คือก่อนอื่นหนังเรื่องนี้แรงจูงใจที่ทำให้ผมไปดูคือ มี 2 คนที่ผมชอบ มาลงเรือลำเดียวกัน คือ ปู่ ริดลี่ย์ สก๊อต กับ แมต เดม่อน ผมพอรู้สองคนนี้มา featuring กันก็ตัดสินไปเลยว่า ต้องดูให้ได้ ไม่ได้รู้ไกด์ไลน์อะไรของหนังก่อนไปดูเลยนะครับ รู้แค่ว่าเป็นหนังแนว ท่องอวกาศ ผมก่อนอืนเป็นชอบหนัง แนววิทยาศาสตร์ sci fi และหนังแนวสายลับจารชน ตามหาความจริง ลุ้นระทึก เสียวไส้ อะไรแบบนี้เป้นทุนเดิมอยู่แล้ว วันนี้ไปดู the martian ก็ไม่แน่ใจว่าคาดหวังอะไรในใจเยอะมากไปรึปล่าวเหมือนกันครับ คือตัวหนังเรื่องโปรดั๊คชั่น อุปกรณ์ในจาก มันอลังกาลสุด ๆ มันทำให้ผมเชื่อในตัวหนังจริง ๆได้ว่า เฮ้ยอันนี้น่ามีอยู่จริงน่าจะเป็นไปได้จริง ๆ ว่ะ เรื่องโปรดั๊คชั่น ผมให้ 100 เต็ม 100 เลยครับ ส่วนเนื้อหาในเรื่องและข้อคิดมันทำให้คนทั่ว ๆ ไปคิดเลยว่า การเกิดเป็นคนหนึ่งคนต้อง ต้องมีความหวัง ต้องสู้ ต้องขยันหาความรู้ ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไปสักอย่าง แล้วสิ่งเหล่านั้นจะมีประโยชน์กับเราไม่วันใดก็วันนึงจริง ๆ คืออันนี้ได้จากส่วนตอนที่พระเอกเริ่มคิดว่า กูจะไม่ยอมตายบนดาวอังคารนี้แน่ ๆ แล้วนะครับ ก็เริ่มคิดวิธีปลูกมันฝรั่งคิดวิธีหาน้ำ ฯลฯ อันนี้ข้อคิดหลัก ๆ ที่ผมได้จากเรื่องนี้ คือตัวเนื้อเรื่องในหนังเปิดประมาณ 10 นาทีแรกพระเอกโดนทิ้งไว้บนดาวอังคารคนเดียว แล้วแกก็เริ่มหาวิธีเอาตัวรอด ผมก็ว่า เอาแล้วเว้ย นี่มันคง cast away เวอร์ชั่นอวกาศ แล้วเว้ย แต่ผมก็ผิดหวังกับความเป็น ริดลี่ย์ สก๊อต นิดหน่อยนะครับ คือผมว่าปู่ทำเรื่องนี้เนื้อหาดูซอฟดูเบาไปนิดนึงครับ ผมคาดหวังจะได้เจออะไรลุ้นระทึกเสียวไส้มากกว่านี้ปกติหนังปู่นี่แม่งมักจะตายห่าหมดทั้งเรื่องหรือจะเหลือไว้คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอพระเอกเริ่มติดต่อมาที่ นาซ่า ได้เรื่องมันเรื่องมันก็เลยดูซอฟไป เอาละครับทีนี้มาถึง นาซ่าหาวิธีกลับไปช่วยพระเอกกลับมาโลกผมก็คาดหวังว่า ปู่ริดลีย์ จะเพิ่มความระทึกด้วยอุปสรรคที่จะช่วยพระเอกกลับมา แต่พอมีตัวละครลับอย่าง rich purnell ออกมา มันก็เลยทำเนื้อเรื่อง แฮปปี้ เอนดิ่ง ไปในที่สุด

ผมมองนะครับอันนี้ผิดถูกไม่แน่ใจ ผมมองว่า ปู่ริดลี่ย์ ทำหนังเรื่องนี้เหมือนจะโปรโมทนาซ่าเลยครับ คือในเรื่องเนี่ยมันฉากที่ จนท นาซ่า คุยกันจะหาทางช่วยพระเอกกลับแล้วมันมีส่วนที่พูดเกี่ยวกับ เราได้งบมาอย่างนั้นอย่างนี้ ผมดูจบก้มาคิดว่าเออหนังมันจะสื่อถึงกลุ่มทุนหาสปอนเซอร์มาให้นาซ่ารึปล่าววะ ทำหนังสักเรื่อง เรื่องทำให้น่าเชื่อคือเพื่อหางบวิจัยให้ นาซ่า ต่อไปมั้ง


โดยรวมผมให้ 7.8/10 ละกันครับ

คหตส.นะครับ

หนังสร้างจากหนังสือนิยายอีกทีครับ

6.5/10

แอบน่าเบื่อ

ถ้ามันเป็นเรื่องจริงนะ ถ้ามีคนปลูกอะไรขึ้นบนดาวอังคารนะ เตรียเลยครับ
เรามีการขนย้ายแน่ๆ แรกๆผมว่าคงเป้นตัวทดลองไปก่อนเลยแหละ 555

ผมเองกลับได้ข้อคิดมากมาย เช่น
- เก่ง เก๋า แค่ไหน ก็ยังต้องแพ้ให้เด็กยุคใหม่ๆที่ปราดเปรื่องกว่า บางเรื่องประสบการณ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ คือตอนที่หนุ่มนั่นคิดวิธีให้ยานไม่ต้องกลับโลก ใช้แรงเหวี่ยงจากแรงดึงดูด

- สติ สำคัญสุดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดีที่พระเอกเป็นนักพฤษศาสตร์ ถ้าเป็นนักอื่นๆคงตายห่าไปละ

- คนที่จะไปกับยานระดับทำงานนอกโลกได้ มันต้องเทพจริงฉลาดจริง อย่างพระเอกก็ความรู้รอบตัวเยอะมากๆ กล้าได้กล้าเสีย ทุกอย่างฝึกฝนมาเพื่อเจอเรื่องจริง

- NASA ที่ว่าเก่งๆ สุดท้ายก็ต้องร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ถ้าจีนไม่ช่วยก็เน่า เหมือนสื่อๆให้เกียรติ์เทคโนโลยีจีนด้วย

- LEADER สำคัญสุดในทีม ต้องยอมรับการตัดสินใจของเค้า เหมือนที่ ชอน บีนส์ บอกให้กับตันทราบ ที่เหลือก็ขึ้นกับทีมกับ leader แล้วว่าจะเอาไง

ปล.
1. ทีแรกนึกว่า นักเคมีเยอรมัน จะเป็นแบบตัวร้ายตัวคัดค้าน เพราะหน้าตาให้มากๆ แต่แกดันเป็นพ่อที่จิตใจดีมากๆ

2. นึกว่า เซบาสเตียน สแตน จะเป็นอะไร เพราะดูแกไม่ค่อยมั่นใจ ตอนออกยานเหมือนๆจะเกิดอะไรสักอย่าง แต่ก็รอดไป

3. นับถือใจกัปตัน เพราะเค้าคิดว่าเค้าทิ้ง มาร์ค วัตนี่ย์ เค้าต้องเป็นคนออกไปรับตัวเอง

4. คนขับยาน ตอนที่บอกกับที่บ้านว่า ถ้าเค้าเป็นคนที่ต้องติดที่ดาวอังคาร เพื่อนเค้า(วัตนี่ย์) ก็ยินดีจะหนหัวยานไปรับ แม้จะต้องอยู่ในอวกาศนานขึ้น เสี่ยงขึ้นก็ตาม

ผมให้ 9.9/10 ครับ ชอบ มีทุกอารมณ์

รู้สึกว่าเนื้อหาต่างๆ ในเรื่อง เค้าให้นาซ่าพรู๊ฟดูแล้ว ว่าเป็นไปได้ทั้งหมด หนังเรื่องนี้จึงค่อนข้างสมจริงแน่นอน

ผมให้ 10/10 ครับ

ผมเลยมองว่ามันเหมือนโปรโมทให้ นาซ่า ไงครับ ทำให้ดูนาซ่าน่าเชื่อถือว่ามีบุคลากรเก่ง ๆ เยอะ ทำให้อวกาศดูปลอดภัย ครับ

คือจะว่าทำหนังมาในจังหวะนี้เพื่อโปรโมทจริงรึเปล่า ผมไม่รู้ข้อเท็จจริงจุดนี้นะครับ

แต่ผมมองว่าหนังทุกเรื่องที่อเมกาทำมา มันก็โปรโมทประเทศตัวเองได้หมดแหละ

หนังสงครามหรืออะไรก็ตาม ก็ไว้โปรโมทอาวุธเทคโนโลยี หรือแนวคิดต่างๆได้

ไม่ว่ามันจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหนังรึเปล่า มันก็กลายเป็นเครื่องมือโปรโมทได้หมดถ้ามีคนคิดเอามาใช้ครับ เพราะถ้าทำหนังมาโจมตีประเทศหนักๆ แม้แต่แดนเสรีภาพ (จริงเปล่าไม่รู้) อย่างอเมริกาก็มีโอกาสไม่ผ่าน และห้ามออกฉายได้เหมือนกันครับ

ปล. แต่ผมดุผมก็ไม่ได้เกิดอารมณ์ว่านาซ่าเก่งอย่างงู้นอย่างงี้นะ ดูได้เพื่อความบันเทิงล้วนๆครับ

ผมว่าหนังมันไม่น่าเบื่อ ไม่มีจุดที่แบบอยากออกไปเข้าห้องน้ำ มันมีอะไรให้ลุ้น มีเรื่องใหม่ให้คิดตลอด ไม่ได้ให้ 10/10 เพราะไม่มีคนตาย แต่คิดว่าไม่มีคนตายก็ไม่แปลก เพราะถ้าจะให้เรื่องมันจบบริบูรณ์ มันก็ต้องแบบนี้