ผมได้อ่านเจอกระทู้ในบอร์ดพันทิบ เกี่ยวกับบทความแปล ชำแหละปรัชญาของ LVG แล้วค่อนข้างทึ่งและเข้าใจแกมากขึ้น และเข้าใจบทบาทของนักเตะในทีม ว่าทำไมเล่นกันแบบนั้นๆ และทำไมตำแหน่งนั้นต้องเป็นคนนี้ เลยเอามาฝากครับ
จากนี้จะเป็นบทความจากเจ้าของกระทู้ในพันทิบที่ชื่อ TohKung121 นะครับ
บทความนี้ถอดความจาก
REVISITING VAN GAAL’S PRINCIPLES OF PLAY
http://livelifeunited.com/revisiting-van-gaals-principles-of-play/
เจตนาเพื่อพูดคุยและวิจารณ์อย่างเสรีในกลุ่มผู้ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเท่านั้น
ผู้แปลไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด
อนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์พูดคุยและวิจารณ์ โดยต้องใส่เครดิตย้อนกลับไปถึงบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ
แต่ไม่อนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์โดยสิ้นเชิง
บทความต้นฉบับนั้นเขียนเป็นบทความยาว
แต่ผมจะถอดความและจัดแบ่งเป็น 5 หัวข้อ ตามใจความสำคัญของบทความ 5 อย่างครับ
Part 1 - Introduction
แม้ยูไนเต็ดจะทำได้ดีขึ้นในเกมแชมเปียนส์ลีกกับคลับบรูซ แต่ก็เริ่มมีคำถามจากนักวิเคราะห์และแฟนบอลต่อปรัชญาของฟานกัลมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เพราะแทคติคของเขานั้นดูขัดกับธรรมชาติ.
แกรี่ เนวิลล์เคยวิจารณ์ไว้ว่า มันเป็นเรื่องปกติที่การป้องกันนั้นจะถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี แต่การบุกแบบชาญฉลาดจะต้องมีมากกว่าแค่การอาศัยจินตนาการของผู้เล่น มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้จัดการทีมที่จะใส่แทคติคละเอียดยิบลงไปในแผนการบุก
แต่สำหรับฟานกัลนั้นการบุกของเขาถูกคำนวณและชี้วัดในแบบเดียวกันกับการป้องกัน
ทุกอย่างเป็นมากกว่าแทคติค
เราจะวิ่งไปตรงไหนและเพื่ออะไร? "คิดสิ... คิด"
เขา (ฟานกัล) มักจะบอกเสมอว่า "คิดถึงทุกย่างก้าวของคุณ"
คุณจะต้องระลึกไว้เสมอว่าทุกสิ่งที่คุณทำในสนามต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
เดนิส เบิร์กแคมป์พูดถึงปรัชญาของฟานกัลในหนังสืออัตชีวประวัติ
เขาจะบอกว่า "คุณต้องใช้พื้นที่แค่ 5 หลาเพื่อไปอยู่ในที่ที่ถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องทำในสนาม และทั้งทีมก็ต้องคิด
ในแบบเดียวกันว่า 'ตูอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องรึยัง ??' "
จอห์นนี่ อีแวนส์
ในฟุตบอลที่เน้นการครองบอล เราต้องคาดหวังว่าผู้เล่นจะอยู่ชิดกันเพื่อส่งบอลไปมาสั้นๆในระยะ 5 หลา และผู้เล่นต่างคนต่างเคลื่อนที่ตลอดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งและสร้างพื้นที่
ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่ใช่สำหรับฟานกัล แต่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ รูปแบบทีมของฟานกัลจะขึงออกกว้างมากกว่า โดยเฉพาะช่องว่างตรงกลางระหว่างมิดฟิลด์ ตัวกลาง 2 คนกับผู้เล่นในแดนหน้า
Part 2 - การขึ้นเกมบุกจากแดนหลัง
จะเห็นว่าผู้เล่นริมเส้นจะปักหลักอยู่ที่เส้น ในขณะที่เบอร์ 10 (ตำแหน่ง ไม่ใช่เบอร์เสื้อ) จะยืนสูงคู่กับกองหน้า ส่วนมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนนั้นจะยืนต่ำลงมามาก
ดูแล้วค่อนข้างขัดสามัญสำนึกกับการที่ฟานกัลให้ทีมยืนขึงออกกว้าง แล้วก็ยังให้รักษาตำแหน่งอย่างเคร่งครัดอีกต่างหาก
ซึ่งการจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้ เราต้องย้อนกลับไปถึงปรัชญาของฟานกัลกันอีกครั้งหนึ่ง
โค้ชหลายคนทุ่มเวลาให้กับการคิดหาวิธีทำให้นักเตะของเขาวิ่งให้มากที่สุดในการแข่ง
ส่วนที่อาแจ๊กซ์จะสอนให้นักเตะวิ่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่เป็นสาเหตุที่การฝึกที่อาแจ๊กซ์เน้นการเล่นแบบยืนตำแหน่ง
ฟานกัล จากหนังสือ The Coaching Philosophies of Louis Van Gaal and the Ajax Coaches
แทนที่นักเตะจะเคลื่อนที่แบบไม่หยุดยั้งซึ่งใช้พลังงานสูงมาก ฟานกัลกลับต้องการให้นักเตะที่ขึ้นเกมรุกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคลื่อนที่มากเป็นพิเศษ ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างข้างล่าง
เซนเตอร์แบ๊ค 2 คนส่งบอลสั้นไปมาเพื่อสร้างช่องว่าง โดยดึงผู้เล่นฝั่งตรงข้ามขึ้นมาไล่บอล
บอลถูกส่งมาให้ชไนเดอร์ลิน พื้นที่เปิดแล้ว...
บอลถูกส่งไกลขึ้นหน้าไปที่รูนีย์
รูนีย์ลงต่ำมาอยู่ข้างหลังมิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามเพื่อรับและถ่ายบอล
แต่มิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามยังไม่รู้ตัวว่ารูนีย์ลงมาอยู่ใกล้ๆแล้ว เซนเตอร์แบ๊คจึงต้องตามขึ้นมาประกบด้วย
การเคลื่อนไหวนี้ของรูนีย์ทำให้เกิดช่องขนาดใหญ่ขึ้นในแผงหลัง 4 คน (ซึ่งตอนนี้เหลือ 3)
และเป็นช่องให้ยานาไซจ์สอดเข้าไป
ขณะเดียวกัน ดาเมี่ยนก็วิ่งเติมขึ้นมาทางริมเส้น
(ทำให้แบ๊คซ้ายฝั่งตรงข้ามลังเลที่จะเข้าบีบมาต้า เพราะต้องยืนคุมเชิงและรอตามดาเมี่ยน มาต้ามีพื้นที่ในการจ่ายบอลเหลือเฟือ)
มาต้าเบิ้ลเร็วเข้าช่องไปให้ยานาไซจ์
ยานาไซจ์โล่ง แต่ลูกนี้ไม่เป็นประตูเพราะยานาไซจ์ปิดไม่ลง (ฮา........)
ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างคลาสสิคของปรัชญาการบุกของฟานกัล
เมื่อนักเตะกระจายออกขึงทั้งทางกว้างและทางลึก จะเกิดช่องมากมายทั่วทั้งสนามให้นักเตะวิ่งเข้าใส่ในจังหวะที่เหมาะสมได้
ฟานกัลเคยบอกว่าช่องว่างจะอยู่ระหว่างไลน์ (กองหน้า - มิดฟิลด์ - กองหลัง) เสมอ
และเพื่อสร้างช่องว่างนั้นขึ้นมา มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนจะต้องยืนลึกต่ำลงมา ส่วนกองหน้าเละผู้เล่นเบอร์ 10 จะต้องอยู่สูง
ผู้เล่นแถวหน้าทั้ง 2 คนจะคอยหาจังหวะวิ่งเข้าช่อง หรือวิ่งลงมาอยู่หลังกองกลางผู้ต่อสู้
ซึ่งนั่นเป็นคำตอบว่าทำไมฟานกัลถึงต้องการกองหน้าคนที่สองมากกว่ามิดฟิลด์ในการเล่นตำแหน่งเบอร์ 10
(อรรถาธิบาย : เรื่องการวิ่งลงมาหลังกองกลางฝั่งตรงข้ามจะเหมือนตัวอย่างข้างบน คือวิ่งลงมาแต่ไม่ล้ำไปอยู่หน้ากองกลางเพื่อไม่ให้กองกลางรู้ตัว ถ้าเซ็นเตอร์ไม่ตามมา ตัวเองก็จะมีที่เล่น ถ้าเซ็นเตอร์ตามขึ้นมา ก็ป้ายต่อให้ผู้เล่นคนอื่นสอดเข้าช่องของเซ็นเตอร์คนนั้น)
Part 3 - กองหลังที่ควบคุมเกมบุก
ไอเดียของหลุยส์ ฟาน กัล เป็นเรื่องของการหมุนเวียน (บอล) อย่างต่อเนื่อง จากข้างหนึ่งไปสู่อีกข้างหนึ่ง คุณต้องเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดช่องว่างขึ้นก็ค่อยลุยเข้าไป
เขาจะยั่วฝั่งตรงข้ามด้วยการเปลี่ยนบอลขวางไปมาเรื่อยๆจนกว่าฝั่งตรงข้ามจะเริ่มเข้ามากดดัน ซึ่งผมเชื่อในการยั่วด้วยการเลี้ยงบอลเข้าไปใกล้ๆ และกับทีมที่ตั้งรับลึก คุณต้องเรียนรู้วิธีที่จะยั่วเขาให้เข้ามาหาบอลที่เขาต้องการ ด้วยการใช้ลูกบอลแทนแครอท
อันเดร วิลาส โบอาส
ส่งบอลคืนหลัง 37 ครั้ง แฟนๆมองว่าไม่อยากจะเล่นแล้ว แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อส่งคืนหลัง คือการเริ่มต้นการบุกครั้งใหม่
มาเซโล่ บิเอลซ่า
ตัวอย่างนี้บลินด์กับสมอลลิ่งส่งบอลไปมา เพื่อดึงให้ผู้เล่นวิลล่าขึ้นมาไล่บอล
เกิดช่องว่างขึ้น บลินด์ส่งบอลยาวขึ้นหน้าให้ยานาไซจ์ โดยมีรูนีย์รอวิ่งเจาะเข้าช่องที่เซ็นเตอร์ตามมาประกบยานาไซจ์
ยานาไซจ์ส่งบอลไม่สำเร็จ (อีกแล้ว) การบุกจบลงที่ตรงนี้
แต่เราก็จะเห็นไอเดียในการดึงผู้เล่นเปิดพื้นที่ และการเตรียมวิ่งสอดเข้าช่องว่างของสมอลลิ่ง บลินด์ ยานาไซจ์ และรูนีย์
หรือแม้แต่มาต้าที่ยืนรออยู่อีกฝั่งก็ตาม เพราะแบ๊คซ้ายหุบเข้ามาและมีพื้นที่ให้มาต้าได้เจาะเข้าไปอีกเยอะ
จังหวะถัดมาคือการส่งบอล คุณจะเห็นว่าคู่แข่งเสียกระบวนในการตั้งรับ จากนั้นคุณต้องใช้จินตนาการในการสร้างสรรค์การส่งบอลแล้ว
หลุยส์ ฟาน กัล
และนี่คือเหตุผลที่ฟานกัลต้องการเซนเตอร์แบ๊ค 2 คนโดยมีทั้งคนที่ถนัดเท้าซ้ายและเท้าขวา (หรือทั้งสองเท้า)
ฟานกัลจะไม่ใช้กองหลังเพียวๆในการเล่นตำแหน่งเบอร์ 3 และ 4 (เซนเตอร์แบ๊ค)
ตำแหน่งเบอร์ 4 จะเป็นเพลย์เมคเกอร์อีกคนหนึ่ง ตอนที่ทีมได้ครองบอลเขาจะเป็นคนที่เข้าร่วมการบุกในแดนกลางเมื่อจังหวะเอื้ออำนวยและส่งบอลอย่างแม่นยำ
เมื่ออีกฝั่งได้ครองบอล เขาจะเป็นคนที่อ่านเกมและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำว่าจะขึ้นมายืนหน้ากองหลัง หรือยืนตั้งรับคู่กับเบอร์ 3 หรือจะให้เบอร์ 3 ลงไปยืนลึกต่ำกว่าแบ๊คด้วยกัน
เขาจะต้องมองให้ออกว่าจังหวะไหนการเพรสซิ่งอ่อนลง และจับตามองระยะระหว่างผู้เล่นที่เป็นแกนหลักของทีม และกำกับทิศทางของผู้เล่นคนอื่นๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่ฟานกัลต้องการเหล่านี้เลยความสามารถในการป้องกันไปไกลแล้ว
ผู้เล่นเบอร์ 4 จะต้องเข้าร่วมและตั้งเกมการบุก และมีคุณภาพในระดับคิลเลอร์ (ไม่ใช่สโคลส์นะครับ เค้าล้อเล่น) ในการเล่นฟูลแบ๊คเมื่อเจอทีมที่ใช้กองหน้าสามตัว และต้องประกบติดกองหน้า
ถอดความจากหนังสือ The Coaching Philosophies of Louis Van Gaal and the Ajax Coaches
หลายๆคนสงสัยกับตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊คของดาลีย์ บลินด์ เพราะส่วนสูงและความแข็งแกร่งของบลินด์นั้นจัดว่าไม่น่าเพียงพอในการเล่นตำแหน่งนี้
บลินด์ออกมาตอบกลับว่าเขามีสมองและความฉลาดมาทดแทน และเขาก็ตอบโจทย์ในสิ่งที่ฟานกัลต้องการมาก
เขาเป็นผู้เล่นสำคัญที่จะเติมเต็มให้ปรัชญาการเล่นของฟานกัลสมบูรณ์แบบในสนามได้
Part 4 - หน้าที่ของกองกลาง
ตัวอย่างนี้แสดงถึงการเคลื่อนที่ของมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คน ในระหว่างที่เซนเตอร์พยายามตั้งเกมการบุก
คาร์ริคกับชไนเดอร์ลินจะถ่างออกด้านข้าง เพื่อเปิดช่องให้เซนเตอร์เลี้ยงบอลขึ้นไปหรือไม่ก็ส่งบอล
ถึงแม้ว่าครั้งนี้สมอลลิ่งจะเลือกส่งออกด้านข้าง แต่เราจะเห็นไอเดียว่าพื้นที่ว่างตรงกลางนั้นทั้งชไนเดอร์ลิน และ (รูนีย์มั้งครับผมไม่แน่ใจ) มีพื้นที่ในการรับบอลเหลือเฟือ
ตอนเราได้บอล กองกลางต้องเปิดช่องว่างด้วยการออกข้าง มันสำคัญมากเพราะคู่ต่อสู้จะต้องขยายแนวรับออกกว้างและเราจะมีพื้นที่เล่นมากขึ้น
หลุยส์ ฟาน กัล
หน้าที่ของมิดฟิลด์ตัวกลางในซีซั่นนี้จะมีมากขึ้นกว่าปกติ การจับคู่จะต้องมีคนที่ทะลุทะลวง (Shuttler) เข้าร่วมการบุก และมีคนคุมจังหวะ (Holding player) ที่จะยืนต่ำในจังหวะการบุก
แต่คู่ของคาร์ริคกับชไนเดอร์ลินนั้นมักจะรักษาตำหน่งไว้ เพื่อกันการโดนบุกสวนกลับเมื่อทีมเสียบอล
ซึ่งก็เป็นผลดีในและเห็นผลชัดเจนที่ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น และคู่แข่งโต้กลับเร็วได้ยากขึ้น
ตอนเราทำเกมบุก เราต้องนึกถึงเกมรับด้วย เมื่อเราบุกเราจะแบกรับความเสี่ยงที่มีพื้นที่ว่างมากมายเกิดขึ้นข้างหลัง นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องคิดถึงการป้องกันในขณะที่ขึ้นเกมบุกด้วย...หลุยส์ ฟาน กัล
Part 5 - ผู้เล่นที่มีความเร็วและจินตนาการ
ก่อนเริ่มซีซั่น ฟานกัลได้ออกปากว่ายังต้องการผู้เล่นที่มีทั้งความเร็วและจินตนาการ (Speed & Creativity) เพื่อรับมือกับการแข่งขันฤดูกาลนี้ พร้อมยกตัวอย่างทีมอื่นๆ
เรายังไม่อยู่ในสารบบการลุ้นแชมป์ เพราะเรายังขาดความเร็วและจินตนาการในแดนหน้า เราสามารถคว้าแชมป์ (ภายในสองฤดูกาลนี้) ได้ถ้าเราสามารถหาผู้เล่นที่มีทั้งความเร็วและจินตนาการ คุณลองเทียบกับทีมอื่นๆก็ได้
- บาร์เซโลน่า มีเนย์มาและเมสซี่ และเปโดรคอยแบ๊คอัพ (ย้ายมาเชลซีแล้ว)
- บาเยิร์นมีริเบรี่กับรอบเบน และยังเปลี่ยนเอามุลเลอร์กับชากิรี่ (ย้ายไปอินเตอร์แล้ว) มาแทนได้เช่นกัน
- เชลซีมีอาซาร์ ออสการ์ วิลเลี่ยน
ยัง กับ มาต้ามีฤดูกาลที่ดี (ฤดูกาลที่แล้ว) แต่เขาไม่มีสปีดเท่าอาซาร์หรือรอบเบน เราต้องเพิ่มตัวเลือกของเราในแนวรุก
หลุยส์ ฟาน กัล
เมื่อมองรวมๆจากทั้งหมดและปรัชญาการบุกของฟานกัล ความเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญในการชิงเอาชนะกองหลัง และโต้กลับเร็วเมื่อคู่แข่งเสียบอลให้เรา
"การเปลี่ยนเกมเป็นส่วนที่สำคัญ เพราะการเปลี่ยนเกมอย่างรวดเร็วในจังหวะที่คู่แข่งยังไม่พร้อมจะเป็นประโยชน์กับเรามาก"
หลุยส์ ฟาน กัล
(คหสต.ผู้แปล 1 : ให้ลองจินตนาการถึงเกมโต้กลับสมัยสามประสาน โด้-รูน-เตฟ ที่เปลี่ยนเกมจากตั้งรับเป็นบุกสวนกลับได้อย่างรวดเร็วและโหดร้าย ด้วยการต่อบอล 2-3 จังหวะ ผู้เล่นในแนวรุกก็วิ่งกรูเข้าไปถึงกรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้แล้ว ซึ่งคล้ายคลึงกับปรัชญาของฟานกัลพอดี)
(คหสต.ผู้แปล 2 : เมมฟิส เดอปาย ก็เป็นคนที่ฟานกัลดึงเข้าทีมมาเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะเห็นชัดเจนว่าฟานกัลต้องการผู้เล่นแบบนี้อย่างน้อย 2 คน
ฉะนั้นปล่อยให้เดอปายเลี้ยงกับยิงไปเถอะ คนอื่นพร้อมใจกันเคาะบอลสร้างที่ให้แล้ว ก็ต้องมีคนไว้คอยยิงมั่ง)
เมื่อฟานกัลพูดถึงความเร็วกับจินตนาการ ผมเชื่อว่าฟานกัลต้องการผู้เล่นที่สามารถเอาชนะในการเล่น 1-1
เพราะหนึ่งในปรัชญาของฟานกัลก็คือการถ่ายบอลอย่างรวดเร็วไปอีกข้าง เพื่อให้ปีก/ผู้เล่นริมเส้นมีพื้นที่และเวลาในการดวล 1-1 กับกองหลัง
ผู้เล่นที่ฟานกัลเอ่ยชื่อมาทั้งหมดนั้นทำได้ดีในการเล่นสถานการณ์แบบนี้ รวมทั้งเปโดรที่น่าจะตรงกับคอนเซปท์ผู้เล่นเบอร์ 10 ของฟานกัล แต่เปโดรย้ายไปเชลซีซะแล้ว เรายังต้องหาผู้เล่นคนอื่นที่จะมาเติมเต็มต่อไป
จบ...
ที่มา
http://pantip.com/topic/34083664