ที่มา Poprock on FIELD / http://pantip.com/topic/33193663

กระทู้นี้เขียนขึ้นในฐานะที่ชอบ ซลาตัน เป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเนื้อหาอาจมีการเอนเอียงเข้าข้างไปบ้าง
หากใครต้องการจะโต้แย้ง เชิญโต้มาได้เลยนะครับ ขอความกรุณา อย่าหยาบ อย่าเสี้ยม อย่าไร้สาระเป็นพอ

พร้อมแล้วมาอ่านกันเลย Let's Go!





1. ซลาตันเป็นพวกเหยียดผิว?


ประเด็น : คลิปซลาตันยืนมองรูบิน โอโคไตท์ กองหน้าทีมชาติออสเตรียด้วยแววตาเหยียดๆ ทำให้เขาถูกเข้าใจว่า ซลาตันเป็นพวกเหยียดผิวที่ไม่ยอมให้รูบิน มาแตะตัวเพราะรูบินเป็นคนผิวสี



ข้อเท็จจริง : ในเกมนั้นคือ เกมระหว่างทีมชาติออสเตรีย และทีมชาติสวีเดน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกม เป็นการเข้ามายืนบังประตู และรูเบนได้เข้ามาแตะตัวซลาตัน ซลาตันได้มองเขาแบบหาเรื่อง จนรูบินไม่กล้าแตะเขาอีก

เกมนี้มีประเด็นตรงที่ ในช่วงครึ่งแรก อิบรา ถองอลาบาที่หน้าแล้วไม่เจอใบแดง แต่ดูจากจังหวะแล้ว อลาบาเข้าด้านหลัง และด้วยความสูงคนละไซส์ด้วย เป็นไปได้ที่จะไม่เห็น อาจเจตนาหรือไม่ก็ได้ ถือว่ายกประโยชน์ให้

จนท้ายเกมมามีช็อต มองรูบิน แบบเหยียดๆอีก ที่รูบินไปแตะตัวแบบนั้น บังเอิญที่ ทั้ง 2 คนดันเป็นผิวสี คนเลยตั้งข้อสังเกตุว่า ซลาตันเป็นพวกเหยียดผิวใช่หรือไม่ เพราะ รูบินกับอลาบาที่เป็นไนจีเรียน
รูบิน พ่อเป็นคนไนจีเรีย แม่เป็นคนออสเตรีย
อลาบา แม่เป็นคนฟิลิปปิน พ่อเป็นไนจีเรีย

ในประเด็นเหยียดผิว มีแต่ซลาตันเท่านั้นที่รู้ตัวว่า เขาเป็นพวก RACIST หรือไม่ แต่หากดูจากประวัติส่วนตัวและสิ่งที่เขาเคยบอก คิดว่า ซลาตันไม่น่าจะเป็นพวกเหยียดผิว



เพราะ อิบราเกลียดคนเหยียดผิวมาก เนื่องจากตัวเขาเองก็เคยโดนเหยียดผิวมาเช่นกัน ตอนที่ยังเป็นเด็ก ตอนเด็กคนอื่นๆจะล้อว่า อิบราไม่ใช่สวีเดนแท้ เพราะคนสวีเดนส่วนใหญ่ จะผมบลอนด์ ตาสีฟ้า แต่อิบราไม่ใช่ เขาเลยถูกล้อเลียนมาตลอด ตอนเจอเรียกติทีมชาติสวีเดนครั้งแรกๆ ก็เจอโจมตีเรื่องชาติพันธ์อีกครั้งว่า เขาไม่ใช่สวีเดนแท้ (เพราะอิบรามีเชื้อบอลข่าน) ไม่ควรเจอเรียกติดทีมชาติ

ในตอนนั้น อิบราบอกว่า เขาไม่สนพวกเหยียดผิวหรือเหยียดเชื้อชาติ
"นี่มันยุคไหนแล้ว ใครอยากจมอยู่กับความคิดตัวเองก็ทำไป โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว"

ตอนย้ายไปเล่นในอิตาลี กัลโช่ ซีรีอา แฟนบอลอิตาลีบางพวกเรียกจะเรียก อิบราว่า "Zingaro" ความหมายประมาณว่า พวกเร่รอน พวกอพยพแบบพวกยิปซี เพราะเจอเรื่องเช่นนี้มาตลอด อิบราเลยไม่ชอบเรื่องเหยียดผิวเช่นกัน

ความเห็นส่วนตัว : สำหรับช็อตนี้กับรูบิน เรามองว่าเป็นความกระทบกระทั่งในเกมธรรมดา เวลาใกล้หมดแล้ว แต่เกมยังเสมออยู่ และอิบราเจอกองหลังออสเตรียประกบ 2-3 มาทั้งเกม ซึ่งกองหลังก็ไม่ผิดที่ทำแบบนั้น แต่อิบราแค่ออกท่าทางอารมณ์เสียที่มาเจอประกบอีกรอบ จนมองรูบินเหยียดๆแบบนั้น ซึ่งก็ผิดตรงที่มองเหยียดแบบนั้น แต่เราว่าไม่น่ามีเหยียดเพราะสีผิวแน่นอน



2.ซลาตันจอมหยิ่งที่มองข้ามนักเตะคนอื่นไปหมด?


ประเด็น : ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งตอนตนฤดูกาล 2013-14 ซลาตันเคยให้สัมภาษณ์ถามนักข่าวว่า “สเตอร์ริดจ์คือใคร?” นั่นทำให้แฟนบอลอังกฤษ และแฟนบอลลิเวอร์พูลส่วนหนึ่งไม่ใจมากที่ อิบราทำตัวหยิ่งสโยเช่นนั้น ด้วยการบอกว่าไม่รู้จักสเตอร์ริดจ์ ทั้งที่สเตอร์ริดจ์ที่เป็นนักเตะทีมชาติ ที่มีชื่อเสียงมากพอสมควร

ข้อเท็จจริง : คำถามนั้นคือ นักข่าวให้ซลาตัน ลองเปรียบเทียบว่า การจับคู่ของนักเตะในพรีเมียร์ลีก คู่ไหนเจ๋งกว่ากัน ระหว่าง โรบิน ฟาน เปอร์ซี กับ เวย์น รูนี่ และ ซัวเรซ กับ สเตอร์ริดจ์ ซลาตันเลยถามกลับไปว่า สเตอร์ริดจ์นี่ใคร?

เป็นไปได้ว่า ซลาตันไม่รู้จักสเตอร์ริดจ์จริงๆ ไม่ใช่คำถามกวนโอ้ยแต่อย่างใด เหตุผลที่ว่า ทำไมซลาตันถึงไม่รู้จักสเตอร์ริดจ์ ทั้งที่สเตอร์ริดจ์ก็ถือว่า มีชื่อเสียงพอสมควรในช่วงนั้น ออกทีวีช่องกีฬาเกือบตลอด

สำหรับนักกีฬา(ฟุตบอล) เป็นไปได้จริงๆที่เขาจะไม่รู้จักนักเตะอีกคนต่อให้มีชื่อขนาดไหน

ซลาตันเคยบอกว่า เขาไม่ค่อยได้ดูทีวี ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ เพราะฉะนั้นเขาไม่ค่อยสนใจว่าใครจะพูดอะไรกัน และนักเตะส่วนใหญ่ที่ ซลาตันพูดถึงหรือพูดออกจากปากเขา มักเป็นนักเตะที่เขารู้จักหรือเคยพูดคุยด้วยจริงๆ เขาถึงจะบอกว่า “รู้จัก” เช่น ซลาตัน ปลื้มอองรีมาก และเคยแสดงควาเห็นเรื่องโรบินจะย้ายไปแมนฯยูฯ เพราะฉะนั้นหากไม่เคยเจอกันบนสนาม ซลาตันแทบจะไม่พูดถึงเลย หรือหากไม่โด่งดังมากๆจริงๆ เพราะเขาไม่รู้จักจริงๆ



กรณีนี้ไม่ได้มีแค่ซลาตัน แต่วตีเว่น เจอร์ราร์ดเองก็เคยพูดเช่นกัน กรณีตอนที่ ยาโก้ อาสปาสย้ายมาลิเวอร์พูล เจอร์ราร์ด ออกปากว่า เขาไม่เคยได้ยินชื่อ อาสปาสมาก่อน จนกระทั่งเขามาอยู่กับทีมแล้วนั่นแหละ

หรือตอนที่ เซร์คิโอ รามอสบอกว่า เขาก็ไม่รู้จักแกเร็ธ เบล เช่นกัน เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อนบนสนาม (รามอสพูดว่า เพราะไม่เคยเล่นกับสเปอร์สในแชมป์เปี้ยนลีก) จนกระทั่งเบลมาอยู่รีล มาดริด ถึงได้รู้ว่า เบลเป็นนักเตะที่เก่งมากๆเลย

ความคิดเห็นส่วนตัว : ไม่แปลกเลยที่นักเตะอีกคนจะไม่รู้จักนักเตะอีกคน เหมือนกับว่า เราเองก็ไม่ได้รู้จักคนดังที่อยู่ในสาขาอาชีพเรา แม้เขาจะออกทีวีบ่อยก็ตาม แค่ไม่ได้สนใจ และ ทำงานของเราไปวันๆ นักฟุตบอลเองก็เช่นกัน



3.ซลาตันเกลียดเป็ป กวาดิโอล่า และ เมสซี่?


ประเด็น : ในหนังสือ I AM ZLATAN ที่ซลาตันเป็นผู้แต่ง มีการเปิดเผยว่า เหตุผลที่เขาอยู่บาร์เซโลน่าไม่ได้ เพราะ เขาอยู่กับคนแบบเป็ปไม่ได้ เข้ากันไม่ได้ และ การต้องถูกบังคับให้ไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด เพราะนักเตะอีกคน อย่าง เมสซี่ เขาก็รับไม่ได้ รวมทั้งวัฒนธรรมของสโมสรก็ไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิดเดียว นั่นทำให้แฟนๆบาร์เซโลน่า และแฟนๆเป็ปหลายคนไม่พอใจสิ่งที่ซลาตันทำกับเป็ป (การโยนข้าวของใส่เป็ป และทะเลาะกันอย่างรุนแรงในห้องแต่งตัว)

ข้อเท็จจริง : ซลาตันทะเลาะกับเป็ปจริงๆ เพราะเขาเขียนบอกโดยละเอียดในหนังสือของเขาเอง ซลาตันบอกว่า เขาไม่ชอบวิธีที่เป็ปทำเวลาคุยกัน เขานิ่งเงียบ ทำเหมือนว่าอิบราร้ายอยู่ฝ่ายเดียว เขาไม่ชอบวิธีที่ไม่คุยกันให้รู้ดำรู้แดง แต่ทำนิ่งแบบนี้ เขาเคยเรียกเป็ปว่า “ไอ้ขี้ขลาด”

แต่หากคุณถามว่า ซลาตันจะโหวตใครให้ได้ โค้ช ยอดเยี่ยมแห่งปี ในรางวัลบัลลงดอร์ ซลาตันจะโหวต เป็ป กวาดิโอล่า นั่นแหละ เพราะ ซลาตันบอกว่า เขาคิดว่าเป็ป กวาดิโอล่า เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งของโลก และเขาเคารพเป็ปในส่วนนั้น แต่ตอนที่พวกเขาทะเลาะกัน เขาก็แค่ไม่ชอบอะไรบางอย่างในนิสัยของเป็ปแค่นั้น

ต้องแยกให้ออก ระหว่างเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัว

ไมโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ส่วนตัวของ ซลาตันก็กล่าวเช่นกันว่า เป็ป เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่ใช่คนที่ดูแลคนอื่นดีนัก เขาพูดจาดีตอนที่อยากให้ซลาตันไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า แต่เมื่อไปถึงจริงๆ เขาไมได้ดูแลซลาตันดีแบบที่เคยพูดเลย ซึ่งมันทำให้ ไมโน่รู้สึกแย่มากๆกับเป็ป และ ซลาตันก็บอกว่า ช่วงเวลาของเขาในบาร์เซโลน่า เป็นช่วงเวลาที่ไม่สวยงามเลย



อีกเหตุผลที่ ซลาตันถูกโจมตีอยู่บ่อยๆ คือ การพาดพิงถึง ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งซลาตันได้พูดในส่วนของเขาแล้ว ว่า เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นตัวเลือกลำดับสองรองจากใคร เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้คิดว่า เมสซี่เก่งกว่าเขา เหตุผลมีเท่านั้น นี่เหมือนกับกรณีของกวาดิโอล่า ซลาตันไม่ได้เกลียดเมสซี่ เพราะเมื่อคุณถามซลาตันอีกสักกี่ครั้งว่า "โรนัลโด้ หรือ เมสซี่?"

คำตอบที่ได้ก็จะเป็น “เมสซี่” ทุกครั้งไป
"ผมคิดว่า เมสซี่เก่งเองโดยธรรมชาติ ขณะที่โรนัลโด้ เป็นดอกผลของความพยายามอย่างหนัก"

และ เมสซี่ยังเป็นหนึ่งใน นักเตะยอดเยี่ยมในทีมยอดเยี่ยมของ ซลาตันด้วย





4.ซลาตันเป็นนักฟุตบอลที่น่ารังเกียจ เขาถ่อย และไม่ให้เกียรติคน?


ประเด็น : ซลาตันมีประเด็นมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนเกลียดท่าทางการเล่นของเขาบทสนามที่ เข้าบอลแรง ถึงลูกถึงคน ไม่ยอมใคร และชอบคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลก เป็นพวกหลงตัวเองขนานแท้

ข้อเท็จจริง : ซลาตันเติบโตมาพร้อมความคิดเช่นนั้นจริงๆ เขาคิดว่าเขาเก่งที่สุดในเรื่องฟุตบอล และเขาพยายามแสดงมันออกมาตลอดเวลา ทั้งจากคำพูดและฝีมือบนสนาม แต่สิ่งที่หลายคนด่ากลับไม่ได้ เพราะซลาตันเองก็สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์จริงๆ

ด้วยความที่เป็นนักเตะที่ย้ายทีมบ่อย เติบโตมาแบบยากลำบาก ทำให้บุคลิกของเขาเป็นพวกเถื่อนๆ รุนแรงตามไปด้วย เขาเคยขู่จะทำให้ฟานเดอร์ฟาร์ทขาหัก นั่นเป็นข่าวฉาวและพฤติกรรมที่หลายๆคนรับไม่ได้

มีนาคม ปี 2013 ลูคัส มูร่า นักเตะบราซิลรุ่นน้องในทีม ให้ข่าวในทำนองว่า “ซลาตันหยิ่งนิดๆ และชอบดูถูกคน แถมยังเจ้าอารมณ์และชอบตะโกนบ่นด่าคนอื่นจนเป็นนิสัย” หลังจากข่าวนั้นฟีดแบ็คออกมารุนแรงมาก ทำให้มูร่าต้องออกมาแถลงในวันต่อมาทันทีว่า “เป็นการแปลบทสัมภาษณ์ที่ห่วยแตกมาก” เพราะเขาไม่ได้สื่อความหมายเช่นนั้นเลย ซลาตันเป็นคนสำคัญ มูร่าบอกว่า พวกเรามีปัญหาเรื่องภาษากัน (ใน PSG มีนักเตะหลายสัญชาติ) แต่ทุกคนก็พยายามเข้าใจคำสั่งของแต่ละคน โดยเฉพาะซลาตันที่เป็นกัปตันทีม เขาสั่งนี่นั่นเกือบตลอด ทำให้เราต้องพยายามเข้าใจกันให้มากที่สุด มีบางครั้งที่เขาสั่งอะไรมา แล้วเราก็ฟังไม่เข้าใจบ้าง แต่อยู่ๆไปเราก็เข้าใจกันเอง

เกือบทุกสโมสรที่เขาอยู่ มักมีปัญหาทะเลาะวิวาท เกิดขึ้นเกือบทุกครั้ง ทั้งที่ Ajax, Barcelona, Milan, Juventusนั่นทำให้เขามีภาพลักษณ์แบบนี้ติดมาตลอด “ตัวปัญหา” เป็นไปไม่ได้ที่คนดีๆจะมีเรื่องเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่า ซลาตันไม่เคยบอกว่าเขาเป็นคนดี เขาบอกอยู่ตลอดถึงสภาพที่เขาเติบโตมา หากไม่ได้เป็นนักฟุตบอล เขาคงเป็นโจร



ตอนต่อยกับเพื่อนร่วมทีมในมิลาน ซลาตันบอกว่า มันเป็นเรื่องของความหมั่นไส้ล้วนๆ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกหมั่นไส้ และสุดท้าย เขาก็มักเป็นคนผิดเสมอ เพราะเขาเป็นคนผิดมาตลอดอยู่แล้ว

ตอนมีเรื่องกับฟานเดอร์ฟาทที่อาแจ็กซ์ มันเป็นปัญหาจากทีมชาติและลามมาจนถึงในสโมสร ซลาตันเล่าว่า โค้ช (โรนัล คูมันน์) ให้เขาและฟานเดอฟาทคุยกันเพื่อเคลียร์ แต่ฟานเดอร์ฟาร์ทก็ยังให้ข่าวไม่หยุดเรื่องที่ เขาจงใจทำฟาล์ว ซลาตันขอโทษเขาเป็นการส่วนตัว และอยากให้มันจบ อยากให้รู้ว่าเขาเองไม่ตั้งใจ แต่ฟานเดอร์ฟาร์ทไม่คิดเช่นนั้น เขายังคงคิดว่า ซลาตันตั้งใจ จนซลาตันเองก็เหนื่อยจะขอโทษ เขาจึงบอกฟานเดอร์ฟาร์ทว่า “หยุดพูดเรื่องโกหกสักที ก่อนที่ฉันจะหักขาแกซะ” นั่นคือประโยคที่ทุกคนไม่เคยลืมเกี่ยวกับซลาตัน และมันก็ตามติดไปยังทุกสโมสรที่เขาย้ายไป

นักเตะหลายคนเคยยกย่องซลาตัน และตำหนิเรื่องท่าทีหยิ่งยโสของเขา ฌิบริล ซิสเซ่เองก็เคยออกปากชื่นชมซลาตัน แต่ติเตียนเรื่องนิสัยหยิ่งผยองของเขา หากลดลงไปได้ เขาจะเป็นนักเตะที่เพอร์เฟ็คเลยทีเดียว เพราะเท่าที่เขาเป็นอยู่ ก็เหนือมนุษย์มนาไปอยู่แล้ว

ซลาตันบอกแค่เพียงสั้นๆ เขารู้ตัวว่าตัวเองทำผิดพลาดมาเยอะ
แต่ "Nobody’s Perfect"

ที่สุดแล้วในบทสัมภาษณ์หลังๆของซลาตันเอง เขาก็ได้บอกว่า ทุกความผิดพลาดเขาพยายามเรียนรู้จากมันเสมอ แต่เขาเป็นคนที่ไม่แคร์อดีต ทุกครั้งที่มองกลับหลัง เขาจะมองเห็นแค่ ที่ที่เขาจากมาเท่านั้น (เด็กชายจาก โรเซนการ์ด ชุมชนแออัดในสวีเดน) นั่นคือที่ที่บอกว่า เขาโตมาจากในที่แบบไหน และเขาต้องทำให้มันดีขึ้นไปอีกนับจากนี้

เขาไม่เคยแคร์เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่เคยเก็บมันมาใส่ใจ แบบที่ครั้งนึง ฟานเดอร์ฟาร์ทเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะเอาคืนซลาตันให้ได้ (ในเกมชปล.เกมนึงที่ สเปอร์สจะพบมิลาน) ถ้าได้เอาคืนซลาตัน เขาคงสะใจมาก แต่ซลาตันตอบเพียงแค่ว่า

"ผมสนแค่เรื่องที่จะพาทีมเข้ารอบเท่านั้น เรื่องที่ผ่านไปแล้วผมไม่อยากใส่ใจ"

10 แต้มให้อิบราฮิโมวิค



5.ซลาตันเป็นพวกลืมบุญคุณคน?


ประเด็น : ซลาตันทะเลาะกับโค้ช มีเรื่องกับเพื่อนที่บ้านเกิด เป็นอริกับสื่อท้องถิ่นในสวีเดน เท่านี้เขาก็ถูกโจมตีว่าเป็นพวกลืมกำพืด ลืมบุยคุณคนแล้ว

ข้อเท็จจริง : ซลาตันบอกเสมอว่ามีโค้ชอยู่ 2 คนที่หล่อหลอมสไตล์ฟุตบอลของเขาให้กลายเป็นอย่างทุกวันนี้

คนแรกคือ ฟาบิโอ คาเปลโล่ สมัยที่เขาอยู่ที่ยูเวนตุส คาเปลโล่ สอนให้เขาเอาชนะ และปลูกฝั่งสัญชาติญาณการเอาชนะในตัวเขา กับ โชเซ่ มูริณโญ่ ชายที่เขาบอกว่า เขายอมตายแทนได้ เขาได้สิ่งที่ไม่เคยได้จากใครคนไหนจาก มูริณโญ่ ซลาตันบอกว่า เขาไม่เคยเจอโค้ขคนไหนที่รู้จักคู่แข่งได้ดีเท่านี้มาก่อน จะมีโค้ชสักที่คนที่รู้ไซส์รองเท้าของผู้รักษาประตูมือ 3 ของทีมตรงข้าม

ซลาตันให้นิยามมูริณโญ่ไว้ว่า "เขาคือคนที่เปลี่ยนผม จากแมว ให้กลายเป็น สิงห์โต"
(ก่อนหน้านี้นั่นแค่แมวเองเร้อะ ...)



ขณะที่เขาชื่นชมคาเปลโล่ในฐานะอาจารย์ รักมูริณโญ่ขนาดยอมตายแทน คาร์โล อันเชล็อตติ คือคนที่เขาคิดว่า เป็นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ

"เขาคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก ความรู้สึกคือ เหมือนเราเป็นพ่อลูกกัน"

28 พฤษภาคม 2014 ทีมชาติสวีเดน มีโปรแกรมกระชับมิตรกับ ทีมชาติเดนมาร์ก จบเกม สวีเดนแพ้เดนมาร์กไป 1-0 แบบที่รูปเกมไม่สวยงามเท่าไหร่
หลังจบเกม ซลาตันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเตรียมนั่งรถบัสกลับ ก็มาเจอชายคนแก่คนหนึ่งยืนดักรอยู่หน้าห้องล็อคเกอร์

ซลาตันจำชายคนนั้นได้ทันที
ชายคนนั้นคือ John Steen Olsen



ซลาตันรีบเดินเข้าไปทักทายเป็นการใหญ่ เพราะชายคนนี้คือ สเก๊าคนที่พาซลาตันมาแจ้งเกิดกับ อาแจ็กซ์ อัมซเตอดัม ตอนปี 2000 นั่นเอง
โอลเซน เป็นสเก๊าของอาแจ็กซ์ ที่ดูแลสอดส่องนักเตะฝั่งสแกดิเนเวียน หลังจากได้เห็นฟอร์มการเล่นของซลาตัน ใน MALMO FF เขาจึงตัดสินใจพาซลาตันเข้าโปรแกรมฝึกของอาแจ็กซ์ ซึ่งนั่นคือก้าวสำคัญที่สุดในชีวิตของซลาตันเลยทีเดียว (นักเตะดังๆที่ผ่านการแนะนำของ โอลเซน Michael Laudrup, Jesper Grønkjær, Zlatan Ibrahimovic, Christian Eriksen, Nicolai Boilesen, Tobias Sana และ Viktor Fischer)

ซลาตันเอาเสื้อทีมชาติให้โอลเซน โอลเซนบอกว่า "ฉันมีอยู่ 6 ตัวแล้วนะไอ้ลูกชาย"
โอลเซนมีเสื้อของซลาตัน 6 ตัว เป็นเสื้อทีมชาติ 3 และเสื้อปารีสฯอีก 3
"อีกสักตัวจะเป็นไร" ซลาตันบอกเขา ก่อนเอาเสื้อทีมชาติสวีเดนให้โอลเซน

"ผมกับเขาเรายังติดต่อกันตลอด เขาเป็นคนดี ทั้งในและนอกสนาม ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเขาแล้ว เขามีทุกอย่างสำหรับนักบอล ทั้งลูกยิงที่รุนแรงเหมือนม้าดีด ยังรูปร่างของเขาอีก"

หลังออกจากอาแจ็กซ์ ซลาตันก็มีช่วงเวลาที่ดีและย่ำแย่กับหลายสโมสร โอลเซนยังเป็นคนที่เขาติดต่อด้วยอยู่ตลอด และ โอลเซนก็ไปดูซลาตันเล่นเกือบทุกเกมสำคัญของเขาด้วย
"ปกติผมจะติดต่อกับนักเตะของผมเกือบทุกคน แม้เขาจะไปจากอาแจ็กซ์แล้วก็ตาม ซลาตันก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมคอยถามตลอดว่า ชีวิตเขาเป็นยังไงบ้าง ไปดูเกมสำคัญของเขา ตอนเขามีปัญหา เขามักโทรมาขอคำปรึกษาจากผมเสมอ และเขาก็กล่าวขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆที่ผมและเขามีด้วยกัน"



โอลเซนบอกว่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ซลาตันจะกลายมาเป็นนักเตะระดับโลก โอลเซนรู้สึกดีที่วันนี้ได้เห็นว่า ซลาตันยังคงมีช่วงเลาที่ยอดเยี่ยมกับปารีสฯแม้จะอายุมากแล้ว
ซลาตันเคยบอกโอลเซนว่า

"ผมก็เหมือนไวน์แดง ยิ่งแก่ยิ่งดี"
ขณะที่ซลาตัน ซาบซึ้งกับสิ่งที่โอลเซนมอบให้ โอลเซนก็ภูมิใจกับสิ่งที่เขาค้นพบมากเช่นกัน

"ซลาตันอาจจะขอบคุณผมที่ผมไปเจอเขาในวันนั้น แต่ผมเองก็ต้องขอบคุณเขาเช่นกัน เขาช่วยเหลือผมในเรื่องงานมากมายเช่นกัน หากไม่มีเขา ทุกคนคงไม่รู้จัก จอห์น สตีน โอลเซน หลังจากความโด่งดังของซลาตัน ทำให้งานการเป็นแมวมองของผมง่ายขึ้น นั่นใครกันนะ .. อ้อ ก็
ชายที่ค้นพบซลาตันไงล่ะ' .. นี่แหละสิ่งที่ซลาตันมอบให้ผม"

ปัจจุบัน จอห์น สตีน โอลเซน รีไทร์จากการเป็น สเก๊าที่ Ajax แล้ว แต่ยังคงวะเวียนไปชมเกมและดูเด็กๆที่สนามซ้อมอยู่ตลอด





6.ซลาตันเป็นพวกหยิ่งยโสโอหัง และไม่ค่อยสนใจแฟนบอล?


ประเด็น : บุคลิกของซลาตันทำให้เขาถูกเพ่งเล็งจากสื่อต่างๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดจาร้ายๆใส่ผู้สื่อข่าวผู้หญิง ท้าให้เธอพิสูจน์ว่าเขาเป็นเกย์จริงหรือไม่ หรือการที่ตอบโต้แฟนบอลทีมตรงที่ตะโกนด่าเขาด้วยท่าทีกวนประสาท แม้แต่การที่เขามักไม่ค่อยพูดขอบคุณหรือบอกรักแฟนบอลออกสื่อนัก ซลาตันเป็นนักเตะจอมหยิ่งขนานแท้

ข้อเท็จจริง : หากคุณต้องการฟังคำหวาน ซลาตันไม่มีให้คุณ หากคุณต้องรอยยิ้มโปรยสเน่ห์ ซลาตันไม่มีให้คุณ แต่หากคุณต้องการความจริงใจ ซลาตันมีให้คุณเต็มเปี่ยม

นี่คือนักฟุตบอลคนหนึ่งที่ RESPECT และใส่ใจแฟนๆมากคนหนึ่งเท่าที่เรารู้จัก

ซลาตันแทบไม่เคยปฏิเสธแฟนบอล ตอนที่เขาใช้ชีวิตนอกสนาม แฟนๆชอบเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย และเขาไม่เคยปฏิเสธเลย หากมาด้วยความสุภาพ ไม่ว่าจะมากแค่ไหน เห็นได้จาก รูปคู่กับแฟนคลับที่มีออกมามหาศาล มากกว่านักเตะคนดังคนไหน เวลาซลาตันใช้ชีวิตปกติ เขาใช้การ์ดูแลตัวเองน้อยมาก ผิดจากนักบอลคนอื่นที่ต้องการความเป็นส่วนตัวพอสมควรเวลาใช้ชีวิตปกติที่จะจ้างการ์ดเป็นจำนวนมากคอยดูแลพวกเขา (ใครกล้าแหยมกับพี่แก?) ทำให้แฟนๆเข้าถึงตัวได้ง่ายมาก คุณจะได้เห็นว่า แฟนๆถ่ายรูปคู่กับซลาตันได้อย่างง่ายดายและมหาศาล ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่



ในฟุตบอลโลก 2014 ที่ริโอ เดอ จาเนโร แฟนๆบราซิลไม่ได้พบ ซลาตันบนสนาม เพราะสวีเดนตกรอบเพลย์ออฟ แต่ซลาตันก็พาครอบครัวมายังบราซิลเพื่อดูบอล และเขาตระเวนไปทั่วริโอ เพื่อพาครอบครัวท่องเที่ยว ขณะที่ภาพถ่ายคู่กับแฟนๆก็ตามมาเกือบทุกที่ที่เขาเดินทางไป ซลาตันจะยิ้มกว้างใส่กล้อง ผิดจากบุคลิกบนสนามอย่างสิ้นเชิง

แฟนๆที่เจอซลาตันนอกสนามบอกว่า เขาเป็นคนสุภาพมากๆ และแทบจะไม่มีท่าทีดุร้ายใส่แฟนบอลเลย ไม่ว่าจะถูกขอถ่ายรูปสักกี่ครั้ง หากคุณยังจำได้ หน้าบ้านซลาตัน เคยมีแฟนๆและนักข่าวไปรุมรถของเขา ขณะที่เขาเอากระจกลงเพื่อแจกลายเซ็นแฟนๆ อีกฝั่งนักข่าวผู้หญิงก็ถามคำถามยั่วยุเขาเรื่อง ภาพถ่ายคู่กับปิเก้ ในเชิงรักร่วมเพศ นักข่าวสาวพยายามถามว่า “คุณโกรธมั้ย คุณโกรธมากสินะ ภาพนี้หมายความว่าไงเหรอซลาตัน” ซลาตันยังคงแจกลายเซ็นแฟนบอลต่อไป พอเขาแจกลายเซ็นแฟนๆเสร็จ เขาจึงหันมาบอกนักข่าวคนนั้นว่า

"อยากรู้ว่าผมเป็นเกย์มั้ย ไปบ้านผมสิ ชวนน้องสาวคุณมาด้วยนะ เดี๋ยวก็รู้ว่า เกย์ไม่เกย์"

สำหรับซลาตัน ACTION = REACTION เท่านั้นเอง



7.ซลาตันเป็นพวกเคร่งเครียดตลอดเวลา?


ประเด็น : จากภาพลักษณ์อันดุดันป่าเถื่อนของเขาบนสนาม และบรรดาภาพแอบถ่ายที่เห็นเวลาเขาใช้ชีวิตปกติทำให้มีหลายคนคิดว่า ซลาตันเป็นคนเครียดๆ ดูไม่ค่อยเป็นคนตลกรึป่าว

ข้อเท็จจริง : เราต้องแยกคำว่า เคร่งเครียด กับ จริงจังออกจากกัน ซลาตันเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องงานและเรื่องครอบครัว เขาให้เวลาเต็มที่กับทั้ง 2 เรื่องแบบ 50/50 นอกจากงานก็ครอบครัว เพราะฉะนั้น 2 เรื่องที่ห้ามตอแยเขาจริงๆ คือ เรื่องงาน (บนสนาม) กับเรื่องครอบครัว (ชีวิตส่วนตัว)





แตะเขาได้แต่ห้ามแตะเมียกับลูกเขาเด็ดขาด
(ใครจะกล้าล่ะเพร่...)


หากเป็นเรื่องนอกเหนือจากเรื่องนี้ ซลาตันก็ใช้ชีวิตเต็มที่ทุกด้านเหมือนกัน หากใครติดตามเขาจะทราบว่า เขาไม่ใช่ขวัญใจนักข่าว(หน้าใหม่) แต่เป็นขวัญใจนักข่าวรุ่นเก๋า ไม่ว่าคุณจะยิงงคำถามสัมภาษณ์แบบไหนไป เขาจะตอบกลับมาแบบกวนเบื้องล่างทุกครั้ง และหากเขายิงมุกกลับมา ถ้าคุณรับมุกทัน มันก็จะเป็นสัมภาษณ์ที่ลื่นไหลไปโดยปริยาย นักข่าวฝรั่งเศสหลายคนเกลียดเขา และ รักเขา เกลียดเขา เพราะเจอเขากวนตรีนใส่ และ รักเขาเพราะเขาตอบอะไรตรงๆเสมอ และอะไรตรงๆที่ว่า มันก็เป็นข่าวชิ้นเด็ดได้ทุกครั้ง

มุกตลกของเขามักเป็นตลกร้ายที่คนฟังอยากเงิบ แต่หลายคนรับมุกทันก็จะฮาตามไปด้วย

เช่น

• สมัยที่เขาอยู่ Ajax นักข่าวเคยถามเขาว่า เขาจะอยู่ Ajax ต่อไหมในฤดูกาลนี้
ซลาตันตอบกลับมาว่า "ไม่อ่ะ ผมจะไปโรเซนเบิร์ก ได้ยินมาว่าพวกเขาอยากซื้อตัวผมอยู่ จบนะ"

• ครั้งหนึ่งตอนเล่นทีมชาติสวีเด่น นักข่าวเลยตามตีอขอสัมภาษณ์ท้ายเกม
เขาตอบว่า
ซลาตัน : ปัดถ่อเอ้ย คุณอยากจะฟังอะไรล่ะนี่ ...โอ้โห ใส่น้ำหอมอะไรมานี่ เหม็นชิบเป๋ง...เหม็นจริงๆนะ กลิ่นมันฟุ้งมาก

นักข่าวก็หัวเราะแหะๆ ตากล้องขำจนกล้องสั่น พอจะบอกลา นักข่าวก็บอกว่า

นักข่าว : เจอกันอีกที่ที่สวิสเซอร์แลนด์นะ
ซลาตัน : ไม่อ้ะ อย่าเจอกันเลย!

• อีกครั้งกับนักข่าวหน้าใหม่
นักข่าว : คุณคิดว่าผมควรจะถามคำถามอะไรคุณดี
ซลาตัน : ไม่รู้สิ นั่นหน้าที่คุณนะเห้ย ผมมาอยู่นี่เพื่อตอบคำถาม ไม่ใช่เพื่อถามนะ ปัดถ่อ
นักข่าว : แหม แต่คุณได้โอกาสแล้วนะที่จะลิขิตอาชีพผม
ซลาตัน : โอเค คุณเคยสัมภาษณ์ใครมาก่อนมั้ยเนี่ย
นักข่าว : ไม่เคยสัมภาษณ์คุณไง
ซลาตัน : งั้นโอเค ใจเย็นๆนะเพื่อน มันไม่มีอะไร มันเจ๋งดีแล้วหล่ะ


• สัมภาษณ์ครั้งแรกๆที่อาแจ็กซ์

นักข่าว : คุณมีวิธีแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทีม Ajax ยังไงบ้าง
ซลาตัน : เฮ้ ฉันคือซลาตัน แล้วพวกแกเป็นใครวะ?
(555555555555555555555555555 อันนี้พี่แกเล่นมุกนะ)

• แกล้งแพทย์ทีม
ซลาตัน : หมอรีบเลยหมอ ไอ้ลาเวซซี่แย่แล้ว
หมอ : ไหนๆๆๆๆ
ซลาตัน : 555555555555555555555555
หมอ : บักห่านเง้ย บักนี่
ซลาตัน : 555555555555555555555555555



• สัมภาษณ์เกมทีมชาติก่อนพบโปรตุเกสในรอบเพลย์ออฟไปบอลโลกที่บราซิล ปี 2014

ซลาตัน : เขาผ่านเราไปไม่ได้ง่ายๆ หรอก เราเองก็อยากไปเล่นบอลโลกมากจริงๆ แต่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่ตอบได้
นักข่าว : คงยากที่จะไปถามเขาอ่ะนะ (เล่นมุก พูดถึงพระเจ้า)
ซลาตัน : (รับมุก) คุณกำลังคุยกับเขาอยู่นี่ไง


• บัลลงดอร์ปี 2013 เจอเจอร์เกน คล็อป
ซลาตัน : อ้าว คล็อปว่าไง เมื่อไหร่จะพาผมไปอยู่ดอร์ทมุนด์สักที
คล็อป : นายก็พูดไปนะ
ซลาตัน : เห้ยพูดจริงๆ ไม่ต้องบอกออกสื่อก็ได้
คล็อป : ฉันคงต้องขายยกทีมเพื่อมาซื้อนาย
ซลาตัน : เห้ยไม่ต้อง ไปฟรีเลย
คล็อป : พูดเองนะ ไงพวกคุณได้ยินใช่มั้ย (หันไปหาตากล้อง)
ซลาตัน : (หันไปหากล้อง) ช่าย ย้ายฟรีไปดอร์ทมุนด์
คล็อป : ว้อนจริงๆ โทรหาฉันแล้วกัน



• บทสัมภาษณ์ล่าสุด เรื่องดราม่าเกี่ยวกับเขาและคาวานี่
นักข่าว : เรารู้มาว่า คุณไม่ค่อยส่งบอลให้คาวานี่?
อิบรา : คุณเล่นบอลเก่งกว่าผมเหรอ?
นักข่าว : เปล่า
อิบรา : อืม งั้นพูดทำไม
นักข่าว : ผมก็แค่ทำหน้าที่ผม
อิบรา : แล้วสรุปเป็นนักข่าวหรือตากล้อง
นักข่าว : นักข่าว
อิบรา : แล้วมาถือกล้องถ่ายไปด้วยทำไม
นักข่าว : ก็ที่ทำงานผมทำงานลักษณะนี้
อิบรา : อ้อ ทุนต่ำสินะ



ไม่รักเลย ก็เกลียดเลยล่ะงานนี้!



- ชีวิตนอกสนาม ซลาตันทำอะไรบ้าง -


อันนี้เราพิเศษให้ ซลาตันปกติมีข่าวเสียเยอะกว่าข่าวดี เพราะข่าวดีของเขาขายไม่ค่อยได้ เช่น เขาเคยให้เงินสนับสนุนแบบไม่เปิดเผยชื่อกับทีมฟุตบอลคนพิการในสวีเดน ให้ได้ไปแข่งบอลโลก แต่สุดท้ายเจ้าของทีมชาติดันนำชื่อเขามาเปิดเผยจนกลายเป็นข่าวในที่สุด

- ซลาตันเคยมีข่าวว่า ยิงกวางมูสตัวใหญ่กว่า 500 กิโลกรัม ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ทำให้ผู้คนออกมาโจมตีเขามากมายกับกีฬาล่าสัตว์ของเขา ซลาตันไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไร นั่นทำให้เขามีภาพลักษณ์ของคนโหดร้ายหนักขึ้นไปอีก ซึ่งตัวเขาเองได้รับใบอนุญาติล่าสัตว์แบบถูกกฏหมายในพื้นที่ล่าสัตว์ตั้งแต่ปี 2010 และการล่าครั้งนี้ก็ไปไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายในสวีเดน แต่อาจผิดศีลธรรมสำหรับคนทั่วไปเท่านั้นเอง ซึ่งอิบราก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร นอกจากล่าสัตว์แล้ว เขายังชอบตกปลามากๆ ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมที่เขาออกไปใช้เวลาว่างอยู่บ่อยๆกับการตกปลาในสถานที่ต่างๆ



- นอกจากกิจกรรมกลางแจ้งแล้ว เขายังชอบเทนนิสมาก ซึ่งมาชอบมากในระยะหลังที่เขาอยู่ปารีสฯ หากมี France Open เขาจะเป็นผู้ชมขาประจำในบ็อก VIP เพื่อชมการแข่งขันเทนนิส ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกเชิญลงไปในสนาม เกมนั้นเป็นเกมของ โนวัค ยอโควิช ซึ่งซลาตันออกตัวว่า เขาเล่นไม่เป็น แต่โนเล่ก็ยังขอร้องให้เขาเล่น พวกเขาตีโต้กันเป็นพิธีก่อนจบด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนทั้งสนาม (มีการตั้งข้อสังเกตุว่า แม้อิบราจะบอกว่าเขาเล่นไม่เป็น แต่จริงๆเขาน่าจะเคยเล่นเทนนิสมาก่อน เพราะเขาดีได้ดีเลยทีเดียว) หลังจากนั้นมา เทนนิสกลายเป็นกีฬาอีกประเภทที่เขาชอบมาก และเขาใช้เทนนิสในการผ่อนคลายอารมณ์ในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย

Zlatan Ibrahimovic vs Novak Djokovic



"วันนี้ ผมได้ลองทำบางอย่างที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย และผมก็พึ่งตระหนักว่า เทนนิสเป็นหนึ่งในความสามารถของผม.."

พอแข่งเสร็จโนเล่เลยเรียกซลาตันลงมาเล่นเทนนิสด้วยกัน
เมื่ออิบราลงไป พิธีกรก็เริ่มถามเค้าว่า
พิธีกร : ซลาตัน คุณชอบเล่นเทนนิสมั้ย
ซลาตัน : ชอบสิแต่ผมไม่รู้ว่าจะเล่นยังไงน่ะ (เดี๋ยวนะ -*-)
พิธีกร : ดีเลย วันนี้เรามีครูสอนมาให้คุณแล้ว

และพิธีกรก็ส่งไมค์ให้เทพก๊าก (โนเล่) ซลาตันเจ้ายุทธภพ มาเจอเกรียนออนคอร์ทหน่อยเป็นไง!

โนเล่ : ซลาตัน คุณไม่ต้องกดดันหรอก ไม่ต้องกดดัน คนแค่ 1,500 คนเอ๊ง ไม่ต้องซีเรียส...
ซลาตัน : (ยิ้ม) (เจอหักคอหลังเกมแน่ อิลิง 55555555555)









และในนัดชิง ซลาตันก็พาครอบครัวมาดูการแข่งด้วยเช่นกัน







ตอนจบเกม โนเล่คว้าแชมป์ เขาเลยมอบแร็คเก็ตเป็นของที่ระลึกให้กับลูกชายของซลาตัน





อ่า .. จากมิตรภาพนี้ ในอนาคตเราคงได้มีคู่หูมหาประลัยโลกเดือดแน่นอน





หมายเหตุ :
ในบรรดานักฟุตบอล ซลาตันน่าจะเป็นนักฟุตบอลแถวหน้าของโลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นที่สุดแล้ว ในเรื่องความห่าม เถื่อน โหด ดุ แต่บางครั้งกลับมีมุมเขินอายด้วยเช่นกัน เช่นในตอนที่ต้องลงไปเทนนิสกับโนเล่ คนดูบอกว่า ซลาตันดูน่ารักมาก เพราะเขาดูเขินอายมาก
ขณะที่ซลาตันเป็นสุดยอดบนสนามฟุตบอล โนเล่ก็เป็นสุดยอดบนคอร์ทเทนนิสด้วยเช่นกัน ด้วยอันดับ 1 ของโลกที่การันตี โนเล่ยังเป็นแชมป์เทนนิสที่ดูจะแปลกๆ (ห้ะ) กว่าแชมป์ทั่วไป เพราะเขาเป็นคนตลกมาก จนถึงขั้นเกินไป จนถึงขั้นเกรียนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นมือ 1 ที่ร้อยปีมีหนก็ยังได้กับคนนิสัยแบบนี้ (เว่อร์ไปนิด แต่ก็ประมาณนี้ล่ะ 555)

โนเล่เป็นประเภทชอบอำ ชอบแกล้ง ชอบแซวคนค่ะ เขาเลยแซวซลาตันได้เต็มที่
เราไม่แน่ใจว่าเขาทั้งคู่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนหรือไม่ (ซึ่งน่าจะไม่) แต่มิตรภาพวันนี้น่ารักจริงๆ
ก่อนแซว ท่านลิงเล่ ควรดูฟอร์มของซลาตันบนสนามบ้างนะคะ ทั่นจะไม่กล้าแซวเขาอีกเลย 55555555555555

ใครเคยเห็นแล้วขออภัย พอดีเห็นว่าน่ารัก เลยอยากเอามาฝาก

- เขาไม่ชอบให้ลูกชายเขาทั้งสองคน เรียกเขาว่า "ซลาตัน" แม้จะเป็นแค่การเรียกเล่นๆก็ตาม เขาไม่อยากให้ลูกชายมองเขาเหมือนที่แฟนๆมอง เขาจะรู้สึกดีมากที่ลูกเรียกเขาว่า ปาป๊า เขาเป็น "ซลาตัน" แค่นอกบ้าน เมื่อเขาอยู่บ้าน เขาก็เป็นพ่อธรรมดาๆคนนึง







น้ำตาของ Zlatan Ibrahimović


วันที่ อิบราฮิโมวิค ซลาตันขึ้นไปรับถ้วยรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของสวีเดนประจำปี 2014 ในเดือน พฤศจิกายน

"หลังจากรับไปแล้ว 9 รางวัลคุณยังจะเหลืออะไรให้พูดอีก ผมว่าคงไม่ค่อยมีหรอกนะ
แต่เอาเป็นว่า ผมคิดว่ารางวัลมันก็บ่งบอกความหมายของตัวมันเองอยู่แล้ว

ผมยังคงอยู่ได้ด้วยความฝันวัยเด็กของผม
รางวัลทั้งหมดที่ผมได้รับมา นั่นหมายถึงว่าผมประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง
และผมก็รู้สึกดีกับมัน ในสิ่งที่ผมทำได้

แต่นี่มันก็เป็นเรื่องเล็กๆไปเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Klas Ingesson และ Pontus Segerström
(นักเตะและโค้ชชาวสวีเดน และนักเตะชาวสวีเดน
พวกเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดในเดือนตุลาคม ปี 2014 ทั้งคู่)

พี่ชายผมพึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 เดือนก่อนด้วยโรคคล้ายๆกันนี้
เพราะฉะนั้นการได้ใช้ชีวิตต่อไปกับฟุตบอล จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก

เพราะฉะนั้น ... ไปสู่สุคติเถิดนะ

และผมขอขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยเหลือผมมาตลอด ทั้งในและนอกสนาม
ไม่มีพวกคุณ รางวัลนี้คงเป็นไปไม่ได้เลยกับผม"



เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก เพราะทุกคนได้เห็น น้ำตาของซลาตันเป็นครั้งแรกนั่นเอง
เสียใจก็ได้ ร้องไห้ก็เป็นนะ
เห็นโหดๆแบบนี้ก็เถอะ



มีประโยคนึงของอิบรา ที่เราชอบมาก ในบรรดาโควทกวนโอ้ยทั้งหมดที่เขาเคยพูด

"ผมเห็นตลอดแหละเรื่องที่ผู้คนมักจะบอกว่า ผมหยิ่งผยอง
พวกเขาบอกว่าผมอวดดี ดูถ่อยๆเถื่อนๆ คือผมเจออะไรแบบนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กละ
แต่เมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้มาเจอตัวผมเป็นๆจริงๆ
ส่วนใหญ่จะบอกว่า 'เห้ย ภาพลักษณ์ข้างนอกนี่ไม่เหมาะกับนายเลยว่ะ'

ที่ที่ผมจากมา ผู้คนไม่ตัดสินกันและกัน จนกว่าพวกเขาจะได้พบหน้าค่าตาและรู้จักกันจริงๆ
เพราะฉะนั้น ผมเลยไม่ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน"




ปล.ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบนะ แต่พออ่านแล้วรู้สึกว่า คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้วละ

"ผมคิดว่า เมสซี่เก่งเองโดยธรรมชาติ ขณะที่โรนัลโด้ เป็นดอกผลของความพยายามอย่าง

หนัก" ซลาตันคิดเหมือนผมเลยแหะ เพราะเหตุนี้ด้วยผมเลยชอบโด้มากกว่าเมซซี่เพราะผม

เป็นคนไม่มีพรสวรรค์ทำอะไรก็ต้องใช้ความพยายามมากๆ พอเห็นคนที่เก่งขึ้นมาเทียบพวก

ที่มีพรสวรรค์ได้ด้วยความพยายามอย่างมากๆผมเลยชื่นชมเขามากจริงๆ เห็นจากร่างกายโด้

แล้วคงผ่านความยากลำบากมามากจริงๆกว่าจะมาถึงจุดดนี้ได้

"ผมคิดว่า เมสซี่เก่งเองโดยธรรมชาติ ขณะที่โรนัลโด้ เป็นดอกผลของความพยายามอย่าง

หนัก" ซลาตันคิดเหมือนผมเลยแหะ เพราะเหตุนี้ด้วยผมเลยชอบโด้มากกว่าเมซซี่เพราะผม

เป็นคนไม่มีพรสวรรค์ทำอะไรก็ต้องใช้ความพยายามมากๆ พอเห็นคนที่เก่งขึ้นมาเทียบพวก

ที่มีพรสวรรค์ได้ด้วยความพยายามอย่างมากๆผมเลยชื่นชมเขามากจริงๆ เห็นจากร่างกายโด้

แล้วคงผ่านความยากลำบากมามากจริงๆกว่าจะมาถึงจุดดนี้ได้

ชอบไอหมอนี่เหมือนกัน แกมีคาแลกเตอร์ เป็นของตัวเองที่ชัดเจนดี ฝีเท้าก็เก่ง

หรือตอนที่ เซร์คิโอ รามอสบอกว่า เขาก็ไม่รู้จักแกเร็ธ เบล เช่นกัน เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อนบนสนาม (รามอสพูดว่า เพราะไม่เคยเล่นกับสเปอร์สในแชมป์เปี้ยนลีก) จนกระทั่งเบลมาอยู่รีล มาดริด ถึงได้รู้ว่า เบลเป็นนักเตะที่เก่งมากๆเลย


ตรงนี้ไม่น่าจะใช่นะครับ ไก่เจอมาดริด2เกม ก่อนเบลย้ายไปมาดริดครับ เบลยังเคยโดนรามอส เตะซะกลิ้งตรงริมเส้น (รามอสเล่นแบ๊กขวา)เป็นครั้งเดียวที่ไก่เคยเล่นUCL

ตอบที่7000ให้ท่านเลย

น่าจะก่อนหน้าที่เจอกับสเปอร์มั้งครับ

อาจจะใช่ครับ ผมก็คิดใกล้ไปนิด 55555

ผมรู้สึกว่าแกก็เป็นคนๆนึงที่นิสัยตรงไปตรงมาแค่นั้นเอง

ซึ่งการเป็นคนตรงไปตรงมาส่วนใหญ่อยู่ในสังคมลำบาก

คือคิดไรก็พูดเลย แสดงออกแบบตรงๆเลย

ผมว่านิสัยยังงี้ดีกว่านิสัยแบบจิกกัดลับหลังอีกนะ

มีเอนเอียงเข้าข้างซลาตันจริงๆแหละ แต่โดยรวมผมชอบนะ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ

นั่นใครกันนะ .. อ้อ ก็
ชายที่ค้นพบซลาตันไงล่ะ' .. นี่แหละสิ่งที่ซลาตันมอบให้ผม"

อยากเห็นอิบรามาพรีเมียร์ก่อนเลิกเล่น มันส์แน่งานนี้

ลงชื่อไว้ เดี๋ยวมาอ่านครับ

โคตรชอบคาแลคเตอร์ เท่ฟุดๆ

แค่ชื่อพี่ก็เท่แล้วอะ ซลาตัน

ช๊อตฮาล่าสุดของแกนี่ ผมชอบมากๆ ดูกวนมากๆๆและเป็นกันเองดี..

บอกตรงๆ นักเตะแบบสลาตัน ผมอยากให้อยู่แมนยูในยุคเซอร์จริงๆครับ
เห็นเงาคันโตน่าในตัวแก แต่ฝีเท้าผมว่าล้ำไปแล้ว