ประเด็นสำคัญจากเกม อาร์เซน่อล พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


- อาร์เซน่อล เล่นงาน ยูไนเต็ด ที่มักจะเริ่มต้นเกมไม่ดี ด้วยการ ‘โอเวอร์โหลด’
- ความกระตือรือร้นที่จะเล่นเกมรับทำให้ อาร์เซน่อล เก็บสามคะแนนและคลีนชีตมาได้





Arsenal (4-2-3-1): Cech; Bellerin, Mertesacker, Gabriel, Monreal; Cazorla, Coquelin; Ramsey, Ozil, Sanchez; Walcott.

Subs: Ospina, Debuchy, Gibbs, Giroud, Oxlade-Chamberlain, Chambers, Campbell.

Manchester United (4-2-3-1//4-3-3): De Gea;Young, Smalling, Blind, Darmian; Carrick, Schweinsteiger; Mata, Rooney, Depay; Martial.

Subs: Jones, Wilson, Romero, Valencia, Fellaini, McNair, Schneiderlin.



รายละเอียด


อาร์เซน่อล เล่นงาน ยูไนเต็ด ที่มักจะเริ่มต้นเกมไม่ดี ด้วยการ ‘โอเวอร์โหลด’

นับตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 15/16 มา มีหลายนัดที่ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทไม่ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเกมกับ เซาแธมป์ตัน หรือ โวล์ฟสบวร์ก ที่ถูกนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม แต่สุดท้ายก็กลับมาชนะได้ ที่ผ่านมา ยูไนเต็ด เอาตัวรอดจากการขาดสมาธิในช่วงต้นเกมมาโดยตลอด จนกระทั่งพวกเขามาเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม



fig.1 กราฟฟิกแสดงการยืนตำแหน่งของผู้เล่น อาร์เซน่อล เมื่อเล่นเกมรุก


อาร์เซน่อล อาศัยจุดเด่นในการต่อบอลที่แม่นยำ และรวดเร็วในโจมตีทีมเยือนตั้งแต่ต้นเกม เมื่อเล่นเกมรุก ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ จะเข้า ‘โอเวอร์โหลด’ (Overload) สนามฝั่งใดฝั่งหนึ่งเพื่อใช้ความสามารถในการสร้างสามเหลี่ยมในการต่อบอลให้เป็นประโยชน์

fig.1 ด้านบนจำลองการยืนตำแหน่งของผู้เล่น อาเซร์น่อล ในขณะเล่นเกมรุกด้านขวาของสนาม ซึ่งการโอเวอร์โหลดเมื่อทีมครองบอลนั้น จะทำให้อาร์เซน่อลได้เปรียบจำนวลผู้เล่น ในพื้นที่ที่เล็กกว่า และเมื่อคุณมีผู้เล่นที่ต่อบอลกันได้ยอดเยี่ยมอย่าง โอซิล กับ กาซอร์ล่า แล้ว การเล่นในพื้นที่เล็ก ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลย นอกจากเพื่อเกมรุกแล้ว การโอเวอร์โหลดยังเป็นกลยุทธ์หลักของ อาร์เซน่อล ในการตั้งรับอีกด้วย



อาร์เซน่อล โอเวอร์โหลด แมนฯ ยูไนเต็ด ทางด้านขวา และเป็นที่มาของประตู 3-0


แฟนบอลหลาย ๆ คนต่างชื่นชมในความอันตรายของ อาร์เซน่อล ในเกมนี้ จนอาจเกิดคำถามว่า ‘ทำไมพวกเขาไม่เล่นแบบนี้ทุกนัด?’ ความจริงก็คือวิธีการเล่นรูปแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับ อาร์เซน่อล เลย แต่สิ่งพิเศษที่ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการเกมรุกโอเวอร์โหลดก็คือความ ‘เฉื่อย’ ของ แมนยูฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเปิดช่องว่างระหว่างแผงกลางและหลัง ให้แนวรุกคู่แข่งเล่นได้ง่ายนั้นเองนั้นเอง

“ปัญหาของเราในครึ่งแรกคือ โอซิล และ กาซอร์ล่า มีเวลากับพื้นที่มากไป พวกเขาจึงเล่นงานเราได้ แน่นอนว่าเรามีพื้นที่ว่างหลังแนวรับ แต่ถ้าเรากดดันพวกเขาเมื่อมีบอล พวกเขาก็จะไม่สามารถจ่ายบอลได้ง่าย ๆ แบบนี้” หลุยส์ ฟาน กัล กล่าวหลังเกม


“Cazorla and Ozil had too much time and space and they have the quality to take a profit of it. And of course we had also space behind our defence but when you have always the ball on the pressure they cannot give that pass so easily, and that was our problem in the first half.”
– Louis van Gaal’s post match interview 4th October 2015


ตัวอย่างต่อไปแสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างกองกลางและกองหลังของ ยูไนเต็ด ซึ่งนำไปสู่ประตูที่สองของ อาร์เซน่อล





- รูนี่ย์ เข้าเพรสซิ่ง กาซอร์ล่า ด้วยความพรวดพราดเกินจำเป็น เสี่ยงที่จะทิ้งพื้นที่ว่างไว้ให้คู่แข่งหากไม่สามารถแย่งบอลได้
- ชไวน์สไตเกอร์ เดินขึ้นสูง ออกจากตำแหน่งตนเองตามการ เพรสซิ่ง ของรูนี่ย์ (เส้นกลางสนาม)
- กาซอร์ล่า พลิกหนีการบีบของ รูนี่ย์ เข้าสู่พื้นที่ว่างระหว่างกองหน้าและกองกลาง แมนยูฯ





- กาซอร์ล่า หันหน้าเข้าหาแดน ยูไนเต็ด
- โอซิล กลายเป็นผู้เล่นที่มีพื้นที่ให้เล่นมากที่สุดในฝั่งของ ยูไนเต็ด (โซนสีแดง) จากการละทิ้งตำแหน่งของ ชไวน์สไตเกอร์
- (อาร์เซน่อล อาจจะโอเวอร์โหลดสนามฝั่งขวาด้วยจำนวนผู้เล่นที่น้อยกว่าแนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่พวกเขาก็ยังได้เปรียบเนื่องจากมีช่องว่างที่ แมนยูฯ ทิ้งไว้ให้)





- กาซอร์ล่า ผ่านบอลให้ ซานเชซ
- ซานเชซ ไขว้ต่อให้ โอซิล ในพื้นที่ว่าง





- โอซิล ออกบอลทะลุช่องให้ วัลคอตต์ ใช้สปีดไปเล่นต่อ และเป็นจุดเริ่มต้นของประตูที่สองของ อาร์เซน่อล จาก โอซิล


นอกจากความผิดพลาดของทีมโดยรวมแล้ว ผู้เล่น ยูไนเต็ด หลายคนก็แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดจนโดน อาร์เซน่อล เล่นงานได้บ่อยครั้ง





- แอชลี่ย์ ยัง ใช้ลำตัวด้านขวาบังไม่ให้ เฮคเตอร์ เบลเลริน เปิดบอล





- การบังบอลด้วยลำตัวด้านขวาของ ยัง ทำให้เขากลับตัวช้ากว่า เบลเลริน
- เบลเลริน ครอสบอลเข้ากลาง





- ดาลีย์ บลินด์ เคลียลูกครอสของ เบลเลริน





- ดาลีย์ บลินด์ เคลียไม่ขาด
- ฟรองซิส โกเกอแล็ง อ่านจังหวะบอลตกได้ดี และรีบวิ่งเข้าหาเพื่อเล่นบอลสอง





- เมมฟิส เดอปาย เข้าบอลอย่างผิดวิธีด้วยการกระโดดเข้าใส่





- โอซิล เก็บบอลได้ในจุดอันตราย พร้อมด้วยตัวเลือกในการให้บอลรอบด้าน
- โอซิล ผ่านบอลให้ แรมซี่





- โอซิล วิ่งทำทางไปยังพื้นที่หลังแนวรับ ยูไนเต็ด
- ชไวน์สไตเกอร์ เข้าเพรสซิ่ง แรมซี่ ตามบอลจาก โอซิล
- แรมซี่ เล่นจังหวะหนึ่งสองคืนให้ โอซิล





- ซานเชซ วิ่งตัดหน้านักเตะ ยูไนเต็ด มายังเสาหนึ่ง ก่อนจะไขว้ลูกจ่ายจาก โอซิล เข้าไป เป็นประตูออกนำเร็ว 1-0



ความกระตือรือร้นที่จะเล่นเกมรับทำให้ อาร์เซน่อล เก็บสามคะแนนและคลีนชีตมาได้



ฤดูกาลนี้ รูนี่ย์ ยังไม่สามารถแอสซิสต์ให้เพื่อนได้เลยแม้แต่ลูกเดียว



นอกจากเกมรุกที่รวดเร็ว สวยงาม ตามแบบฉบับของ อาร์เซน่อล ในช่วง 20 นาทีแรกแล้ว ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังสร้างความประหลาดใจให้แฟน ๆ หลายคน ด้วยการเล่นเกมรับได้อย่างไร้ที่ติในอีก 70 นาทีที่เหลืออีกด้วย

หนึ่งคีย์เวิร์ดสําคัญจากเกมนี้ที่ต้องทำความเข้าใจคือคำว่า ‘คอมแพค’ (compact) หรือแปลตรง ๆ ว่า ‘ความอัดแน่น’



ตัวอย่างการตั้งโซนรับที่ คอมแพค


ทีมที่คอมแพคจะต้องมีการยืนตำแหน่งที่ ‘อัดแน่น’ ทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน มีช่องว่างระหว่าง หน้า-กลาง-หลัง น้อย ส่งผลให้คู่แข่งเจาะได้ยาก ตัวอย่างด้านล่างจากเกม โรม่า ปะทะ บาร์เซโลน่า โชว์ให้เห็นถึงความคอมแพคขั้นสูงสุด โดยจะเห็นได้ว่าผู้เล่น โรม่า ทั้ง 10 คน รวมตัวกันอย่างคอมแพค (คล้ายกับกล่องเล็ก ๆ) ในบริเวณหน้าเขตโทษของตน นักเตะ โรม่า ไม่กระจายออกแนวกว้างหรือแนวลึกจนเกินไป บาร์เซโลน่า จึงไม่สามารถจ่ายบอลทะลุช่องหรือหาโอกาสจบสกอร์ได้



โรม่า พบ บาร์เซโลน่า จบลงที่ผลเสมอ 1-1



ในเกมกับ ยูไนเต็ด อาร์เซน่อล ใช้การตั้งโซนรับทั้งหมดสองโซน ได้แก่โซนที่

1. บริเวณกลางสนาม (พื้นที่ที่สอง) และ
2. หน้าเขตโทษของตน (พื้นที่ที่หนึ่ง)
โดย อาร์เซน่อล จะไม่เพรสซิ่งอย่างบ้าระห้ำเหมืน เซลต้า หรือ สเปอร์ส แต่จะใช้การโอเวอร์โหลดบริเวณกลางสนาม เพื่อบีบให้ ยูไนเต็ด ผ่านบอลออกริมเส้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งรับได้ง่ายกว่าแทน





- เมื่อ อาร์เซน่อล ตั้งโซนสูง แผงหลังของพวกเขาต้องดันขึ้นสูงด้วย เพื่อเพิ่มความคอมแพคระหว่างกองกลางและกองหลัง
- อาร์เซน่อล โอเวอร์โหลดแดนกลาง ยูไนเต็ด ซึ่งมีเพียง รูนี่ย์ และ มาต้า อยู่ ณ บริเวณนั้น


ยูไนเต็ด พยะยามแก้กลยุทธ์ โอเวอร์โหลด ของ อาร์เซน่อล ด้วยการวางบอลยาวเปลี่ยนแกนไปยังผู้เล่นริมเส้น แต่ทว่าเกมนี้ ทีมปืนใหญ่มีระเบียบในการโยกย้ายโซนจากสูงไปต่ำอย่างมาก ส่งผลให้ ยูไนเต็ด สร้างโอกาสได้น้อยอยู่ดี


ตัวอย่างต่อไปแสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกมรับจากสูง มาต่ำของของ อาร์เซน่อล





- อาร์เซน่อล โอเวอร์โหลดฝั่งซ้ายของสนาม
- คาร์ริค วางบอลยาวไปยัง เดอปาย





- ผู้เล่น อาร์เซน่อล รีบกลับมาตั้งโซนต่ำในพื้นที่ที่หนึ่ง
- เดอปาย ขึ้นเล่นลูกกลางอากาศกับ เบลเลริน





- แรมซี่ และ กาซอร์ล่า สปีดจากกลางสนามกลับมาช่วย เบลเลริน ไม่ให้เสียเปรียบในจังหวะ 2v1 กับ ยัง และ เดอปาย





- เมื่อขาดการสนับสนุน (จากรูนี่ย์?) ยัง และ เดอปาย จึง เสียเปรียบผู้เล่น อาร์เซน่อล ด้วยจำนวน 2v3





- ยัง คืนกลับหลังให้ คาร์ริค
- อาร์เซน่อล ตั้งโซนรับและโอเวอร์โหลดผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ



ชัยชนะขาดลอยเหนือ ยูไนเต็ด ของ อาร์เซน่อล อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงทีมตัวเองของพวกเขา เจตนาที่เป็นทีมที่มีระเบียบวินัย ทำงานหนัก และเล่นฟุตบอลที่สวยงามได้พร้อมกัน หากนักเตะปืนใหญ่ยังคงรักษาความดุดันนี้ไว้ได้ทุกเกมตลอดฤดูกาล คำสบประมาทที่ว่าพวกเขามีดีแค่ที่สี่คงหมดไป และทุกคนคงจะได้เห็นการกลับมาของยอดทีมจากลอนดอน

ทางด้าน แมนยูฯ ยูไนเต็ด คงต้องรีบแก้จุดบอดเรื่องการเริ่มเกมโดยเร็ว หากพวกเขาหวังที่จะทำอันดับให้ดี หรือแม้แต่มีลุ้นถ้วยในประเทศสักใบ

ขอบคุณครับ

ติดตามบทวิเคราะห์และเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ จาก tactictimes ได้ที่ facebook.com/tactictimes

CREDIT : tactictimes.wordpress.com

คหสต.นัดนี้น่อลดีกว่าทุกกระบวนท่า ยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่มีข้อโต้แย้งเลย น่อลเล่นแบบกระหายชัยชนะกว่าแมนยูเยอะและสมควรเป็นผู้ชนะแล้วจริงๆครับ

นัดนี้แมนยูโดนเร็วเกินไปแถมสองลูกอีก แผนมันเลยพัง

เสียสมาธิกัน รูปเกมเลยพังไม่เป็นท่า

กว่าจะตั้งตัวได้ก็สายเกินไปละ แต่ก็อย่างว่าละนะอาเซดีกว่าแมนยูทุกเรื่องจริงๆ

ปอลิง โคตรเบื่อแผนต่อบอลหยุมหยิมแบบแมนยูจริงๆ แปะๆ

ไปนั่งดูที่ร้าน ไม่ตั้งใจดูน่อลกับผีหรอก ฝนตกกลับไม่ได้ เลยนั่งดูต่อ น้องโต๊ะข้างๆ รู้จักกัน
พี่ๆ บีทาเก้นลูกละขวดมั้ย ผมเอาแมนฯยู

กลับบ้านเมียถาม ไปกินเบียร์ดูบอลไหงได้นมกลับมาด้วยสามขวด

ผมว่าเพราะน่อลคงรู้จุดด้อยแมนยูที่เห็นมาหลายนัดแล้ว คือแมนยูจะเครื่องร้อนช้า

เพราะจะต้องเซทเกมของตัวเองให้ได้ก่อน(คือเริ่มครองบอล ครองเกม) ถึงจะเริ่มเซท

เกมบุก ซึ่งตอนต้นน่อลไม่เปิดโอกาสให้แมนยูเซทเกมได้เลย และใช้จังหวะที่แมนยู

กำลังรวนในการเซทรุกและรับ โจมตีเร็วจนได้3ประตูถึงค่อยลงไปแพ็คเกมรับ

ตรงนี้น่าจะเป็นแท๊กติกของเวนเกอร์ ต้องชมแกมากกว่าครับที่วางแผนมาดีมากๆ

อืมวิเคราะห์ได้ดี

เห็นภาพกันเลยทีเดียว กว่าน่อลจะ เล่นแผนแบบนั้นได้ ต้องทำงานมาอย่างหนัก แน่ๆ

เบื่อเหมือนกันครับบอลสไตล์ฟานกัล ทุกครั้งเหมือนจะต้องเล่นตามลำดับขั้นตอน

ที่เตรียมที่ซ้อมเอาไว้ คือจะต้องครองบอลให้ได้ก่อน พอเริ่มครองได้นิ่ง ถึงจะเริ่มเกมบุก

ไม่มีการโต้กลับ หรือการเล่นนอกเหนือจากนี้เลย แต่ถึงจะเบื่อผลลัพธ์ที่เป็นแต้มก็ยังโอเค

อยู่ ก็ถือว่าหยวนๆไปละกันครับ เดี๋ยวลุงแกก็ไปแล้ว

ดูตอนต้นเกมนี่รู้เลยว่าเตรียมแผนมาเล่นงานแน่ เพราะแมนยูเล่นแบบเดิมตลอด

สุดท้ายโดนเต็มๆไป3ดอก ยังดีที่ไม่เละไปกว่านี้

ยิ่งอ่านจะยิ่งมีคำถาม

รูนี่ย์มันเล่นอะไรของมัน

โดนเร็ว ทำให้แนวรับ รวนไปเลย แนวรับแมนยูยังไม่ทันตั้งสติ โดนลูกที่ 2 นี่เลย สุดท้ายเลยเป็นไปตามแผนที่ปืนวางไว้เบย con109

แต่หนุมาเที่ยว ผมว่ายังวูบวาบได้ลุ้นอยุ่นะ ใช่ว่าไม่มีโอกาศ แต่ แนวรับปืน กับเชค เล่นดีจริงๆ วันนั้น

ขอถามอีกอย่าง เฮเรล่าไปไหน?

ตอนนี้มาเที่ยวเป็นความหวังหนึ่งเดียวในแนวรุกเลยครับ เล่นได้โดดเดี่ยวและมี

ประโยชน์ที่สุดแล้ว / เอเรร่าเจ็บนิดหน่อยครับ แต่ไม่ผ่านความฟิต

ไว้มาล้างแค้นในบ้านครับ

วิเคราะห์เจ็๋งเป้งมากครับ ผมชอบอ่านพวกนี้จริงๆ ไม่ต้องน่อลก็ได้ ของทีมอะไรก็ชอบอ่าน ยิ่งยาวยิ่งดี

ก็ในเว็บ tactictimes แหละครับ มีวิเคราะห์แบบนี้หลายคู่อยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นคู่ใหญ่ๆประจำสัปดาห์อะครับ

อ่านดูแล้วเหมือนเด็กผีก็จะยังไม่ค่อยพอใจกับการเล่นของทีมหรือเปล่าครับ ถึงตอนนี้จะอยู่ด้านบนของตาราง

ผมไม่ค่อยได้ดูแมนยูเตะ เห็นช่วงก่อนๆจะมีมู้ไล่ฟานกัลเยอะ แต่ตอนนี้เริ่มเงียบๆไปไม่แน่ใจว่าเพราะฟอร์มดี หรืออันดับดี

กว่าจะอ่านจบ แต่ขอบคุณครับ สนุกดี

ฟอร์มไม่ได้ดีหรอกครับช่วงแรกๆน่ะ ก็ทรงๆธรรมดาๆ เพียงแต่พอมีโอกาสจบสกอร์แล้วทำได้เฉียบขาด

แต่หลังจากได้ มาเที่ยว การเล่นเกมรุกก็ดูดีขึ้น แต่โดยรวมก็ยังไม่ค่อยน่าประทับใจอะครับ

เพราะเน้นครองบอลผ่านบอลมากเกินไป บางเกมแม้จะมี%การครองบอลสูงถึง 60-70%

แต่การสร้างโอกาสยิงประตูมีแค่เกือบๆสิบครั้ง หรือสิบกว่าครั้งเองครับ อีกเรื่องคือสปีดบอลที่ช้า

มากจนแฟนๆเบื่อ จะต้องมารอทีมเซทบอลจากหลังก่อน จึงค่อยเริ่มถ่ายบอลไปข้างหน้า ถ้าตัน

ก็กลับหลัง คืนโกล เริ่มเซทเกมใหม่ เป็นแบบนี้เกือบตลอดทั้งเกมครับ จะมีการเปลี่ยนสปีดบอล

ช้าไปเร็ว เร็วไปช้า รับไปรุก น้อยมากๆ

ที่ช่วงนี้กระแสไล่ฟานกัลน้อย เพราะอันดับล้วนๆเลยครับ ลองอันดับล่วงลงไปจนไม่ติดท็อป4สิครับ

กระแสไล่ฟานกัลน่าจะกลับมาอีกแน่นอน

โคตรจะเซ็งเลยครับยุคป๋าเล่นบอลเร็วและแม่น มายุคนี้โอ้ยยย เมิงจะเอาชัวร์กันไปไหน

กว่าจะขึ้นหน้าได้แต่ละทีแทบเพลีย

อันดับดีมั้งครับ แต่รูปแบบการเล่นนี่ไม่ต้องพูดถึงโคตรน่าเบื่อของน่าเบื่อสุดๆ

เคยดูอยู่ 1-2 นัด รู้สึกคล้ายๆลิเวอร์พูลช่วงก่อนหน้านี้เลย เซ็ตบอลแดนหลังกันนานมากกกก บางเซ็ตขวางสนามกันเป็นนาทีกว่าจะเอาบอลเลยกลางสนามขึ้นมาได้ ช้าขนาดนั้นไม่รู้จะไปหาช่องที่ไหนเข้าทำ

เมื่อก่อนผมดูแมนยูบ่อยพอสมควร เพราะตามแช่ง 55555 ผมรู้สึกว่า LVG ดูไม่เข้ากับแมนยูเลย รู้สึกเหมือนทีมรอการเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้งนึง

ทุกความห่วยของแมนยูไม่ว่าเกมรุกหรือรับ ก็จะปรากฏ 2 ท่านนี้เข้าไปร่วมด้วยเสมอฃ

ไม่รู้ว่าเวลาที่ลุงกัลก้มหน้าก้มตาจด คืออะไร หรือว่ารูนได้บอลที จ่ายไม่เสีย เอ้ารีบจดๆ เพราะไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ

อื้อหือ อ่านเพลินมาก เยี่ยมครับ

จริงๆผมว่าถ้าไม่โดนเร็วและรัวแบบนั้นไม่น่าแพ้นะ สำหรับแทคติคฟัลกัล

แต่อย่างว่า โดนไปเร็วและรัวและแรง 3-0 แบบนั้น

ด้วยแทคติกแบบฉบับฟัลกัลอีกนั้นแหละ ไม่มีปัญหาคัมแบคอยู่แล้ว ยิ่งเจออาเซน่อลด้วย

ปิดไฟนอนได้เลย

โดดเด่น แบบ โดดเดี่ยว เพราะรูนีย์ไม่ได้ช่วยอะไรสินะครับ

ชอบมากครับอ่านเพลินเลย

บอกตามตรงผมแอบดีใจที่เฟอร์กี้วางมือ

เพราะกลัวแมนยูเพราะเฟอร์กี้นิหละ

คนอื่นมายังได้ลุ้นขึ้นหน่อย

ปีนี้ลุ้นกันยาวๆครับสำหรับพรีเมียร์

มีแบบภาษาอังกฤษ หรือ ฮอลแลน ป่ะครับ

ส่งให้ฟัลกัลดูสักทีจะได้ดร็อปรูนี่บ้าง เห้อ....

สนุกดีครับ กดติดตามเพจไปเรียบร้อย