ผมมีอาชีพเซลล์ครับ วิ่งงานตจว. ไปทั้งภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง

เดือนๆนึงจะได้กลับบ้านแค่วันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันอาทิตย์วันเดียวครับ

ทำที่นี่มา 6 เดือนครับ เอารถของบริษัทมาใช้ เป็นนิสสัน มาร์ช ตัวบ๊วย วิ่งประมาณ

แสนหก หรือแสนเจ็ด กิโลแล้วล่ะครับ

ทีนี้มันมีประเด็นตรงที่ว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินทางไปทำงาน

ที่ตจว. รถเกิดหม้อน้ำรั่ว ระหว่างทางมอเตอร์เวย์ (ก่อนถึงด่านเก็บเงินธัญบุรี)

เลยต้องให้รถยก ยกมาให้อู่ประจำของบริษัทดูอาการ ก็โดนค่ารถยกไป 1,800 บาทถ้วน

แล้วพอมาซ่อมได้สองสามวัน ฝ่ายบุคคลก็โทรมาบอกว่า จะให้ผมเป็นคนรับผิดชอบ

ค่าใช้จ่ายในการซ่อมทั้งหมด เป็นจำนวนเงินสามหมื่นกว่าบาท ก่อนจะขายรถทิ้งไปเลย

ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจอ่ะครับ ว่ากรณีแบบนี้ เซลล์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อม

ทั้งหมดเลยหรอ ก่อนหน้านี้ก็เคยเอารถเข้าอู่ให้เค้าซ่อมแอร์ให้ ยังไม่เห็นต้องจ่ายอะไรเลย

ตอนไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ ก็ไม่เห็นบริษัทจะให้จ่ายเอง ทำไมมาคราวนี้

จะมาให้เซลล์เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยหรอครับ แถมค่ารถยกก็ไม่ยอมให้เบิก

บอกกับผมว่าเกิดจากความผิดของเซลล์เอง ทางบริษัทไม่รับผิดชอบ


ป.ล. ฝ่ายบุคคลโทรมาบอกผมประมาณว่า ผมไม่เช็คสายหม้อน้ำให้ดี ไม่ดูแลรถ จนทำให้เกิดความเสียหาย

ซึ่งผมเป็นเซลล์ ไม่เก่งเรื่องเครื่องยนต์เลยอ่ะครับ ทำแค่หลักๆ คือเติมน้ำกลั่น เติมน้ำหม้อน้ำ เช็คลมยาง คือดูแลรถเป็นแค่เบื้องต้นอ่ะครับ จะให้มามุดรถดูว่าท่อน้ำมันเก่าหรือมันรั่วหรือเปล่าเนี่ย ผมมองว่ามันเกินความสามารถเซลล์ธรรมดาๆแบบผมอ่ะครับ

อยากระบายด้วย แล้วก็อยากขอความคิดเห็นเพื่อนๆด้วยอ่ะครับ นี่ผมจะต้องเสียเงินสามหมื่นจริงๆหรอ

ค่าคอมหกเดือนรวมกัน ยังได้ไม่ถึงห้าร้อยเลย

ผมว่าบริษัทต้องรับผิดชอบนะ

ท่าทางจะเป็นระบบเถ้าแก่ ลองไปคุยกับเจ้านายหรือระดับผู้บริหารดูซิครับ เค้าน่าจะเห็นใจนะ

ไม่เคยเห็นกรณีแบบนี้เท่าไหร่

คือท่านก็ต้องรับผิดชอบเรื่องการ เมเทนแน้น ซึ่งบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้ใช่ไหมครับ

แต่ท่านละเลย จนเป็นสาเหตุของการเสียครั้งนี้

ถ้าท่านซ่อมแล้ว เขาจะออกรถใหม่ให้ท่านไหม ถ้าได้คันใหม่ด้วยก็ดีตกลงกัน

แต่ถ้ายึดรถเลย์ และให้ซ่อม ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้ไปตกลงกันยังไง

เพื่อนผมเป็นเซลเหมือนกัน รถคว่ำพังยับทั้งคันบริษัทยังไม่ให้รับผิดชอบอะไรเลย

กรณีท่านถ้าใช้ในหน้าที่การงานแล้วพังไม่น่าจะต้องรับผิดชอบเลยจริงๆ

พึ่งเคยเห็นนี่แหละ ปกติบริษัทต้องออกให้ทั้งหมดนะ

ต้องคุยกันก่อนอ่ะ แต่ตามจริงบริษัทต้องจ่ายให้ดิ มันมาทำงานนี้ใช้เพื่องาน ถ้าคุยไม่รู้เรื่องให้จ่ายจริงๆท่านก็ลาออกเหอะครับ
ปล.ระวังคุยแบบคลุมเคลือนะ

ผมก็เคยได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานหลายๆคนอ่ะครับ

ว่าเซลล์หลายๆคน ขนาดขับรถคว่ำพังทั้งคัน บริษัทยังเปลี่ยนให้เลย

ก็เลยไม่คิดว่าจะมาโดนแบบนี้กับตัวเองน่ะครับ

พรุ่งนี้ว่าจะเข้าไปบอกกับบริษัทตรงๆเลย ว่าไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมให้แน่นอน

แล้วก็จะขอลาออกทันทีเลยด้วยครับ

เพราะมาลองคิดๆดู หากขายคันนี้ ผมก็ต้องไปใช้รถคันอื่นของบริษัท

(ปัจจุบันผมก็เปลี่ยนรถอีกคันนึงของบริษัทมาใช้นะครับ เก่ากว่าคันเดิมอีก)

แล้ววันนึง หากมันเสียระหว่างที่ผมใช้อีก ผมจะต้องมานั่งรับผิดชอบค่าซ่อมแพงๆแบบนี้อีก

ผมคงไม่ไหวจริงๆครับ ขอลาเลย

คงต้องเข้าไปคุยไปอธิบาย แต่ถ้าบริษัทยืนกรานจะให้ท่านชดใช้
ก็ฟ้องแรงงานเลย

ไม่มีทางที่บริษัทจะจ่ายให้ทุกกรณีหรอกครับ ยกเว้นว่ารวยจริงๆ กำไรดีจริงๆ

เพราะไม่งั้นคงพนักงานก็ไม่สนใจรถ รถเสียมากขึ้น รายจ่ายก็ตามมา

ธรรมดาตอนได้รถมาต้องมีการคุยตกลงกันหรืออาจมีเซ็นอะไรเพิ่มเติมด้วยซ้ำอยู่แล้ว

ว่ากรณีไหนบ้างบริษัทรับผิดชอบ กรณีไหนต้องรับผิดชอบเอง

ถ้าทางบริษัทไม่ได้บอกเราก็ต้องถามให้เข้าใจ จะได้รู้ว่าเราทำได้ไหม

อย่างที่ท่านบอกว่าทำไม่เป็น จะได้ทำให้เป็น ถ้าปล่อยให้เกิดปัญหาแล้ว

มาบอกทำไม่เป็นคงฟังไม่ขึ้น

มันไม่ได้รถหายหรือเราไปชนใครนิ ถึงต้องรับผิดชอบ


แต่นี่มันเหตุสุดวิสัย ยังไงบ.ก้อต้องออกให้ทุกอย่างดิ


บางทีรถของตัวเองยังดูแลไม่ถึงขนาดที่ hr คุณบอกเลยน่ะ


ให้เช็ดทั้งคันทั้งหมด แหม่ เห็นตรูเป็นวินดีเซลตอน fast ภาค 4 หรอ


รื้อรถทั้งคันแล้วประกอบกลับใหม่หมดได้

ดูแล้วใช้งานตามปกติ ผมว่าปัญหาอยู่ที่ไอ้ฝ่ายบุคคลคนนั้นมากกว่า ที่ไม่รู้เรื่อง ว่าเรื่องไหนควรให้พนักงานรับผิดชอบ หรืออันไหนบริษัทจ่าย ผมว่าถ้าระดับหัวหน้าของท่านน่าจะช่วยท่านได้นะ ต้องคุยกับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ

แต่ถ้าผู้ใหญ่มันงี่เง่าจะให้คุณจ่าย ผมว่าลาออกเหอะครับ เพราะเรื่องจุดนี้มันเป็นการใช้งานปกติ

อีกอย่าง การที่บริษัทจะให้ซ่อมแล้วขาย แสดงว่ายอมรับด้วยตัวเองแล้วว่ารถสภาพไม่ดี ใช้ต่อไปอาจมีเสียอีก

สรุปแล้ว พยายามแถ แล้วโยนความรับผิดชอบให้คุณอย่างไม่เป็นธรรมแน่ๆ ตามความคิดผมนะ

บริษัทที่ผมทำอยู่ โคตรรวยครับ กำไรคุยกันหลักร้อยล้านพันล้าน แต่ละปี ผมเป็นแค่พนักงานในบริษัทลูกเฉยๆ

รถคันอื่นที่เซลล์คนอื่นใช้ก็ซ่อมกันกระจายครับ เพราะรถมันเก่าเหมือนกันทุกคัน

ผมก็มั่นใจว่าเซลล์แต่ละคนมันคงไม่มีทางเก่งเรื่องเครื่องยนต์จนสามารถป้องกัน

ปัญหาตรงนี้ได้หมดหรอก

และอีกอย่างบริษัทไม่เคยแจ้งอะไรกับผมครับ รถผมก็เพิ่งเอาเข้าอู่ไปเพื่อซ่อมระบบแอร์

และระบบไฟไปก่อนจะหม้อน้ำรั่วไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ

ขนาดอู่ยังไม่เห็นเลยว่าท่อหม้อน้ำรั่ว แล้วผมจะทราบได้หรือครับ

ผมทำไม่เป็นนี่มันฟังไม่ขึ้นตรงไหนหว่า

ประกันไม่มีเลยเหรอครับ

อ่อ ลืมบอกไปครับ ว่าผมไม่ได้ครอบครองรถแต่เพียงผุ้เดียวนะครับ

เวลาผมไปส่งของ ผมก็ต้องใช้รถกระบะไปส่ง รถคันนี้ก็ต้องเอาไปจอดทิ้งไว้บริษัท

ให้แผนกอื่นๆยืมไปใช้ (คนในบริษัทจะชอบแย่งรถคันนี้ไปใช้กันครับ พวกช่างเคยบอกผม

ว่าเอาเฉพาะตัวเครื่อง รถคันนี้เครื่องโอเคสุด คนเลยอยากใช้กันเยอะ)

อย่างเทศกาลหยุดยาวๆ เช่นสงกรานต์ที่ผ่านมา บริษัทก็ไม่ให้ผมยืมรถไปไหนนะครับ

ต้องนำรถไปคืนบริษัท แล้วให้บรรดาช่างๆ ยืมรถไปขับกลับบ้านตจว.กันหมด

เคยเจอ HR ทำหน้าที่เกินหน้าที่ป่าวครับ นึกว่าเป็นภรรเมียเจ้าของบริษัทซะอีก หรืกนึกว่า HR คนนั้นถือหุ้นบริษัทอยู่

บ.ผม รถจมน้ำทั้งคัน ยังสบายเรย

ผมเป็นหัวหน้าคนนะครับ ในส่วนนี้ท่านไม่ต้องรับผิดชอบนะครับ เพราะเกิดจากเหตุสุดวิสัย

ซึ่งถ้ามองในรูปการบริหาร ทางบริษัทท่านจะต้องมีหน่วยงานยานยนต์ไว้ตรวจสอบนะครับ แล้วแต่จะตั้งอยู่ฝ่ายไหน บุคคล ยานยนต์ คลังสินค้า ซึ่งทุกๆบริษัท จะมีผู้รับผิดชอบกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว

ดังนั้นถ้าเกิดเหตุให้ท่านรับผิดชอบ ท่านขอดูเอกสารดังนี้เลยครับ

1.ใบตรวจเช็คสภาพ
2.หลักฐานการตรวจรับรถ
3.คู่มือการซ่อมบำรุงตามระยะทาง

ผมว่าท่านน่าจะเอาหลักฐานพวกนี้ไปแนบ กับหนังสือ(ปะหน้า) ขอยกเว้นค่าเสียหายตรงนี้ได้นะครับ

ที่นี่ไม่มีระบบที่ท่านว่าเลยครับ เวลารถมีปัญหาทีนึงก็ต้องไปขอเบิกใบขอซ่อมกับ HR ทีนึง

แล้วค่อยนำรถเข้าไปให้อู่ซ่อม ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนอะไหล่รถ ไม่ว่าชิ้นส่วนใดๆ

พนักงานที่นำรถไปซ่อม ต้องนำชิ้นส่วนที่เปลี่ยนนั้นๆ กลับมาจากอู่มาให้บริษัทดูด้วย

ตามนี้ครับ

ผมมีกรณี แบบนี้ เหมือนกันนะครับ

บุคคล เขาจะให้ พนักงาน(ฝ่ายขาย) เซ็นสัญญายืม อุปกรณ์ของบริษัท ทั้งหมด
(พนักงานบางคนเขาก็ไม่ยืมนะ / บางคนเขาไม่ลงทุน เขาก็ยืม)
- ทำหาย จะชดใช้คืน หรือซื้อมือสองมาคืน
- ชำรุด โดยที่เกิดจากพนักงาน ก็ต้องจ่ายค่าซ่อม เช่น หน้าจอมือถือแตก / หน้าจอโน๊ตบุ๊คแตก
- จะมีกรณีที่ไม่ต้องชดใช้ คือ พังด้วยอุบัติเหตุ / สภาพหมดอายุการใช้งานจริงๆ
กรณีบริษัทจะขอกลับมาเลย ซื้อใหม่คืนให้

แบบนี้ถ้าคิดอีกมุมนึง HR สามารถให้รถใหม่กับใครก็ได้ เพื่อให้มาวิ่งยำๆๆ พอถึงระยะแสนสองแสนก็ให้กับคนใหม่ ความคิดผมมันเหมือนการผลักภาระไปนะครับ

งั้นลองให้ศูนย์ออกใบรับรองว่าเกิดจากการเสื่อมสภาพดีกว่าไหมครับ

เป็นแค่อู่ซ่อมรถธรรมดาครับ ไม่ใช่ศูนย์รถยนต์เลย แต่จะลองไปพูดคุยดูวันพรุ่งนี้
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

กรณีน้ำหม้อน้ำหมด

ถ้าเอารถกลับมาไว้ที่ท่านเลย อาจจะมีโอกาสโดนตักเตือน อันนั้นการดูแลพื้นฐาน ถือว่าสะเพร่า

ส่วนถ้ารถหลายมือ ก็ต้องดูว่าใครเป็นคนรับผิดชอบหลัก

แต่นี่หม้อน้ำรั่ว ไม่มีทางรู้ก่อนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร

สิ่งที่เป็นไปได้คือ

1. บริษัทนี้แม่งห่วย จ้องจะเอาเปรียบลูกจ้าง

2. พนักงานที่จะให้ท่านจ่ายเงินแม่งห่วย แยกแยะไม่ได้ หรืออาจจะอยากเอาหน้าว่าเซฟเงินบริษัท หรือไม่ก็งุบงิบเก็บเงินไว้เอง

ก่อนจะลาออก แนะนำให้ทำเรื่องร้องเรียนคนที่บอกให้ท่านจ่ายเงินก่อนครับ

เพราะสุดท้ายแล้ว มันอาจจะทำให้คนที่ออกไม่ใช่ท่านก็ได้

หกเดือนค่าคอมฯ ยังไม่ถึงพัน แล้วจะยังให้ลูกจ้างจ่ายค่าซ่อมรถอีก นี่ท่านไปทำงานหรือไปเป็นลูกค้าของบริษัทอ่ะท่าน แต่ก็เอาน๊ะ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ หาทางเลือกใหม่ๆ เอาไว้บ้างนะท่าน สังคมปัจจุบันมันต้องดิ้นรน ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ สู้ๆ

ชื่อ บริษัท ไรเนี่ย ใบ้หน่อยได้มั้ย
จะได้ไม่ไปทำ

แสดงว่าไม่ค่อยรู็เรื่องรถยนต์สินะ หม้อน้ำรั่วมันโคตรเหตุสุดวิสัยเลย ขนาดช่างเก่งๆก็ยังไม่มีทางรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำว่ามันจะรั่วเมื่อไหร่

นิสสันมาร์ช เครื่องมันแค่1.2หรือ1.3เองไม่ใช่เหรอ
มันไม่เหมาะจะเอามาขับออกต่างจังหวัดไกลๆอยุ่ละนิ รถพังพอดี ทำไมคนไทยถึงไม่มีความรู้เรื่องนี้กันนะ-.-"
ส่วนเรื่องใครจะรับผิดชอบ ต้องดูที่สัญญาตอนเข้าทำงาน เค้าต้องมีให้เซ็นเอกสารการยืมใช้รถของบริษัทอยู่ละ

ไม่ต้องรับผิดชอบครับ อย่าไปยอมเชียว หากจะต้องรับผิดชอบผมคิดว่าก็เป็นไปตามเรื่องละเมิด คือประมาทซึ่งน่าจะต้องเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือเจตนา กรณีนี้จขกทเป็นเซลล์
ไม่ได้มีหน้าที่ต้องดูแลรถอยู่แล้ว หรือหากจะมีบริษัทก็ควรจะต้องมีคู่มือชัดเจนเลยว่าคนที่เอารถไปใช้ต้องทำอะไรบ้าง1234 หากเป็นกรณีลืมเติมน้ำมันจนโดนค่าลากรถอันนั้นผมว่าประมาทร้ายแรงชัดเจน แต่หม้อน้ำปกติมันไม่ต้องเติมอยู่แล้ว ที่มันพังก็เพราะมันรั่วซึ่งน่าจะเกิดจากการใช้งานตามธรรมดา
สรุปว่า เป็นผมไม่จ่าย ถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปแจ้งกรมแรงงานได้

ห่วยครับ ลาออกเลย บริษัทระดับยอดขายเป็นพันๆล้านนี่ ปกติเค้าต้องมีหน่วยงานบำรุงรักษาแยกต่างหากแล้วครับ คอยเช็คสภาพรถ เป็นประจำ เซลล์มีหน้าที่ดูแลรักษาในเบื้องต้นที่พอจะทำได้เช่น เติมลมยาง เช็คพวกของเหลวต่างๆ เท่านั้น หรือถ้าใช้งานหนักจริงๆทำไมไม่มีคนแนะนำฝ่ายบัญชีบ้างครับว่าให้เช่าจากบริษัทเอา ที่ทำงานผม รถถ้าใช้งานไม่มาก จะซื้อ แล้วมีหน่วยงานบำรุงรักษา คอยดูแลตามระยะ คนขับมีหน้าที่ขับอย่างเดียวและดูแลตามคู่มือที่จัดทำไว้ให้ในรถ รถเสียจากการใช้งานตามปกติขึ้นมาไม่ต้องเสียตังสักบาท / ถ้าใช้งานเยอะจะใช้เช่าเอาจากบริษัท หักกลบลบหนี้แล้ว คุ้มกว่ากันครับ พอเช่าครบ 4 ปี เค้าก็เปลี่ยนรุ่นใหม่คันใหม่มาให้ ค่าเช่าตลอด 4 ปี ก็พอๆกันกับค่าเสื่อมเวลาขายทิ้งนั่นแหละครับ

สรุปว่าบริษัทห่วยครับ ผลักภาระให้เซลล์ที่เป็นคนหาเงินให้บริษัท อย่าไปยอมครับ