์และสื่อบันเทิงไซ-ไฟส่วนใหญ่จึงมักเป็นประเภท Sci-Fi Fantasy ด้วยมีโอกาสประสบผลสำเร็จในเชิงพาณิชย์มากกว่านั่นเอง อาทิ ภาพยนตร์ดังเป็นที่นิยมทั่วโลก Star Wars, Back to the future,Terminator, Pacific Rim, Godzilla หรือ ภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง X-Men, Ironman,Batman,Superman, The Avengers ฯลฯ

ที่มาของบทความ
นักเขียนจากเพจ สนทนาไซ-ไฟ
0
0

โดย whitehunter เมื่อวันที่ 30 April 2019 20.04 [เหตุผล]
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 6709
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:30 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
kalakasong พิมพ์ว่า:
DONDA พิมพ์ว่า:
kalakasong พิมพ์ว่า:
อเวนเจอร์ แนวหนังมันก็ Sci-Fi ก็ยังไปหาความสมจริงกับมันเนอะ

ที่จริงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะไม่ชอบหรือเฉยๆ แนวใครแนวมันอยู่แหล่ว  


Sci-fi ?????
Scientce-fiction มันต้องเบสมาจากความสมจริงอยู่แล้ว
บ้าจะเอาแบบ Marvel นี่ต้องเรียกว่า action fantasy นะ  


ไซไฟมันมีหลายแนวครับ อเวนเจอร์อยู่ในไซไฟแฟนซี เช่นเดียวกับหนังก๊อตซีล่า (ก๊อตซีล่ายังไซไฟ มันจะสมจริงยังไงครับ ลองเช็ค imdb ดู)
http://www.nextwider.com/2014/05/23/sci-fi-movies/

“ไซ-ไฟ” หรือ บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ “Science fiction” หรือย่อๆ “Sci-Fi” นั่นเองโดยภาพกว้างๆ ก็คือ เรื่องที่จินตนาการขึ้นมาไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบสื่อใดๆก็ตาม จะเป็น นวนิยาย ภาพยนตร์ การ์ตูน หรือสื่อบันเทิงอื่นๆ ฯลฯ โดยเน้นการนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ วิทยาการ หรือเทคโนโลยีก้าวล้ำ อันส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือต่อสังคมโลก หลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่า สื่อบันเทิงนั้นๆ มีความเป็นไซ-ไฟ หรือไม่ ? โดยกว้างๆแล้วถ้าหากมีส่วนผสมขององค์ประกอบเชิงวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี อย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 หัวข้อล่างนี้แล้ว ก็พอจะจัดได้เป็น ไซ-ไฟ (แต่จะเป็นไซ-ไฟเข้มข้น หรืออย่างอ่อนๆ ก็เป็นอีกกรณี)

1.วิทยาการ-เทคโนโลยีสุดล้ำ

ได้แก่การมีสิ่งประดิษฐ์หรือ อุปกรณ์เทคโนโลยี-นวัตกรรมล้ำสมัย อาทิระบบคอมพิวเตอร์,หุ่นยนต์, อาวุธยุทโธปกรณ์ ฯลฯ หรือองค์ความรู้วิทยาการล้ำยุคอย่างนาโนเทคโนโลยี พันธุวิศวกรรม การโคลนิ่ง ปัญญาประดิษฐ(A.I.) เป็นต้น

2.สิ่งมีชีวิตพิเศษเหนือธรรมดาหรือลี้ลับ

อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดนอกโลก อาทิ มนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาดต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เกิดขึ้นภายในโลกเอง ซึ่งมักเกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือการกลายพันธุ์วิวัฒนาการตามธรรมชาติ อันอาจมีพลังอิทธิฤทธิ์พิเศษ หรือแม้ทำนองเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับมองไม่เห็นตัวตนแต่เป็นรูปแบบพลังงาน หรือวิญญาณ ไปจนถึงกรณีของ พระเจ้า!

3.การเดินทางท่องอวกาศ-ท่องกาลเวลา

การเดินทางออกนอกโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง หรือการสำรวจอวกาศยังต่างดาวอื่นๆหรือแม้กระทั้งการเดินทางผ่านกาลเวลาแบบ ย้อนอดีต ท่องอนาคต หรือมิติคู่ขนาน

4. ระบบสังคม-สิ่งแวดล้อมใหม่แห่งโลกอนาคต

ผลกระทบจากวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีต่อวิถีผู้คนในสังคมหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเชิงสิ่งแวดล้อม/ภัยธรรมชาติ ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง หรือแม้แต่ประเด็นทางศาสนา-ลัทธิความเชื่อ ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นโลกใหม่อันศิวิไลซ์สวยงาม หรือ โลกหม่นหมอง สังคมอันเลวร้ายจากสงคราม โรคภัย ก็สุดแท้แต่

และถ้าหากจะแบ่งประเภทของไซ-ไฟต่างๆแล้ว ในเชิงวิชาการย่อมมีวิธีแบ่งกันได้หลากหลายหมวดหมู่ ก็แล้วแต่ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง แต่ในที่นี้จะสรุปแบบรวบรัดเข้าใจง่ายที่สุด ขอจัดเป็น 3 ประเภทกว้างๆ โดยพิจารณาจาก กรณีความเข้มข้นของการคำนึงหรือการอ้างอิงหลักความเป็นจริงเชิงวิทยาศาสตร์ ในเรื่องราวของสื่อไซ-ไฟนั้นๆมาเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ดังนี้

1. Hard Sci-Fi หรือ ไซ-ไฟหนักๆ

เป็น Sci-Fi ที่มีองค์ประกอบรวมทั้งบรรยากาศต่างๆ ออกมาค่อนข้างสมจริงสมเหตุสมผล ให้ความสำคัญกับการอ้างอิงในหลักการหรือทฤษฎีเชิงวิทยาศาสตร์ตามความเป็นจริงค่อนข้างเคร่งครัดมากเป็นพิเศษ เทคโนโลยีหรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่ประกอบในเรื่องจึงน่าเชื่อถือ ทั้งมีแนวโน้มสามารถเป็นไปได้จริงสูง อาทิ เครื่องมือ อุปกรณ์ ยานอวกาศ ยานพาหนะต่างๆ ฯลฯ (แต่กระนั้นต้องไม่ลืมว่า สมจริงยังไงก็ยังเพียงเรื่องที่จินตนาการแต่งขึ้นอยู่นั่นเอง)Hard Sci-Fi โดยมากอาจไม่เน้นการบู๊แอคชั่นมากนัก มักจะออกแนวดราม่ามากกว่า ทั้งอาจไม่มีนวัตกรรมล้ำหลุดโลกรูปแบบแฟนตาซีตื่นตาตื่นใจ หรือกระทั่งอาจจะไม่มีการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตสัตว์ประหลาดใดๆเลย แต่จะไปเน้นที่การนำเสนอแนวคิค การตั้งข้อสังเกต หรือการสะท้อนนัยยะหนักๆ อันเป็นการกระตุ้นความคิดให้ผู้เสพได้ไปจินตนาการต่อเอง ทั้งบางเรื่องอาจมีการนำเสนอที่ออกมาดูล้ำลึกจนเข้าใจยาก เลยเรียกอีกอย่างว่าเป็น “ไซ-ไฟ ปรัชญา” ตัวอย่างภาพยนตร์ไซ-ไฟ ที่นับว่าพอเป็น Hard Sci-Fi อาทิ Metropolis, 2001: A Space Odyssey, Apollo 18, Contact, Moon, Gravity เป็นต้น Hard Sci-Fi จึงอาจเป็นยาขมสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นที่ถูกอกถูกใจต่อกลุ่มคนรักแนวไซ-ไฟ จริงๆ

2. Soft Sci-Fi หรือ ไซ-ไฟกลางๆ กึ่งๆแฟนตาซี

ประเภทนี้จินตนาการอาจมีความเป็นไปได้จริงเชิงทฤษฎีวิทยาศาสตร์อยู่พอควร แต่ก็มีความเป็นแฟนตาซีมากขึ้นกว่า Hard Sci-Fi ไปอีกระดับSoft Sci-Fiจึงมีความยืดหยุ่นของบรรยากาศ เนื้อเรื่อง และตัวละคร สามารถใส่ลูกเล่นจินตนาการเพ้อฝันได้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงอย่างเคร่งครัดเกินไป ตัวอย่างภาพยนตร์ อาทิ Star Gate, Star Trek, Blade Runner,Gattaca, Alien, The Matrix, Inception, Prometheus เป็นต้น ซึ่งมักจะต้องมีฉากแอคชั่น ผจญภัย หรือการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตประหลาด กระทั้งเทคโนโลยีรูปแบบหลุดโลกประกอบด้วยบ้างในระดับหนึ่ง อันเป็นสีสันดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี จึงเป็นธรรมดาที่ Soft Sci-Fiค่อนข้างเป็นที่นิยมกว่า Hard Sci-Fi ด้วยมีความสนุกสนานมากกว่า และเข้าใจง่ายกว่านั่นเอง ทั้งบางเรื่องก็ยังคงมีแฝงความลุ่มลึก ให้แง่คิดหนักๆ มีความเป็น ไซ-ไฟปรัชญา อยู่บ้างด้วยเช่นกัน

3. Sci-Fi Fantasy หรือ ไซ-ไฟเพ้อฝันเต็มขั้น

ไซ-ไฟแฟนตาซี เป็นไซ-ไฟที่ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความถูกต้อง หรือต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้จริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์มากนัก หรือแทบไม่ต้องคำนึงถึงเลยก็ได้ เรียกว่ามโนกันไปได้เต็มที่ แต่กระนั้นถึงเรียกว่าเพ้อฝัน ในความเป็นไซ-ไฟ ก็ย่อมมีความสมเหตุสมผลในบริบทของเรื่องหรือกฏเกณฑ์ที่อุปโลกน์ขึ้นมาในท้องเรื่องอยู่นั่นเอง (ไม่งั้นก็จะหลุดไปเป็นเประเภทแฟนตาซี เชิงเทพนิยายเวนมนตร์คาถาไป) และก็ไม่ได้หมายความว่าแค่เพ้อฝัน มิอาจเป็นไปได้จริงเลยซะทีเดียว เพราะวิสัยทัศน์ไอเดียหลายๆอย่างในไซ-ไฟแฟนตาซี ก็แปลกใหม่ให้แรงบันดาลใจต่อวิทยาศาสตร์ ส่งผลเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมในโลกความเป็นจริงในเวลาต่อมาได้มากมาย ไม่แพ้ Hard Sci-Fi หรือSoft Sci-Fi แต่ด้วยความเป็น ไซ-ไฟแฟนตาซี จึงไปเน้นที่การสร้างเรื่องให้สนุกสนานชวนติดตาม ตัวละครมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งเน้นฉากบู๊แอคชั่นผจญภัยอลังการเป็นหลักมากกว่า โดยใช้องค์ประกอบ-บรรยากาศของความเป็นวิทยาศาสตร์เป็นเพียงส่วนส่งเสริม ให้มีความโดดเด่นน่าสนใจยิ่งขึ้นเท่านั้น ภาพยนตร์และสื่อบันเทิงไซ-ไฟส่วนใหญ่จึงมักเป็นประเภท Sci-Fi Fantasy ด้วยมีโอกาสประสบผลสำเร็จในเชิงพาณิชย์มากกว่านั่นเอง อาทิ ภาพยนตร์ดังเป็นที่นิยมทั่วโลก Star Wars, Back to the future,Terminator, Pacific Rim, Godzilla หรือ ภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง X-Men, Ironman,Batman,Superman, The Avengers ฯลฯ

ที่มาของบทความ
นักเขียนจากเพจ สนทนาไซ-ไฟ  


ถ้านับแค่ข้อสุดท้ายนั่น Fantasy เต็มๆเลยนะ
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 51323
ที่อยู่: สเปอร์ส&ชมรมคนรักหนัง&เนย
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 1:37 am
[RE: ..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ]
DONDA พิมพ์ว่า:
kalakasong พิมพ์ว่า:
DONDA พิมพ์ว่า:
kalakasong พิมพ์ว่า:
อเวนเจอร์ แนวหนังมันก็ Sci-Fi ก็ยังไปหาความสมจริงกับมันเนอะ

ที่จริงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะไม่ชอบหรือเฉยๆ แนวใครแนวมันอยู่แหล่ว  


Sci-fi ?????
Scientce-fiction มันต้องเบสมาจากความสมจริงอยู่แล้ว
บ้าจะเอาแบบ Marvel นี่ต้องเรียกว่า action fantasy นะ  


ไซไฟมันมีหลายแนวครับ อเวนเจอร์อยู่ในไซไฟแฟนซี เช่นเดียวกับหนังก๊อตซีล่า (ก๊อตซีล่ายังไซไฟ มันจะสมจริงยังไงครับ ลองเช็ค imdb ดู)
http://www.nextwider.com/2014/05/23/sci-fi-movies/

“ไซ-ไฟ” หรือ บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ “Science fiction” หรือย่อๆ “Sci-Fi” นั่นเองโดยภาพกว้างๆ ก็คือ เรื่องที่จินตนาการขึ้นมาไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบสื่อใดๆก็ตาม จะเป็น นวนิยาย ภาพยนตร์ การ์ตูน หรือสื่อบันเทิงอื่นๆ ฯลฯ โดยเน้นการนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ วิทยาการ หรือเทคโนโลยีก้าวล้ำ อันส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือต่อสังคมโลก หลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่า สื่อบันเทิงนั้นๆ มีความเป็นไซ-ไฟ หรือไม่ ? โดยกว้างๆแล้วถ้าหากมีส่วนผสมขององค์ประกอบเชิงวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี อย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 หัวข้อล่างนี้แล้ว ก็พอจะจัดได้เป็น ไซ-ไฟ (แต่จะเป็นไซ-ไฟเข้มข้น หรืออย่างอ่อนๆ ก็เป็นอีกกรณี)

1.วิทยาการ-เทคโนโลยีสุดล้ำ

ได้แก่การมีสิ่งประดิษฐ์หรือ อุปกรณ์เทคโนโลยี-นวัตกรรมล้ำสมัย อาทิระบบคอมพิวเตอร์,หุ่นยนต์, อาวุธยุทโธปกรณ์ ฯลฯ หรือองค์ความรู้วิทยาการล้ำยุคอย่างนาโนเทคโนโลยี พันธุวิศวกรรม การโคลนิ่ง ปัญญาประดิษฐ(A.I.) เป็นต้น

2.สิ่งมีชีวิตพิเศษเหนือธรรมดาหรือลี้ลับ

อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดนอกโลก อาทิ มนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาดต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เกิดขึ้นภายในโลกเอง ซึ่งมักเกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือการกลายพันธุ์วิวัฒนาการตามธรรมชาติ อันอาจมีพลังอิทธิฤทธิ์พิเศษ หรือแม้ทำนองเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับมองไม่เห็นตัวตนแต่เป็นรูปแบบพลังงาน หรือวิญญาณ ไปจนถึงกรณีของ พระเจ้า!

3.การเดินทางท่องอวกาศ-ท่องกาลเวลา

การเดินทางออกนอกโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง หรือการสำรวจอวกาศยังต่างดาวอื่นๆหรือแม้กระทั้งการเดินทางผ่านกาลเวลาแบบ ย้อนอดีต ท่องอนาคต หรือมิติคู่ขนาน

4. ระบบสังคม-สิ่งแวดล้อมใหม่แห่งโลกอนาคต

ผลกระทบจากวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีต่อวิถีผู้คนในสังคมหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเชิงสิ่งแวดล้อม/ภัยธรรมชาติ ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง หรือแม้แต่ประเด็นทางศาสนา-ลัทธิความเชื่อ ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นโลกใหม่อันศิวิไลซ์สวยงาม หรือ โลกหม่นหมอง สังคมอันเลวร้ายจากสงคราม โรคภัย ก็สุดแท้แต่

และถ้าหากจะแบ่งประเภทของไซ-ไฟต่างๆแล้ว ในเชิงวิชาการย่อมมีวิธีแบ่งกันได้หลากหลายหมวดหมู่ ก็แล้วแต่ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง แต่ในที่นี้จะสรุปแบบรวบรัดเข้าใจง่ายที่สุด ขอจัดเป็น 3 ประเภทกว้างๆ โดยพิจารณาจาก กรณีความเข้มข้นของการคำนึงหรือการอ้างอิงหลักความเป็นจริงเชิงวิทยาศาสตร์ ในเรื่องราวของสื่อไซ-ไฟนั้นๆมาเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ดังนี้

1. Hard Sci-Fi หรือ ไซ-ไฟหนักๆ

เป็น Sci-Fi ที่มีองค์ประกอบรวมทั้งบรรยากาศต่างๆ ออกมาค่อนข้างสมจริงสมเหตุสมผล ให้ความสำคัญกับการอ้างอิงในหลักการหรือทฤษฎีเชิงวิทยาศาสตร์ตามความเป็นจริงค่อนข้างเคร่งครัดมากเป็นพิเศษ เทคโนโลยีหรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่ประกอบในเรื่องจึงน่าเชื่อถือ ทั้งมีแนวโน้มสามารถเป็นไปได้จริงสูง อาทิ เครื่องมือ อุปกรณ์ ยานอวกาศ ยานพาหนะต่างๆ ฯลฯ (แต่กระนั้นต้องไม่ลืมว่า สมจริงยังไงก็ยังเพียงเรื่องที่จินตนาการแต่งขึ้นอยู่นั่นเอง)Hard Sci-Fi โดยมากอาจไม่เน้นการบู๊แอคชั่นมากนัก มักจะออกแนวดราม่ามากกว่า ทั้งอาจไม่มีนวัตกรรมล้ำหลุดโลกรูปแบบแฟนตาซีตื่นตาตื่นใจ หรือกระทั่งอาจจะไม่มีการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตสัตว์ประหลาดใดๆเลย แต่จะไปเน้นที่การนำเสนอแนวคิค การตั้งข้อสังเกต หรือการสะท้อนนัยยะหนักๆ อันเป็นการกระตุ้นความคิดให้ผู้เสพได้ไปจินตนาการต่อเอง ทั้งบางเรื่องอาจมีการนำเสนอที่ออกมาดูล้ำลึกจนเข้าใจยาก เลยเรียกอีกอย่างว่าเป็น “ไซ-ไฟ ปรัชญา” ตัวอย่างภาพยนตร์ไซ-ไฟ ที่นับว่าพอเป็น Hard Sci-Fi อาทิ Metropolis, 2001: A Space Odyssey, Apollo 18, Contact, Moon, Gravity เป็นต้น Hard Sci-Fi จึงอาจเป็นยาขมสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นที่ถูกอกถูกใจต่อกลุ่มคนรักแนวไซ-ไฟ จริงๆ

2. Soft Sci-Fi หรือ ไซ-ไฟกลางๆ กึ่งๆแฟนตาซี

ประเภทนี้จินตนาการอาจมีความเป็นไปได้จริงเชิงทฤษฎีวิทยาศาสตร์อยู่พอควร แต่ก็มีความเป็นแฟนตาซีมากขึ้นกว่า Hard Sci-Fi ไปอีกระดับSoft Sci-Fiจึงมีความยืดหยุ่นของบรรยากาศ เนื้อเรื่อง และตัวละคร สามารถใส่ลูกเล่นจินตนาการเพ้อฝันได้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงอย่างเคร่งครัดเกินไป ตัวอย่างภาพยนตร์ อาทิ Star Gate, Star Trek, Blade Runner,Gattaca, Alien, The Matrix, Inception, Prometheus เป็นต้น ซึ่งมักจะต้องมีฉากแอคชั่น ผจญภัย หรือการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตประหลาด กระทั้งเทคโนโลยีรูปแบบหลุดโลกประกอบด้วยบ้างในระดับหนึ่ง อันเป็นสีสันดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี จึงเป็นธรรมดาที่ Soft Sci-Fiค่อนข้างเป็นที่นิยมกว่า Hard Sci-Fi ด้วยมีความสนุกสนานมากกว่า และเข้าใจง่ายกว่านั่นเอง ทั้งบางเรื่องก็ยังคงมีแฝงความลุ่มลึก ให้แง่คิดหนักๆ มีความเป็น ไซ-ไฟปรัชญา อยู่บ้างด้วยเช่นกัน

3. Sci-Fi Fantasy หรือ ไซ-ไฟเพ้อฝันเต็มขั้น

ไซ-ไฟแฟนตาซี เป็นไซ-ไฟที่ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความถูกต้อง หรือต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้จริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์มากนัก หรือแทบไม่ต้องคำนึงถึงเลยก็ได้ เรียกว่ามโนกันไปได้เต็มที่ แต่กระนั้นถึงเรียกว่าเพ้อฝัน ในความเป็นไซ-ไฟ ก็ย่อมมีความสมเหตุสมผลในบริบทของเรื่องหรือกฏเกณฑ์ที่อุปโลกน์ขึ้นมาในท้องเรื่องอยู่นั่นเอง (ไม่งั้นก็จะหลุดไปเป็นเประเภทแฟนตาซี เชิงเทพนิยายเวนมนตร์คาถาไป) และก็ไม่ได้หมายความว่าแค่เพ้อฝัน มิอาจเป็นไปได้จริงเลยซะทีเดียว เพราะวิสัยทัศน์ไอเดียหลายๆอย่างในไซ-ไฟแฟนตาซี ก็แปลกใหม่ให้แรงบันดาลใจต่อวิทยาศาสตร์ ส่งผลเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมในโลกความเป็นจริงในเวลาต่อมาได้มากมาย ไม่แพ้ Hard Sci-Fi หรือSoft Sci-Fi แต่ด้วยความเป็น ไซ-ไฟแฟนตาซี จึงไปเน้นที่การสร้างเรื่องให้สนุกสนานชวนติดตาม ตัวละครมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งเน้นฉากบู๊แอคชั่นผจญภัยอลังการเป็นหลักมากกว่า โดยใช้องค์ประกอบ-บรรยากาศของความเป็นวิทยาศาสตร์เป็นเพียงส่วนส่งเสริม ให้มีความโดดเด่นน่าสนใจยิ่งขึ้นเท่านั้น ภาพยนตร์และสื่อบันเทิงไซ-ไฟส่วนใหญ่จึงมักเป็นประเภท Sci-Fi Fantasy ด้วยมีโอกาสประสบผลสำเร็จในเชิงพาณิชย์มากกว่านั่นเอง อาทิ ภาพยนตร์ดังเป็นที่นิยมทั่วโลก Star Wars, Back to the future,Terminator, Pacific Rim, Godzilla หรือ ภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง X-Men, Ironman,Batman,Superman, The Avengers ฯลฯ

ที่มาของบทความ
นักเขียนจากเพจ สนทนาไซ-ไฟ  


ถ้านับแค่ข้อสุดท้ายนั่น Fantasy เต็มๆเลยนะ  


1.วิทยาการ-เทคโนโลยีสุดล้ำ
2.สิ่งมีชีวิตพิเศษเหนือธรรมดาหรือลี้ลับ

แค่นี้ก็เป็นไซไฟได้ล่ะครับ แต่จะอยู่ในโหมดไซไฟแฟนซี
1
0

โดย whitehunter เมื่อวันที่ 30 April 2019 20.04 [เหตุผล]
เข้าร่วม: 22 Apr 2007
ตอบ: 5304
ที่อยู่: Barcelona Catalunya
โพสเมื่อ: Sun Nov 29, 2015 4:24 am
..มีใครไม่ชอบหนัง Marvel บ้างครับ
ไม่แปลกหรอก คนเราชอบไม่เหมือนกัน
0
0