8 เหตุผลที่ทำให้ร็อดเจอร์สต้องเก็บกระเป๋าออกจากหงส์แดง (เป็ดน้อยกลอยใจ)
คงเป็นข่าวร้ายสุดๆสำหรับบรรดากองแช่งทั่วโลกที่แคมเปญ #SaveRodgers ต้องเดินมาถึงสุดทาง จากการที่ ลิเวอร์พูล ออกมาประกาศปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากการเป็นผจก.ทีมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะที่ เดอะค็อป ทั้งหลายคงต่างพากันโล่งใจเมื่อได้ทราบข่าวใหญ่นี้ แต่เชื่อว่าคงมีแฟนๆบางคนที่อาจรู้สึกเสียดายเมื่อนึกถึงผลงานของเขาที่เคยพา หงส์แดง จ่อจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาเมื่อราวกลางปีที่แล้ว และอะไรที่เป็นจุดพลิกผันชะตาชีวิตให้กับอดีตกุนซือหมาดๆของทีมคนนี้
1. การขุดบ่อในแนวรับ
ส่วนผสมอันลงตัวของ หลุยส์ ซัวเรซ, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น่าจะเป็นกองกำลังในแนวรุกชุดที่ดูดีที่สุดของทีมนับตั้งแต่ผ่านเข้ามาในยุคของ พรีเมียร์ลีก แต่ปัญหาที่คอยฉุดแข้งฉุดขาทีมเอาไว้คือการที่เสียประตูง่ายเกินไป และลืมโมเมนต์ลื่นล้มของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในเกมส์กับ เชลซี ไปเสีย เพราะสาเหตุที่ทำให้พวกเขาพลาดแชมป์ไปในปีนั้นจริงๆคือปัญหาในแนวรับที่แสดงออกมาให้เห็นอยู่ตลอด
เนื่องจาก มาร์ติน สเคอร์เทล ที่คงไม่ดีไปกว่านี้แล้ว, โคโล่ ตูเร่ ก็อยู่ในช่วงขาลง และ มามาดู ซาโก้ ก็ยังปรับตัวไม่ได้เต็มที่ แต่ ร็อดเจอร์ส กลับเลือกที่จะมองข้าม แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่ยังมีประโยชน์ต่อทีมอยู่ โดยถึงแม้ หงส์แดง จะจบซีซั่น 2013/14 ด้วยการตะบันไปถึง 101 ประตู แต่การเสียไปถึง 50 ประตูจากการลงสนาม 38 เกมส์มันก็เยอะเกินไป
และนี่ก็น่าจะเป็นปัญหาจากการที่เขามองข้ามที่จะสรรหาทีมงานในส่วนของ โค้ชเกมส์รับ เข้ามา จนส่งผลให้ในฤดูกาลนั้นทีมทำแต้มตกหล่นจากการพลาดง่ายๆในเกมส์ที่พบกับ แอสตัน วิลล่า, นิวคาสเซิ่ล และ เวสต์บรอมวิช ซึ่งเป็นปัญหาที่ผจก.ทีมคนใหม่ต้องรีบสะสาง
2. การจากไปของคิงหลุยส์
นี่คือการขายนักเตะฝีเท้าระดับเวิลด์คลาสที่เปี่ยมไปด้วยความสม่ำเสมอ และความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อทีม แต่จากผลตอบแทนที่ได้รับถึง 75 ล้านปอนด์ เขากลับไม่สามารถใช้มันในการสรรหาผู้เล่นที่เข้ามาทดแทนได้ดีพอ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ทีมของ ร็อดเจอร์ส ด้อยประสิทธิภาพในเกมส์รุกลงไปอย่างเห็นได้ชัด และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึง สเตอร์ลิ่ง ที่ต้องถูกยัดเยียดให้เป็นคนแบกรับภาระอันหนักอึ้งแทนที่ หัวหอกชาวอุรุกวัย ทั้งๆที่อายุยังไม่เต็ม 20 ดี
3. หายนะในตลาดนักเตะปี 2014
อันที่จริง ลิเวอร์พูล พยายามที่จะดึงนักเตะดังอย่าง อเล็กซิส ซานเชส และ เซอร์ดาน ชากิรี่ เข้ามาแทนที่การจากไปของ ซัวเรซ ซึ่งก็พลาดไปทั้งหมด แต่สิ่งที่ผิดพลาดมากไปกว่านั้นคือการดึงตัวนักเตะราคาแพงหลายคนเข้ามาอย่างไร้ประโยชน์ พวกเขาเลือกปฏิเสธที่จะสู้ค่าเหนื่อยกับ วิลเฟร็ด โบนี่ โดยหันไปคว้าตัว มาริโอ บาโลเตลลี่ เข้ามาแทน
ถึงแม้ค่าตัว 16 ล้านปอนด์ของ หัวหอกจอมเกรียน จะเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า แต่การจะคาดหวังอะไรกับนักเตะประเภทนี้ก็เหมือนกับการซื้อหวยดีๆนี่เอง ซึ่งหากยอมกัดฟันสู้ราคากับ โบนี่ ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากกว่า ในขณะที่การดึงตัว อดัม ลัลลาน่า ที่ยังดูมีทรงบอลที่วูบวาบเข้ามาก็เป็นอะไรที่พอเข้าใจได้ หรือ เอ็มเร่ ชาน และ อัลแบร์โต โมเรโน่ ก็ยังพอดูมีอนาคต แต่ในการหว่านเงินลงไปกับ เดยัน ลอฟเรน, ลาซาร์ มาร์โควิช และ ดิว็อค โอริกี้ ยังดูเป็นอะไรที่มืดมนมาก
4. การพลาดคว้าตัว บัลเดส
บิคตอร์ บัลเดส ที่ยังเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์อยู่ในเวลานั้น ดูจะเป็นคนที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการกดดันแย่งชิงตำแหน่งกับ ซิมง มิโญเล่ต์ ที่มักจะโชว์ฟอร์มลุ่มๆดอนๆอยู่เป็นประจำ แต่จากการที่จู่ๆ อดีตนายทวารชุดแชมป์โลก กลับลำยอมเซ็นต์สัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อไปเป็นผู้เล่นแบ็คอัพให้กับ ดาบิด เด เคอา ก็สะท้อนให้เห็นถึงเครื่องหมายคำถามในการตัดสินใจเรื่องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในทีมของ ร็อดเจอร์ส
5. การขาดหายไปของ สเตอร์ริดจ์
ดาวยิงจอมเซิ้ง เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีจังหวะจบสกอร์เฉียดขาดที่สุดในวงการฟุตบอลปัจจุบัน และในยามที่ฟิตเต็มที่ เขาก็มีความสำคัญต่อทีมแทบจะเทียบเท่ากับ ซัวเรซ อันที่จริง บีร็อด มีระบบการเล่นที่น่าจะประคองตัวได้ดีกว่านี้ในวันที่ หัวหอกเขี้ยวคม เดินจากไป แต่จากการที่ต้องปราศจากศูนย์หน้าตัวหลักไปทั้งคู่นั้นเลยทำให้ทีมไปต่อไม่เป็น และส่วนหนึ่งก็ต้องโทษตัวเขาเองด้วยที่เสริมผู้เล่นแนวรุกเข้ามาได้ไม่เข้ากับระบบที่เคยทำให้ทีมเดินหน้าได้อย่างน่าเกรงขาม
6. มหากาพย์สุดยี้ของ สเตอร์ลิ่ง
การประสบความล้มเหลวในการโน้มน้าวให้ สเตอร์ลิ่ง จรดปากกาต่อสัญญากับทีมออกไปทำให้ทีมด้อยประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนลงไปอีก จากการถูกประคบประหงมและปลุกปั้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากการเสริมแกร่งของทีมทำได้อย่างจะแจ้งกว่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เขาตัดสินใจฝากอนาคตไว้กับทีมต่อไป แต่จากความพังพินาศในตลาดนักเตะจึงส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ ก้าวเข้ามาฉกตัว ปีกอพอลโล่ ออกจากทีมไป ทั้งยังสร้างบรรยากาศขมุกขมัวภายในทีมตลอดระยะเวลาที่เจ้าตัวประกาศไม่ยอมต่อสัญญา
7. การตัดสินใจลอยแพ พี่เจิด
สิ่งที่หลายๆฝ่ายมองว่า กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ทำผิดพลาดมหันต์อย่างหนึ่งก็คือ การตัดสินใจปล่อยตัว เจอร์ราร์ด ออกจากทีมไป ถึงแม้สภาพของ กัปตันไดนาโม ในวันนี้จะห่างไกลจากจุดพีคที่เคยเป็นอยู่ไม่ใช่น้อย แต่การที่เขายังเป็นศูนย์รวมจิตใจและมีอิทธิพลต่อทั้งตัวนักเตะรุ่นน้องในทีมรวมถึงบรรดาแฟนๆทั้งหลาย ทำให้การมี เจิด อยู่ในทีมต่อไปยังน่าจะส่งผลดีกว่าในภาพรวม
8. FSG หมดใจ
กลุ่ม เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป คงรู้สึกผิดหวังกับผลงานของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นที่ผ่านมา หลังจากที่อุตส่าห์กลับเข้าร่วมวงในรายการ ถ้วยยุโรปใบใหญ่ ที่ร้างลาไปนานอีกครั้ง แต่กลับไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบน็อคเอาท์ รวมถึงการจบฤดูกาลที่ไม่สามารถคว้าตำแหน่งท็อปโฟร์เอาไว้ได้
ใครๆต่างก็คิดว่า ร็อดเจอร์ส จะไม่ได้ไปต่อหลังจากที่พาทีมออกไปพ่ายเละเทะในนัดส่งท้ายกับ สโต๊ค ซิตี้ ถึง 6-1 แต่ทั้ง จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของทีม และ ทอม เวอร์เนอร์ ประธานสโมสร กลับเลือกที่จะมอบโอกาสให้เขาต่อไป แต่หลังจากทีมยอมทุ่มเงินก้อนโตในช่วงซัมเมอร์ไปกับ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ 29 ล้านปอนด์ และ คริสเตียน เบนเทเก้ อีก 32.5 ล้านปอนด์ แต่ผลงานที่ผ่านมาคือ การแพ้คาบ้านต่อ เวสต์แฮม 3-0 และเกมส์ที่น่าจะทำให้ฟางเส้นสุดท้ายขาดผึงลงคงเป็นการผ่านเข้ารอบ 4 รายการ แคปิตอล วัน คัพ ที่เฉือนเอาชนะ คาร์ไลส์ ยูไนเต็ด ทีมจาก ลีกทู ในบ้านไปแบบที่ต้องลุ้นด้วยการดวลจุดโทษ
ที่มา http://banpolballs.com/?p=2271