หลังจากเช้าวันที่ 9 กันยายน ตอนตี 2 .22 ที่ผมกำลังจากโดนเเฟนบอกเลิก
นี้คือเรื่องจริงเพราะผมกำลังจะเสียคนที่ผมรักไป
http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1115439/1
หลังจากโทรศัพท์ของผมถูดเธอตัดสายไป ผมตัดสินใจเขียนเรื่องราวทั้งหมดเพื่อสารภาพ
หวังว่าทุกอย่างมันคงจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ที่ผมเขียนลง ss เเละเเชร์ลงเฟส
เพราะผมรู้ว่าเธอจะไม่ยอมอ่านข้อความต่างๆที่ผมส่งไป มีทางเดียวคือ หวังพึ่ง
เพื่อนของเธอที่จะเปิดเข้ามาอ่าน เเล้วได้รับรู้ถึงเรื่องราวทุกอย่าง เพื่ออธิบายให้เธอฟัง
หลังจากผมสารภาพทุกอย่างของในกระทู้เสร็จ ผมตัดสินใจเเบกเป้ออกจากบ้าน
ตอนเวลา 4.30 ของวันที่ 9 กันยายน ด้วยความหวังที่ว่าทุกๆอย่างมันจะดีขึ้น
เเละมันคงจะต้องทัน
" เหมือนในหนังรักทุกๆเรื่องที่ผมเคยดู "
4.30AM start!!!
ผมออกมาโบกเเท็กซี่ที่หนังบ้าน ตรงดิ่งไปหมอชิตทันที สิ่งเเรกที่ผมทำคือ
หาเที่ยวรถไปหาเธอให้ได้เที่ยวเเรก เเละเป็นเที่ยวที่เร็วที่สุด ทำยังไง
ก็ได้ที่ผมจะได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าเธอ หลังจากเธอสอบเสร็จ ตอน 11.00 ของวันนี้
เเต่เจ้ากรรมบริษัทรถที่ผมใช้นั่งไปหาเธอทุกครั้ง เที่ยวเเรกที่จะออกจากหมอชิต
คือ 7.40 นับไปได้เลยครับ 8 ชั่วโมง อย่างเร็วสุดที่ผมจะไปยืนอยู่ต่อให้เธอได้
คือเวลา 16.00 ของวันนี้ ผมรนรานมากหวังอย่างเดียวรถอะไรก็ได้ที่จะไปได้เร็วที่สุด
ผมวิ่งไปวิ่งมาระหว่างช่องขายตั๋วของบริษัทต่างๆที่เริ่มทะยอยเปิดไฟเพื่อจะหาเที่ยว
รถที่จะออกได้เร็วที่สุด ผมเดินไปเดินมาจนตัดสินใจเดินเข้าไปซื้อบุหรี่ที่ร้านสะดวกซื้อ
พร้อมไฟเเช็ค เดินออกมาสูบที่จอดส่งผู้โดยสาร มันคือบุหรี่ซองเเรก หลังจากที่ผม
ตัดสินใจเลิกบุหรี่ในวันปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ปีนั้นให้เเฟนของผม
จนมีพนักงานขายตั๋วโดยสารเดินเข้ามาถามว่าผมจะไปไหน
ผมตอบถึงที่หมายที่ผมจะไปในทันที
พนักงานขายตั๋ว : โอเคน้องรถออก 5.30 ซื้อตั๋วได้เลย
ผมไม่เคยรู้สึกดีกับการเรียกลูกค้าไปซื้อตั๋วของบริษัทตัวเอง ที่เราเห็นจนชินตา
ที่หมอชิตเลยซักครั้ง เเต่ครั้งนี้ผมอยากจะบอกเจ๊เเกว่า ผมขอบคุณ ขอบคุณเจ๊จริงๆ
สำหรับโอกาสที่ผมจะได้ ไปยืนอยู่หน้าเธอคนนั้น ไปยืนอยู่หน้าเเฟนของผมอีกครั้ง
ถึงเเม้ตั๋วบัตรนั้นที่ผมซื้อมันจะเป็นรถเสริมที่เเม่งเกือบจะจอด บขส. เเทบทุกที
เเต่จากการบวกลบเวลาที่จะไปถึงเเล้ว ผมจะไปถึงตอน 13.00 ของบ่ายวันนี้
ตลอดทางผมพยายามทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้ทั้งส่งข้อความ ทั้งโทรไปหา
เเต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ
" ท่านกำลังเข้าสู่ระบบรับฝากขอความของหมายเลข "
ผมนั่งตาค้างจากประโยคต่างๆที่มันติดอยู่ในหูตอนที่เเฟนผมโทรมาร้องไห้ในคืนนั้น
ตลอดทางที่รถมันวิ่งไปผมนึกทบทวนถึงวิธีที่ผมจะไปขอโอกาสอธิบายเรื่องต่างๆ
ให้เธอฟังว่ามันจะมีวิธีไหนที่ดีที่สุด ไม่ว่ารถจะจอดเติมเเก๊ส ไม่ว่ารถจะจอด
รับผมโดยสารตามสถานีขนส่งต่างๆ ผมจะเดินลงจากรถเพื่อไปสูบบุหรี่
มันคือที่พึ่งของคนที่ไม่รู้จะหันไปพึ่งอะไร หลังจากที่รู้ว่ากำลังจะเสียทุกอย่างใน
ชีวิตไป
8.00 AM
ผมสามารถติดต่อเเฟนของผมได้ จากการพยายามที่จะกดโทรศัพท์โทรไปหา
ทุกๆ ชั่วโมง หรือทุกๆครั้งที่ผมจะมีโอกาสยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอได้
ฟังจากเสียงเธอผมรู้เลยว่าเธอคงจะร้องไห้มาทั้งคืน ผมพยายามเข้าประโยค
เพื่อจะขอโอกาสในการอธิบาย เเต่เธอก็บ่ายเบี่ยงเพื่อจะขอตัวไปอาบน้ำ
เตรียมตัวสอบใจเช้าวันนี้ ตลอดทางเพื่อนสนิทผมที่รู้ข่าวที่กระทู้ที่ผมเเชร์
ลงไปก็เริ่มโทรมาหาผมบ้างก็ให้กำลังใจ บ้างก็โทรมาตอกย้ำ
" เป็นไงละสนุกเลยสิทีนี้ เตือนเเล้วทำไรเสือกไม่คิดหน้าคิดหลังเอง "
10.30 AM
หลังจากที่รถจอดพักที่โคราช เเละหลังจากที่ระบายอารมณ์ลงกับบุหรี่
ที่ไม่รู้ว่าเป็นตัวที่เท่าไรของวันเเล้ว ผมตัดสินใจโทรไปหาอาป๋าผม
เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้อาป๋าของผมฟัง
อาป๋า : สรุปเเล้วคือประเด็นมันอยู่ตรงที่
ผม: เรื่องผู้หญิง
หลังจากที่โดนอาป๋าผมด่าไป ผมก็ส่งเบอร์โทรศัพท์ของเธอให้อาป๋า
ทางข้อความ เพื่อให้อาป๋าผมได้โทรไปคุยกับเธอหลังจากเธอสอบเสร็จ
เพราะผมกลัวว่าผมจะไปไม่ทัน เเล้วเธอจะหายไปจากชีวิตของผม
โดยที่ผมยังไม่ได้อธิบาย อะไรให้เธอฟังเลย หลังจากที่ผมเลือกวิธี
ลากให้อาป๋าผมเข้ามาช่วย ตอนนั้นคือบอกตรงๆผมเหมือนทุ่มไปหมดหน้าตัก
เเล้วกับความพยายามในครั้งนี้
12.00 PM
เเล้วความหวังของผมก็เริ่มกลับมา เเฟนผมโทรมาถามว่าผมถึงไหนเเล้ว
เพราะเธอได้ฟังเรื่องที่ผมเขียนสารภาพลงกระทู้ตอนตี 2 จากเพื่อนสนิท
ของเธอ เเละจากการที่อาป๋าของผมโทรไปหาเธอเพื่อขอโอกาสให้ผม
ได้อธิบายกลับเธอในบ่ายวันนี้ ความหวังของผมกำลังจะกลับมาเเล้ว
ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
13.00 PM
ผมถึงจุดหมายปลายทาง เเละถึงทางเเยกที่จะรู้ว่าสุดท้ายเเล้ว
เรื่องมันจะได้ไปต่อ หรือมันจะจบลงจากสิ่งที่ผมทำผิดลงไป
ผมเดินไปซื้อตั๋วรถกลับกรุงเทพ เที่ยวดึกที่สุดคือ 22.30
ไม่ว่าคำตอบมันจะออกมายังไง ผมก็พร้อมที่จะรับสภาพ
กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผมก็พร้อมจะกลับ
ไปทำงานในเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ทีมมีเเบบคอนส่งให้ทันในวันที่ 15
.......ผมนั่งเเท็กซี่เข้าไปหาเธอที่มอ ก่อนจะถึงเธอโทรเข้ามาถาม
อีกครั้งว่าผมถึงไหนเเล้ว เธอจะรออยู่ที่ห้อง ผมพยายามทำตัวเอง
ให้เป็นปกติมากที่สุด สูบบุหรี่อีกครั้งก่อนที่จะเดินขึ้นไปหาเธอที่ห้อง
ผมเปิดประตูห้องเธอเข้าไป ผมเห็นสภาพของเธอ ผมถึงกับกลั้น
น้ำตาไว้ไม่อยู่ สภาพของเธอดูเเย่มาก เเละคำพูกประโยคเเรก
ที่เริ่มสนทนาระหว่างผมกับเธอคือ " ผมขอโทษ " ประโยคง่ายๆ
ที่ผมไม่รู้จะอธิบายเเต่งเเต้มรูปประโยคอะไรให้ดูดีไปกว่านี้อีกเเล้ว
เธอมองหน้าผม เเละร้องไห้ทั้งน้ำตา ถามผมว่าเธอไม่ดีพอสำหรับ
ผม เธอทำผิดตรงไหน เธอไม่มีเวลาให้ หรือผมหมดรักเธอเเล้ว
ผมไม่สามารถบรรยายบรรยากาศตอนนั้นออมาได้จริงๆ รู้เเต่ว่า
ผมทำอะไรไปมากกว่านั่งมองหน้าเธอเเละร้องไห้ ด้วยความรู้สึกผิด
ผมกำลังจะเสียคนที่ผมรักไป เพียงเเค่อารมณ์ชั่ววูบ มันไม่ยุติธรรม
เลยสำหรับผม ไม่ควรจะจบลงอย่างนี้จากสิ่งที่เราทุ่มเททั้งเวลา
ทั้งความรู้สึก ให้กันไปตลอดเวลาที่เราเป็นเเฟนกันมา
เธอมองหน้าผม เเล้วถามว่าผมกินข้าวรึยัง ตอนนั้นผมก็พึ่งรู้สึกตัวว่า
ตั้งเเต่ตี 4 ที่ผมออกจากบ้านมาจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย
นอกจากน้ำ เเละบุหรี่ เธอเดินจัดการต้มมาม่าให้ผมกิน ผมพูดอะไร
ไม่ออกนอกนอกจากคำว่าขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ถึงมันจะไม่ได้ออก
มาจากปากของผม เเต่ผมขอบคุณเธอจริงๆที่เธอยังเป็นเธอคนเดิม
ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยผมในทุกๆเรื่อง เท่าที่เธอจะเป็นห่วงผมได้
เเละนั้นคือช่วงพักยกความรู้สึกทั้งหมดระหว่างผมกับเธอ
หลังจากที่ผมก้มหน้าก้มตากินมาม่าที่เธอต้มให้ เธอก็หันกลับ
ไปที่โต๊ะเปิดโคมไฟเเละอ่านหนังสือต่อ เธอบอกผมว่าเธอดีขึ้น
มากเเล้วขอบขอบคุณมากที่ทำให้เธอเดินต่อไปได้ เเละหลังจาก
สิ้นประโยคนั้นมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ครั้งเเรกในรอบวัน
ตลอดบ่ายนั้นผมไม่ขออะไรมากนอกจากที่จะได้นั่งมองคนที่ผมรัก
หนังอ่านหนังสือ ขอบคุณมากสำหรับโอกาสที่เธอให้ผมได้เเก้ตัวอีกครั้ง
เเล้วความตรึงเครียดทั้งหมดของอาการคนที่กำลังจะเสียคนที่รักไปของผม
" มันก็ถูกบำบัดเเละเเทนทีด้วยการนอนหลับ ข้างๆคนที่ผมเเคร์มากที่สุด "
ถ้าไม่นับคนในครอบครัวของผม
21.00 PM
หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมา อาบน้ำเเปลงฟัน เพื่อจะกลับไปทำงานอีกครั้ง
ผมไปส่งเเฟนผมที่หอเพื่อนเธอ เพื่ออ่านหนังสือต่อ เธอโทรเรียกเเท็กซี่
เเละออกมายืนกินหมูปิ้งที่หน้าหอเป็นเพื่อนผม ผมไม่รู้จะอธิบายออกมา
เป็นความรู้สึกในรูปประโยคตัวหนังสือยังไง นอกจากขอขอบคุณโอกาส
ที่เธอมอบให้ผมอีกครั้ง " ขอบคุณสำหรับบทเรียนราคาเเพงที่ทำให้ผม
ได้รู้ว่าการที่เราจะเสียคนที่เรารักไปซักคนมันเป็นเรื่องที่ทรมานขนาดไหน "
ขอบคุณสำหรับโอกาสอีกครั้งนะน้ำตาล :)
เเละสุดท้ายหลังจากผมกลับออฟฟิตมาทำงานผมก็ได้ฉายาใหม่ไปในตัว
เเหละโดนรุ่นพี่รุ้นน้องที่ออฟฟิตล้อไปอีกหลายวันว่า
นุ้งเป็ดมุ้งมิ้ง