กองหลังไทยมีปัญหา หรือเป็นเเค่เเพะ(บทความสั้นๆพร้อมภาพประกอบ)
ผ่านไปแล้วห้านัดสำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ทีมชาติไทยของเราสร้างความ
ประทับใจให้เหล่าแฟนบอลได้มีความสุขล้นท่วมหัวใจกับผลงาน ชนะไปถึงสี่เกม ยังไม่แพ้ใคร
เป็นทีมนำ โอกาสเข้าไปเล่นรอบ12ทีมสุดท้าย และเอเชียนคัพ ถ้วยใบสำคัญของชาวเอเชียนั้น
ถือว่าสดใส ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อชายที่ชื่อซิโก้เข้ามาจับทีมชาติปุ๊บก็นำพาความสำเร็จกลับมาสู่
ชาวไทยเรื่อยๆจนถูกยกให้เป็นฮีโร่ตัวจริงของวงการฟุตบอลทีมชาติไทย แต่เมื่อมีฮีโร่ในหนัง
เรื่องนี้แน่นอนก็ต้องมีคนที่ถูกบ่นตามมาเป็นของคู่กัน จากการเสียประตูให้ทั้งอิรัก และ ไต้หวัน
ทีมที่ต่ำชั้นกว่าไปถึงสองประตูสร้างความสงสัยในหมู่แฟนบอล
ว่าแท้จริงแล้ว ผู้เล่นเกมรับของเรามาตรฐานแย่จริงหรือเป็นที่ระบบ
เราจะลองมาไล่เรียงวิธีการเล่นของทีมชาติไทยชุดใหญ่ว่ามีวิธีการขึ้นเกม เข้าทำ ตั้งรับแบบ
ไหนกันบ้าง
ก่อนจะพูดเรื่องแย่ๆเรามาพูดถึงเรื่องดีกันก่อนนะครับ
ทีมของพี่ซิโก้ มีเกมรุกที่น่ากลัวมากซัดไปถึง12ลูกหลังผ่านไปห้านัดใน12ประตูที่ได้ น่าดีใจ
ที่คนทำประตูได้หลากหลายมาก ไม่พึ่งพาคนใดคนหนึ่งซึ่งถือเป็นจุดเด่นอีกข้อของทีมชุดนี้
นะครับ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา ธีรธร บุญมาทัน มงคล ทศไกร ปกเกล้า อนันต์
เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
การเล่นบอลสั้นดูเหมือนเป็นจุดเด่นของทีมชุดนี้ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเล่นที่แฟนบอลที่ติดตาม
ฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนานเรียกร้องให้มีการเล่นในรูปแบบนี้ซึ่งพี่โก้ก็เหมือนจะเข้ามาเติม
เต็มความฝันเหล่านี้ ด้วยเกมการเล่นที่ไหลลื่นดูสนุก มการยิงไกลที่ถือได้ว่าโดดเด่น ทั้งเจ้า
เจ หรือ ปกเกล้า ที่ถือว่าอันตรายมาก บวกกับปีกตัวจริงทั้งสองข้าง ทั้งในรายของ เจ้าก้อง
เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และมงคล ทศไกร ที่มีจุดเด่นในเรื่องการหาพื้นที่ ด้วยการวิ่งตัวเปล่า
หุบเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วใช้การเติมเกมในพื้นที่ริมเส้นด้วยแบคอย่างธีรธร โด หรือ
เจ้าต้นแทน ซึ่งทั้งหมดเป็นแบ็คที่โดดเด่นเรื่องเกมรุก แล้วหลายครั้งก็ได้ผลเป็นอย่างดี
ต้องขอบคุณความฟิตที่ต้องเล่นวิงเเบ็คในทีมบุรีรัมย์ เเละเลือดนักสู้ในตัวโด ช่วยให้ผลงานในเกมรับในนามทีมชาติของทั้งสามคนพอถูไถเมื่อเทียบกับเกมรุกที่เป็นจุดเด่น
ที่พูดมามีแต่เรื่องน่าชื่นชมแล้วทีมชาติไทยมีปัญหาตรงส่วนไหน??
ผมเริ่มเห็นช่องว่างตั้งแต่เกมกับ อีรักที่เราเสมอ2ประตูต่อ2 และล่าสุดในเกมกับไต้หวัน ทีม
ที่ไม่ว่าจะศักยภาพด้านไหนก็ไม่น่าจะกินไทยได้ลง แต่สามารถยิงประตูทีมชาติไทยไปได้
ถึง2ประตู ทำเอากองเชียร์ไทยลุ้นกันสุดตัว เป็นเรื่องน่าคิดว่าถ้าเราสามารถทะลุไปถึง
รอบ12ทีมสุดท้ายได้ คู่แข่งที่เราต้องเจอจะไม่ใช่ทีมระดับไต้หวัน หรือ เวียดนามอีกต่อไป
แต่จะกลายเป็นเหล่ามหายักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลเอเชีย ที่อยู่ในระดับเดียวหรือสูงกว่าอิ
รัก ลองมาจุดอ่อนของทีมชาติไทยกันนะครับ
เรามาเริ่มดูจากแผนการเล่นร่วมๆดูนะครับ ในบอลโลกหนนี้ทีมชาติไทยมักจะระบบการเล่น
4-2-3-1 ซึ่งถือได้ว่าเป็นแทคติกประจำของทีมชาติไทยยุคนี้ ด้วยธรรมชาติของปีกสองข้าง
ชอบหุบเข้าไปหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษ ทำให้แบ็คทั้งซ้ายขวาต้องลอยสูงขึ้นไปเล่นเกมรุก
จากพื่นที่เเละการใช้เเบ็คทั้งสองข้างบุก ปีกซ้ายขวาที่หุบเข้าด้านในเพิ่มผู้เล่นในเกมรุก
ให้เรามีมากขึ้น หลายครั้งจะเห็นได้ว่าการเเก้เกมของพี่โก้โดยการส่งธนา หรือ สราวุธ มาสุข
ที่ค่อนข้างจะชื่นชอบการเล่นเกมทางด้านข้างติดริมเส้นมากกว่าพี่เย็น เเละก้อง มักจะเป็นการเเก้เกมที่ได้ผลเสมอโดยอาศัยพื้นที่ว่างตรงนั้นเเทนการหบเข้าไปข้างใน
ก็ดูจะเป็นเกมรุกที่ประสิทธิภาพสูงเเล้วเป็นข้อเสียอย่างไร??
เราต้องไม่ลืมว่าจุดสำคัญคือเเบ็คสองข้างเราลอยขึ้นไปเติมเกมรุกจนสุดเส้น ปีกสองข้างหุบ
เข้าไปในกรอบเขตโทษถ้าพลาดเสียบอลให้คู่เเข่งที่เหนือชั้นกว่า
เเน่นอนจะมีพื้นที่ว่างริมเส้นเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในทีมระดับโลกอย่างบาเซโลน่า ในยุคหนึ่งเราจะเห็นได้ว่า ทีมอย่างบาซ่าเลือกใช้เอริค อบิดัล ยืนเป็นเเบ็คซ้าย เพื่อให้เเดนเนียล อัลเวส เติมเกมรุกได้อย่างอิสระ เมื่อต้องพลาด
ท่าโดนสวนกลับเร็ว อบิดัลจะเป็นตัวที่คอยหุบเข้ามาเพื่อรักษาสมดุลในเกมรับไว้
เเต่ถ้าคู่เเข่งต่ำชั้นกว่าจะอัดจอมบุกเข้าไปทั้งสองข้างก็ไม่เสียหาย
มาดูที่เเผงกองกลางกันบ้าง
กองกลางสามคนที่ใช้เป็นประจำอย่าง สารัช ปกเกล้า สรรวัฒน์ มีถึงสองคนที่มักจะลอยขึ้น
สูงชอบที่จะเล่นเกมรุกโดยธรรมชาติ นั่นเท่ากับว่าทีมไทยถ้าโดนโต้กลับจะเหลือผู้เล่นในรับ
เพียงแค่ สารัชกับคู่กองหลังแค่สองคน
หมายความว่าแผนนี้ จาก11ผู้เล่น มีคนลงสนามมา
เพื่อรับบทบาทเกมรับเพียงแค่สี่คนเท่านั้น คือสองคู่หลัง ผู้รักษาประตู กับสารัช (คิดสภาพเจอเกาหลี ญี่ปุ่น ดวลกัน1-1ก็ยังเหนื่อยเลยครับ)
เกมตรงกลางทิ้งไว้ให้เป็นภาระของสารัชมาเกินไปจน over load การขาดหายไปของ
ชาริล ชัปปุย หรือการไม่เลือกใช้ ธิติพันธ์ พ่วงจัน ที่ดูจะมีมิติเกมรับที่ดีกว่าทั้งปกเกล้า
เเละ สรรวัฒน์ ทำให้บทบาทตรงกลางสนามหน้าเเผงกองหลังตกไปเป็นภาระหนักอย่าง
สารัชที่ไม่ใช่ตัวรับธรรมชาติ
การเล่นที่ยืดหยุ่นรุกได้รับได้ตามสไตล์กองกลางเเบบยุโรปของทั้งคู่ ช่วยสร้างความสมดุลให้ทีมชาติไทยทั้งในเอเชี่ยนเกมส์ เเละ เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพหรืออาจจะเลือกดันเจ้าตั้มมาค่อยเก็บกวาดเเล้วเลื่อนสารัชขึ้นไปสูงขึ้นก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
เราต้องไม่ลืมว่าสารัชไม่ใช่โกซุนกิ หรือ ยาย่า ตูเร่ ที่เป็นประเภทbox to box ที่จะสามารถเเบกพื้นที่ว่างตรงกลางสนามที่ใหญ่ขนาดนั้นเพียงคนเดียวได้
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าสิ่งที่พี่โก้กำลังทำ นักฟุตบอลในสนามกำลังทำ มันเริ่มทำให้เหล่าเเฟนบอลตาดำๆมีความหวัง ทีมเริ่มมีทรง มีระบบที่ดี พวกเราก็เป็นกำลังใจให้ทั้งนักบอล
ทั้งทีมงานสู้ๆนะครับ กองเชียร์ก็อย่าไปคอยหาเเพะเลยฟุตบอลเขาเล่นกันเป็นทีมเป็นระบบ
ถ้าจำนวนประตูมันเเพ้มันก็คืนเเพ้พร้อมกันทั้งทีมทั้งประเทศ ยังไงก็สู้ครับฟุตบอลไทย
ปล.เห็นต่างมีข้อติดชมใส่ได้เลยเต็มที่ครับ ผมอยากเห็นความคิดเห็นของเพื่อนๆทุกคนครับไม่ต้องเกรงใจ มาช่วยกันเชียร์บอลไทยกันครับ