รุด ฟาน นิสเตอรอย อดีตยอดดาวยิงชาวฮอลแลนด์กล่าวรำลึกความหลังถึงเหตุการณ์ที่เขายิงจุดโทษไม่เข้า จากนั้นโดนเหล่านักเตะของอาร์เซนอลเข้ามารุมเยาะเย้ย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 ความเป็นอริของอาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถือว่าเข้มข้นมากที่สุดในประเทศอังกฤษ โดยเกมที่ 'ปีศาจแดง' เปิดบ้านรับการมาเยือนของ 'ปืนใหญ่' พวกเขาได้ลูกจุดโทษในช่วงท้ายเกม ซึ่งหากยิงเข้าก็จะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะทันที

อย่างไรก็ตาม 'รุด ฟาน นิสเตอรอย' เพชฌฆาตจอมยิงจุดโทษกลับซัดไปชนเสา ทำเอาเหล่านักเตะอาร์เซนอลเก็บอาการดีใจไม่อยู่เข้ามาเยาะเย้ยแบบจัดเต็ม ก่อนโดนสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษแบนและปรับเงินเพราะเหตุการณ์นั้น

ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์เป็นแขกรับเชิญของอ็อกซ์ฟอร์ด ยูเนี่ยนและพูดถึงประเด็นต่างๆ จากนั้นมีคนแจ้งให้เขาทราบว่ามาร์ติน คีโอว์นนั้นอาศัยอยู่ในอ็อกซ์ฟอร์ด

"จริงเหรอครับ? เขาอาจจะวิ่งมากระโดดใส่ผมก็ได้นะเนี่ย! เกมนัดนั้นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ เราแข่งกับอาร์เซนอลชุดไร้พ่ายและมาได้จุดโทษในนาทีสุดท้ายก่อนที่ผมจะยิงไปชนคาน จากนั้นทุกอย่างปั่นป่วนไปหมด มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น"

"ความจริงก็คือผมไม่รู้ตัวหรอกเพราะผมกำลังเศร้ากับการยิงเป้าพลาด ผมไม่สนเลยว่าพวกเขาเข้ามาทำอะไร ผมกำลังช็อคและคิดกับตัวเองว่า พลาดได้ไงวะ! พลาดได้ไง! ปาทริค วิเอร่าถูกไล่ออกในเกมนั้นและเขาก็รออยู่ในอุโมงค์ซึ่งผมก็ไม่สนใจหรอกนะ ผมเดินผ่านเขาไปเฉยๆ"

"ผมไม่ค่อยจะพลาดจุดโทษสักเท่าไหร่ ผมอยู่ในห้องแต่งตัวและพยายามวิเคราะห์ว่าผมทำอะไรผิดไป ผมคงยิงเร็วเกินไปน่ะ ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนั้นคุณต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ผมไม่มั่นคงและก็ไม่มีสมาธิมากพอ ผมคิดว่าอาร์เซนอลดูจะยึดติดกับยูไนเต็ดและผมเอาซะสุดๆในช่วงเวลานั้น"

"ผมไม่เคยไปยุ่งกับพวกเขาอย่างที่พวกเขามายุ่งกับผม มันมักจะมีประเด็นต่างๆและข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ อย่างไรก็ตามยามอยู่ในสนามปกติผมจะพยายามทำตัวให้นิ่ง ผมไม่เคยมีปัญหากับพวกเขา ผมคิดถึงความเป็นอริแบบนั้นนะ"

เหตุการณ์ในปี 2003


12 เดือนถัดมาอาร์เซนอลโดนแมนฯ ยูไนเต็ดหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 49 นัดและรุด ฟาน นิสเตอรอยยิงจุดโทษแก้ตัวได้สำเร็จ

เสียดายมาก แต่สุดท้ายทีมที่มาหยุดสถิติก็เป็นแมนยู

ผมฮา ท่ากางเขน นรกของ คีโอว์น มาก......555+++........

นิ่งกว่าช่างกลปืนโตเยอะ

จังหวะนั้นเหมือนเข้ามาข่มขวัญมากกว่านึกว่าโดนกินหัวซะแล้ว

เป็นสมัยนี้นะ คงโดนแบนแทบทั้งทีม

ท่าทางจะอึดอัดมาก นักเตะน่อล ตอนนั้น ผ่านมาไวมาก 12 ปีเเระ เวงเกอร์ยังดูไม่ค่อยเเก่เท่าตอนนี้เลย

12 ปีแหละ

ถ้าจำไม่ผิด จุดโทษที่ได้มันก้ำกึ่งด้วย ทำให้นักเตะปืนยิ่งสะใจกันไปใหญ่

สมัยนั้นก็โดนคนล่ะหลายนัดอยู่น่ะ

ยุคนั้นยังกะดูสงคราม...

ยุคก่อนนี่จะต่อยกันตาย ทั้งป๋าทั้งเจ๊

พอมายุคหลังขนาดนัดที่ถล่ม 8-2 แม้แต่ป๋าเองเห็นใจไม่ทับถมเลย

นอกจากเรื่องฟานเพอร์ซี่แล้วไม่ค่อยมีเรื่องบาดหมางกันแล้วนะ สองทีมนี้

เหมือนผ่านมาแว๊บๆ

นี้สินะ ที่เรียกกันว่า

แค้นนี้ต้องชำระ...1 ปี หรือ 10 ปี ก็ไม่สายเกินไป 555

คู่นี้สมัยก่อนเจอกันทีไร มันส์กว่าแดงเดือดอีก ที่สุดของอังกฤษล้วตอนนั้น

ในรูปเหมือนจะกินหัว ให้ได้เลย

เสียดายดูไม่ทัน สมัยนั้นดูอารมณ์มันดุเดือดกว่ามัยนี้อีกนะเนี่ย

หยุดสถิติไร้พ่ายได้ สะใจจริงๆ

สมัยนั้นโคตรฮาดคอ อารมณ์เกมมาเต็มจริง เดือดสุดของลีคเลย

กลับมาสมัยนี้ ฟิลโคตรต่าง

อาเซน่อล ฉายาช่างกลปืนโตอะครับ

ถ้าใครทันจะรู้ว่าแมนยูหยุดสถิติไร้พ่ายด้วยอะไร

สมัยนั้นนักเตะน่อลแต่ละคนโคตรโหด

หมายถึงโหดจริงๆนะ

ใช่นัดนี้ป่าวหว่า ไม่แน่ใจ

ชัดเจนฮ่ะ หลายปัจจัยตามความจริงที่เห็น แต่ในนี้อ่อนไหว พูดไม่ได้ เด็กรุ่นใหม่มันรับไม่ได้เดี๋ยวไม่แมน

ช่วงเวลานั้น ผมว่า ปืนโคตรเกลียดกันกะผีแดงเลยนะ เกลียดกันยิ่งกว่า แดงเดือดอีก

รุดเข้าบอลน่าโดนถีบจริงๆนะ

อาเซนอลกับแมนยูเจอกันยุค รอยคีน กับ วิเอร่า นี่มันกว่าแดงเดือดแน่นอน เพราะการันตรีความมัน แต่หลังๆเค้ายอมรับซึ่งกันและกันเลยไม่เดือดมาก ช่วงแรกๆมันสุดๆ

แต่กุผีกับน่อลนี่เดือดตลอด แทบจะตีกันตาย เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นและ ไม่มันเลย 5555

วันนั้นคือแบบ โกดมาก คิดว่าแบบ รุด พี่จะยิงแรงขนาดนั้นทำไม ยิงเล่นทางดีๆก้ชนะแล้ว

โครตเซ็งเลย เกมโครตเดือดแถมนัดสำคัญแทนที่จะชนะ สุดท้ายอาเซน่อลก้สร้างตำนานไร้พ่ายจนได้

พอรุดยิงไม่เข้า แล้วคีโอวน์มาทับถมนี่ คิดเลยว่าแม่งต้องโดนแบบนั้นแน่ๆ

ดูกี่รอบก็ยังรู้สึกว่าอาการคีโอนที่แสดงออกมาเรียกได้ว่าถ่อยเลยล่ะ กระโดดเหมือนจะฟาดไหล่เฮียรุดหน่อย ๆ ตะโกนใส่หน้าอีก

คนอื่น ๆ วิ่งเข้ามารุมผลักด้วย แทนที่จะห้ามกัน แต่ไงยุคนั้นก็เป็นยุคที่ดูสนุกสุดล่ะ ไม่เหมือนตอนนี้เลย

ยุคนั้นอาเซน่อลแข็งแกร่ง แล้วก็ตามสไตล์แมนยูสมัยนั้นคือเข้าหนักเพื่อหยุดนักเตะอาเซน่อล ที่เกมมันดราม่าคือกรรมการเหี้ยมเกินไปเห็นจะๆแต่ไม่ลงโทษนักเตะแมนยูตามสมควร แถมพฤติกรรมนักเตะแมนยูบางรายก็ทำให้เกิดจังหวะปัญหาที่กรรมการตามไม่ทันและตัดสินผิดพลาด ผลมันก็เลยเกิดอย่างที่เห็นคือเกมมันเดือดและนักเตะอาเซน่อลบางรายก็แสดงพฤติกรรมตอบโต้ที่ไม่เหมาะสมจริง

ไม่อยากจะเถียงอะไรกันมากเรื่องมันผ่านไปแล้ว และผมก็ภูมิใจกับนักเตะอาเซน่อลชุดนั้นมากนะ ผมว่าแฟนแมนยูเองก็ภูมิใจในทีมของตัวเองเหมือนกัน แต่สิ่งที่แฟนบอลอย่างเราควรจะเห็นพ้องต้องกันคือฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่ไม่ควรมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกินกว่าเหตุในสนามและเกมมันควรจะดำเนินไปในแบบแฟร์เพลย์ด้วย

เกมที่สู้กันด้วยแทคติก+พละกำลังและเทคนิคการเล่นที่สวยงามผมว่ามันจะดูสนุกกว่านะ

คิดถึงรูนีย์สมัยนั้นจิงๆ เปลี่ยนตัวกะตอนนี้ได้มะ

โคตรคิดถึงพี่รุดเลย ถ้าตอนนี้มีหน้าคม ๆ แบบพี่รุดนะ เชื่อว่าอ้วนกัลคงโดนคนด่าน้อยกว่านี้

ปล. จำได้ว่าปีต่อมาที่รุดมันยิงจุดโทษนัดเจอน่อลเข้า มันทำท่าดีใจซะหยั่งกะได้แชมป์โลก ฮ่า ๆ โอเว่อร์มาก นัดนั้นนั่งดูอยู่นี่ฮาสุด ๆ

มันมีเหตุและผลครัช มันหลายช็อตมากๆด้วย

วิเอร่าโดนแดงอีก

นี่แหละความมันส์ของฟุตบอล แต่ละคนไม่มีหน่อมแน้ม ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

สุดท้ายนัดที่ 50 เค้ากลับมานึกถึงเราแทนนะ อย่าคิดมาก

นึกถึงตอน น่อลเจอ ผี สมัยนั่นจริง

มันส์ มาก เป็นอะไรที่มากกว่า ฟุตบอลจริง ๆ

ปืนเถื่อนมาก เก่ง ดุ

ตอนนั้นแฟนทีมนี้สะใจกันใหญ่
แต่พอมีคนมาสไลด์ขาคู่หน้ากองเชียร์ตัวเองทำดิ้น

คีโอน น่าโดนจริงๆ แม่ง สับแขนใส่ซะ

นั่นแหละครับที่ทำให้มีคำพูดที่ว่า It's United stop unbeated Arsenal. It's mike.

ยุคนั้นอาน่อลโคตรเถื่อนอ่ะ

แต่สมัยนี้ดิอย่างกะนายแบบกันแต่ละคน

12 ปีแล้วหรอ

รู้สึกตัวเองแก่หวะ

หลังจากแพ้ผีก็เป๋ยาวเลยนะครับ นัดเจอผีปืนไม่ได้เล่นดีกว่าด้วย

จำได้ว่าพอยิงได้คืนแล้วแกก็ไปเยาะเย้ยคืน ผมดูนัดนั้นอยู่ โคตรตลกเลย 55

เสียดายสถิติไร้พ่าย ต้องมาเจอรูนี่ย์พุ่งล้ม