[แนะนำซีรี่ส์] ดราม่าญี่ปุ่น Part 1
รอบนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จากครั้งที่แล้วที่ผมแนะนำซีรี่ส์ใหม่ของฝั่งยุโรปและอเมริกาไป แล้ว ครั้งนี้เลยมาแนะนำซีรี่ส์จากญี่ปุ่นแทน
ส่วนทำไมถึงไม่แนะนำซีรี่ส์ใหม่เหมือนเดิม?
โดยส่วนตัวแล้วจริงอยู่ที่คุณภาพของซีรี่ส์ญี่ปุ่นมีมากพอๆกับฝั่งตะวันตก แต่ผมแบ่งซีรี่ส์พวกนี้ออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
1.
ซีรี่ส์ทั่วๆไป คุณภาพดีคงที่ แต่ไม่หวือหวา เรียกว่าพอดูได้
2. ซีรี่ส์นักแสดง คุณภาพค่อนข้างจับฉ่าย เน้นขายนักแสดงให้พ่อยกแม่ยกดูเป็นหลัก
3.
ซีรี่ส์ม้ามืด คุณภาพเพียงพอจะขึ้นระดับท็อป และทำให้คุณนั่งดูมันได้รวดเดียวจนจบ
สิ่งที่ซีรี่ส์ญี่ปุ่นต่างจากฝั่งตะวันตกสำคัญๆคือ ซีรี่ส์ญี่ปุ่น จะดีจะแย่ มักจะมีแค่ซีซั่นเดียว(9-20 ตอน)จบ ส่วนน้อยที่จะมีภาคต่อ และส่วนที่มีภาคต่อก็ใช่ว่าจะดี จึงพูดได้ว่าซีรี่ส์ทั้งใหม่และเก่าของญี่ปุ่น มักจะจัดอยู่ในหมวดที่ 1 และ 2 เป็นส่วนใหญ่
ฉะนั้นในกระทู้นี้และในพาร์ทต่อๆไป เพื่อให้ท่านไม่เสียเวลาและไม่ชิงตัดสินซีรี่ส์ของฝั่งญี่ปุ่นผิดๆไป จึงจะขอยกมาแค่ซีรี่ส์ประเภทที่ 1 และ 3 ที่ควรค่าแก่การดูเท่านั้น เพื่อคอซีรี่ส์ฝั่งตะวันตกที่อยากเปิดมุมมองใหม่ คนที่ไม่มีอะไรจะดูในปัจจุบัน และคนที่เจอกับซีรี่ส์ญี่ปุ่นประเภทที่ 2 เข้าไปจนเอียนครับ
เนื่องจากซีรี่ส์ญี่ปุ่นมักจะแบ่งย่อยได้อีกหลายประเภท part แรกจะขอแนะนำซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่เน้นความสนุกสนาน เฮฮา ครื้นเครงเป็นหลักครับ
1.
Legal High [ เรียงลำดับ Legal High > Legal High Special > Legal High 2 > Legal High Special 2 ]
ถ้าจะให้สรุปในประโยคเดียว ก็ต้องบอกว่าซีรี่ส์นี้เป็นซีรี่ส์ที่เปลี่ยนโฉมของคำว่าตลกในวงการโทรทัศน์ญี่ปุ่น
Legal High คือการจับประเด็นเครียดๆในแวดวงกฏหมาย มาทำให้ตลกอย่างแยบยล และฉีกกรอบความเป็นดราม่าญี่ปุ่น ที่มักจะมีมุมมืดของมนุษย์ ความรัก ความภัคดี มาเปลี่ยนให้มันไร้แก่นสารได้จนทรยศต่อความคาดหวังในทุกๆครั้งที่คุณมองเห็นสาระตลอดการรับชมซีรี่ส์เรื่องนี้
จึงทำให้ข้อเสียเรื่องเดียวของเรื่องนี้คือการที่มันจะทำให้คุณผิดหวังกับความตลกของเรื่องอื่นๆในยามที่คุณดูจบ และเป็นเรื่องที่ผมจะแนะนำให้ทุกคนที่อยากเริ่มต้นกับซีรี่ส์ญี่ปุ่น หรืออยากรับชมซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่ไร้ดราม่า เพราะ Legal Hight คือซีรี่ส์ตลกจนกู่ไม่กลับแต่ดันมีสาระหนักๆแฝงอยู่ครับ
2.
Gomenne Seishun!
Gommene Seishun คือซีรี่ส์ตลกดราม่าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเนื่องจากช่วงเวลาการฉายที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
แต่ผมรับประกันได้ว่า GS เป็นเหมือนตัวแทนของซีรี่ส์ตลกดราม่าในม่านการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น ที่แสดงความขัดแย้งของผู้ให้การศึกษาและการต่อสู้กับตัวตนของนักศึกษาออกมาให้เห็นอย่างครบถ้วน และเป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในด้านความนิยม แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในเรื่องที่ตัวซีรี่ส์ต้องการจะสื่อออกมาครับ
3.
Densha Otoko
Densha Otoko คือหนึ่งในตัวอย่างของซีรี่ส์เก่า แต่เนื้อหายังคงเข้าถึงได้โดยคนรุ่นใหม่ๆ ด้วยความน่าสนใจของตัวละครในเรื่อง ดราม่าที่เข้าใจง่าย และการแบไต๋สองสังคมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่กลับโคจรมาใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างลงตัว
วุ่นรักหนุ่มรถไฟคือหนึ่งในซีรี่ส์ญี่ปุ่นขึ้นหิ้ง และเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยทุกอารมณ์ที่พร้อมจะสัมผัสกับซีรี่ส์โรแมนซ์คอมเมดี้ดีๆซักเรื่องนึงครับ
4.
My Boss My Hero
อีกหนึ่งซีรี่ส์ตลกในแวดวงการศึกษา กับชื่อที่หลายๆคนคุ้นเคย ซีรี่ส์ที่มีอายุเกือบ 10 ปีนี้เป็นเรื่องราวของพุดดิ้ง... ขออภัยครับ เป็นเรื่องของนายน้อยยากูซ่าสมองทึบที่ต้องจบการศึกษาเพื่อมาสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแกงค์คนใหม่ในตอนที่มีอายุ 27 ปี
สิ่งที่ท่านจะได้จากซีรี่ส์นี้ก็คือพุดดิ้ง การเติบโตของตัวละคร ความสนุกสนานในรั้วโรงเรียน และการสื่อความรู้สึกที่เป็นจุดเด่นของซีรี่ส์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ผสมกับความโปกฮาสไตล์ดั้งเดิมที่คุณได้สัมผัสมาแล้วในเวอร์ชั่นอื่นๆของแบรนด์ My Boss ครับ
5.
Amachan
Amachan คือหนึ่งในปรากฏการณ์ของวงการละครญี่ปุ่น ละครเช้าตอนละประมาณ 15 นาที เรื่องนี้ฉายอาทิตย์ละ 6 ตอน กินเวลา 23 สัปดาห์ รวมทั้งสิ้น 157 ตอน (156 ตอน + 1 ตอนพิเศษ)
สิ่งพิเศษของละครเรื่องนี้คือการสื่อบรรยากาศที่หลายคนชื่นชอบเกี่ยวกับชนบทญี่ปุ่นออกมา ผ่อนคลาย สงบ รื่นเริง และแฝงมันลงไปด้วยดราม่าหนักๆที่มาแบบตั้งตัวไม่ติด แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกตอนของ Amachan นำเสนอออกมาได้ตลอดเส้นทางของมันคือการที่ทำให้คนดูคิดแค่ว่า ขอดูอีกหนึ่งตอน... จนกระทั่งครบทั้ง 156 ตอน
6.
Nobunaga Concerto
Nobunaga Concerto คือหลักฐานของความสำเร็จในการแปลงการ์ตูนมาเป็นฉบับคนแสดงจริง
NC คือซีรี่ส์ตลกที่เล่นกับประวัติศาสตร์ในมุมมองคล้ายคลึงกับเจาะเวลาหาจิ๋นซี ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูละครเชิงประวัติศาสตร์ ที่มีดราม่าแฝงอยู่กับความฮาในทุกๆตอนอย่างเพลินๆ
7.
Tamiou
ปิดท้ายกับซีรี่ส์ตลกที่เล่นกับเรื่องสลับร่างได้อย่างลงตัวไร้รอยต่อ เรื่องราวของคุณพ่อนายกรัฐมนตรีใหม่ๆหมาดๆที่ต้องมาสลับร่างกับลูกชายไร้สมองอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งทำให้เรื่องป่วนๆวุ่นๆเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของทั้งสองคน
หนึ่งในเรื่องที่ซีรี่ส์ญี่ปุ่นมักจะทำออกมาได้ดีคือซีรี่ส์ที่เจาะลึกลงไปกับอาชีพใดอาชีพหนึ่งและ Tamiou คือการเจาะลึกในวงการการเมือง ทั้งด้านมืดและด้านที่มันควรจะเป็น โดยที่เล่าให้มันกลายเป็นเรื่องตลกเสียดสีสังคมที่ทำได้ดีในระดับหนึ่งแทน
ขอจบไว้ที่ 7 เรื่องก่อนใน part 1 นี้ แล้วอาทิตย์หน้าก็จะเป็นการแนะนำซีรี่ส์แนวอื่นนอกเหนือจากตลกโรแมนซ์ในพาร์ทนี้ครับ