ถ้ามองที่หัวตารางผมเชื่อว่าหลายคนคงคิดเหมือนกันว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีต่อแต้ม เอสซีจี เมืองทองฯ อยู่ 10 คะแนน ไม่น่าพลาดกับการคว้าแชมป์ในปีนี้ ตรงข้ามกับสถานการณ์การลุ้นหนีตกชั้นที่ใครจะเชื่อว่าปีนี้ ทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะทีมชาติไทยในหลายๆ ชุดอย่าง"มังกรไฟ" บีอีซี เทโรศาสน จะต้องมาลุ้นหนีตกชั้นแบบนี้ !!!
เพราะถ้าพูดถึงศักยภาพนักเตะและฟอร์มโดยรวมของ เทโรฯ เมื่อช่วงปีที่ผ่านมาคาบเกี่ยวมาจนถึงก่อนเริ่มการแข่งขันในปีนี้เชื่อว่าหลายคนคงไม่คิดว่ามังกรไฟจะมาอยู่ตรงจุดนี้แน่นอน



นักเตะหลายคนอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ทริสตอง โด เป็นชื่อที่คุ้นหูและฟอร์มคุ้นตาเหลือเกิน เพราะทั้งหมดวนเวียนเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่มาตลอดในปีนี้ และฟอร์มโดยรวมของ"ทีมชาติไทย" ผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เท่านั้นไม่พอ"มังกรไฟ"ยังมีพวกเก๋าประสบการณ์"อดีตทีมชาติ" อย่าง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, อภิเชษฐ์ พุฒตาล ช่วยประคองน้องๆ หรือตัวต่างชาติ โฟเด้ ไดอากิเต้, กิลเบิร์ต คุมสัน (ตอนที่ยังมีชื่อเล่นอยู่)ก็น่าจะพอช่วยให้มีทีมแข็งแกร่งประมาณหนึ่ง

ถ้าจะมองไปที่พวกดาวรุ่งไว้คอยสแตนบาย เทโร ก็มีหลายคนอาทิ สมพร ยศ, อดิศร พรหมรักษ์, อดิศักดิ์ เซ็นสมเอียด และ เจนรบ สำเภาดี ซึ่งทั้งหมดมีดีกรีเป็น"ชุดเล็กทีมชาติ" อายุไม่เกิน 23 ปี ชุดชิงแชมป์เอเชีย ต้นปีหน้าอีกด้วย แต่ต่อให้มีทีมชาติอยู่ครึ่งทีมก็คงไม่ช่วยอะไร เพราะผลงานในปีนี้ของ เทโร แย่เหลือเกินดูได้จากสถิติบนตารางคะแนนที่ไม่เคยโกหกใคร



ด้วยสถานการณ์แบบนี้ เทโร คือทีมหนีตกชั้นอย่างแท้จริง หลังผ่านมา 30 เกมอยู่อันดับที่ 17 ของตารางคะแนน มี 27 แต้ม ด้วยสถิติ ชนะ 5 เสมอ 12 แพ้ 13 นัด ขอย้ำอีกครั้งว่าพวกเขาชนะเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น และมีแต้มตามหลังทีมในทีมโซนปลอดภัยอยู่ 2 แต้มด้วยกัน

เหลือ 4 เกมให้ลุ้น สระบุรี เอฟซี (เหย้า), เอสซีจี เมืองทอง (เยือน), บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เหย้า) และ เชียงราย ยูไนเต็ด (เยือน) ซึ่งเป็นโปรแกมที่หนักเอาการ เพราะ เทโร ต้องเล่นกับ 1 ทีมหนีตายที่ฟอร์มกำลังดีวันดีคืน, ทีมอันดับที่ 2 ของลีก, 1 ทีมเต็งแชมป์ และต้องไปเยือนทีมที่เก่งในบ้านอีก ทำให้ 4 เกมสุดท้ายนี้น่าจะเป็น 4 เกมอันตรายที่พวกเขา "ห้ามพลาด" แม้แต่เกมเดียว ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ในลีกวันปีหน้า
ซึ่งผลงานในตอนนี้ของ เทโร น่าจะเป็นคำตอบชั้นดีว่า นักเตะทีมชาติเยอะไม่ช่วยอะไร เพราะฟุตบอลไม่ได้สู้กันบนใบรายชื่อ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะนำโด่งบนตารางคะแนนไปแล้ว
หลายเกมที่เทโรเล่นดีแต่ดียังไงก็ไม่ชนะ สิ่งสำคัญที่ผมรู้สึกได้คือ "พลังแห่งการคัมแบ็ก" พวกเขาหายไปหมด อ้างอิงจาก"สถิติ"จะเห็นได้ชัดโดยปีนี้มีแค่เกมเดียวเท่านั้นที่กลับมาเป็นผู้ชนะได้หลังโดนยิงนำไปก่อน นั่นคือเกมกับ โอสถฯ ที่จบลงด้วยสกอร์ 3 - 2
สำหรับการการหนีตกชั้นยังสนุกเหมือนเดิม แต่สำหรับ เทโร คงไม่สนุกแน่นอน เพราะมันคือสิ่งใหม่สำหรับพวกเขา แต่อย่างไก็ตาม"อนาคต"ก็อยู่ในมือของพวกเขาเช่นกัน 4 เกมสุดท้ายถ้าชนะหมดก็รอด แต่ถ้าแพ้ขึ้นไม่ว่าจะเกมไหนก็ตามโอกาสตกชั้นก็สูงเช่นกัน

สุดท้ายไม่ว่าปีนี้ เทโร จะพาตัวเองจบตรงไหนบนตารางคะแนนไทยลีก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ทำให้ได้รู้ว่า
รายชื่อนักเตะเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือทีมจะประสบความสำเร็จทุกอย่างไปวัดกันในสนามเท่านั้น


บอลกูรู (เจษดาพร ศรีสรง)

ที่มา :

ตอนต้นฤดูกาลที่ฟอร์มแย่ มีคนบอกว่าจะเหมือน นิวคาสเซิล

ผมตอบกลับไปว่า เทโรดีเกินกว่าที่จะต้องมาตกชั้น

แต่ตอนนี้ผมว่า ดูโปรแกรมแล้ว รอดยากมากๆ

เสียดายจริงๆ

ผมอยากให้ตกครับ ไม่ได้เกลียดหรืออคติอะไร แค่อยากเห็นทีมใหญ่ตกชั้น เป็นสีสันนานๆที

นัดสระบุรีนี้ถ้าชนะจะได้กำลังใจอักโขเลยครับ
ปล.ก็อปปี้ content มาทั้งยวงเลยระวังเรื่องลิขสิทธิ์นะครับ เจ้านี้แรงงงง

รอดไม่รอด ผมว่า อาทิตย์นี้น่าจะรู้นะ ไม่ชนะรอดยาก

ก็เพราะตัวทีมชาติเยอะนี่แหละทำให้ฟอร์มหดหายเลย


ก่อนอื่นอยากให้มองดูทีมอื่นๆด้วยทั่วโลกเลยครับ เวลามีฟีฟ่าเดย์มาขั้นทีไรทีมใหญ่ๆมักจะได้รับผลกระทบทุกที ไม่ว่านักเตะล้าจากการเดินทางไกลหรืออาการเจ็ทแลคจากการบินข้ามทวีปยาวนาน ยังไม่นับถึงการช้ำหรือบาดเจ็บที่ตามมาด้วย


กลับมาที่ไทย ผมกล้าบอกได้เลยว่าประเทศที่ฟุตบอลสโมสรกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา โดยเฉพาะของไทยนี่แหละกระทบหนักสุด นอกจากจะล้าแล้วฟุตบอลภายในเราก็บ้าบอยัดรายการแข่งขันลงไปเยอะโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมทางเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา


การที่ไทยเราไปลอกเลียนแบบลีคอังกฤษที่ยัดถ้วยลงเยอะๆผมเคยวิจารณ์มาตลอดว่าเป็นการกระทำที่โง่บัดซบ ประเด็นสำคัญเลยคือวิทยาการในการฟื้นฟูสภาพของนักเตะเราก็ไม่ได้ดีหรือเทียบเคียงกับเขาแม้แต่น้อย ยิ่งมาคิดคำนวณถึงรายการแข่งขันทีมชาติแล้วทำให้นักเตะที่ติดทีมชาตินั้นเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


การพยายามอัดสโมสรในลีคให้มีจำนวนเยอะๆนั้นอาจไม่ใช่ผลดีเสมอไป เคยมีคนออกความเห็นมากมายว่าสำหรับรายการแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีคจำนวนสโมสรที่เหมาะสมนั้นควรจะอยู่ที่ 14 - 16 ทีม ไม่ใช่ 18 ทีมแบบที่เป็นในปัจจุบันเพื่อเพิ่มช่วงเวลาในการพักฟื้นนักเตะที่มีการแข่งขันระดับชาติ


อนึ่งต้องไม่ลืมว่าภูมิภาคอาเซียนของเรานั้นบ้าพลัง คุณมีทั้งรายการแข่งขันในภูมิภาคอย่าง ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน และหากจะมากไปกว่านั้นคือสิทธิ์ในการแข่งขันระดับสากลอย่าง เอเชียคัพ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก นี่ยังไม่นับรวมรายการที่เราจัดขึ้นเองอีกเช่น คิงคัพ หรือถ้วยน้ำจิ้มที่พวกนายทุนสรรหามาจากอังกฤษและสเปน


เรียกได้ว่าในแต่ละปีนักฟุตบอลที่ติดทีมชาติจะมีรายการแข่งขันทั้งภายในและภายนอกรวมกับลีคของตัวเองไม่น้อยกว่า 50 เกมอย่างแน่นอน และตัวหลักของทีมชาติคงอยู่ที่ราวๆ 60-70 เกมการแข่งขันต่อปี




ดังนั้นเทโรที่มีนักเตะติดทีมชาติเยอะที่สุดเลยได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่ทั้งนี้ผลกระทบจากนักเตะที่ไปร่วมการแข่งขันระดับชาติก็ไม่ใช่ข้ออ้างซะทีเดียว เพราะสำหรับเทโรที่เจอกับวิกฤติในตอนนี้ต้องบอกว่ารากเง้าของปัญหานั้นน่าจะอยู่ที่การกัดกินกันเองของบรรดาผู้บริหารเสียมากกว่า

นี่ไง เหตุผลที่เราควรเอาตัวสำรอง เยาวชนลงเล่นในทัวร์นาเม้นอาเซียน นักเตะพวกนี้เล่นทุกรายการ ยังดีไม่ได้ไปเสียในทีมชาติ

มีปัญหาที่สโมสรเองด้วยแต่ทีมชาติก็มีส่วน

ขอ 8 แต้ม ใน 4 นัด สาธุ

ผมว่าถึงจุดนี้รอดยากมากแล้วนะ คิดซะว่าลงไปชุบตัวสักปีนึง ขนหน้าแข้งไม่น่าจะร่วงนะ เอาอย่างเพื่อนตำรวจไง

ผมว่าลำบาก เพราะกำลังใจสระบุรีมาเป็นกองตั้งหลายนัดละ

หรือว่า ...
เรายังมีนักเตะไทยที่เก่งกว่าทีมชาติ แต่ไม่ถูกเรียกมาติด
..
แต่ผมก็เข้าใจนะ ทีมชาติชุดนี้เพื่ออนาคต อายุน้อยๆกันเยอะ

ที่นี้มาคุยกันว่า ถ้าเราเข้ารอบ12ดีแล้ว เราจะใช้ตัวเก๋าไปประคองทีมไหม