สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 11 : กิลส์ เดอ เรยส์
ขออภัยที่ผมไม่ได้นำเรื่องราวของสุดยอดดาวร้ายมาลงเลยใน 1 อาทิตย์เต็มๆที่ผ่านมา เนื่องจากผมไม่ค่อยมีเวลาว่าง งานกองสุมจนทำไม่ทัน TT แต่วันนี้มีเวลาว่างนิดหน่อยเลยได้หาเรื่องราวของบุคคลที่โหดร้ายในประศาสตร์คนที่ 11 มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน บุคคลนี้คือ "กิลส์ เดอ เรยส์" เป็นขุนนางคนนึงในฝรั่งเศสที่ได้ขึ้นชื่อว่าได้ทำสัญญากับซาตานเป็นเหตุให้ก่อเหตุการเลวร้ายขึ้นต่อหลายชีวิต สุดท้ายก็ถูกจับทรมานยอมสารภาพและถูกประหารชีวิต...
กิลส์ เดอ เรยส์
อดีตคนสนิทของ แจนน์ ดาร์ค (โจน ออฟ อาร์ค) วีรสตรีซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส หลังจากแจนน์ ดาร์คก็ถูกทหารฝ่ายศัตรูจับ และถูกเผา ทั้งเป็นในฐานะแม่มดเมื่อปี 1431 กิลส์ก็เริ่มบ้า และเชื่อว่าเลือดคนสามารถเล่นแร่แปรธาตุเป็นทองคำได้ ทำให้เขาริเริ่มทำการรวบรวมเด็กชาย จากที่ต่างๆมาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับปีศาจโดยเด็กบางคนถูกผ่าท้องแล้วทึ้งไส้ออกมา บ่อยครั้งที่กิลส์ข่มขืนศพของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว
เขาสะสมศีรษะของเด็กหนุ่มจำนวนมาก และศีรษะที่หน้าตาดีจะถูกเรียงไว้เหนือเตาผิงเหมือนเป็นคอลเลคชั่นพิเศษ มีการพบศพของเด็กจำ นวนกว่า 150 ศพ (ส่วนใหญ่ไม่มีศีรษะ) ในปราสาท แต่พูดกันว่าเหยื่อของเขาน่าจะมีมากกว่า 1500 ราย(อันนี้เกินไปหน่อย) และผลสุดท้าย กิลส์ ถูกตัดสินให้ประหารโดยการแขวนคอในวันที่ 26 ตุลาคม 1440 และศพถูกลงโทษโดยการเผา
เรื่องราวของกิลส์ เดอ เรยส์ซึ่งเป็นต้นแบบของนิทานเรื่อง"เคราน้ำเงิน"ด้วยนั้น มีการกล่าวในแง่ประวัติศาสตร์ว่าเรื่องของเขาถูกแต่งเติมให้เกินจริงทั้งโดยคำบอกเล่าในภายหลัง และเจตนาร้ายของผู้หวังในทรัพย์สมบัติของเขา ที่แน่ๆ เรื่องของชายผู้นี้คงจะถูกบอกเล่าต่อๆกันไปในฐานะตำนานอีกนานแสนนานทีเดียว
ปี 1404 กิลส์ เดอ เรยส์ เกิดที่ปราสาทชานโตเซ่ใกล้เมืองนันท์ของแคว้นบริทาเนียในฐานะทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล กี เดอ ราวาลผู้เป็นพ่อ เป็นเจ้าบ้านของตระกูลเรยส์ และแมรี่ เดอ คราออนซึ่งเป็นมารดาก็มาจากตระกูลขุนนางที่เก่าแก่ที่สุดตระกูลหนึ่งของฝรั่งเศส ทั้งสองต่างก็มีอาณาเขตในกรรมสิทธิ์ของตนเป็นบริเวณกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่มากมาย ซึ่งเมื่อกิลส์สืบทอดมรดก ตระกูลเรยส์ก็จะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในฝรั่งเศสอย่างไม่ต้องสงสัย
ปี 1415 กีเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน และแมรี่ก็ตายตามสามีไปในเวลาไม่นานนัก ตาเป็นผู้รับกิลส์ไปเลี้ยงดูแม้ว่าจะเป็นการขัดต่อพินัยกรรม ฌอง เดอ คราออนซึ่งเป็นตานี้ ใช่ว่าจะเป็นคนไม่ดี เพียงแต่ว่ามีรสนิยมรักร่วมเพศเท่านั้นเอง และคงเพราะอิทธิพลจากตา กิลส์ก็เลยมีรสนิยมเดียวกันนี้ด้วย
เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาก็ถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับแคทเธอรีน เดอ ทวาลซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ครองแคว้นข้างเคียงเนื่องจากตาของเขาต้องการขยายพื้นที่ในครอบครองออกไปอีก กิลส์ไม่ได้สนใจเจ้าสาวของเขานัก เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการสนุกสนานกับบรรดาเด็กหนุ่มที่เป็นคนสนิทของเขามากกว่า
หากในไม่ช้า การได้พบกับเด็กสาวผู้หนึ่งก็เปลี่ยนชีวิตของกิลส์ไปโดยสิ้นเชิง แจนน์ ดาร์ค (โจน ออฟ อาร์ค) วีรสตรีซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศสนั่นเอง
ปี 1429 พระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ทรงโปรดให้กิลส์เข้าเฝ้าและแนะนำให้เขาได้รู้จักกับแจนน์ ดาร์คซึ่งภายหลังถูกขนานนามว่าเป็นหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งออร์ลีนส์ กิลส์ประทับใจในในตัวแจนน์และประกอบกับว่าเขาเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าอยู่แล้ว เขาจึงได้สาบานตนเป็นอัศวินของแจนน์ และกลายมาเป็นมือขวาของเธอนับแต่นั้น
ทั้งสองสร้างผลงานไว้มากมายในสงครามร้อยปี ซึ่งทำให้กิลส์ได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นแม่ทัพและได้รับพระบรมราชานุญาติให้ประดับตราดอกลิลลี่ (ตราประจำราชวงศ์ฝรั่งเศส) ลงบนตราประจำตระกูลของเขาด้วย นับเป็นเกียตริสูงสุดเท่าที่เขาจะมีได้ในฐานะขุนนางทีเดียว
แต่แล้วในปี 1430 แจนน์ ดาร์คก็ถูกทหารฝ่ายศัตรุจับ และถูกเผาทั้งเป็นในฐานะแม่มดเมื่อปี 1431 (ปี 1456 พระสันตปาปาจึงยกให้คำตัดสินลงโทษแจนน์ ดาร์คเป็นโมฆะเธอถูกยกขึ้นเป็นนักบุญในปี 1920....เกือบ 500 ปีหลังจากการสำเร็จโทษที่รูน) กิลส์โศกเศร้ากับเหตุการณ์นี้มากและหวนกลับไปสู่ชีวิตแหลกเหลวก่อนจะพบกับเธออีกครั้ง
กิลส์โกรธแค้นพระเจ้าที่หักหลังแจนน์และแย่งเธอไปจากเขา เขาเริ่มฝักใฝ่ในมนต์ดำและการเล่นแร่แปรธาตุ ในไม่ช้า กิลส์ก็ทำการรวบรวมเด็กชายจากที่ต่างๆมาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับปีศาจ
เนื่องจากในเวลานั้นยังมีสงครามกันอย่างต่อเนื่อง ตามเมืองต่างๆจึงมีเด็กกำพร้าเร่ร่อนอยู่มากมาย หญิงชราและชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นลูกน้องของกิลส์พาเด็กเหล่านี้มายังปราสาท และตัดคอพวกเขาเพื่อสังเวยเลือดแก่พิธี ไม่นานนัก การสังเวยก็ค่อยเพิ่มความโหดร้ายทารุณขึ้น เด็กบางคนถูกตัดแขนตัดขาเป็นชิ้นๆ บางคนถูกฟาดหัวด้วยท่อนไม้ตอกตะปู บางคนถูกเฉือนเนื้อออกทีละน้อยเพื่อให้กรีดร้องอยู่ให้นานที่สุดก่อนจะหมดลมไป
เด็กบางคนถูกผ่าท้องแล้วทิ้งไส้ออกมา บ่อยครั้งที่กิลส์ข่มขืนศพของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว เขาสะสมศีรษะของเด็กหนุ่มจำนวนมาก และศีรษะที่หน้าตาดีจะถูกเรียงไว้เหนือเตาผิงเหมือนเป็นคอลเลคชั่นพิเศษ มีการพบศพของเด็กจำนวนกว่า 150 ศพ (ส่วนใหญ่ไม่มีศีรษะ) ในปราสาท แต่พูดกันว่าเหยื่อของเขาน่าจะมีมากกว่า 1500 ราย
งานเลี้ยงอันหรูหราและมนต์ดำทำให้กิลส์ผลาญทรัพย์สมบัติอันมหาศาลของเขาหมดไปในไม่ช้า กิลส์จึงต้องขายปราสาทในกรรมสิทธิ์ของตนไป และการขายปราสาทนี่เองที่ทำให้เขามีปัญหากับโบสถ์ ทำให้กิลส์ซึ่งเลือดขึ้นหน้าได้นำทหารบุกไปยังโบสถ์และจับกุมนักบวชหลายคนมาจองจำในปราสาทของตน
ทางด้านฝ่ายโบสถ์ซึ่งสงสัยกิลส์เกี่ยวกับคดีเด็กหายสาปสูญอยู่แล้ว(แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะนอกจากกิลส์จะเป็นขุนนางแล้ว ยังเป็น"วีรบุรุษกู้ชาติ"อีกด้วย)จึงได้อาศัยโอกาสนี้เองนำคนเข้าตรวจปราสาทของกิลส์และจับกุมเขาไว้ได้ในที่สุด
13 กันยายน 1440 พระสังฆราชซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาติจากพระเจ้าชาร์ลสฟ้องกิลส์ในข้อหาประกอบพฤติกรรมนอกรีต สังหารเด็ก ทำสัญญาปีศาจ และกระทำตนขัดต่อหลักธรรมชาติ ซึ่งไม่ว่าข้อหาใดต่างก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโดนประหารทั้งสิ้น (มีการกล่าวว่า พระเจ้าชาร์ลสและโบสถ์ได้ร่วมมือกัน เนื่องจากพระเจ้าชาร์ลสต้องการดินแดนในครอบครองของตระกูลเรยส์)
การพิพากษาถูกจัดขึ้นที่ปราสาทนันท์และกินเวลากว่า 1 เดือน กิลส์ซึ่งในครั้งแรกมีท่าทีแข็งขืนถึงกับหลั่งน้ำตาสำนึกผิดในภายหลัง เขาถูกตัดสินให้ประหารโดยการแขวนคอในวันที่ 26 ตุลาคม 1440 และศพถูกลงโทษเผา กล่าวกันว่ามีประชาชนมากมายพากันร้องไห้และอธิษฐานให้วิญญาณของวีรบุรุษกู้ชาติผู้นี้ได้รับการอภัย
(ในครั้งแรก จะมีการตัดสินโทษเผาทั้งเป็น แต่เนื่องจากการเผาทั้งเป็นถือเป็นการลบหลู่เกียรติมากในสมัยนั้น และด้วยว่ากิลส์มีความชอบ เขาจึงรอดโทษเผาทั้งเป็นไป)
"
ถึงกิลส์จะยอมสารภาพว่าลงมือฆ่าคนจริง แต่ถ้าคุณโดนทรมานแบบกิลส์ คุณจะยอมสารภาพไหม"
Credit :
http://ohx3.exteen.com/20070116/gilles-de-rais
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 10 : ฟรานซิสโก ปิซาร์โร
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1184080
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 9 : วลาด ดรากูล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183485
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 8 : คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183322
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 7 : ติมูร์มหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182902
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 6 : เจงกิสข่าน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182420
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 5 : พระเจ้าเบซิลที่ 2
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182304
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 4 : บูเช็กเทียน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182134/1
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 3 : อัตติลา เดอะ ฮั่น
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1153400
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 2 : พระเจ้าเฮโรดมหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152716
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 1 : กษัตริย์อัสเชอร์บานิปาล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152578
ชอบก็แผล่บให้ผมด้วยนะครับ ไว้ว่างๆจะนำมาลงให้อ่านอีกครับ