ถ้าเป็นสัก 2-3 ปีที่แล้วสโมสรในลีกเมืองไทยจะเฟ้นหาแข้งต่างประเทศ พวก ''ของแท้'' มาอวดกันเพราะที่เจอๆ พวกของปลอมทำเหมือน ''สิงห์ยูทูบ'' เยอะ ก็หวังว่านักเตะต่างแดนเหล่านั้นจะสร้างผลงานให้กับทีมได้เหนือกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา ครั้นจะไปหวังกับนักเตะไทยเกรดเอ พวกทีมชาติก็มีให้เลือกอยู่หยิบมือเดียว แต่ยุคนี้ พ.ศ.นี้กลับชิงชัยกันว่าใครจะสามารถปั้นนักเตะดาวรุ่งได้โดดเด่นจี๊ดจ๊าดกว่ากัน
เหตุผลที่ทุกทีมมุ่งมั่นที่จะสร้างผู้เล่นเลือดใหม่ขึ้นมาก็เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก นักเตะต่างชาติเกรดเอที่จะมาเป็นความหวังของทีมได้ในยุคนี้ก็ต้องมีค่าเหนื่อยเดือนละ 3-4 แสน เป็นอย่างน้อย ไม่รวมค่าเซ็นอีกเป็นล้าน
เรียกว่าถ้าอยากได้นักเตะดีๆ มาร่วมทีมสักคน งบประมาณจะเลยเถิดไปเท่ากับจ่ายค่าแรงให้นักเตะคนอื่นๆ ได้เกือบครึ่งทีมเลยทีเดียว ทางออกที่ดีที่สุดก็คือต้องพยายามสร้างนักเตะขึ้นมาด้วยตัวเอง
คิดง่ายแต่ทำยากครับ การสร้างนักเตะสักคนต้องลงทุนทั้งเวลาและเม็ดเงินไม่ใช่น้อย ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภททีม เห็นเก่งๆแล้วเอามาเลี้ยงคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องเลี้ยงทั้งทีมทำเป็นอะคาเดมี่ รุ่นละ 20-30 คน ปั้นกันตั้งแต่ 12 ขวบ กว่าจะใช้งานได้ใช้เวลา 5-6 ปีพอถึงช่วงโตเต็มวัยสัก 18-19 จากรุ่นละ 20คน เหลือคนที่ยังเก่งอยู่ไม่กี่คน บางรุ่นไม่เหลือเลย เท่ากับเม็ดเงิน เวลาที่ลงทุนไปก็เสียเปล่า
บางทีมคิดสั้น ก็เลยไม่เลือกวิธีสร้างเด็กแบบนี้ เก็บเงินไว้รอหาตัวดีๆ แล้วทุ่มซื้อเข้ามาร่วมทีมเลยดีกว่าแม้จะแพงไปหน่อยแต่ก็ใช้งานได้เลย
ปีนี้นักเตะดาวรุ่งเกิดขึ้นในไทยลีกเยอะครับ จากปีที่แล้วที่ บีอีซี เทโรฯ สร้างวันเดอร์คิดส์ให้สะเทือนวงการอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม,ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยาฯลฯ
ความสำเร็จของมังกรไฟในปีที่แล้วทำให้หลายโมสรกล้าปล่อยดาวรุ่งลงมาเล่น ปีนี้บางกอกกล๊าส หวือหวาที่สุดก็จากฝีเท้าของดาวรุ่งอย่าง บดินทร์ ผาลา มิดฟิลด์วัย 20,ธนาสิทธิ์ ศิริผลา "เต๋าดินโญ่", หัวหอกอย่างอนันต์ บัวแสง นักเตะเหล่านี้กระดูกชั้นบอลถึงแล้วกลายเป็นตัวหลักของทีม ทำให้เกมมีมิติขึ้นไม่ใช่ใช้งานแต่ตัวหลักเดิมๆ อันดับของบีจีเลยก้าวพรวดๆ ขึ้นมาพร้อมกับการแจ้งเกิดของนักเตะเหล่านี้
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ปั้นนักเตะปีละหลายคน แต่แข้งดาวรุ่งเมืองทองขึ้นมายากหน่อยเพราะเต็มไปด้วยพี่ๆ ฝีเท้าระดับชาติล้นทีม ปีนี้มี สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ แบ็กวัย 20ปีที่ปั้นกันมาตั้งแต่ เจเอ็มจี อะคาเดมี่ รุ่น 12 ปี ก่อนส่งไปหาประสบการณ์กับนนทบุรีจนถูกเรียกติดทีมเยาวชน 19 ปีไทย ถึงเวลาแล้วที่จะใช้งานในทีมชุดใหญ่ของกิเลน ซึ่งหมอนี่ก็ไม่ทำให้ผู้บริหารผิดหวัง
ชลบุรีปีนี้ที่โดดเด่นต้องยกให้ "เจ้ายิม" วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จับตานักเตะรายนี้ไว้ดีๆ พรสวรรค์ล้วนๆ ระดับเยาวชนโดดเด่นที่สุดเคยไปฝึกกับเลสเตอร์ ในอังกฤษหรือทีมในเจลีกมาแล้ว เรียกได้ว่าเก่งเกินตัวเหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันมาทุกรุ่น ปีนี้มีโอกาสเล่นในลีกใหญ่ล่าสุดก็เพิ่งพังประตูสุดสวยให้ทีมชนะราชบุรีมา
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นอีกปีหนึ่งที่ส่งดาวรุ่งลงเล่นเพียบ นำทัพโดย สิทธิโชคกันหนู ที่กล้าๆ ใส่ลงไปเป็นหัวหอกเคียงข้างกับนักเตะต่างชาติเงินเดือนหลักล้าน แม้จะยังไม่สามารถถล่มประตูได้ติดต่อกันแต่ประสบการณ์จากการเล่นกับนักเตะแพงๆ มีสิทธิ์แจ้งเกิดในไม่ช้า หรือกระทั่งกองหลังอย่างปฏิภาณ อุ่นอบ ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน
ที่ทะลุเป้าสุดๆ ต้องทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ที่นอกจากจะได้รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก มาเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ได้ สหรัฐกันยะโรจน์ เดินตามรอยติดทีมชาติเลยทำให้ทีมกว่างโซ้งไม่ต้องดิ้นรนหาเงินมาซื้อนักเตะค่าตัวแพงๆ สู่ทีม
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นที่บรรดาสโมสรในเมืองไทยหันมาปั้นนักเตะดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มากขึ้น หากสามารถปั้นได้อย่างนี้นอกจากจะประหยัดงบประมาณสโมสรสร้างกำไรสูงสุดแล้ว ทีมชาติยังจะมีทางเลือกใหม่ๆ เข้าสู่ทีมอีกเพียบ
ปูเป้
ที่มา :
